วัน 105

เลือกสิ่งที่คุณต้องการจดจำ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 45:10-17
พันธสัญญาใหม่ ลูกา 16:19-17:10
พันธสัญญาเดิม เฉลยธรรมบัญญัติ 23:1-25:19

เกริ่นนำ

ความทรงจำเป็นเรื่องแปลก มีบางสิ่งที่ผมไม่ต้องการจะจดจำแต่ผมพบว่ามันยากที่จะลืม และมีบางสิ่งที่ผมอยากจะจดจำแต่กลับลืมสิ่งเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

มีบางสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับสังคมที่โดยรวมแล้วไม่ควรที่จะลืม ในทั่วทุกมุมโลกเราได้เห็นถึงอนุสรณ์สถาน สงครามซึ่งมีชื่อของผู้ที่ตายเพื่อประเทศชาติของพวกเขา ในสหราชอาณาจักรอนุสรณ์สถานเหล่านี้มักจะมี คำว่า ‘เกรงว่าเราจะลืม’ แผ่นป้ายที่ค่ายกักกันเอ๊าชวิทซ์เขียนไว้ว่า ‘ผู้ที่ไม่จดจำประวัติศาสตร์ คือ ผู้ที่ต้องใช้ชีวิตซ้ำรอยประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง’ (จอร์จ ซันตายานา)

เราสามารถควบคุมความทรงจำของเราได้บางอย่าง มีบางสิ่งที่พระคริสตธรรมคัมภีร์บอกเราไว้ว่าให้ ‘ลืม’ และมีหลายสิ่งที่ถูกย้ำซ้ำ ๆ ว่าให้ ‘ระลึกถึง’ คุณสามารถเลือกได้ว่าคุณต้องการที่จะ ‘ลืม’ สิ่งใดและคุณต้อง การที่จะ ‘ระลึกถึง’ สิ่งใด

คำว่า ‘ระลึกถึง’ ในรูปแบบต่าง ๆ ของภาษาฮีบรูและภาษากรีกปรากฏขึ้นมากกว่า 250 ครั้งใน พระคริสตธรรมคัมภีร์ มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะลืมสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อคุณ สิ่งสำคัญคือต้องมอง ย้อนกลับไปที่ชีวิตของตัวคุณเองรวมทั้งประวัติศาสตร์ของคริสตจักรด้วย เพื่อระลึกถึงสิ่งต่าง ๆ ทั้งสิ้นที่ พระเจ้าได้ทรงกระทำ

ในอาหารมื้อสุดท้าย พระเยซูทรงตั้งพิธีมหาสนิทไว้เพื่อเราจะไม่ลืมเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์โลก นั่นคือการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 45:10-17

10ราชธิดาเอ๋ย จงฟัง จงพิเคราะห์ และจงเอียงหูของพระนางมา
 จงลืมชนชาติของพระนางและบ้านพระราชบิดาของพระนางเสีย
11และพระราชาจะทรงปรารถนาความงามของพระนาง
 เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นเจ้านายของพระนาง จงโน้มตัวลงคำนับพระองค์เถิด
12ชาวเมืองไทระจะเอาของกำนัลมาถวายพระนาง
 เศรษฐีในหมู่ประชาชนจะขอความโปรดปรานจากพระนาง
13ราชธิดาของกษัตริย์ประดับพระกายอย่างโอ่อ่าในห้องของพระนาง
 ผ้าทรงของพระนางถักทอด้วยทองคำ
14พระนางถูกนำเข้าเฝ้าพระราชาในเครื่องทรงลายปัก
 และบรรดาเพื่อนเจ้าสาว คือหญิงพรหมจารีผู้ตามเสด็จพระนาง
  ก็ถูกนำมาเข้าเฝ้าพระองค์
15พระนางและพวกเธอถูกนำเข้าเฝ้าด้วยความยินดีและความเปรมปรีดิ์
 ทั้งหมดเข้าไปในพระราชวัง
16บรรดาพระโอรสของพระองค์จะมาแทนที่บรรพบุรุษของพระองค์
 พระองค์จะทรงแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นเจ้าปกครองทั่วทั้งแผ่นดินโลก
17ข้าพระองค์จะทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่ระลึกถึงตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์
 ฉะนั้น ชนชาติทั้งหลายจะยกย่องพระองค์เป็นนิตย์นิรันดร์

อรรถาธิบาย

จงระลึกถึงพระเยซูเสมอ

ยุคสมัยต่าง ๆ ผ่านมาและผ่านไป แต่พระนามของพระเยซูจะถูกจดจำไว้ชั่วนิรันดร์

พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ใช้สดุดีตอนนี้กับพระเยซู (ฮีบรู 1:8) คริสตจักรในยุคแรกมองความสัมพันธ์ของตนเองกับพระคริสต์ และสะท้อนออกมาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ดังที่ได้อธิบายไว้ในพระธรรมตอนนี้

