วัน 12

ปราศจากความกลัว

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 1:20-33
พันธสัญญาใหม่ มัทธิว 10:1-31
พันธสัญญาเดิม ปฐมกาล 25:1-26:35

เกริ่นนำ

ในระดับหนึ่ง ความกลัวจัดเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อเรา ‘ความกลัว’ คือ อารมณ์ที่เกิดจากการรับรู้ถึงภัยคุกคาม เป็นอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ มันเป็นกลไกการอยู่รอดขั้นพื้นฐาน ทำให้เรามีชีวิตอยู่ ช่วยปกป้องเราให้พ้นจากอันตราย

อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งที่เป็นความกลัวที่ไม่เป็นผลดีต่อเรา ภาษากรีกที่ใช้กันโดยทั่วไปในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ คือ โฟโบส ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า ‘โฟเบีย’ (โรคกลัว – ผู้แปล) สิ่งนี้คือความกลัวที่ไม่เป็นผลดีต่อเรา มันไม่มีความสอดคล้องกับอันตรายที่เกิดขึ้น แต่เป็น ‘หลักฐานเท็จที่ดูเสมือนจริง’ เป็นช่วงที่เราประสบภัยพิบัติ อยู่ในสภาวะการประเมินภยันตรายที่สูงเกินไปและการประเมินความสามารถในการรับมือของเราที่ต่ำเกินไป

โรคกลัวที่พบได้บ่อย ได้แก่ โรคกลัวที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การเงิน ความล้มเหลว ความชรา ความตาย ความเหงา การถูกปฏิเสธ ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย การพูดในที่สาธารณะ การบิน ความสูง งู และแมงมุม นอกจากนี้ยังรวมถึงสิ่งต่าง ๆ เช่น สิ่งที่ตอนนี้เรียกว่า โฟโม โรคกลัวที่จะพลาดสิ่งที่คนฮิต หรือตกข่าวที่เป็นกระแสสังคม

ในชีวิตของผมนั้น ผมเคยเผชิญกับความกลัวมากมาย ตั้งแต่กลัวความสูงไปจนถึงการกลัวจนเสียขวัญ และความกลัวที่ไร้เหตุผลอื่น ๆ ทั้งความกลัวเกี่ยวกับการเทศนา และความกลัวที่จะทำสิ่งใดที่อาจทำให้พระนามของพระเยซูเสื่อมเสียพระเกียรติ

ในขณะที่พระวิญญาณของพระเจ้าไม่ได้สร้างความกลัวในแง่ลบ แต่ก็เป็นความกลัวแบบหนึ่งที่ส่งผลดี นั่นคือ ความเกรงกลัวพระเจ้า นี่ไม่ได้หมายถึงการหวาดกลัวพระเจ้า แต่แท้จริงแล้วมีความหมายตรงกันข้าม คือ เป็นความเข้าใจว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ใดในความสัมพันธ์กับเรา หมายถึงความเคารพนับถือ ความเคารพ ความยำเกรง การให้เกียรติ ความชื่นชม และการบูชา มันอาจแปลได้อีกว่า ความรักต่อพระเจ้า เป็นการรับรู้ถึงพลัง ความยิ่งใหญ่ และความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ สิ่งนี้นำไปสู่ความเคารพยำเกรงต่อพระเจ้า และเป็นยาแก้พิษของความกลัว ซึ่งรวมถึงความหวาดกลัวอื่น ๆ ที่เราพบในชีวิต จงยำเกรงพระเจ้าแล้วคุณจะไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งอื่นใด หรือผู้ใด

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พบว่าเมื่อความยำเกรงพระเจ้าจะลดลงในสังคมของเรา ความกลัวอื่น ๆ ต่างก็เพิ่มขึ้น เราจำเป็นอย่างยิ่งต้องกลับไปมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า

คำว่า ‘อย่ากลัวเลย’ เป็นหนึ่งในคำสั่งที่พบได้บ่อยที่สุดในพระคัมภีร์ สำหรับวันนี้ ข้อความของเราจะกล่าวถึงเรื่อง ราว 4 เหตุการณ์

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 1:20-33

เสียงเรียกของปัญญา

20ปัญญาร้องเสียงดังอยู่ที่ถนน
 เธอเปล่งเสียงของเธอที่ลานเมือง
21เธอร้องเรียกอยู่ตามหัวถนนที่จอแจ
 เธอกล่าวถ้อยคำที่ทางเข้าประตูเมืองว่า
22“คนรู้น้อยเอ๋ย พวกเจ้าจะรักความรู้น้อยไปนานเท่าไร?
 คนที่ชอบเยาะเย้ยจะพอใจในการเยาะเย้ยไปนานเท่าไร?
 และคนโง่จะเกลียดความรู้นานเท่าไร?
23จงหันมาสนใจคำตักเตือนของข้า
 นี่แน่ะ ข้าจะเทความคิดของข้าให้เจ้าทั้งหลาย
 ข้าจะให้ถ้อยคำของข้าแจ้งแก่พวกเจ้า
24เพราะข้าได้เรียกแล้ว แต่พวกเจ้าปฏิเสธ
 ข้ายื่นมือออก แต่ไม่มีใครใส่ใจ
25พวกเจ้าเพิกเฉยคำแนะนำทุกอย่างของข้า
 และไม่ยอมรับคำตักเตือนของข้าเลย
26ข้าเองจะหัวเราะเยาะความหายนะของพวกเจ้า
 ข้าจะเยาะเย้ยเมื่อความกลัวมาถึงพวกเจ้า
27เมื่อความกลัวมากระทบพวกเจ้าอย่างพายุร้าย
 และความหายนะของพวกเจ้ามาถึงอย่างพายุหมุน
 เมื่อความทุกข์และความระทมใจมาเหนือพวกเจ้า
28แล้วพวกเขาจะร้องเรียกข้า แต่ข้าจะไม่ตอบ
 พวกเขาจะแสวงหาข้า แต่จะไม่พบข้า
29เพราะว่าพวกเขาเกลียดความรู้
 และไม่เลือกเอาความยำเกรงพระยาห์เวห์
30พวกเขาไม่ยอมรับคำแนะนำของข้าเลย
 แต่กลับดูหมิ่นคำตักเตือนทุกอย่างของข้า
31เพราะฉะนั้น พวกเขาจะกินผลแห่งทางของตนเอง
 และอิ่มด้วยความคิดเห็นของพวกเขาเอง
32เพราะการที่คนรู้น้อยหันเหจากทางที่ถูกต้องก็นำความพินาศมาสู่ตนเอง
 และการที่คนโง่หลงเพลิดเพลินก็ทำลายตนเอง
33แต่ผู้ที่ฟังข้า จะอยู่อย่างปลอดภัย
 และอยู่อย่างสงบสุข ไม่กลัวสิ่งร้ายใดๆ ”

อรรถาธิบาย

ไม่ต้องกลัวอันตราย

ข้อความนี้กล่าวถึงกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยง ‘ความหวาดกลัวและความตื่นตระหนก’ (ข้อ 26 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) และการใช้ชีวิตแบบ ‘ไม่กลัวสิ่งร้ายใด ๆ’ (ข้อ 33 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

แนวความคิดเรื่อง ‘ความยำเกรงพระเจ้า’ เป็นหนึ่งในแก่นสำคัญของพระธรรมสุภาษิตและถูกกล่าวถึงยี่สิบเอ็ดครั้งตลอดทั้งเล่ม เป็นทางเลือกที่คุณตัดสินใจด้วยตนเอง หากคุณฉลาดคุณจะ ‘เลือกที่จะยำเกรงพระเจ้า’ (ข้อ 29) และ ‘ฟัง’ พระองค์ พระองค์สัญญาว่าคุณ ‘จะอยู่อย่างปลอดภัยและอยู่อย่างสงบสุข ไม่กลัวสิ่งร้ายใด ๆ’ (ข้อ 33)

ในพระธรรมสุภาษิต ปัญญาเป็นบุคคล (ข้อ 20) เมื่อเราอ่านผ่านเลนส์ของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เราก็จะรู้ว่าพระเยซูคือ ‘พระปัญญาของพระเจ้า’ (1 โครินธ์ 1:24)

พระธรรมบทนี้ (สุภาษิต 1: 20–32) เป็นคำเตือนเรา ไม่ให้เพิกเฉยต่อพระสุรเสียงของพระเจ้า แล้วไปติดตามวิถีแห่ง ‘ความเอาแต่ใจ และ ‘ความพึงพอใจ’ (ข้อ 32)

แต่ จงเลือกที่จะยำเกรงพระเจ้า ฟังพระองค์ และกลับใจเมื่อพระองค์ทรงปรับปรุงแก้ไขคุณ ถ้าคุณเลือกเช่นนั้น พระเจ้าจะเปิดเผยให้คุณมากกว่าที่คุณจะจินตนาการได้ ‘ข้า [ปัญญา] จะเทความคิดของข้าให้เจ้าทั้งหลาย ข้าจะให้ถ้อยคำของข้าแจ้งแก่พวกเจ้า’ (ข้อ 23 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ปัญญาจะเปิดเผยขุมทรัพย์แห่งปัญญาที่ซ่อนอยู่ในพระคัมภีร์แก่คุณ จงเลือกยำเกรงพระเจ้า แล้วคุณจะ ‘อยู่ในพระหัตถ์ที่แสนดี’ (ข้อ 33 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และปราศจากความกลัวในอันตรายใด ๆ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์เลือกที่จะเกรงกลัวพระองค์ ดำเนินชีวิตด้วยความเคารพยำเกรงและเกรงกลัวในอำนาจ ความสง่าผ่าเผย และความบริสุทธิ์ของพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ที่จะใช้ชีวิตเกรงกลัวพระองค์เพียงผู้เดียว
พันธสัญญาใหม่

มัทธิว 10:1-31

สาวกสิบสองคน

 1พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนของพระองค์มา แล้วประทานสิทธิอำนาจให้พวกเขาขับผีโสโครกออกได้ และทรงให้รักษาโรคและความเจ็บป่วยทุกอย่างให้หายได้ 2อัครทูตสิบสองคนนั้นมีชื่อดังนี้ คนแรกชื่อซีโมนที่เรียกว่าเปโตร กับอันดรูว์น้องของเขา ยากอบบุตรเศเบดี กับยอห์นน้องของเขา 3ฟีลิป และบารโธโลมิว โธมัส และมัทธิวคนเก็บภาษี ยากอบบุตรอัลเฟอัสและเลบเบอัส ผู้ที่มีชื่ออีกว่าธัดเดอัส 4ซีโมนพรรคชาตินิยม และยูดาสอิสคาริโอท ที่ได้ทรยศพระองค์

พันธกิจของอัครทูตสิบสองคน

 5สิบสองคนนี้ พระเยซูทรงใช้ให้ออกไปและมีรับสั่งพวกเขาว่า “อย่าไปยังที่อยู่ของพวกต่างชาติ และอย่าเข้าไปในเมืองของชาวสะมาเรีย 6แต่ว่าจงไปหาแกะหลงของวงศ์วานอิสราเอลนั้นดีกว่า 7จงไปพลางประกาศพลางว่า ‘แผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว’ 8จงรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย จงทำให้คนตายแล้วเป็นขึ้น จงทำให้คนโรคเรื้อนหายสะอาด และจงขับผีออก ท่านทั้งหลายได้รับเปล่าๆ ก็จงให้เปล่าๆ 9อย่าหาเหรียญทองคำหรือเหรียญเงินหรือเหรียญทองแดงไว้ในเข็มขัดของพวกท่าน 10อย่าเอาย่าม หรือเสื้อสองตัว หรือรองเท้าอีกคู่ หรือไม้เท้า เพราะว่าคนที่ทำงานก็สมควรจะได้อาหารกิน 11เมื่อท่านทั้งหลายมาถึงเมืองใดหรือหมู่บ้านใด จงสืบดูว่าใครเป็นคนเหมาะสมในที่นั้น แล้วจงไปอาศัยกับคนนั้น จนกว่าจะจากไป 12ขณะเมื่อขึ้นบ้าน จงให้พรแก่บ้านนั้น 13ถ้าบ้านนั้นสมควรรับพร ก็ให้สันติสุขของพวกท่านอยู่กับบ้านนั้น แต่ถ้าบ้านนั้นไม่สมควรรับพร ก็ให้สันติสุขนั้นกลับคืนมาสู่พวกท่านอีก 14ถ้าใครไม่ต้อนรับและไม่ฟังคำของท่าน เมื่อจะออกจากบ้านนั้นหรือเมืองนั้น จงสะบัดผงคลีที่ติดเท้าของพวกท่านออกเสีย 15เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ในวันพิพากษานั้น โทษของเมืองโสโดม และเมืองโกโมราห์ จะเบากว่าโทษของเมืองนั้น

การข่มเหงที่จะมาถึง

 16“นี่แน่ะ เราใช้ท่านทั้งหลายไปดุจแกะอยู่ท่ามกลางพวกหมาป่า เพราะฉะนั้นจงเฉลียวฉลาดเหมือนงู และไม่มีพิษมีภัยเหมือนนกพิราบ 17แต่จงระวังผู้คนให้ดี เพราะเขาทั้งหลายจะมอบท่านทั้งหลายไว้กับศาล และจะเฆี่ยนท่านในธรรมศาลาของพวกเขา 18และจะมอบพวกท่านให้เจ้าเมืองและกษัตริย์เพราะเรา เพื่อว่าพวกท่านจะได้เป็นพยานแก่พวกเขาและแก่พวกต่างชาติ 19แต่เมื่อพวกเขามอบตัวท่านนั้น อย่ากังวลว่าจะพูดอะไรหรืออย่างไร เพราะเมื่อถึงเวลานั้น คำที่พวกท่านจะพูดนั้น พระเจ้าจะประทานแก่พวกท่าน 20เพราะว่าผู้ที่พูดไม่ใช่ตัวท่านเอง แต่เป็นพระวิญญาณแห่งพระบิดาของพวกท่านผู้ตรัสผ่านท่าน 21พี่จะมอบน้องให้ถึงแก่ความตาย พ่อจะมอบลูก และลูกก็จะทรยศต่อพ่อแม่ให้ถึงแก่ความตาย 22คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่สู้ทนจนถึงที่สุดจะได้รับความรอด 23เมื่อพวกเขาข่มเหงท่านในเมืองหนึ่ง จงหนีไปยังอีกเมืองหนึ่ง เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ก่อนที่ท่านจะไปทั่วเมืองต่างๆ ทั้งหมดในอิสราเอล บุตรมนุษย์จะเสด็จมา
 24“ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู และทาสไม่ใหญ่กว่านายของตน 25ซึ่งศิษย์จะได้รับการรับรองเสมอครู และทาสเสมอนายของตนก็พออยู่แล้ว ถ้าพวกเขาเรียกเจ้าบ้านว่าเบเอลเซบูล พวกเขาจะเรียกลูกบ้านมากยิ่งกว่านั้นเท่าใด

ผู้ที่เราควรกลัว

 26“เพราะฉะนั้นอย่ากลัวเขา เพราะว่าไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ซึ่งจะไม่ถูกเปิดออก หรือความลับที่จะไม่ถูกเผยให้รู้ 27สิ่งที่เรากล่าวแก่พวกท่านในที่มืด ท่านจงกล่าวในที่แจ้ง และสิ่งที่ได้ยินจากการกระซิบ จงตะโกนจากดาดฟ้าหลังคาบ้าน 28อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงสามารถทำลายทั้งจิตวิญญาณและกายในนรกได้ 29นกกระจาบสองตัวเขาขายหนึ่งอาส์ซาริอันหนึ่งอาส์ซาริอันไม่ใช่หรือ? แต่ถ้าพระบิดาของท่านไม่โปรด นกเหล่านั้นจะไม่ตกลงถึงดินแม้แต่ตัวเดียว 30ถึงผมของท่านทั้งหลาย ก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น 31เพราะฉะนั้นอย่ากลัวเลย พวกท่านก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว

อรรถาธิบาย

ไม่กลัวผู้คน

พระเยซูตรัสถึงสามครั้งในพระธรรมบทนี้ ว่า 'อย่ากลัวเลย' (ข้อ 26, 28, 31)

บริบทของเรื่อง คือ พระเยซูทรงส่งสาวกออกไปประกาศพระกิตติคุณและรักษาผู้คนที่เจ็บป่วย ในขณะที่พระเยซูเรียกสาวกสิบสองคนของพระองค์ พระองค์ทรงส่งพวกเขาไปทำพันธกิจ (การฝึกอบรมทางศาสนศาสตร์ควรจะนำไปปฏิบัติได้จริง!)

พระองค์ส่งพวกเขา (และพวกเราด้วย) ให้ทำตามอย่างที่พระองค์ทรงกระทำให้ดู:

  • เพื่อประกาศว่า: ‘แผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว’ (ข้อ 7)
  • เพื่อสำแดงให้เห็นจริง: ‘การรักษาคนป่วย’ (ข้อ 8)

ขณะที่พระเยซูส่งเราออกไป พระองค์เตือนเราว่าเราจะต้องเผชิญกับการต่อต้านมากมาย ‘เราใช้ท่านทั้งหลายไปดุจแกะอยู่ท่ามกลางพวกหมาป่า’ (10:16) เราจำเป็นต้องมีสติปัญญาที่บริสุทธิ์ (‘เฉลียวฉลาดเหมือนงู และไม่มีพิษมีภัยเหมือนนกพิราบ’ (ข้อ 16)

เราอาจถูกต่อต้านโดย ‘สภาในท้องถิ่น’ (ข้อ 17) เผชิญกับความเกลียดชัง (ข้อ 22) ถูกข่มเหง (ข้อ 23) และถูกเรียกว่าปีศาจ (ข้อ 25) ในบริบทนี้พระเยซูตรัสถึงสามครั้งว่า ‘อย่ากลัวเลย’ (ข้อ 26, 28, 31)

1.อย่ากลัวว่าจะพูดอะไร

พระเยซูตรัสว่า ‘อย่ากลัวเขา’ (ข้อ 26) คุณไม่จำเป็นต้องกลัวคนอื่น ไม่ว่าพวกเขาจะมีอำนาจมากเพียงใด (ตัวอย่างเช่น สภาท้องถิ่น ผู้ว่าการ และกษัตริย์ ในข้อ 17–18) 'โดยที่คนเหล่านั้นไม่รู้ตัว พวกเขาได้ทำให้คุณและผมเป็นที่โปรดปราน และให้คุณมีเวทีสำหรับการประกาศข่าวเรื่องแผ่นดินสวรรค์! และไม่ต้องกังวลว่าคุณจะพูดอะไรหรือจะพูดอย่างไร เพราะคุณจะได้รับถ้อยคำที่เหมาะสมในเวลานั้น โดยพระวิญญาณของพระบิดาของท่านจะเป็นผู้ประทานให้ (ข้อ 17–18 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2.อย่ากลัวว่าคนอื่นจะทำอะไรกับคุณ

พระเยซูตรัสว่าแทนที่จะกลัวผู้ที่สามารถ ‘อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณ’ คุณควรกลัวพระเจ้า ‘ผู้ทรงสามารถทำลายทั้งจิตวิญญาณและกายในนรกได้’ (ข้อ 28) จงมีความยำเกรงต่อองค์พระผู้เจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด และขณะเดียวกันทรงเป็นผู้เปี่ยมด้วยความรักอย่างที่สุด ‘แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงสามารถทำลายทั้งจิตวิญญาณและกายในนรกได้’ (ข้อ 28 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

3.อย่ากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคุณ

พระเยซูตรัสว่าถ้าคุณเกรงกลัวพระเจ้า คุณก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใครและอะไรอื่นอีก พระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุด ‘นกกระจาบสองตัวเขาขายหนึ่งอาส์ซาริอัน ไม่ใช่หรือ? แต่ถ้าพระบิดาของท่านไม่โปรด นกเหล่านั้นจะไม่ตกลงถึงดินแม้แต่ตัวเดียว (ข้อ 29) พระองค์ไม่เพียงแต่ทรงควบคุมทุกสิ่งได้ แต่พระองค์ยังรักคุณอย่างสุดซึ้ง ‘แม้ผมของท่านทั้งหลาย ก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น เพราะฉะนั้นอย่ากลัวเลย พวกท่านก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว (ข้อ 30–31 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) พระเยซูใส่พระทัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณมากกว่าที่คุณเป็น (ข้อ 30 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงเห็นคุณค่าในข้าพระองค์ และทรงรักข้าพระองค์อย่างมากมาย โปรดช่วยให้ข้าพระองค์รู้จักความรักของพระองค์ ที่จะเชื่อวางใจในพระองค์ และไม่กลัวสิ่งใด
พันธสัญญาเดิม

ปฐมกาล 25:1-26:35

อับราฮัมแต่งงานกับนางเคทูราห์

 1อับราฮัมได้ภรรยาอีกคนหนึ่งชื่อเคทูราห์ 2นางให้กำเนิดบุตรหลายคนแก่ท่านชื่อ ศิมราน โยกชาน เมดาน มีเดียน อิชบากและชูอาห์ 3โยกชานให้กำเนิดเชบาและเดดาน บุตรชายของเดดาน คือ อัสชูริม เลทูชิมและเลอุมมิม 4บุตรชายของมีเดียนคือเอฟาห์ เอเฟอร์ ฮาโนค อาบีดาและเอลดาอาห์ ทั้งหมดนี้เป็นบุตรหลานของนางเคทูราห์ 5อับราฮัมมอบทุกสิ่งที่ท่านมีแก่อิสอัค 6แต่อับราฮัมให้ของขวัญแก่บุตรหลานของพวกภรรยาน้อยของท่าน เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านให้พวกเขาแยกไปจากอิสอัคบุตรชายของท่าน ไปทางทิศตะวันออกยังดินแดนตะวันออก

มรณกรรมและการฝังศพอับราฮัม

7อายุของอับราฮัมคือ 175 ปี 8อับราฮัมสิ้นใจเมื่อแก่หง่อมแล้ว เป็นคนชรามีอายุมาก และถูกรวมไปอยู่กับบรรพบุรุษของท่าน 9อิสอัคและอิชมาเอลบุตรชายทั้งสองของอับราฮัมก็ฝังท่านไว้ในถ้ำมัคเป-ลาห์ ในนาของเอโฟรนบุตรชายของโศหาร์คนฮิตไทต์ซึ่งอยู่หน้ามัมเร 10เป็นนาที่อับราฮัมซื้อมาจากคนฮิตไทต์ พวกเขาก็ฝังอับราฮัมไว้ที่นั่น ให้อยู่กับซาราห์ภรรยาของท่าน 11อยู่มาหลังจากที่อับราฮัมสิ้นชีวิตแล้ว พระเจ้าทรงอวยพรแก่อิสอัคบุตรของท่าน อิสอัคอาศัยอยู่ที่เบเออลาไฮรอย

เชื้อสายของอิชมาเอล

 12ต่อไปนี้เป็นลำดับพงศ์ของอิชมาเอล บุตรชายของอับราฮัม ซึ่งเกิดจากนางฮาการ์คนอียิปต์สาวใช้ของซาราห์ 13ต่อไปนี้เป็นชื่อบรรดาบุตรชายของอิชมาเอล ตามลำดับการเกิดคือ เนบาโยธบุตรหัวปีของอิชมาเอล เคดาร์ อัดบีเอล มิบสัม 14มิชมา ดูมาห์ มัสสา 15ฮาดัด เทมา เยทูร์ นาฟิช และเคเดมาห์ 16คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของอิชมาเอล ชื่อเหล่านี้เป็นชื่อของพวกเขาตามหมู่บ้าน และตามค่ายของพวกเขา เจ้านายสิบสองคนตามเผ่าของเขา 17(อายุของอิชมาเอลคือ 137 ปี อิชมาเอลสิ้นใจและถูกรวมไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา) 18พวกเขาอาศัยอยู่ตั้งแต่ฮาวิลาห์จนถึงชูร์ ซึ่งอยู่หน้าอียิปต์ไปทางอัสซีเรีย เขาอาศัยอยู่ตรงหน้าพี่น้องทั้งหมดของเขา

กำเนิดและวัยหนุ่มของเอซาวและยาโคบ

 19ต่อไปนี้เป็นลำดับพงศ์ของอิสอัคบุตรชายของอับราฮัม คือ อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค 20อิสอัคมีอายุ 40 ปีเมื่อท่านได้ภรรยา คือ เรเบคาห์บุตรหญิงของเบธูเอล คนอารัมชาวเมืองปัดดานอารัม น้องสาวของลาบันคนอารัม 21อิสอัคอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์เพื่อภรรยาของท่านเพราะนางเป็นหมัน พระเจ้าประทานตามคำอธิษฐานของท่าน เรเบคาห์ภรรยาของท่านก็ตั้งครรภ์ 22ทารกทั้งสองก็เบียดเสียดกันอยู่ในครรภ์ของนาง นางจึงพูดว่า “ถ้าทุกอย่างดีอยู่ ทำไมฉันเป็นอย่างนี้?” นางจึงไปทูลถามพระยาห์เวห์ 23พระยาห์เวห์ตรัสกับนางว่า

 “ชนสองชาติอยู่ในครรภ์ของเจ้า
  และประชาชนสองพวกเกิดจากเจ้า จะต้องแยกกัน
 พวกหนึ่งจะแข็งแรงกว่าอีกพวกหนึ่ง
  พี่จะรับใช้น้อง”

 24เมื่อกำหนดคลอดของนางมาถึงแล้วก็มีลูกแฝดอยู่ในครรภ์ของนาง 25คนแรกคลอดออกมาตัวแดงมีขนอยู่ทั่วตัว เขาจึงตั้งชื่อว่า เอซาว 26ภายหลังน้องของเขาก็คลอดออกมา มือของเขาจับส้นเท้าของเอซาวไว้ เขาจึงตั้งชื่อว่ายาโคบ เมื่อนางคลอดลูกแฝดนั้นอิสอัคมีอายุได้ 60 ปี

เอซาวขายสิทธิบุตรหัวปี

 27เมื่อเด็กชายทั้งสองนั้นโตขึ้นแล้ว เอซาวก็เป็นพรานที่ชำนาญ เป็นชาวทุ่ง ฝ่ายยาโคบเป็นคนเงียบๆ อยู่ในเต็นท์ 28อิสอัครักเอซาว เพราะท่านรับประทานเนื้อที่เขาล่ามา แต่นางเรเบคาห์รักยาโคบ
 29วันหนึ่งขณะที่ยาโคบต้มอาหารอยู่ เอซาวกลับมาจากท้องทุ่งหิวจัด 30เอซาวพูดกับยาโคบว่า “ขอให้ฉันกินของแดงนั้น ของแดงนั้นน่ะ เพราะฉันหิวจัด” (เพราะฉะนั้นเขาจึงเรียกชื่อว่าเอโดม) 31ยาโคบว่า “ขายสิทธิบุตรหัวปีของพี่ให้ฉันวันนี้ก่อนซี” 32เอซาวว่า “ดูสิ ฉันกำลังจะตายอยู่แล้ว สิทธิบุตรหัวปีจะเป็นประโยชน์อะไรแก่ฉัน?” 33ยาโคบว่า “สาบานให้ฉันวันนี้ก่อน” เอซาวจึงสาบานให้ และขายสิทธิบุตรหัวปีของเขาแก่ยาโคบ 34ยาโคบจึงให้ขนมปังและถั่วแดงต้มแก่เอซาว เขาก็กินและดื่ม แล้วลุกไป ดังนี้เอซาวก็ดูหมิ่นสิทธิบุตรหัวปีของเขา

ปฐมกาล 26

อิสอัคกับอาบีเมเลค

 1อยู่มาเกิดการกันดารอาหารในดินแดนนั้น นอกเหนือจากการกันดารอาหารครั้งก่อนในสมัยอับราฮัม อิสอัคไปยังเก-ราร์ยังอาบีเมเลคพระราชาแห่งชาวฟีลิสเตีย 2พระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่ท่านและตรัสว่า “อย่าไปอียิปต์เลย อาศัยในแผ่นดินซึ่งเราจะบอกแก่เจ้าเถิด 3อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ แล้วเราจะอยู่กับเจ้าและอวยพรเจ้า เพราะว่าเราจะให้ดินแดนเหล่านี้ทั้งหมดแก่เจ้า และแก่เชื้อสายของเจ้า เราจะทำให้คำสาบานซึ่งเราได้ปฏิญาณไว้กับอับราฮัมบิดาของเจ้านั้นสำเร็จ 4เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้นดังดาวบนฟ้า และจะให้ดินแดนเหล่านี้ทั้งหมดแก่เชื้อสายของเจ้า ประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้รับพรก็เพราะเชื้อสายของเจ้า 5เพราะว่าอับราฮัมเชื่อฟังเรา และรักษาคำกำชับ คำบัญชา กฎเกณฑ์ และธรรมบัญญัติของเรา”
 6อิสอัคจึงอาศัยอยู่ในเก-ราร์ 7เมื่อคนเมืองนั้นถามท่านเรื่องภรรยาของท่าน ท่านจึงว่า “เธอเป็นน้องสาวของข้าพเจ้า” เพราะท่านกลัวที่จะพูดว่า “ภรรยาของข้าพเจ้า” คิดไปว่า “ไม่อย่างนั้นแล้ว คนเมืองนี้จะฆ่าฉันเพื่อแย่งเอาเรเบคาห์” เพราะว่านางสวยงาม 8เมื่อท่านอยู่ที่นั่นนานแล้ว อาบีเมเลคกษัตริย์ชาวฟีลิสเตียทรงมองตามช่องหน้าต่าง เห็นอิสอัคกำลังเล้าโลมเรเบคาห์ภรรยาของท่าน 9อาบีเมเลคจึงทรงเรียกอิสอัคมาเข้าเฝ้า และตรัสว่า “นี่แน่ะ นางเป็นภรรยาของเจ้าแน่ๆ ทำไมเจ้าจึงพูดว่า ‘เธอเป็นน้องสาวของข้าพระบาท’ ” อิสอัคทูลพระองค์ว่า “เพราะข้าพระบาทคิดว่า ‘ไม่อย่างนั้นข้าพระบาทจะตายเพราะนาง’ ” 10อาบีเมเลคตรัสว่า “เจ้าทำอะไรแก่พวกเราอย่างนี้? ประชาชนคนหนึ่งอาจจะไปนอนกับภรรยาของเจ้าง่ายๆ แล้วเจ้าจะนำความผิดมาสู่พวกเรา” 11อาบีเมเลคจึงทรงบัญชาประชาชนทั้งปวงว่า “ใครแตะต้องชายคนนี้และภรรยาของเขา จะต้องตายแน่”
 12อิสอัคหว่านพืชในดินแดนนั้น ในปีเดียวกันก็เก็บผลได้หนึ่งร้อยเท่า พระยาห์เวห์ทรงอวยพรท่าน 13อิสอัคก็ร่ำรวยและมั่งมีขึ้นเรื่อยๆ จนท่านเป็นคนมั่งคั่ง 14ท่านมีฝูงแกะ ฝูงโคและมีบริวารมากมาย ชาวฟีลิสเตียก็อิจฉาท่าน 15(ชาวฟีลิสเตียได้อุดและเอาดินถมบ่อทุกบ่อซึ่งคนใช้ของบิดาท่านขุดไว้ในสมัยอับราฮัมบิดาของท่าน) 16อาบีเมเลคตรัสกับอิสอัคว่า “ไปเสียจากเราเถิด เพราะเจ้ามีกำลังมากยิ่งกว่าพวกเรา”
 17อิสอัคจึงออกจากที่นั่น ไปตั้งค่ายอยู่ที่ลำห้วยเก-ราร์และอาศัยอยู่ที่นั่น 18อิสอัคขุดบ่อน้ำซึ่งขุดไว้ในสมัยของอับราฮัมบิดาของท่านอีก เพราะหลังจากอับราฮัมตายแล้ว ชาวฟีลิสเตียก็ถมเสีย แล้วท่านก็ตั้งชื่อตามชื่อที่บิดาของท่านตั้งไว้ 19แต่เมื่อคนใช้ของอิสอัคขุดในหุบเขาและพบน้ำพุที่นั่น 20คนเลี้ยงสัตว์ของเก-ราร์ก็มาทะเลาะกับคนเลี้ยงสัตว์ของอิสอัค กล่าวว่า “น้ำนั้นเป็นของเรา” ท่านจึงเรียกชื่อบ่อน้ำนั้นว่า เอเสก เพราะพวกเขามาทะเลาะกับอิสอัค 21แล้วพวกเขาก็ขุดบ่อน้ำอีกบ่อหนึ่ง และทะเลาะกันอีกเรื่องบ่อนั้นด้วย ท่านจึงเรียกชื่อบ่อนั้นว่า สิตนาห์ 22ท่านย้ายจากที่นั่นไปขุดอีกบ่อหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องบ่อนั้น ท่านจึงเรียกชื่อบ่อนั้นว่า เรโหโบท กล่าวว่า “เพราะบัดนี้พระยาห์เวห์ทรงให้เรามีที่กว้าง และเราจะเกิดผลในดินแดนนี้”
 23อิสอัคก็ออกจากที่นั่นไปยังเบเออร์เชบา 24พระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่ท่านในคืนนั้น ตรัสว่า “เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัมบิดาของเจ้า อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้าและจะอวยพรเจ้า และทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น เพราะเห็นแก่อับราฮัมผู้รับใช้ของเรา” 25ท่านจึงสร้างแท่นบูชาที่นั่น และนมัสการออกพระนามพระยาห์เวห์ และตั้งเต็นท์ของท่านที่นั่น คนใช้ของอิสอัคขุดบ่อน้ำบ่อหนึ่งที่นั่นด้วย 26ฝ่ายอาบีเมเลคออกจากเก-ราร์พร้อมกับอาหุสซัทพระสหายของพระองค์ กับฟีโคล์ผู้บัญชาการทหารของพระองค์ไปหาอิสอัค 27อิสอัคถามเขาทั้งหลายว่า “ทำไมท่านจึงมาหาข้าพเจ้า? เมื่อท่านเกลียดชังข้าพเจ้า และขับไล่ข้าพเจ้าไปจากท่าน” 28พวกเขาตอบว่า “เราเห็นชัดเจนแล้วว่าพระยาห์เวห์ทรงอยู่กับท่าน เราจึงว่า ขอให้มีสัตย์สาบานระหว่างท่านกับเราทั้งหลาย และขอให้เราทำพันธสัญญากับท่าน 29เพื่อว่าท่านจะไม่ทำอันตรายแก่เรา ดังที่เราไม่ได้แตะต้องท่าน และไม่ได้ทำสิ่งใดแก่ท่านเว้นแต่ความดี และได้ส่งท่านไปอย่างสันติ บัดนี้ท่านเป็นผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงอวยพร” 30อิสอัคจึงจัดงานเลี้ยงให้แก่พวกเขา และพวกเขาก็ได้กินและดื่ม 31เมื่อรุ่งเช้า ทั้งสองฝ่ายก็ตื่นแต่มืด และทำสัตย์สาบานต่อกัน อิสอัคส่งพวกเขาไป พวกเขาก็จากท่านไปอย่างสันติ 32ในวันนั้นเองคนใช้ของอิสอัคมาบอกท่านถึงเรื่องบ่อน้ำ ซึ่งเขาได้ขุดและกล่าวแก่ท่านว่า “เราพบน้ำแล้ว” 33ท่านเรียกบ่อนั้นว่า ชิบาห์ เมืองนั้นจึงมีชื่อว่า เบเออร์เชบา จนทุกวันนี้
 34เมื่อเอซาวมีอายุ 40 ปี เขารับยูดิธบุตรหญิงของเบเออรีคนฮิตไทต์ และรับบาเสมัทบุตรหญิงของเอโลนคนฮิตไทต์เป็นภรรยา 35หญิงเหล่านั้นทำให้ชีวิตอิสอัคและนางเรเบคาห์ขมขื่น

อรรถาธิบาย

ไม่กลัวความตาย

\t\t ชีวิตไม่เคยง่ายดายเลย และไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายสำหรับอิสอัค เพราะท่ามกลางความยากลำบากอื่น ๆ เขารอคอยการกำเนิดของบุตรชายเป็นระยะเวลาถึงยี่สิบปี (25:20–26) จากนั้น เมื่อฝาแฝดเกิดก็มีการต่อสู้แข่งขันกันเองระหว่างพี่น้อง อิสอัคอาศัยอยู่ท่ามกลางชาวฟีลิสเตียซึ่งไม่เป็นมิตร และบุตรชายคนหนึ่งของเขากลายเป็น ‘แหล่งแห่งความเศร้าโศก’ (26:35) เป็น ‘หนามยอกอกของอิสอัคและเรเบคาห์’ (ข้อ 35 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อิสอัคทำบาปเช่นเดียวกับบิดาของเขา คือการเสแสร้งทำทีว่าภรรยาของเขานั้นเป็นน้องสาว (ข้อ 7–11) อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าอิสอัคได้เรียนรู้จากความผิดพลาดบางอย่างของอับราฮัมผู้เป็นพ่อ เมื่อเรเบคาห์ไม่สามารถมีบุตรได้ เขาตอบสนองไม่เหมือนกับอัมราฮัมที่พยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองด้วยการมีความสัมพันธ์กับนางฮาการ์ อิสอัคตอบสนองด้วยการอธิษฐานอ้อนวอนขอการอัศจรรย์ต่อพระเจ้า (25:21)

พระเจ้าทรงปรากฏต่ออิสอัคและทรงสัญญาว่า ‘เราจะอยู่กับเจ้าและอวยพรเจ้า…ประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้รับพรก็เพราะเชื้อสายของเจ้า’ (26: 3–4)

ถึงอย่างนั้น อิสอัคก็รู้สึกกลัว เขากลัวว่าตัวเองอาจจะตาย ‘คนเมืองนี้จะฆ่าฉันเพื่อแย่งเอาเรเบคาห์’ เพราะว่านางสวยงาม... เพราะข้าพระบาทคิดว่า ‘ไม่อย่างนั้นข้าพระบาทจะตายเพราะนาง’ (ข้อ 7, 9ข)

พระเจ้าตรัสกับอิสอัคว่า ‘อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า’ (ข้อ 24) อิสอัคกลัวผู้คนมากกว่าที่กลัวพระเจ้า แต่เขาก็ได้รับการเตือนใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องกลัวคนอื่นเพราะว่าพระเจ้าอยู่กับเขา จงจดจำความจริงเดียวกันนี้ เมื่อคุณถูกล่อลวงให้กลัว พระเจ้าประทับอยู่กับคุณ และถ้าพระเจ้าอยู่กับคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใครหรือสิ่งใดเลย

แม้ว่าอิสอัคจะกลัวคนอื่น แต่พระเจ้าก็ทรงอวยพรเขา พระเจ้าตรัสว่า ‘จะอวยพรเจ้า และทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น...’ (ข้อ 24) พระพรของพระเจ้า หมายความถึงการเติบโต การเก็บเกี่ยวผล หลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่คือสิ่งที่พระองค์ประสงค์สำหรับชีวิตคุณด้วย

‘อิสอัคขุดบ่อน้ำซึ่งขุดไว้ในสมัยของอับราฮัมบิดาของท่านอีก เพราะหลังจากอับราฮัมตายแล้ว ชาวฟีลิสเตียก็ถมเสีย’ (ข้อ 18) (บางทีเหตุการณ์ที่เปรียบได้กับสำหรับเรา คือ การเปิดคริสตจักรที่เคยปิดไปแล้ว ให้กลับมาเป็นแหล่งน้ำที่มีชีวิตอีกครั้ง!) เมื่ออิสอัคเผชิญกับการต่อต้านและถูกห้ามไว้ เขาก็เดินต่อไปอีกจนกว่าจะพบบ่อน้ำอีกแห่งที่เขาสามารถขุดบ่อน้ำที่ปิดไปแล้วได้อีกครั้ง ด้วยวิธีนี้เอง พระเจ้าทรงประทานความเจริญรุ่งเรืองให้แก่เขา (ข้อ 22)

สิ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย แต่ขอให้จดจำสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับคุณ ‘อย่ากลัวเลยเพราะเราอยู่กับเจ้า’ (ข้อ 24)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณสำหรับพระสัญญาว่าทรงอยู่กับข้าพระองค์ ขอบคุณที่ทรงตรัสซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ถ้ากลัวพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรหรือใครอื่น

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ปฐมกาล 26:34

ดูเหมือนอิสอัคและเอซาวจะมีความแตกต่างกันอย่างมากในวิธีเลือกภรรยา สำหรับอิสอัคแล้ว การอธิษฐานและหมายสำคัญต่าง ๆ จำนวนมาก ทำให้ได้พบกับสตรีแห่งความเชื่อผู้นี้ ในขณะที่เอซาวดูเหมือนจะเลือกอย่างไม่ฉลาด และนี่เป็น ‘แหล่งแห่งความเศร้าโศกขมขื่นของอิสอัคและเรเบคาห์’

เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะต้องเลือกสามีหรือภรรยาที่เหมาะสมและที่จะอธิษฐานเพื่อตัวเราเอง ลูกๆ และเพื่อนๆ ของเรา ที่จะให้พระเจ้าจะนำพวกเขาไปพบคนที่เหมาะสมและพวกเขาจะแต่งงานกันในความเชื่อ

ข้อพระคำประจำวัน

ปฐมกาล 26:24

‘อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม