‘ข้าแต่พระยาห์เวห์...ขอประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ในวันนี้’
เกริ่นนำ
ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ นี่คือชื่อของหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยคำคมและเคล็ดลับของหลากหลายคนดังที่ ‘ประสบความสำเร็จ’ บนปกหลังมีคำถามว่า ‘คุณกำลังอยู่บนหนทางที่ขัดแย้งกับชื่อเสียง ความร่ำรวย หรือความยิ่งใหญ่หรือเปล่า?’ บ่อยครั้งที่สังคมรับรู้ว่านี่เป็นนิยามของคำว่า ‘ความสำเร็จ’
คริสตจักรมักจะระมัดระวังที่จะกล่าวถึง ‘ความสำเร็จ’ บ่อยครั้งที่คำนี้มักจะมีนัยยะในเชิงลบ แต่จริง ๆ แล้วคำว่า ‘ความสำเร็จ’ ไม่ใช่คำหยาบคายในพระคัมภีร์ แต่ยังปรากฏอย่างน้อยห้าครั้งในภาคพันธสัญญาเดิม (ปฐมกาล 24:12 , 21, 40 , 42 , 56) ซึ่งในแต่ละครั้งก็จะกล่าวถึงในเชิงบวก
ความสำเร็จนั้นคือการอวยพรจากพระเจ้า (ข้อ 31, 50) ความสำเร็จคือสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม พันธกิจของพระเยซูและถ้อยคำจากพระคัมภีร์ก็ได้ให้นิยามใหม่ของคำว่า ความสำเร็จ
สดุดี 8:1-9
พระสิริของพระเจ้ากับเกียรติของมนุษย์
ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนองกิททีธ เพลงสดุดีของดาวิด
1ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านายของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระนามของพระองค์สูงส่งยิ่งนักทั่วทั้งแผ่นดินโลก
พระองค์ทรงตั้งพระสิริของพระองค์ไว้เหนือฟ้าสวรรค์
2โดยปากของเด็กอ่อนและทารก
พระองค์ทรงตั้งป้อมปราการเพราะคู่อริของพระองค์
เพื่อยับยั้งศัตรูและผู้แก้แค้น
3เมื่อข้าพระองค์มองดูฟ้าสวรรค์อันเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์
ดวงจันทร์และดวงดาวซึ่งพระองค์ได้ทรงสถาปนาไว้
4มนุษย์เป็นผู้ใดเล่า ที่พระองค์ทรงระลึกถึงเขา?
และบุตรของมนุษย์เป็นใครเล่า ที่พระองค์ทรงห่วงใยเขา?
5พระองค์ทรงสร้างเขาให้ต่ำกว่าพระองค์พระองค์แต่หน่อยเดียว
และทรงสวมศักดิ์ศรีกับความมีอำนาจให้เขา
6พระองค์ทรงให้เขาปกครองผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์
พระองค์ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้เท้าเขา
7คือฝูงแพะแกะและฝูงวัวทั้งสิ้น
ทั้งสัตว์ป่าด้วย
8ตลอดทั้งนกบนฟ้า ปลาในทะเล
และสิ่งใดๆ ที่แหวกว่ายอยู่ตามทะเล
9ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านายของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระนามของพระองค์สูงส่งยิ่งนักทั่วทั้งแผ่นดินโลก
อรรถาธิบาย
สรรเสริญพระเจ้าสำหรับความสำเร็จที่ทรงสร้าง
กาแล็กซี่ที่เราอาศัยอยู่นั้น อาจจะมีดาวฤกษ์มากกว่าแสนล้านดวงที่คล้ายคลึงกับดวงอาทิตย์ นอกจากนี้กาแล็กซี่แห่งนี้ยังอาจเป็นเพียงหนึ่งในกาแล็กซี่กว่าแสนล้านแห่ง เมื่อพิจารณาถึงความกว้างใหญ่ของจักรวาลแล้ว ทำให้รู้สึกว่าเราช่างเป็นคนเล็กน้อยและไร้ความสำคัญเสียเหลือเกิน
กษัตริย์ดาวิดขึ้นต้นและลงท้ายบทเพลงสดุดีด้วยการนมัสการพระเจ้า ในความสำเร็จในการทรงสร้างของพระองค์ (ข้อ 1–2, 9)
ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน กษัตริย์ดาวิดกล่าวขึ้นว่า ‘เมื่อข้าพระองค์มองดูฟ้าสวรรค์อันเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ดวงจันทร์และดวงดาวซึ่งพระองค์ได้ทรงสถาปนาไว้ มนุษย์เป็นผู้ใดเล่า ที่พระองค์ทรงระลึกถึงเขา? บุตรของมนุษย์เป็นใครเล่า ที่พระองค์ทรงห่วงใยเขา?’ (ข้อ 3-4)
กษัตริย์ดาวิดประหลาดใจที่มนุษย์เป็นผลงานชิ้นเอกที่พระเจ้าสร้างขึ้นจากพระฉายาของพระองค์ พระเจ้าไม่เพียงแต่รักคุณเท่านั้นแต่พระองค์ยังทรงห่วงใยคุณ (ข้อ 4) และพระองค์ยังมอบสิทธิพิเศษให้กับคุณนั่นคือ ‘พระองค์ทรงสร้างเขาให้ต่ำกว่าพระองค์แต่หน่อยเดียว และทรงสวมศักดิ์ศรีกับความมีอำนาจให้เขา พระองค์ทรงให้เขาปกครองผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้เท้าเขา’ (ข้อ 5–6)
เราทั้งหลายได้รับมอบหมายให้ดูแลทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง เมื่อรู้เช่นนี้แล้วคริสเตียนควรอยู่ในแนวหน้าของการปกป้องรักษาและดูแลสิ่งอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา
แม้แผนการดั้งเดิมของพระเจ้าที่ครอบครองเหนือทุกสิ่งจะถูกเปลี่ยนแปลงไป แต่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่จะเห็นว่ามีการนำข้อเหล่านั้นไปปรับใช้กับพระเยซูโดยตรง (ฮีบรู 2:8) ในพระคริสต์เราได้รับการสร้างขึ้นใหม่ (เอเฟซัส 1:19–23, 2:5–6) และวันหนึ่งจะเสร็จสมบูรณ์และเราจะเห็นทุกสิ่งอยู่ใต้เท้าของพระองค์ (1 โครินธ์ 15:24–26)
คำอธิษฐาน
มัทธิว 9:14-38
ปัญหาเรื่องการถืออดอาหาร
14แล้วบรรดาสาวกของยอห์นมาหาพระเยซูทูลว่า “ทำไมเราและพวกฟาริสีถืออดอาหาร แต่พวกสาวกของท่านไม่ถือ?” 15พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “บรรดาแขกรับเชิญจะโศกเศร้า เมื่อเจ้าบ่าวยังอยู่กับพวกเขาหรือ? แต่วันหนึ่งเจ้าบ่าวจะถูกพรากไปจากเขา และเมื่อนั้นพวกเขาจะถืออดอาหาร 16ไม่มีใครเอาชิ้นผ้าทอใหม่มาปะเสื้อเก่า เพราะว่าผ้าที่ปะเข้านั้น เมื่อหดจะทำให้เสื้อเก่าขาดกว้างออกไปอีก 17และเขาทั้งหลายไม่เอาเหล้าองุ่นหมักใหม่ มาใส่ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นถุงหนังจะขาด เหล้าองุ่นจะรั่ว ทั้งถุงหนังก็จะเสียไปด้วย แต่เขาย่อมเอาเหล้าองุ่นหมักใหม่ใส่ในถุงหนังใหม่ แล้วทั้งคู่ก็จะอยู่ในสภาพดี”
บุตรสาวของนายธรรมศาลา และหญิงที่แตะต้องชายฉลองพระองค์
18เมื่อพระองค์กำลังตรัสคำเหล่านี้กับเขาทั้งหลาย ก็มีนายธรรมศาลาคนหนึ่งมากราบไหว้พระองค์แล้วทูลว่า “ลูกสาวของข้าพระองค์เพิ่งตาย ขอพระองค์เสด็จไปวางพระหัตถ์บนตัวเขา แล้วเขาจะเป็นขึ้น” 19พระเยซูจึงทรงลุกขึ้นเสด็จตามเขาไป และพวกสาวกของพระองค์ตามไปด้วย 20นี่แน่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกโลหิตได้สิบสองปีแล้ว แอบมาข้างหลังแตะต้องชายฉลองพระองค์ 21เพราะนางคิดในใจว่า “ถ้าฉันได้แตะต้องฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายโรค” 22พระเยซูทรงเหลียวหลังทอดพระเนตรเห็นเข้า จึงตรัสว่า “ลูกหญิงเอ๋ย จงชื่นใจเถิด ที่หายโรคนั้นก็เพราะลูกเชื่อ” นับตั้งแต่เวลานั้น ผู้หญิงนั้นก็หายป่วยเป็นปกติ 23เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในบ้านของนายธรรมศาลานั้น ทอดพระเนตรเห็นพวกเป่าปี่และคนจำนวนมากชุลมุนกันอยู่ 24พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “จงถอยออกไปเถิด ด้วยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ยังไม่ตาย แต่นอนหลับอยู่” พวกเขาก็พากันหัวเราะเยาะพระองค์ 25แต่เมื่อไล่ผู้คนออกไปแล้ว พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือเด็กและเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้น 26แล้วเรื่องนั้นก็ลือไปทั่วแคว้นนั้น
การทรงรักษาคนตาบอดสองคน
27เมื่อพระเยซูเสด็จไปจากที่นั่น ก็มีคนตาบอดสองคนตามพระองค์มาร้องว่า “บุตรดาวิดหมายถึง พระเมสสิยาห์ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ ตามคำของผู้เผยพระวจนะเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาพวกข้าพระองค์เถิด” 28และเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้าน คนตาบอดทั้งสองก็เข้ามาหาพระองค์ พระเยซูตรัสถามเขาทั้งสองว่า “ท่านเชื่อหรือไม่ว่าเรามีฤทธิ์เดชทำการนี้ได้?” เขาทั้งสองทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เชื่อ” 29แล้วพระองค์ทรงแตะต้องนัยน์ตาของเขา ตรัสว่า “ให้เป็นไปตามความเชื่อของพวกท่านเถิด” 30แล้วนัยน์ตาของเขาทั้งสองก็กลับเห็นได้ พระเยซูทรงกำชับเขาว่า “จงระวังอย่าบอกให้ใครรู้เลย” 31แต่เมื่อไปจากที่นั่นแล้ว เขาก็ป่าวประกาศเรื่องพระองค์ทั่วแคว้นนั้น
การทรงรักษาคนที่เป็นใบ้
32ขณะเมื่อพระเยซูกำลังเสด็จออกไปจากที่นั่นกับเหล่าสาวก ก็มีคนพาคนใบ้คนหนึ่งที่มีผีสิงอยู่มาหาพระองค์ 33เมื่อทรงขับผีออกแล้ว คนใบ้นั้นก็พูดได้ ฝูงชนก็อัศจรรย์ใจพูดกันว่า “เรื่องเช่นนี้ไม่เคยปรากฏในอิสราเอลเลย” 34แต่พวกฟาริสีกล่าวว่า “คนนี้ขับผีออกโดยนายผี”
พระเยซูทรงสงสารประชาชน
35พระเยซูจึงทรงดำเนินไปตามเมืองและหมู่บ้านโดยรอบ ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขาทั้งหลาย ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า ทรงรักษาโรคและความเจ็บป่วยทุกอย่างให้หาย 36และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรฝูงชนก็ทรงสงสารเขาทั้งหลาย เพราะพวกเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง 37แล้วพระองค์ตรัสกับสาวกทั้งหลายของพระองค์ว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่ 38เพราะฉะนั้นท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ทรงส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์”
อรรถาธิบาย
แสวงหาความสำเร็จตามแบบอย่างของพระเยซู
พระเยซูได้นิยามใหม่ของคำว่าความสำเร็จ หากคุณต้องการทราบว่าความสำเร็จที่แท้จริงมีลักษณะอย่างไร จงศึกษาแบบอย่างจากชีวิต วิสัยทัศน์ และคำสอนของพระเยซู อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่ว่านี้ไม่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง
พระเยซูทรงเป็นที่รักและที่ชัง ความสำเร็จไม่ได้หมายถึงการได้รับความนิยมชมชอบเสมอไป มีบางครั้งที่ผู้คนชื่นชมพระเยซู ‘เรื่องเช่นนี้ไม่เคยปรากฏในอิสราเอลเลย’ (ข้อ 33) แต่ก็มีบางครั้งที่คนเกลียดชังพระองค์ พวกฟาริสีกล่าวว่า ‘คนนี้ขับผีออกโดยนายผี’ มันไม่มีอะไรเลยนอกจากการหลอกลวง บางทีเขาอาจจะทำสัญญากับปีศาจไว้แล้ว (ข้อ 34)
ในฐานะสาวกของพระเยซู คุณอาจมีทั้งผู้ที่ชื่นชมและเกลียดชัง เช่นเดียวกับ วิลเลียม วิลเบอร์ ฟอร์ซ คือชายผู้ที่รณรงค์เพื่อยุติการค้าทาส แต่เขากลับเป็นคนที่ได้รับการชื่นชมและเกลียดชังมากที่สุดในอังกฤษ
ในพระกิตติคุณมัทธิวกล่าวถึงความสำเร็จของการทำพันธกิจของพระเยซู (บทที่ 5–9) เขาสรุปว่า ‘พระเยซูจึงทรงดำเนินไปตามเมืองและหมู่บ้านโดยรอบ ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขาทั้งหลาย ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า ทรงรักษาโรคและความเจ็บป่วยทุกอย่างให้หาย’ (9:35)
เห็นได้ชัดว่าพระเยซูทรงนำคำสอนและพระสิริของพระเจ้ามาสู่บุคคลใกล้ชิดของพระองค์ ผ่านทางคำพูดและการกระทำ นี่ต่างหากคือความสำเร็จตามแบบฉบับของพระเยซู นี่ต่างหากคือสิ่งที่คุณและผมต้องปฏิบัติตาม
หากเราต้องการจะประสบความสำเร็จแบบเดียวกับพระเยซูและสาวกสิบสองคน เราต้องมีพระเยซูเป็นแบบอย่างในชีวิต และต้องแบ่งปันความคิดของพระองค์ให้กับคนอื่น ๆ นั่นคือ
1. นี่คือความจำเป็นเร่งด่วน
พระเยซูทรงเห็นว่า ‘พวกเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง’ (ข้อ 36) ทุกวันนี้เราเห็นหลายล้านคนที่ไม่รู้จักพระเยซูและหลงทางฝ่ายวิญญาณ ผู้คนหลายล้านคนอยู่อย่างอดอยากไร้ที่อยู่อาศัย บ้างก็ทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ บ้างก็ไม่มีการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2. มีความรักเป็นแรงจูงใจ
พระเยซูทรงสงสารเขาทั้งหลาย (ข้อ 36) นี่เป็นคำที่แสดงถึงความรักอันแรงกล้าที่สุดในภาษากรีก (ได้รับจากคำภาษากรีกที่แปลว่า ‘กล้า’) สำหรับพระเยซูแล้ว คำนี้อาจแปลได้ว่า ‘พระองค์เสียใจ’ นั่นหมายถึงพระทัยของพระองค์แตกสลาย
พระเยซูไม่ได้ให้ความสำคัญกับความสำเร็จในโลก แต่พระองค์ทรงช่วยเหลือผู้คนต่างชนชั้น นั่นคือ ‘นายธรรมศาลา’ (ข้อ 18) และ ‘ผู้หญิงที่เป็นโรคตกโลหิต’ (ข้อ 20) ถึงอย่างนั้นพระเยซูก็ทรงสงสารพวกเขาทั้งสอง
3. การอธิษฐานคือเคล็ดลับ
พระเยซูตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า ‘ท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ทรงส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์’ (ข้อ 38) พระองค์อธิษฐานเผื่อจะมีคนงานมากขึ้นในการเก็บเกี่ยว
4. ศักยภาพมากมาย
พระเยซูตรัสว่า ‘ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา’ (ข้อ 37) พระเยซูได้ทำให้เราดูเป็นตัวอย่างว่าความสำเร็จเป็นอย่างไร นั่นคือการประกาศถึงแผ่นดินสวรรค์และสำแดงให้เห็นโดยการฝ่าวงล้อมเข้าไปในประวัติศาสตร์ ตอนนี้พระองค์เรียกร้องให้คุณทำตามแบบอย่างของพระองค์ นั่นคือนำคนมารู้จักพระเจ้า พระเจ้ามีความปรารถนาดีสำหรับโลกของเรา แต่ดูเหมือนว่าคนงานจะยังมีน้อยอยู่ ผมอธิษฐานให้คุณลุกขึ้นและออกไปในทุ่งนาเก็บเกี่ยว และเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้
คำอธิษฐาน
ปฐมกาล 24:1-67
การแต่งงานของอิสอัคและเรเบคาห์
1ฝ่ายอับราฮัมก็ชราแล้ว มีอายุมากทีเดียว และพระยาห์เวห์ทรงอวยพรอับราฮัมทุกประการ 2อับราฮัมพูดกับคนใช้ของท่านที่อาวุโสที่สุดในบ้าน ผู้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของท่านว่า “เอามือเจ้าวางไว้ใต้ขาอ่อนของเรา 3แล้วเราจะให้เจ้าสาบานโดยพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และพระเจ้าแห่งแผ่นดินโลกว่า เจ้าจะไม่หาภรรยาให้บุตรชายของเราจากบุตรหญิงของคนคานาอัน ที่เราอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา 4แต่จะไปยังดินแดนและหมู่ญาติของเราเพื่อหาภรรยาให้แก่อิสอัคบุตรชายของเรา” 5คนใช้ก็เรียนท่านว่า “ถ้าหญิงนั้นไม่ยอมตามข้าพเจ้ามายังดินแดนนี้ ข้าพเจ้าไม่ต้องนำบุตรชายของท่านกลับไปยังดินแดนซึ่งท่านจากมานั้นหรือ?” 6อับราฮัมพูดกับเขาว่า “จงระวัง เกรงว่าเจ้าจะทำให้บุตรชายของเรากลับไปที่นั่น 7พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ผู้ทรงนำเรามาจากบ้านบิดาเรา และจากดินแดนหมู่ญาติของเรา พระองค์ตรัสกับเราและทรงปฏิญาณว่า ‘เราจะมอบแผ่นดินนี้ให้แก่เชื้อสายของเจ้า’ พระองค์จะทรงใช้ทูตของพระองค์ไปข้างหน้าเจ้า เจ้าจงหาภรรยาคนหนึ่งให้บุตรชายของเราจากที่นั่น 8ถ้าหญิงนั้นไม่ยอมตามเจ้ามา เจ้าก็จะพ้นจากคำสาบานของเรานี้ แต่เจ้าอย่าพาบุตรชายของเรากลับไปที่นั่นเท่านั้น” 9คนใช้จึงเอามือของเขาวางใต้ขาอ่อนของอับราฮัมนายของเขา และสาบานต่อท่านตามเรื่องนี้
10คนใช้นำอูฐสิบตัวของนายมา แล้วออกเดินทางไป โดยนำของมีค่าต่างๆ จากนายติดมือไปด้วย เขาไปยังเมโสโปเตเมีย ไปเมืองของนาโฮร์ 11เขาให้อูฐคุกเข่าลงที่ริมบ่อน้ำข้างนอกเมืองในเวลาเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้หญิงออกมาตักน้ำ 12เขาอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพระองค์ ขอประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ในวันนี้ และขอทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่อับราฮัมนายของข้าพระองค์ 13ข้าพระองค์กำลังยืนอยู่ที่ริมน้ำพุ และบรรดาบุตรหญิงของชาวเมืองนี้กำลังออกมาตักน้ำ 14ขอให้หญิงสาวคนที่ข้าพระองค์พูดกับนางว่า ‘โปรดลดเหยือกของเธอลง ให้ฉันดื่มน้ำ’ และผู้ซึ่งตอบว่า ‘เชิญดื่มเถิด และดิฉันจะให้น้ำแก่อูฐของท่านด้วย’ นั้น เป็นคนที่พระองค์ทรงกำหนดให้เป็นภรรยาอิสอัคผู้รับใช้ของพระองค์ อย่างนี้ข้าพระองค์จะทราบได้ว่า พระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่นายของข้าพระองค์”
15เขาทูลยังไม่ทันจบ เรเบคาห์ผู้เกิดแก่เบธูเอลบุตรชายของมิลคาห์ภรรยาของนาโฮร์ น้องชายของอับราฮัม ก็แบกไหน้ำบนบ่าเดินออกมา 16หญิงสาวนั้นงามมาก เป็นพรหมจารี ยังไม่มีเพศสัมพันธ์กับชายใด เธอลงไปที่น้ำพุเติมน้ำเต็มเหยือกแล้วก็ขึ้นมา 17คนใช้นั้นก็วิ่งไปพบเธอ แล้วพูดว่า “ขอน้ำจากเหยือกน้ำของเธอให้ฉันดื่มสักหน่อย” 18เธอตอบว่า “นายของดิฉัน เชิญดื่มเถิด” แล้วเธอก็รีบลดเหยือกของเธอลงมาถือไว้ และให้เขาดื่ม 19เมื่อให้เขาดื่มเสร็จแล้ว เธอจึงว่า “ดิฉันจะตักน้ำให้อูฐของท่านกินจนอิ่มด้วย” 20เธอรีบเทน้ำในเหยือกของเธอใส่ราง แล้ววิ่งไปตักน้ำที่บ่ออีก เธอตักน้ำให้อูฐทั้งหมดของเขา 21ชายนั้นเพ่งดูเธอเงียบๆ เพื่อตรึกตรองดูว่าพระยาห์เวห์ทรงให้การเดินทางของเขาสำเร็จหรือไม่
22เมื่ออูฐกินน้ำเสร็จแล้ว ชายนั้นก็ให้แหวนทองคำหนัก 6 กรัม และกำไลข้อมือทองแก่เธอคู่หนึ่งหนัก 120 กรัม 23และพูดว่า “ขอบอกฉันว่าเธอเป็นบุตรหญิงของใคร? ในบ้านบิดาของเธอนั้นมีที่ให้เราพักบ้างไหม?” 24เธอตอบเขาว่า “ดิฉันเป็นบุตรหญิงของเบธูเอลบุตรชายของนางมิลคาห์และนาโฮร์” 25เธอพูดอีกว่า “เรามีทั้งฟางและหญ้าแห้งมากมาย และมีที่ให้พักด้วย” 26ชายนั้นก็ก้มลงนมัสการพระยาห์เวห์ 27และอธิษฐานว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพระองค์ ผู้ไม่ได้ทรงทอดทิ้งความรักมั่นคง และความซื่อสัตย์ของพระองค์ต่อนายของข้าพระองค์ ส่วนข้าพระองค์นั้นพระเจ้าทรงนำมาตามทางจนถึงบ้านหมู่ญาติของนายข้าพระองค์”
28แล้วหญิงสาวนั้นก็วิ่งไปบอกคนในครอบครัวของมารดาถึงเรื่องราวเหล่านี้ 29เรเบคาห์มีพี่ชายคนหนึ่งชื่อ ลาบัน ลาบันวิ่งไปหาชายนั้นที่น้ำพุนอกเมือง 30เมื่อเขาเห็นแหวนและกำไลที่ข้อมือของน้องสาว และเมื่อเขาได้ยินคำของเรเบคาห์น้องสาวว่า “ชายนั้นพูดกับฉันอย่างนี้” เขาก็ไปหาชายนั้น และพบว่าชายนั้นกำลังยืนอยู่กับอูฐที่น้ำพุ 31เขาพูดว่า “ข้าแต่ท่านผู้รับพระพรของพระยาห์เวห์ เชิญเข้ามาเถิด ท่านยืนอยู่ข้างนอกทำไม เพราะข้าพเจ้าเตรียมบ้านและเตรียมที่สำหรับอูฐแล้ว” 32ชายนั้นจึงเข้าไปในบ้าน ลาบันก็แก้อูฐ ให้ฟางและหญ้าแห้งสำหรับอูฐ ให้น้ำล้างเท้าเขาและคนที่มากับเขา 33เมื่ออาหารถูกจัดไว้ตรงหน้า เพื่อให้เขารับประทาน แต่เขาว่า “ข้าพเจ้าจะไม่รับประทาน จนกว่าข้าพเจ้าจะได้พูดถึงธุระของข้าพเจ้า” ลาบันก็ว่า “พูดเถอะ”
34เขาจึงพูดว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนใช้ของอับราฮัม 35พระยาห์เวห์ทรงอวยพรนายข้าพเจ้าอย่างมาก ท่านก็เจริญขึ้น พระองค์ประทานฝูงแพะแกะ และฝูงโค เงินและทอง คนใช้ชายหญิง อูฐและลา 36ซาราห์ภรรยานายของข้าพเจ้าคลอดบุตรชายคนหนึ่งให้แก่นายเมื่อนางแก่แล้ว และนายก็ยกทุกสิ่งที่นายมีให้บุตร 37นายให้ข้าพเจ้าปฏิญาณว่า ‘อย่าหาภรรยาให้แก่บุตรชายของเราจากบุตรหญิงของคนคานาอัน ซึ่งเราอาศัยอยู่ในดินแดนของพวกเขา 38แต่เจ้าจงไปยังบ้านบิดาของเราและไปยังหมู่ญาติของเรา และหาภรรยาให้แก่บุตรชายของเรา’ 39ข้าพเจ้าพูดกับนายว่า ‘หญิงนั้นอาจจะไม่ตามข้าพเจ้ามา’ 40แต่ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ซึ่งเราดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์จะทรงส่งทูตของพระองค์ไปกับเจ้า และให้ทางของเจ้าบังเกิดผล ให้เจ้าหาภรรยาให้บุตรชายของเรา จากหมู่ญาติของเราและจากบ้านบิดาของเรา 41แล้วเจ้าจะพ้นจากคำสาบานของเรา เมื่อเจ้ามาถึงหมู่ญาติของเราแล้ว ถ้าเขาไม่ยอมให้หญิงนั้นกับเจ้า เจ้าก็พ้นจากคำสาบานของเรา’
42“วันนี้ข้าพเจ้ามาถึงบ่อน้ำและทูลว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดให้ทางที่ข้าพระองค์ไปนั้นสำเร็จ 43เวลานี้ ข้าพระองค์กำลังยืนอยู่ที่น้ำพุ ขอให้หญิงสาวที่ออกมาตักน้ำ ผู้ซึ่งข้าพระองค์จะพูดด้วยว่า “ขอน้ำให้ฉันดื่มจากเหยือกของเธอสักหน่อย” 44และผู้ซึ่งจะตอบข้าพระองค์ว่า “เชิญดื่มเถิด และดิฉันจะตักน้ำให้อูฐของท่านด้วย” คนนั้นเป็นหญิงที่พระยาห์เวห์ทรงเลือกเป็นภรรยาบุตรชายของนายข้าพระองค์’
45“ก่อนที่ข้าพเจ้าจะพูดในใจจบ ก็พอดีเรเบคาห์แบกเหยือกบนบ่าเธอเดินออกมา เธอลงไปตักน้ำที่น้ำพุ ข้าพเจ้าพูดกับเธอว่า ‘ขอน้ำฉันดื่มหน่อย’ 46เธอก็รีบลดเหยือกจากบ่าของเธอและว่า ‘เชิญดื่มเถิด แล้วดิฉันจะให้น้ำแก่อูฐของท่านด้วย’ ข้าพเจ้าจึงดื่ม เธอก็ตักน้ำให้อูฐกินด้วย 47แล้วข้าพเจ้าถามเธอว่า ‘เธอเป็นบุตรสาวของใคร’ เธอตอบว่า ‘เป็นบุตรสาวของเบธูเอลบุตรชายของนาโฮร์และนางมิลคาห์’ ข้าพเจ้าจึงใส่ห่วงที่จมูกของเธอและสวมกำไลที่ข้อมือเธอ 48แล้วข้าพเจ้าก็ก้มลงนมัสการพระยาห์เวห์ และสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัมนายข้าพเจ้า ผู้ทรงนำข้าพเจ้ามาตามทางที่ถูก เพื่อหาบุตรสาวของญาตินายให้บุตรชายท่าน 49บัดนี้ถ้าท่านยอมแสดงความเมตตาและจริงใจต่อนายของข้าพเจ้าแล้ว ขอกรุณาบอกข้าพเจ้า ถ้าท่านปฏิเสธก็ขอบอกข้าพเจ้าด้วย เพื่อข้าพเจ้าจะหันไปทางขวาหรือทางซ้าย”
50ลาบันและเบธูเอลจึงตอบว่า “สิ่งนี้มาจากพระยาห์เวห์ เราจะพูดดีหรือร้ายกับท่านก็ไม่ได้ 51ดูเถิด เรเบคาห์ก็อยู่ต่อหน้าท่าน พาเธอไปเถิด และให้เธอเป็นภรรยาบุตรชายนายของท่าน ดังที่พระยาห์เวห์ตรัสแล้ว”
52เมื่อคนใช้ของอับราฮัมได้ยินถ้อยคำของพวกเขา ก็โน้มตัวลงถึงดินนมัสการพระยาห์เวห์ 53แล้วนำเครื่องอาภรณ์ ซึ่งทำด้วยเงินด้วยทองออกมา พร้อมกับเสื้อผ้ามอบให้แก่เรเบคาห์ เขายังมอบของมีค่าให้แก่พี่ชายและมารดาของเธอด้วย 54แล้วเขากับคนที่มากับเขาก็รับประทานและดื่ม และค้างคืนที่นั่น เมื่อพวกเขาลุกขึ้นในเวลาเช้า คนใช้นั้นก็กล่าวว่า “ขอให้ข้าพเจ้ากลับไปหานายข้าพเจ้าเถิด” 55พี่ชายและมารดาของเธอว่า “ขอให้หญิงสาวอยู่กับเราสักหน่อยก่อน อย่างน้อยสักสิบวัน แล้วเธอจะไปก็ได้” 56แต่คนใช้นั้นพูดกับเขาทั้งสองว่า “อย่าหน่วงข้าพเจ้าไว้เลย เพราะพระยาห์เวห์ทรงให้ทางของข้าพเจ้าสำเร็จแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าออกเดินทางไปหานายข้าพเจ้า” 57เขาทั้งสองก็ว่า “เราจะเรียกหญิงสาวมาถามดู” 58เขาทั้งสองจึงเรียกเรเบคาห์มาหาและพูดกับเธอว่า “เจ้าจะไปกับชายคนนี้หรือไม่?” เธอตอบว่า “ฉันจะไป” 59พวกเขาจึงส่งเรเบคาห์น้องสาวกับพี่เลี้ยงของเธอไปกับคนใช้ของอับราฮัมและคนของเขา 60พวกเขาอวยพรเรเบคาห์ และกล่าวแก่เธอว่า “น้องเอ๋ย ขอให้เจ้าเป็นมารดาคนนับแสนๆ และขอให้เชื้อสายของเจ้าได้ประตูเมืองของคนที่เกลียดชังเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์” 61แล้วเรเบคาห์และเหล่าสาวใช้ของเธอก็ลุกขึ้นและขึ้นอูฐตามชายนั้นไป คนใช้ก็พาเรเบคาห์ไป
62ฝ่ายอิสอัคมาจากเบเออลาไฮรอย เพราะเขาอาศัยอยู่ในดินแดนเนเกบ 63เวลาเย็นอิสอัคออกไปที่ทุ่งนาเพื่อจะไตร่ตรองเรื่องต่างๆ พอเงยหน้าขึ้นมองไปเห็นมีฝูงอูฐเดินมา 64เรเบคาห์เงยหน้าขึ้น เมื่อแลเห็นอิสอัค เธอก็ลงจากอูฐ 65และพูดกับคนใช้นั้นว่า “ชายคนที่กำลังเดินผ่านทุ่งนามาหาเรานั้นคือใคร?” คนใช้นั้นตอบว่า “นายข้าพเจ้าเอง” เธอจึงหยิบผ้าคลุมหน้ามาคลุม 66คนใช้บอกให้อิสอัคทราบทุกอย่างที่เขาได้ทำ 67อิสอัคก็พาเธอเข้ามาในเต็นท์ของซาราห์มารดาของท่านและรับเรเบคาห์ไว้ เธอได้เป็นภรรยาของท่าน และท่านก็รักเธอ อิสอัคจึงได้รับการปลอบโยน หลังจากมารดาของท่านสิ้นชีวิต
อรรถาธิบาย
อธิษฐานเผื่อความสำเร็จในการทรงนำ
ผู้รับใช้ของอับราฮัมไม่ละอายที่จะอธิษฐานให้ตัวเขาเองประสบความสำเร็จ เขาอธิษฐานด้วยคำอธิษฐานที่เราทุกคนเลียนแบบได้ ‘ขอประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ในวันนี้’ (ข้อ 12) นี่ไม่ใช่คำอธิษฐานที่เห็นแก่ตัว แต่เป็นคำอธิษฐานที่ขอให้พระเจ้าอวยพรคนอื่น ‘ขอทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่อับราฮัมนายของข้าพระองค์’ (ข้อ 12) เขาขอให้พระเจ้านำทาง
นี่เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งที่สุดเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการทรงนำของพระเจ้า ในอัลฟ่าเราพูดถึงห้าวิธีที่พระเจ้าทรงนำทางเราในหัวข้อ ‘5 CSs’ ในข้อนี้เราจะเห็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 5 คือคำอธิษฐานเพื่อ ‘การทรงนำทางสถานการณ์’
1. ตามที่สั่งไว้ในพระวจนะพระเจ้า
อับราฮัมไม่มีพระคัมภีร์อย่างที่พวกเรามี แต่เขาได้รับพระบัญชาจากพระเจ้า ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์ พระเจ้าสั่งให้คนของพระองค์แต่งงานกับผู้เชื่อในพระองค์เท่านั้น ดังนั้นอับราฮัมจึงสั่งคนรับใช้ว่าภรรยาของบุตรชายเขา ต้องไม่ใช่บุตรหญิงของคนคานาอัน แต่ต้องมาจากชนชาติของเขาเอง (ข้อ 3-4)
2. โดยการทรงนำขององค์พระวิญญาณ
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเราขณะที่เราอธิษฐาน แม้ว่าคำว่า ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์’ จะไม่ได้ปรากฏในข้อนี้ แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าบุคคลที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์นี้ได้รับการทรงนำจากพระวิญญาณ ผู้รับใช้ของอับราฮัมอธิษฐานอ้อนวอนจากใจ (ข้อ 12, 45) เรเบคาห์ปรากฏตัว ‘เขาทูลยังไม่ทันจบ’ (ข้อ 15) และเมื่อเรเบคาห์ปรากฏตัวอิสอัคก็ออกไปที่ทุ่งนาเพื่อไตร่ตรองเรื่องต่าง ๆ (ข้อ 63)
3. การตัดสินใจที่สมเหตุสมผล
การเลือกเรเบคาห์เป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล เธอเป็นคนที่เหมาะสมกับอิสอัคอย่างเห็นได้ชัดเพราะเธอนั้น ‘งามมาก’ (ข้อ 16) อีกทั้งยังเป็น ‘พรหมจารียังไม่มีเพศสัมพันธ์กับชายใด’ (ข้อ 16) ที่สำคัญที่สุดคือเธอเป็นคนใจกว้างมีน้ำใจและใจดี นอกจากเธอจะตอบสนองต่อคำขอน้ำในทันทีแล้ว เธอยังบอกเขาว่า ‘ดิฉันจะตักน้ำให้อูฐของท่านกินจนอิ่มด้วย’ (ข้อ 19)
4. คำปรึกษาของธรรมมิกชน
วิธีหนึ่งที่พระเจ้าทรงนำทางเรา คือผ่านคำแนะนำในทางของพระเจ้า (คำว่า 'ธรรมมิกชน' ที่ใช้ในพันธสัญญาใหม่ในจุดนี้มีความหมายถึงผู้เชื่อในพระเจ้าทุกคน) แม้ว่าการแต่งงานของอิสอัคและเรเบคาห์จะแตกต่างจากรูปแบบการแต่งงานของโลกตะวันตกยุคใหม่ ซึ่งมีองค์ประกอบมากมายที่ต้องจัดการ นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบของการเลือกอีกด้วย เรเบคาห์ถูกถามว่า ‘“เจ้าจะไปกับชายคนนี้หรือไม่?” เธอตอบว่า “ฉันจะไป”’ (ข้อ 58) อิสอัคเลือกที่จะแต่งงานกับเธอและ ‘ท่านก็รักเธอ’ (ข้อ 67) พวกเขาปฏิบัติตามคำแนะนำของธรรมมิกชน ซึ่งมาจากคนรอบตัวโดยเฉพาะพ่อแม่ของพวกเขา ซึ่งตระหนักว่า ‘สิ่งนี้มาจากพระยาห์เวห์’ (ข้อ 50)
5. หมายสำคัญในสถานการณ์นั้น
นี่เป็นหนึ่งในกรณีของการทรงนำผ่านหมายสำคัญในสถานการณ์ของพระเจ้าซึ่งเด่นชัดที่สุดในพระคัมภีร์ เมื่อคนใช้ขอการทรงนำอย่างเฉพาะเจาะจง เขาก็ได้รับสิ่งที่เขาขออย่างไม่มีผิดเพี้ยน (ข้อ 12–26) อย่างไรก็ตามหมายสำคัญนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่มๆ แต่เป็นการทดสอบบุคลิกของนางเรเบคาห์ซึ่งเธอก็ผ่านการทดสอบ
ผลจากการรับการทรงนำจากพระเจ้า ไม่เพียงแต่ทำให้เขาทั้งสองได้พบกัน แต่ยังทำให้เขาทั้งคู่ได้แต่งงานกันอีกด้วย
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
ปฐมกาล 24
ฉันรักเรื่องนี้มาตลอด มันโรแมนติกมาก ๆ อิสอัคเป็นทายาทผู้ร่ำรวย แต่เขาค่อนข้างจะเหงา เพราะพี่ชายต่างแม่ของเขาถูกส่งไปอยู่ที่อื่น แม่ของเขาเสียไปแล้ว แต่พระเจ้าทรงประทานหญิงสาวที่กล้าหาญให้กับเขา เธอละจากครอบครัวของเธอ เพื่อแต่งงานกับชายที่อยู่ห่างไกลจากบ้านของเธอ แถมเธอยังไม่เคยพบหน้าเขามาก่อน แต่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อช่วยให้เขาตัดสินใจอย่างถูกต้อง อิสอัคนั้นประสบปัญหามากมายกว่าจะพบหญิงสาวที่มีความเชื่อเหมือนกัน ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการแต่งงาน แล้วฉันก็ชอบข้อเท็จจริงที่ว่า อิสอัครักเธอเมื่อแรกพบหน้าด้วย
ข้อพระคำประจำวัน
ปฐมกาล 24:12
‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ขอประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ในวันนี้’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)