พระเยซูทรงรักคริสตจักร ‘พระราชาจะทรงปรารถนาความงามของพระนาง’ (สดุดี 45:11ก) เราต้องถวาย เกียรติแด่พระเยซู พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา (ข้อ 11ข) ‘ข้าพระองค์จะทำให้พระนามของพระองค์เป็น ที่ระลึกถึงตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์ ฉะนั้น ชนชาติทั้งหลายจะยกย่องพระองค์เป็นนิตย์นิรันดร์’ (ข้อ 17) พระเยซูองค์กษัตริย์จะเป็นที่จดจำตลอดไป ทุกชนชาติจะนมัสการพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ (วิวรณ์ 5:13)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซูคริสต์เจ้า ข้าพระองค์นมัสการพระองค์ในวันนี้ ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้ระลึกถึงพระองค์ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์ คือทุกชนชาติจะสรรเสริญพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์
พันธสัญญาใหม่

ลูกา 16:19-17:10

เศรษฐีกับลาซารัส

 19“มีเศรษฐีคนหนึ่งนุ่งห่มผ้าสีม่วงและผ้าป่านเนื้อดี อยู่อย่างรื่นเริงฟุ่มเฟือยทุกๆ วัน 20และมีคนยากจนคนหนึ่งชื่อลาซารัส เป็นแผลทั้งตัว นอนอยู่ที่ประตูรั้วบ้านของเศรษฐี 21เขาอยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐีคนนั้น แม้สุนัขก็มาเลียแผลของเขา 22ต่อมาคนยากจนนั้นตาย และพวกทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่กับอับราฮัม ส่วนเศรษฐีคนนั้นก็ตายด้วย และถูกฝังไว้ 23และเมื่อเขาเป็นทุกข์ทรมานอยู่ในแดนคนตาย เขาแหงนหน้าดู เห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกล และลาซารัสก็อยู่กับท่าน 24เศรษฐีจึงร้องว่า ‘อับราฮัมบิดาเจ้าข้า ขอเมตตาข้าพเจ้าเถิด ขอใช้ลาซารัสเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นของข้าพเจ้าให้เย็น เพราะข้าพเจ้าต้องทุกข์ระทมอยู่ในเปลวไฟนี้’ 25แต่อับราฮัมตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าจงระลึกว่าเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าได้สิ่งที่ดีสำหรับตัว และลาซารัสได้แต่สิ่งเลว เวลานี้เขาได้รับการปลอบโยนแล้ว แต่เจ้าได้รับแต่ความทุกข์ระทม 26ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างเรากับพวกเจ้าก็มีเหวใหญ่ตั้งขวางอยู่ เพื่อว่าถ้าใครอยากจะข้ามจากที่นี่ไปถึงพวกเจ้าก็ทำไม่ได้ หรือถ้าจะข้ามจากที่นั่นมาถึงเราก็ทำไม่ได้’ 27เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า ‘ถ้าอย่างนั้น บิดาเจ้าข้า ขอท่านใช้ลาซารัสไปที่บ้านบิดาของข้าพเจ้า 28เพราะว่าข้าพเจ้ามีน้องชายห้าคน ให้ลาซารัสไปเตือนพวกเขา เพื่อไม่ให้เขาต้องมาอยู่ในที่ทุกข์ทรมานแห่งนี้’ 29แต่อับราฮัมตอบว่า ‘เขามีโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะแล้ว ให้พวกเขาฟังคนเหล่านั้นเถิด’ 30เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า ‘ไม่ได้ อับราฮัมบิดาเจ้าข้า แต่ถ้ามีใครสักคนหนึ่งจากพวกคนตายไปหาพวกเขา เขาคงจะกลับใจใหม่’ 31อับราฮัมจึงตอบเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังจะไม่เชื่อ’ ”

ลูกา 17

พระดำรัสสอนบางตอนของพระเยซู

 1พระเยซูตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า “จำเป็นต้องมีเหตุให้หลงผิด แต่วิบัติแก่ผู้ที่เป็นต้นเหตุ 2ถ้าเอาหินโม่แป้งผูกคอคนนั้นถ่วงที่ทะเลก็ดีกว่าที่จะให้เขานำผู้เล็กน้อยเหล่านี้คนหนึ่งให้หลงผิด 3จงระวังให้ดี ถ้าพี่น้องทำผิดต่อท่าน จงเตือนเขา และถ้าเขากลับใจแล้วก็จงยกโทษให้ 4แม้เขาทำผิดต่อท่านวันหนึ่งถึงเจ็ดครั้ง และเขากลับมาหาท่านทั้งเจ็ดครั้งนั้น แล้วบอกว่า ‘ฉันกลับใจแล้ว’ จงยกโทษให้เขาเถิด”
 5พวกอัครทูตทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์โปรดให้ความเชื่อของพวกข้าพระองค์เพิ่มมากยิ่งขึ้น” 6พระองค์จึงตรัสว่า “ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเพียงเท่าเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง ท่านก็จะสั่งต้นหม่อนนี้ได้ว่า ‘จงถอนขึ้น ออกไปปักในทะเล’ แล้วมันก็จะเชื่อฟังท่าน
 7“ถ้าพวกท่านมีบ่าวออกไปไถนาหรือเลี้ยงแกะ และเมื่อบ่าวคนนั้นกลับมาจากทุ่งนา ท่านจะบอกเขาหรือว่า ‘เชิญนั่งลงรับประทานเถิด?’ 8ท่านจะไม่บอกเขาหรือว่า ‘จงไปหาอะไรมาให้เรารับประทานและคาดเอวไว้คอยปรนนิบัติระหว่างที่เรากินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงค่อยกินและดื่มเถิด?’ 9นายจะขอบใจบ่าวนั้นเพราะบ่าวทำตามคำสั่งหรือ? 10เช่นเดียวกัน เมื่อพวกท่านทำสิ่งสารพัดที่เราบัญชาไว้กับท่านแล้ว ก็จงพูดด้วยว่า ‘เราเป็นบ่าวที่ไม่ได้มีบุญคุณต่อนาย เราเพียงแต่ทำตามหน้าที่ ที่ควรจะทำเท่านั้น’ ”

อรรถาธิบาย

จงระลึกถึงผู้ที่ขัดสน

ถ้าคุณมีอาหารเพื่อที่จะรับประทานในทุก ๆ วัน มีรองเท้าเป็นของตัวเอง และมีหลังคาคลุมศีรษะตัวเอง แสดงว่าคุณนั้นร่ำรวยเมื่อเทียบกับคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ และถ้าคุณมีรถยนต์ หรือรถจักรยานเป็นของตัวเอง แสดงว่าคุณเป็นคนที่ร่ำรวยมากเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ในโลก

บทความนี้เป็นความท้าทายสำหรับผมเป็นการส่วนตัว เมื่อผมมองสถานการณ์ของเราเทียบกับคนยากจนอีก มากมายทั่วโลก และยังเป็นความท้าทายสำหรับสังคมของเราด้วย เมื่อเรามองไปที่เพื่อนบ้านทั่วโลกของเรา ตัวอย่างเช่น ในแอฟริกา ผู้คนที่เราได้เห็นจากโทรทัศน์และรูปแบบการสื่อสารอื่น ๆ ทั่วโลกซึ่งบัดนี้ได้มาอยู่ ‘ที่ประตูรั้วบ้าน (ของเรา)’ (16:20)

นักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 19 ดี.แอล. มูดดี้ มักขึ้นต้นคำเทศนาของเขาด้วยคำว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าจงระลึกว่า...’ (ข้อ 25) อุปมานี้เป็นการเตือน (เนื่องจากเป็นอุปมาจึงไม่ใช่การสอนที่ชัดเจน เกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย)

คำพูดของอับราฮัมที่มีต่อเศรษฐีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ ‘(เสีย) วันเวลาของเขาไปกับการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เป็นคำพูดที่คอยเตือนสติว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าจงระลึก ว่าเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าได้สิ่งที่ดีสำหรับตัว และลาซารัสได้แต่สิ่งเลว’ (ข้อ 25) เศรษฐีถูกตัดสินว่าเขา ล้มเหลวในการทำหน้าที่แทนคนยากจน ผมอาศัยอยู่ในยุโรปตะวันตกซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับคนส่วนใหญ่ในโลกผมอยู่ ‘อย่างรื่นเริงฟุ่มเฟือยทุก ๆ วัน’ (ข้อ 19)

เศรษฐีตระหนักถึงความยากจนของลาซารัสเพราะเขาถูกนำมาปล่อยไว้หน้าประตูรั้วบ้านของเขา ‘เป็นแผลทั้งตัว และเขาอยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐีคนนั้น’ (ข้อ 20-21ก) สื่อสมัยใหม่ทำให้เราตระหนักถึงปัญหาความยากจนทั่วโลกมากขึ้น บัดนี้เป็นเวลาที่ต้องลงมือทำแล้ว ผมมีข้ออ้างน้อยกว่าเศรษฐีนั้น ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมประชาชนถูกเรียกให้ปฏิบัติตามคำของ โมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ (ข้อ 29) เราถูกเรียกให้ระลึกถึงและมีชีวิตอยู่ในการสิ้นพระชนม์และการ ฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู (ข้อ 31)

แต่อุปมานี้ไม่ได้เป็นการโจมตีการเป็นคนร่ำรวย ในท้ายที่สุดอับราฮัมก็ร่ำรวยมากและมีการบรรยายภาพของ เขาบนสวรรค์ (ข้อ 22) การรักเงินทองของเศรษฐีแสดงให้เห็นถึงสถานะทางจิตวิญญาณของเขาและการขาด ซึ่งความสัมพันธ์กับพระเจ้าอันมีพื้นฐานมาจากจากการกลับใจและความเชื่อ

เมื่อเขาตระหนักถึงความผิดพลาด เขาจึงกล่าวกับอับราฮัมว่า ‘แต่ถ้าไม่มีใครสักคนหนึ่งจากพวกคนตายไปหาพวกเขา เขาคงจะกลับใจใหม่’ (ข้อ 30) อับราฮัมจึงตอบเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังจะไม่เชื่อ’ (ข้อ 31)

ถ้าเศรษฐีนั้นฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ เขาคงจะกลับใจและมีความเชื่อในพระเจ้า ลูกาได้บันทึกอุปมา นี้ของพระเยซู ซึ่งแน่นอนว่าผู้อ่านต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าเรามีข้ออ้างน้อยมากเพราะบัดนี้เรามีหลักฐานว่า พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เราถูกท้าทายให้กลับใจและมีความเชื่อในพระเยซู

เนื้อหาของข้อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่สำหรับวันนี้ทั้งหมดเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับพระเจ้าบนพื้นฐานของการกลับใจและความเชื่อ

เรื่องราวนี้ต่อเนื่องไปถึงบทถัดไป (17:1-4) พระเยซูทรงปรารถนาให้เราเฝ้าระมัดระวังชีวิตของเราเพื่อที่จะไม่ เป็นสาเหตุให้ผู้อื่นทำบาปหรือไม่ให้เราตกลงไปในกับดักที่ผู้อื่นวางไว้ จงมีชีวิตที่เป็นชีวิตแห่งการให้อภัยตลอด เวลา ให้อภัยแม้ผู้ที่กระทำผิดต่อคุณวันหนึ่งถึงเจ็ดครั้ง (ข้อ 4)

พวกเหล่าวาวกตระหนักดีว่าสิ่งนี้จะเป็นไปได้ด้วยความเชื่อที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น พวกเขาทูลพระเยซูว่า ‘โปรดให้ความเชื่อของพวกข้าพระองค์เพิ่มมากยิ่งขึ้น!’ (ข้อ 5) พระเยซูจึงตรัสตอบว่า ‘ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเพียง เท่าเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง ท่านก็จะสั่งต้นหม่อนนี้ได้ว่า “จงถอนขึ้น ออกไปปักในทะเล” แล้วมันก็จะเชื่อ ฟังท่าน’ (ข้อ 6)

ด้วยความเชื่อนี้จะนำเราไปสู่การถ่อมใจ อะไรก็ตามที่คุณได้ทำในการรับใช้พระเจ้า คุณไม่สามารถทำให้ พระเจ้าเป็นหนี้คุณได้ ทุกสิ่งที่เราได้ทำนั้นเป็นเพียงความรู้สึกขอบพระคุณในสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเรา ในท้ายที่สุดแล้วเราพูดได้แค่เพียงว่า ‘เราเป็นบ่าวที่ไม่ได้มีบุญคุณต่อนาย เราเพียงแต่ทำตามหน้าที่ที่ควรจะทำ เท่านั้น’ (ข้อ 10)

ความเชื่อคือกล้ามเนื้อที่เติบโตขึ้นโดยการยืด มีหนทางหนึ่งที่จะเพิ่มความเชื่อของคุณให้มากยิ่งขึ้น นั่นคือทำ ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้คุณทำ

ถ้าคุณต้องการหลีกเลี่ยงที่จะได้ยินคำที่คอยย้ำเตือนเหล่านั้นในอนาคตว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าจงระลึกว่า...’ บัดนี้เป็นเวลาที่ต้องตอบสนองโดยการกลับใจ มีความเชื่อในพระเยซู และใช้ชีวิตในความเชื่อ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในการตอบสนองต่อคนยากจน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยเมตตา ขอโปรดทรงอภัยความผิดบาปของข้าพระองค์ ขอโปรดทรงช่วย ข้าพระองค์ในการให้อภัยเสมอ ขอโปรดทรงเพิ่มความเชื่อของข้าพระองค์ ขอโปรดทรงเปิดดวงตาของข้า พระองค์ให้เห็นถึงความต้องการของผู้คนที่อยู่รอบตัวของข้าพระองค์ และให้ข้าพระองค์ได้ลงมือกระทำในบัดนี้
พันธสัญญาเดิม

เฉลยธรรมบัญญัติ 23:1-25:19

ผู้ที่ต้องอยู่นอกการประชุม

 1“ชายใดมีลูกอัณฑะฝ่อ หรืออวัยวะสืบพันธุ์ด้วน ห้ามเข้าในการประชุมของพระยาห์เวห์
 2“ห้ามลูกนอกกฎหมายเข้าในการประชุมของพระยาห์เวห์ ห้ามชาติพันธุ์ของเขาเข้าในการประชุมของพระยาห์เวห์ จนถึงสิบชั่วอายุคน
 3“ห้ามคนอัมโมนหรือคนโมอับเข้าในการประชุมของพระยาห์เวห์ จนถึงสิบชั่วอายุคนของพวกเขา ห้ามพวกเขาเข้าในการประชุมของพระยาห์เวห์เป็นนิตย์ 4เพราะว่าพวกเขาไม่ได้มาต้อนรับท่านทั้งหลายตามทางด้วยขนมปังและน้ำเมื่อท่านออกจากอียิปต์ และเพราะว่าเขาได้จ้างบาลาอัมบุตรเบโอร์มาจากเปโธร์แห่งเมโสโปเตเมียให้สาปแช่งท่าน 5แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านไม่ทรงยอมรับฟังบาลาอัม แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเปลี่ยนคำสาปแช่งให้เป็นคำอวยพรท่าน เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงรักท่าน 6ห้ามเสริมสวัสดิภาพหรือความเจริญให้พวกเขาตลอดชีวิตของท่านเป็นนิตย์
 7“ท่านอย่าเกลียดคนเอโดม เพราะเขาเป็นพี่น้องของท่าน ท่านอย่าเกลียดคนอียิปต์ เพราะท่านเคยเป็นคนต่างด้าวอยู่ในแผ่นดินของเขา 8ลูกหลานชั่วอายุที่สามซึ่งเกิดกับพวกเขาจะเข้าในการประชุมของพระยาห์เวห์ก็ได้

กฎเกี่ยวกับอนามัย ศาสนพิธี และมนุษยธรรม

 9“เมื่อท่านออกไปตั้งค่ายสู้รบกับศัตรูของท่าน ท่านจงระวังตัวให้พ้นจากสิ่งชั่วทุกอย่าง
 10“ถ้าคนใดในพวกท่านไม่สะอาดด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในเวลากลางคืน เขาต้องไปอยู่นอกค่าย ห้ามเขาเข้ามาในค่าย 11แต่เมื่อถึงเวลาเย็นแล้วให้เขาอาบน้ำชำระตัว และเมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้วเขาจะกลับเข้ามาในค่ายได้
 12“ท่านต้องมีที่ภายนอกค่ายเพื่อจะออกไปได้ 13และท่านต้องมีไม้แหลมรวมไว้กับเครื่องอาวุธ และเมื่อท่านนั่งถ่ายข้างนอกนั้น ท่านจงใช้ไม้ขุดหลุม และหันไปกลบสิ่งปฏิกูลของท่านเสีย 14เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางค่ายของท่าน เพื่อจะทรงช่วยกู้ท่านและทรงมอบศัตรูของท่านไว้ต่อท่าน เพราะฉะนั้นค่ายของท่านต้องบริสุทธิ์ เพื่อพระองค์จะไม่ทอดพระเนตรสิ่งน่าอายในหมู่พวกท่าน และเสด็จไปเสียจากท่าน
 15“ถ้ามีทาสหนีจากนายของเขามาอยู่กับท่าน ห้ามจับทาสนั้นไปส่งนายของเขา 16จงให้ทาสนั้นอยู่กับท่าน ในหมู่พวกท่าน ในที่ซึ่งเขาจะเลือกในเมืองหนึ่งเมืองใดตามความพอใจของเขา ห้ามกดขี่เขา
 17“ห้ามผู้หญิงชาวอิสราเอลคนหนึ่งคนใดเป็นเทวทาสีหญิงผู้ร่วมประเวณีในพิธีศาสนา ห้ามบุตรชายอิสราเอลคนหนึ่งคนใดเป็นเทวทาสชายผู้ร่วมประเวณีในพิธีศาสนา 18ห้ามนำค่าจ้างของเทวทาสีหรือค่าจ้างจากสุนัขชายที่ร่วมประเวณีในพิธีศาสนามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพื่อการแก้บนใดๆ เพราะทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งพึงรังเกียจแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
 19“ห้ามท่านให้พี่น้องของท่านยืมเงินเพื่อเอาดอกเบี้ย ไม่ว่าดอกเบี้ยเงินกู้ หรือดอกเบี้ยเครื่องบริโภค หรือดอกเบี้ยของสิ่งใดๆ ที่ให้ยืมเพื่อเอาดอกเบี้ย 20ท่านจะให้คนต่างชาติยืมเพื่อเอาดอกเบี้ยก็ได้ แต่สำหรับพี่น้องของท่าน ห้ามให้ยืมเพื่อเอาดอกเบี้ย เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรแก่ท่านในทุกสิ่งซึ่งท่านทำ ในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะเข้ายึดครองนั้น
 21“เมื่อท่านบนต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านอย่าล่าช้าในการแก้บน เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเรียกเอาจากท่านเป็นแน่ และท่านจะมีบาป 22ถ้าท่านงดไม่บน ท่านก็จะไม่มีบาป 23ท่านจงระวังที่จะทำตามถ้อยคำที่ออกจากริมฝีปากของท่าน ตามที่ท่านได้สมัครใจบนต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งท่านสัญญาด้วยปากของท่านแล้ว
 24“เมื่อท่านเข้าไปในสวนองุ่นของเพื่อนบ้านของท่าน ท่านจะรับประทานผลองุ่นให้อิ่มหนำตามที่ท่านปรารถนาก็ได้ แต่ห้ามใส่ในภาชนะของท่านไป 25เมื่อท่านเข้าไปในนาของเพื่อนบ้านของท่าน ท่านจะเอามือเด็ดรวงข้าวมาก็ได้ แต่ท่านจะใช้เคียวเกี่ยวข้าวของเพื่อนบ้านของท่านไม่ได้

เฉลยธรรมบัญญัติ 24

กฎหมายเรื่องการสมรสและการหย่า

 1“เมื่อชายคนใดเพิ่งมีภรรยา แต่งงานกับนาง และต่อมานางไม่เป็นที่โปรดปรานของเขา เพราะเขาพบว่านางมีสิ่งน่าอาย ดังนั้นเขาจึงทำหนังสือหย่าใส่มือของนาง แล้วไล่ออกจากบ้านของตนไป 2และนางก็ออกจากบ้านของเขา แล้วไปเป็นภรรยาของชายอีกคนหนึ่ง 3และสามีคนหลังนี้เกลียดชังนาง จึงเขียนหนังสือหย่าใส่มือนางแล้วไล่นางออกจากบ้าน หรือถ้าสามีคนหลังนี้ที่ได้นางเป็นภรรยาถึงแก่ความตาย 4สามีคนเดิมที่ได้ไล่นางไปนั้นจะรับนางที่มลทินแล้วมาเป็นภรรยาอีกไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งพึงรังเกียจแด่พระยาห์เวห์ อย่านำความบาปมาสู่แผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านให้เป็นมรดก

กฎหมายเบ็ดเตล็ด

 5“เมื่อชายคนใดเพิ่งมีภรรยา อย่าให้ผู้นั้นออกไปกับกองทัพ หรือมอบงานอย่างใดแก่เขา ให้เขาอยู่บ้านปีหนึ่งเพื่อเขาจะให้ภรรยาซึ่งเขาได้มานั้นมีความสุข 6“ห้ามผู้ใดยึดโม่หรือหินโม่ลูกบนไว้เป็นประกัน เพราะสิ่งที่ยึดเป็นประกันนั้นเขาใช้เลี้ยงชีพภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า เพราะมันคือชีวิตที่เขานำไปประกันของเขา
 7“ถ้าชายคนใดถูกจับได้ว่าลักลอบเอาพี่น้องคนอิสราเอลคนหนึ่งคนใดไปใช้เป็นทาสหรือขายเสีย ขโมยคนนั้นจะต้องตาย ดังนั้นท่านจะกำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน
 8“จงระวังเรื่องโรคเรื้อน จงระวังที่จะทำทุกสิ่งตามคำชี้แจงของพวกปุโรหิตคนเลวี ดังที่ข้าพเจ้าได้บัญชาพวกเขาไว้ ท่านจงระวังที่จะทำตามอย่างนั้น 9จงระลึกถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงทำแก่มิเรียม ตามทางเมื่อท่านทั้งหลายออกจากอียิปต์
 10“เมื่อท่านให้พี่น้องยืมสิ่งใด ห้ามเข้าไปในบ้านของเขาและยึดของประกันของเขา 11ท่านจงยืนอยู่ภายนอก และคนที่ยืมนั้นจะนำของประกันออกมาให้ท่านเอง 12ถ้าเขาเป็นคนยากจน ห้ามเอาของประกันนั้นเก็บไว้จนข้ามคืน 13เมื่อดวงอาทิตย์ตกท่านจงเอาของนั้นมาคืนให้เขา เพื่อเขาจะมีของคลุมตัวเมื่อเวลานอนและอวยพรแก่ท่าน และจะเป็นความชอบธรรมแก่ท่านเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
 14“ห้ามกดขี่ลูกจ้างที่เป็นคนยากจนและขัดสน ไม่ว่าเขาจะเป็นพี่น้องของท่านหรือคนต่างด้าวผู้อยู่ในแผ่นดินภายในเมืองของท่าน 15ท่านจงจ่ายเงินค่าจ้างวันนั้นให้แก่เขาก่อนดวงอาทิตย์ตก (เพราะเขาเป็นคนยากจน และมีใจจดจ่ออยู่ที่ค่าจ้างนั้น) เกรงว่าเขาจะกล่าวหาท่านต่อพระยาห์เวห์ และจะเป็นความบาปแก่ท่าน
 16“อย่าให้บิดารับโทษถึงตายแทนบุตรของตน หรือให้บุตรรับโทษถึงตายแทนบิดาของตน ให้ทุกคนรับโทษถึงตายด้วยบาปของตนเอง
 17“ห้ามบิดเบือนความยุติธรรมของคนต่างด้าวหรือของลูกกำพร้า และห้ามรับเสื้อผ้าของหญิงม่ายไว้เป็นประกัน 18แต่จงระลึกว่า ท่านเคยเป็นทาสอยู่ในอียิปต์ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงไถ่ท่านออกจากที่นั่น เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงบัญชาท่านให้ทำเช่นนี้
 19“เมื่อท่านเกี่ยวข้าวในนาของท่าน และลืมฟ่อนข้าวไว้ในนาฟ่อนหนึ่ง ห้ามกลับไปเอามา ให้เป็นของคนต่างด้าว ลูกกำพร้า และแม่ม่าย เพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรแก่กิจการทั้งสิ้นแห่งมือของท่าน 20เมื่อท่านฟาดต้นมะกอก ท่านอย่าเก็บที่กิ่งเดิมซ้ำอีก ให้เหลือไว้สำหรับคนต่างด้าว ลูกกำพร้า และแม่ม่าย 21เมื่อท่านเก็บผลจากสวนองุ่นของท่าน อย่าไปเก็บเล็มอีก จงเหลือไว้สำหรับคนต่างด้าว ลูกกำพร้า และแม่ม่าย 22จงระลึกว่าท่านเคยเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงบัญชาท่านให้ทำเช่นนี้

เฉลยธรรมบัญญัติ 25

 1“ถ้าสองคนมีเรื่องขัดแย้งกันและมาถึงศาล เมื่อมีการพิพากษาคดีของเขาทั้งสองแล้ว และประกาศความบริสุทธิ์ของฝ่ายถูก และกล่าวโทษฝ่ายผิด 2ถ้าผู้ผิดสมควรถูกโบย ก็ให้ผู้พิพากษาให้เขานอนลง แล้วกำหนดให้โบยต่อหน้า มากน้อยตามความผิดของผู้นั้น 3ให้โบยเขาสี่สิบทีก็ได้ แต่อย่าให้เกินนั้นไปเลย เกรงว่าถ้าโบยเขาเกินนั้น พี่น้องของท่านก็เป็นที่ดูถูกในสายตาของท่าน
 4“ห้ามเอาตะกร้อครอบปากโคเมื่อมันกำลังนวดข้าวอยู่

การแต่งงานเพื่อสืบสกุลพี่น้อง

 5“ถ้าพี่น้องอยู่ด้วยกันและคนหนึ่งตายลงโดยไม่มีบุตรชาย ภรรยาของผู้ที่ตายนั้นจะออกไปเป็นภรรยาของคนนอกไม่ได้ ให้พี่น้องของสามีนางเข้าไปหานางและรับหญิงนั้นมาเป็นภรรยา และทำหน้าที่พี่น้องของสามีแก่นาง 6บุตรหัวปีที่เกิดมากับหญิงคนนั้นให้สืบชื่อพี่น้องคนที่ตายไปนั้น เพื่อชื่อของเขาจะไม่ถูกลบไปจากอิสราเอล 7ถ้าชายคนนั้นไม่ประสงค์จะรับภรรยาของพี่น้องของเขา ก็ให้ภรรยาของพี่น้องของเขาไปหาพวกผู้ใหญ่ที่ประตูเมือง และกล่าวว่า ‘พี่น้องของสามีดิฉันไม่ยอมสืบชื่อของพี่น้องของเขาในอิสราเอล เขาไม่ยอมรับหน้าที่พี่น้องของสามีของดิฉัน’ 8แล้วพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นจะเรียกชายคนนั้นมาพูดกับเขา ถ้าเขายังยืนยันโดยกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ประสงค์จะรับนาง’ 9แล้วภรรยาของพี่น้องของเขาจะเข้าไปใกล้ชายคนนั้นต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ ถอดเอารองเท้าของเขาออกมาจากเท้าของเขาข้างหนึ่ง และถ่มน้ำลายรดหน้าเขาแล้วกล่าวว่า ‘ต้องทำอย่างนี้แหละกับผู้ชายที่ไม่ยอมสร้างครอบครัวของพี่น้องของตน’ 10ในอิสราเอลชื่อของเขาจะถูกเรียกว่าครอบครัวที่ถูกถอดรองเท้า

พระบัญชาอื่นๆ

 11“ถ้าชายสองคนวิวาททุบตีกัน และภรรยาของชายคนหนึ่งเข้ามาใกล้เพื่อจะช่วยสามีของตนให้พ้นจากมือของผู้ที่ตีเขา และนางยื่นมือออกไปจับของลับของผู้ชายคนนั้น 12ท่านจงตัดมือของนางทิ้งเสีย อย่าให้ตาของท่านสงสารนาง
 13“ห้ามมีลูกตุ้มต่างกันไว้ในถุงของท่าน อันหนึ่งหนักอันหนึ่งเบา 14ในบ้านของท่านห้ามมีเครื่องตวงสองชนิด ใหญ่อันหนึ่งเล็กอันหนึ่ง 15ท่านจงมีลูกตุ้มที่ถูกต้องและเที่ยงตรงและมีเครื่องตวงที่ถูกต้องและเที่ยงตรง เพื่อวันคืนของท่านจะยืนนานในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน 16เพราะว่าใครที่ทำเช่นนี้ คือทุกคนที่คดโกงเป็นผู้ที่น่ารังเกียจ แด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
 17“จงระลึกถึงสิ่งที่คนอามาเลขทำต่อท่านระหว่างทางที่ท่านออกจากอียิปต์ 18ซึ่งเขาได้ออกโจมตีท่านตามทาง และตัดตอนพวกที่อ่อนแออยู่รั้งท้ายเมื่อท่านอ่อนเพลียเมื่อยล้า และเขาไม่ยำเกรงพระเจ้า 19เพราะฉะนั้นเมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ท่านหยุดพักจากศัตรูทั้งสิ้นที่อยู่รอบข้างในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านให้ยึดครองเป็นมรดกนั้นแล้ว ท่านจงลบคนอามาเลขเสียจากความทรงจำภายใต้ฟ้า ท่านอย่าลืมเสีย

อรรถาธิบาย

จงระลึกถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อคุณ

ตลอดทั้งพระธรรมตอนนี้ประชาชนของพระเจ้าได้รับการบอกกล่าวว่า ‘จงระลึกถึง’ (24:9,18,22; 25:17) โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาควรระลึกว่าพวกเขาเคยเป็นทาสอยู่ในอียิปต์และพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาทรงไถ่พวกเขาไว้ (24:18-22) และพระธรรมสำหรับวันนี้จบลงด้วยคำว่า ‘อย่าลืมเสีย!’ (25:19)

อีกครั้งที่มีการเชื่องโยงไปถึงความยากจน เพราะพวกเขาเคยเป็นทาสอยู่ในอียิปต์ พวกเขาจึงควรที่จะระลึก ถึงผู้คนที่กำลังทนทุกข์ คนต่างด้าว ลูกกำพร้า และแม่ม่าย (24:21) พวกเขาต้องดูแลคนยากจนและขัดสน (ข้อ 14)

ความเมตตาต่อคนยากจนไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกผิดชอบของแต่ละคน แต่เป็นเรื่องของกฎหมาย เป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับสังคมที่ต้องมีกฎหมายเพื่อรองรับความต้องการของคนยากจน ซึ่งก็ไม่ควรหยุดอยู่ แค่ที่กฎหมาย แต่เป็นการทรงเรียกสำหรับคริสเตียนทุกคนด้วย

ในขณะที่ประชาชนของพระเจ้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมถูกเรียกให้ระลึกถึงว่าพวกเขาเคยเป็นทาสอยู่ในอียิปต์ และพระเจ้าทรงไถ่พวกเขาไว้ เราจึงระลึกได้ว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยตกเป็นทาสของความบาป พระเยซู ทรงไถ่คุณจากการเป็นทาสนั้น

จงระลึกถึงสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำเพื่อคุณตลอดเวลา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพิธีมหาสนิทจึงมีความสำคัญมาก พระเยซูตรัสว่า ‘จงทำอย่างนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา’ (ลูกา 22:19)

วัตถุประสงค์ของปฏิทินคริสเตียนก็เพื่อระลึกถึง ในวันคริสตมาสเราระลึกถึง และเฉลิมฉลองการลงมาบังเกิด ในวันเพ็นเทคอสต์เราระลึกถึง และเฉลิมฉลอง*การเทลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ *

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันอีสเตอร์เราระลึกถึงและเฉลิมฉลองการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู การฟื้นคืนพระชนม์เป็นที่สุดของปฏิทินคริสเตียน ตั้งแต่ยุคแรก ๆ คริสเตียนระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูในงานเฉลิมฉลองที่เกี่ยวข้องกับขนมปังและเหล้าองุ่นที่นำมาเพื่อระลึกถึงพระเยซู

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระกายของพระเยซูซึ่งให้แก่ข้าพระองค์และพระโลหิตของพระองค์ซึ่งหลั่งออกเพื่อข้าพระองค์ โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระคำของพระองค์และพิธีมหาสนิท ขอโปรดให้ความคิด และความทรงจำของข้าพระองค์จดจ่ออยู่ที่พระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

‘จงระวังให้ดี’ (ลูกา 17:3)

เมื่อฉันมองไปที่เรื่องราวของเศรษฐีและลาซารัส ฉันพบว่าตัวเองกำลังคิดว่าเศรษฐีคนนี้เป็นผู้ชายที่แย่ อะไรเช่นนี้! ฉันไม่เหมือนกับเขาเลย แต่แล้วฉันก็ต้องถามกับตัวเองว่า ‘แล้วฉันล่ะ ให้ความสนใจกับคนยากจนมากแค่ไหน?’ จากนั้นฉันก็ได้รู้คำตอบว่าฉันล้มเหลวในเรื่องนี้มากเพียงใด (16:19)

ข้อพระคำประจำวัน

เฉลยธรรมบัญญัติ 23:5

‘แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน…ทรงเปลี่ยนคำสาปแช่งให้เป็นคำอวยพรท่าน เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงรักท่าน’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม