ในวันที่เผชิญกับปัญหา
เกริ่นนำ
อาเจย์ โกฮิล ถูกเลี้ยงดูมาในฐานะชาวฮินดู และทำงานกับธุรกิจของครอบครัวในบริษัทตัวแทนจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ในลอนดอนตอนเหนือแห่งหนึ่ง ตอนที่เขาอายุ 21 ปี เขาติดโรคสะเก็ดเงินชนิดรุนแรงซึ่งเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง น้ำหนักของเขาลดจาก 11.5 สโตน (73 กิโลกรัม) เหลือเพียง 7.5 สโตน (47.6 กิโลกรัม) โรคนี้เกิดขึ้นทั่วร่างกายของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาสูญเสียเพื่อนทั้งหมดไป ภรรยาและลูกของเขาทิ้งเขาไป เขาอยากตาย
เมื่ออาเจย์นอนรอคอยความตายอยู่ในโรงพยาบาล เขาร้องทูลต่อพระเจ้า เขาดูในล็อคเกอร์ของตนและพบ พระคัมภีร์เล่มหนึ่ง เขาเปิดพระธรรมสดุดี 38 อันเป็นข้อพระคัมภีร์สำหรับวันนี้ แต่ละข้อแต่ละตอนดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเขา เขาอธิษฐานขอให้พระเจ้ารักษาเขา เขาเข้าสู่ห้วงหลับลึก ในเช้าวันต่อมาเขาได้รับการรักษาให้หายโดยสิ้นเชิง ผิวหนังของเขาใหม่เหมือนผิวเด็ก และชีวิตของเขาก็พลิกผัน เขากลับมาอยู่ร่วมกับลูกชายของเขา ผมสัมภาษณ์เขาในการประชุมนมัสการหนหนึ่งที่ คริสตจักร โฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตั้น เขากล่าวว่า ‘ในทุกวันผมมีชีวิตอยู่เพื่อพระเยซู’
ชีวิตไม่ใช่การเดินเรือที่ราบรื่นไปเสียทั้งหมด เราทุกคนล้วนต้องเผชิญกับปัญหา อะไรก็ตามที่คุณกำลังเผชิญอยู่ในวันนี้ พระเจ้าสามารถที่จะช่วยเหลือคุณได้ ในบทความสำหรับวันนี้ เราจะได้เห็นตัวอย่างของปัญหาไม่ว่าจะเป็นบ่วง บททดสอบ และการทดลอง และวิธีการในการรับมือกับปัญหาเหล่านั้น
สดุดี 38:1-12
คำทูลขอของผู้เจ็บป่วยที่สำนึกผิด
เพลงสดุดีของดาวิด เพื่อการระลึกถึง
1ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงดุว่าข้าพระองค์ด้วยโทสะ
หรือตีสอนข้าพระองค์ด้วยพระพิโรธเลย
2เพราะลูกธนูของพระองค์จมเข้าไปในข้าพระองค์
และพระหัตถ์ของพระองค์ลงมาเหนือข้าพระองค์
3เนื่องด้วยความโกรธของพระองค์
จึงไม่มีความปกติในร่างกายของข้าพระองค์
เนื่องด้วยบาปของข้าพระองค์
จึงไม่มีความสมบูรณ์ในกระดูกของข้าพระองค์
4เพราะความชั่วของข้าพระองค์ท่วมศีรษะ
มันหนักเหมือนภาระ ซึ่งหนักเหลือกำลังข้าพระองค์
5เนื่องด้วยความเขลาของข้าพระองค์
บาดแผลของข้าพระองค์จึงเน่าเหม็น
6ข้าพระองค์ค้อมลงและน้อมตัวลงอย่างมาก
ข้าพระองค์ดำเนินอย่างทุกข์โศกวันยังค่ำ
7เพราะบั้นเอวของข้าพระองค์เต็มไปด้วยรอยไหม้
และไม่มีความปกติในร่างกายของข้าพระองค์
8ข้าพระองค์หมดแรงและถูกตีจนน่วม
ข้าพระองค์ครวญครางเพราะความทุกข์ระทมใจ
9ข้าแต่องค์เจ้านาย ความปรารถนาทั้งสิ้นของข้าพระองค์ก็ปรากฏอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
การถอนหายใจของข้าพระองค์คงไม่พ้นที่พระองค์ทรงทราบ
10ใจของข้าพระองค์สั่น และเรี่ยวแรงของข้าพระองค์หมดไป
และความสว่างในดวงตาของข้าพระองค์ก็พรากไปจากข้าพระองค์
11มิตรสหายและเพื่อนบ้านของข้าพระองค์ยืนห่างจากภัยพิบัติที่ข้าพระองค์ได้รับ
และญาติของข้าพระองค์ยืนห่างออกไปไกลโพ้น
12บรรดาผู้ที่มุ่งเอาชีวิตข้าพระองค์ได้วางบ่วงไว้
ผู้ที่คิดทำร้ายข้าพระองค์พูดถึงความหายนะ
และคิดแต่อุบายล่อลวงอยู่วันยังค่ำ
อรรถาธิบาย
กับดักต่างๆ
ดาวิดรู้ว่าการประสบกับความเจ็บป่วยนั้นเป็นอย่างไร ‘เพราะบั้นเอวของข้าพระองค์เต็มไปด้วยรอยไหม้ และไม่มีความปกติในร่างกายของข้าพระองค์’ (ข้อ 7) เหล่านี้เป็นคำพูดบางส่วนที่กินใจอาเจย์ในขณะที่ เขาอ่านพระธรรมสดุดีบทนี้บนเตียงในโรงพยาบาล
ดาวิดก็ยังรู้อีกว่าความล้มเหลวนั้นเป็นอย่างไร พระเจ้าทรงกระตุ้นเขาถึงความบาปของเขาเอง: ‘พระหัตถ์ ของพระองค์ลงมาเหนือข้าพระองค์... เนื่องด้วยบาปของข้าพระองค์ เพราะความชั่วของข้าพระองค์ท่วม ศีรษะ มันหนักเหมือนภาระ ซึ่งหนักเหลือกำลังข้าพระองค์...เนื่องด้วยความเขลาของข้าพระองค์... ความสว่างในดวงตาของข้าพระองค์ก็พรากไปจากข้าพระองค์’ (ข้อ 2-5, 8, 10)
เหนือสิ่งอื่นใด ดาวิดต้องรับมือกับการต่อต้าน เขาถูกรายล้อมไปด้วยประชาชนที่ต้องการเห็นความพินาศของเขา เขาเขียนไว้ว่า ‘บรรดาผู้ที่มุ่งเอาชีวิตข้าพระองค์ได้วางบ่วงไว้ ผู้ที่คิดทำร้ายข้าพระองค์ พูดถึงความหายนะ และคิดแต่อุบายล่อลวงอยู่วันยังค่ำ’ (ข้อ 12)
แต่ในท่ามกลางกับดักเหล่านั้น รวมถึงความล้มเหลวและความยากลำบากนี้ ดาวิดได้ร้องทูลต่อพระเจ้า เขารู้ว่าพระเจ้าสามารถอภัยเขา ช่วยเหลือเขา และรักษาเขา ความผิดพลาดอะไรก็ตาม หรือความยาก ลำบากอะไรก็ตามที่คุณอาจต้องเผชิญ คุณเองก็สามารถนำสิ่งเหล่านั้นร้องทูลกับพระเจ้าในคำอธิษฐาน
คำอธิษฐาน
ลูกา 7:11-35
การทรงให้บุตรแม่ม่ายที่นาอินเป็นขึ้นจากตาย
11หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์เสด็จไปยังเมืองหนึ่งชื่อนาอิน พวกสาวกของพระองค์พร้อมกับมหาชนก็ตามพระองค์ไป 12ขณะที่มาใกล้ประตูเมืองนั้น นี่แน่ะ มีคนหามศพชายหนุ่มคนหนึ่งมา เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของมารดาซึ่งเป็นหญิงม่าย ชาวเมืองจำนวนมากเดินมาพร้อมกับนาง 13เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นมารดาคนนั้น พระองค์ทรงสงสารนางและตรัสว่า “อย่าร้องไห้” 14แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้แตะต้องโลง พวกคนหามศพก็หยุดยืนอยู่ พระองค์จึงตรัสว่า “ชายหนุ่มเอ๋ย เราสั่งท่านให้ลุกขึ้น” 15คนที่ตายนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วเริ่มพูด พระองค์จึงทรงมอบชายหนุ่มให้แก่มารดาของเขา 16ทุกคนก็เกิดความเกรงกลัวและสรรเสริญพระเจ้าว่า “ผู้เผยพระวจนะยิ่งใหญ่มาเกิดท่ามกลางเราแล้ว พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเยียนชนชาติของพระองค์” 17แล้วกิตติศัพท์ของพระองค์ก็เลื่องลือไปตลอดทั่วยูเดียและทั่วแว่นแคว้นโดยรอบ
ผู้ส่งข่าวของยอห์นผู้ให้บัพติศมา
18พวกศิษย์ของยอห์นก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ยอห์นฟัง 19ท่านจึงเรียกศิษย์ของท่านสองคนมา แล้วใช้เขาไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อถามว่า “ท่านเป็นคนที่จะมานั้นหรือ? หรือว่าเราจะต้องรอคอยอีกคนหนึ่ง?” 20เมื่อสองคนนั้นไปหาพระองค์แล้ว เขาก็ทูลว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านเพื่อถามว่า ‘ท่านเป็นคนที่จะมานั้นหรือ? หรือว่าเราจะต้องคอยอีกคนหนึ่ง?’ ” 21ในเวลานั้น พระเยซูทรงรักษาคนจำนวนมากให้หายจากโรคภัยต่างๆ และพ้นจากพวกวิญญาณชั่ว และทรงรักษาคนตาบอดหลายคนให้เห็นได้ 22แล้วพระองค์ตรัสตอบสองคนนั้นว่า “ไปบอกยอห์นในสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน คือว่าคนตาบอดเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายเป็นขึ้นมา และพวกคนยากจนก็ได้รับฟังข่าวดี 23ใครไม่มีเหตุสะดุดในตัวเรา คนนั้นก็เป็นสุข”
24เมื่อผู้ส่งข่าวของยอห์นไปแล้ว พระองค์จึงตรัสกับฝูงชนถึงยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายออกไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร? คงไม่ใช่ดูต้นอ้อไหวเมื่อถูกลมพัดหรอกนะ 25ถ้าไม่ใช่แล้วพวกท่านไปดูอะไร? ไปดูคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีหรือ? นี่แน่ะ คนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้างดงามและอยู่อย่างฟุ่มเฟือยย่อมอยู่ในพระราชวัง 26แล้วพวกท่านออกไปดูอะไร? ดูผู้เผยพระวจนะหรือ? แน่ทีเดียว เราบอกว่ายอห์นเป็นยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะ 27คือท่านผู้นี้ที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
‘เราจะใช้ทูตของเรานำหน้าท่าน
ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาไว้ข้างหน้าท่าน’
28เราบอกพวกท่านว่า ในบรรดาคนที่เกิดจากผู้หญิงนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์น แต่คนที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินของพระเจ้าก็ยังใหญ่กว่ายอห์น” 29(ทุกคนรวมทั้งบรรดาคนเก็บภาษี เมื่อได้ยินก็ยอมรับว่าพระเจ้าทรงยุติธรรม โดยเขาได้รับบัพติศมาจากยอห์นแล้ว 30แต่พวกฟาริสีและพวกผู้เชี่ยวชาญบัญญัติไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อพวกเขา โดยเขาไม่รับบัพติศมาจากยอห์น)
31“เพราะฉะนั้นเราจะเปรียบคนในยุคนี้กับอะไรดี? 32ก็เปรียบเหมือนเด็กๆ ที่นั่งอยู่กลางตลาดร้องบอกแก่กันว่า
‘พวกฉันเป่าปี่ให้พวกเธอแต่พวกเธอไม่เต้น
พวกฉันคร่ำครวญแต่พวกเธอไม่ร้องไห้’
33เพราะว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมา ไม่ได้กินขนมปังหรือดื่มเหล้าองุ่น พวกท่านก็ว่า ‘เขามีผีเข้าสิง’ 34ส่วนบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม และพวกท่านก็ว่า ‘นี่ไง คนตะกละ คนขี้เมา เพื่อนของพวกคนเก็บภาษีและคนบาป’ 35แต่พระปัญญาก็ได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องแล้วโดยบรรดาคนที่ทำตามภาษากรีกแปลตรงตัวว่า โดยบรรดาลูกของพระปัญญานั้น”
อรรถาธิบาย
บททดสอบ
แต่ละคนที่คุณพบเจอ และทุก ๆ เหตุการณ์ที่คุณเผชิญคือบททดสอบ คุณจะตอบสนองต่อความต้อง การของผู้คนรอบตัวคุณ และต่อสถานการณ์ที่คุณพบเจอได้อย่างไร?
1.\tความต้องการของคนอื่น ๆ
ผมไปร่วมงานศพของชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในวัยสามสิบปี ผมเห็นแม่ของเขา (ซึ่งเป็นเพื่อนของเรามากว่าสามสิบปี) ยืนอยู่ข้างโลงศพของลูกชายคนเดียวของเธอ ผมเข้าใจว่า พระเยซูรู้สึกอย่างไรเมื่อพระองค์เห็นหญิงที่อยู่ในพระธรรมวันนี้ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน ‘พระองค์ทรงสงสารนาง’ (ข้อ 13)
พระเยซูทรงมีฤทธิ์เดชและสิทธิอำนาจที่จะทำให้บุตรชายของนางฟื้นขึ้นจากความตาย แต่พระองค์ก็ต้องมีความกล้าที่จะก้าวออกมาด้วยความเชื่อและกระทำสิ่งนั้น
เราทุกคนต้องปฏิบัติด้วยความเชื่อที่จำกัดของเราเอง การตอบสนองต่อสถานการณ์แบบนี้เป็น บททดสอบโดยแท้จริง การตัดสินใจผิดอาจหมายถึงหายนะ แน่นอน ผมไม่แนะนำให้ทำในสิ่งที่ พระเยซูทรงกระทำ เว้นเสียแต่ว่าคุณมีสิทธิอำนาจ ฤทธิ์เดช ความเชื่อเหมือนพระองค์ และการ ทรงนำจากพระเจ้าโดยตรง แต่เราต้องหาถ้อยคำที่เหมาะสม และการตอบสนองที่ถูกต้องสำหรับ คนทุกคนที่ต้องการ อะไรก็ตามที่เราทำต้องมีแรงจูงใจมาจาก ‘ความเห็นอกเห็นใจ’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
พระเยซูสามารถตรัสได้ว่า ‘ไปบอกยอห์นในสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน คือคนตาบอดเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายเป็นขึ้นมา และพวกคนยากจน ก็ได้รับฟังข่าวดี’ (ข้อ 22) คุณอาจจะไม่สามารถพูดสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่คุณสามารถอธิษฐาน เผื่อคนป่วย และคุณสามารถประกาศข่าวดีให้กับคนยากจนได้อย่างแน่นอน
2.\tการวิพากษ์วิจารณ์
ทั้งที่ความจริงแล้วพระเยซูทรงกระทำหลายสิ่งที่พิเศษ น่าอัศจรรย์ และเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่พระองค์ก็ไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ผู้นำทางความเชื่อในเวลานั้น ‘ไม่ยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อพวกเขา’ (ข้อ 30) และนำข้อกล่าวหาเท็จมา ต่อต้านยอห์นผู้ให้บัพติศมาและพระเยซู
วิธีที่คุณตอบสนองต่อการวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นอีกบททดสอบหนึ่ง พระเยซูตรัสว่า ‘เพราะว่ายอห์นผู้ให้บัพติศมา ไม่ได้กินขนมปังหรือดื่มเหล้าองุ่น พวกท่านก็ว่า “เขามีผีเข้าสิง” ส่วนบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม และพวกท่านก็ว่า “นี่ไง คนตะกละ คนขี้เมา เพื่อนของพวกคน เก็บภาษีและคนบาป”’ (ข้อ 33-34)
สิ่งที่พระเยซูตรัสนี้เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ ดังที่อริสโตเติล กล่าวไว้ว่า ‘เพียงหนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ การไม่ทำอะไร ไม่พูดอะไร และไม่เป็นอะไรเลย’ สิ่งใดก็ตามที่คุณทำ บางคนก็จะจับผิด แต่พระเยซูไม่แก้ตัวเกี่ยวกับคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น พระองค์ตรัสว่า ‘แต่พระปัญญาก็ได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องแล้วโดยบรรดาคนที่ทำตามพระปัญญานั้น’ (ข้อ 35) บางทีพระองค์อาจหมายความว่าท้ายที่สุดแล้ว ปัญญา (และสิ่งที่พระเยซูกระทำ) จะพิสูจน์ได้จากผลลัพธ์ หรือที่เราจะพูดได้ว่า ‘จะรู้ว่าพุดดิ้งดีหรือเปล่าก็ต้องทดสอบด้วยการกิน’ (ข้อ 35, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเยซูและยอห์นผู้ให้บัพติศมาแตกต่างกันมาก แต่ท่านทั้งสองเป็น ‘บุตรของปัญญา’
คำอธิษฐาน
กันดารวิถี 23:27-26:11
27บาลาคจึงตรัสกับบาลาอัมว่า “มาเถิดเราจะพาท่านไปอีกที่หนึ่ง บางทีพระเจ้าจะทรงให้ท่านแช่งเขาเพื่อข้าพเจ้าจากที่นั่น” 28บาลาคจึงพาบาลาอัมไปที่ยอดเขาเปโอร์ซึ่งมองลงมาเห็นทะเลทราย 29แล้วบาลาอัมทูลบาลาคว่า “ขอทรงสร้างแท่นบูชาเจ็ดแท่นให้ข้าพระบาทที่นี่ ทั้งทรงจัดโคผู้เจ็ดตัว และแกะผู้เจ็ดตัวให้ข้าพระบาท” 30บาลาคก็ทำตามที่บาลาอัมบอก และทรงเอาโคผู้ตัวหนึ่งและแกะผู้ตัวหนึ่งถวายบูชาบนแท่นแต่ละแท่น
กันดารวิถี 24
คำทำนายที่สามของบาลาอัม
1เมื่อบาลาอัมเห็นว่าพระยาห์เวห์พอพระทัยที่จะให้อวยพรอิสราเอล บาลาอัมก็ไม่ไปแสวงหาอาคมอย่างครั้งก่อนๆ แต่มุ่งหน้าตรงไปยังถิ่นทุรกันดาร 2บาลาอัมเงยหน้าขึ้นมองเห็นอิสราเอลตั้งค่ายตามเผ่าต่างๆ แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าทรงมาอยู่บนเขา 3เขาจึงกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า
“คำพยากรณ์ของบาลาอัมบุตรเบโอร์
คำพยากรณ์ของชายที่ตาสว่าง
4คำพยากรณ์ของคนที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้า
ผู้ที่ได้เห็นนิมิตขององค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
ผู้ที่ล้มลง แต่นัยน์ตากลับไม่ถูกบดบัง
5ยาโคบเอ๋ย เต็นท์ของท่านช่างงามเหลือเกิน
อิสราเอลเอ๋ย ค่ายของท่านก็งาม
6เหมือนหุบเขาทั้งหลายที่ยืดไปไกล
เหมือนสวนซึ่งอยู่ข้างแม่น้ำ
เหมือนต้นกฤษณาที่พระยาห์เวห์ทรงปลูกไว้
เหมือนต้นสนสีดาร์ที่อยู่ริมน้ำ
7น้ำจะไหลออกจากถังของเขา
และพงศ์พันธุ์ของเขาจะอยู่ตามลำน้ำเป็นอันมาก
กษัตริย์ของเขาจะทรงยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อากัก
ราชอาณาจักรของเขาจะรุ่งเรือง
8พระเจ้าผู้ทรงนำเขาออกมาจากอียิปต์
ทรงเป็นเหมือนเขาโคกระทิงเพื่อเขา
เขาจะกินประชาชาติที่เป็นศัตรู
และหักกระดูกของพวกเขาเป็นท่อนๆ
และแทงเขาทั้งหลายทะลุด้วยลูกศร
9เขาหมอบลงและนอนลงอย่างสิงห์ตัวผู้
เหมือนนางสิงห์ที่ไม่มีใครกล้ามาปลุกให้ลุกขึ้น
คนที่อวยพรท่านก็จะได้รับพร
ผู้ที่สาปแช่งท่านก็จะถูกสาปแช่ง”
10บาลาคก็กริ้วบาลาอัม จึงทรงตบมือ แล้วบาลาคตรัสกับบาลาอัมว่า “เราเชิญท่านมาให้สาปแช่งพวกศัตรูของเรา แต่ดูซิ ท่านกลับอวยพรเขาต่อเนื่องกันถึงสามครั้ง 11บัดนี้ จงกลับไปยังที่อยู่ของท่าน เราบอกว่า เราจะให้เกียรติท่านอย่างสูง แต่ดูสิ พระยาห์เวห์ทรงขวางไม่ให้ท่านได้รับเกียรติ” 12แต่บาลาอัมทูลบาลาคว่า “ข้าพระบาทบอกผู้สื่อสารซึ่งฝ่าพระบาททรงใช้ให้ไปหาข้าพระบาทแล้วไม่ใช่หรือว่า 13‘แม้ว่าบาลาคจะประทานเงินและทองเต็มวังของพระองค์แก่ข้า ข้าก็ไม่อาจจะทำอะไรนอกเหนือพระบัญชาของพระยาห์เวห์ และไม่อาจจะทำดีหรือชั่วตามใจข้า พระยาห์เวห์ตรัสอย่างไร ข้าก็พูดอย่างนั้น’? 14นี่แน่ะ บัดนี้ข้าพระบาทจะกลับไปยังชนชาติของข้าพระบาท มาเถิด ข้าพระบาทจะสำแดงให้ฝ่าพระบาททรงทราบว่า ชนชาตินี้จะทำอะไรกับชนชาติของฝ่าพระบาทในวันข้างหน้า”
คำทำนายที่สี่ของบาลาอัม
15เขาก็กล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า
“คำพยากรณ์ของบาลาอัมบุตรเบโอร์
คำพยากรณ์ของชายที่ตาสว่าง
16คำพยากรณ์ของผู้ที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้า
และรู้ถึงพระปัญญาขององค์ผู้สูงสุด
ผู้ที่ได้เห็นนิมิตขององค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
ผู้ล้มลง แต่นัยน์ตากลับไม่ถูกบดบัง
17ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ไม่ใช่ในเวลานี้
ข้าพเจ้ามองดูเขา แต่ไม่ใช่จากระยะใกล้ตัว
ดาวดวงหนึ่งจะออกมาจากยาโคบ
และพระคทาอันหนึ่งจะมาจากอิสราเอล
แล้วจะทุบหน้าผากของโมอับ
และทำลายเผ่าพันธุ์ทั้งหมดของเชท
18ส่วนเอโดมจะตกเป็นมรดก
เสอีร์จะตกเป็นมรดกของพวกศัตรูของเขา
แต่อิสราเอลจะสร้างวีรกรรม
19ผู้หนึ่งจากยาโคบจะครอบครอง
และเขาจะทำลายชาวเมืองที่รอดตาย”
20และบาลาอัมมองดูพวกคนอามาเลข แล้วกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า
“อามาเลขเป็นที่หนึ่งของประชาชาติ
แต่บั้นปลายของเขาคือการถูกทำลาย”
21และเขามองดูคนเคไนต์ แล้วกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า
“ที่อาศัยของเจ้ามั่นคงถาวร
และรังของเจ้าอยู่ในหินผา
22ถึงอย่างไรคนเคไนต์ก็จะถูกทำลายล้าง
พวกอัสชูรจะกวาดเจ้าไปเป็นเชลยนานเท่าไร?”
23และบาลาอัมกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า
“อนิจจาเอ๋ย เมื่อพระเจ้าทรงทำเช่นนี้ใครจะอยู่ได้
24แต่เรือจะมาจากชายฝั่งคิทธิม
ทำลายอัสชูรและเอเบอร์
และเขาเองก็จะถูกทำลายด้วย”
25แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นกลับไปยังที่อยู่ของเขา และบาลาคก็ทรงไปตามทางของพระองค์ด้วย
กันดารวิถี 25
การกราบไหว้พระบาอัลเปโอร์
1เมื่ออิสราเอลพักอยู่ในเมืองชิทธีม ประชาชนก็เริ่มเล่นชู้กับหญิงชาวโมอับ 2หญิงพวกนี้ก็ชวนประชาชนให้ถวายเครื่องบูชาต่อพระของพวกนาง ประชาชนก็กินและกราบไหว้พระของพวกนาง 3ดังนั้นอิสราเอลก็เข้าถือพระบาอัลแห่งเปโอร์ และพระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธต่อคนอิสราเอล 4แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงเอาหัวหน้าทั้งหมดของประชาชนฆ่าและตากแดดไว้เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพื่อว่าพระพิโรธรุนแรงของพระยาห์เวห์จะหันไปจากอิสราเอล” 5และโมเสสบอกบรรดาผู้พิพากษาของอิสราเอลว่า “ท่านทุกคนจงฆ่าคนของท่านที่เข้าถือพระบาอัลแห่งเปโอร์เสีย”
6และดูสิ มีชายอิสราเอลคนหนึ่งพาหญิงมีเดียนคนหนึ่งเข้ามาในครอบครัวต่อหน้าโมเสส และต่อหน้าชุมนุมชนทั้งหมดของอิสราเอล ในขณะที่เขาทั้งหลายกำลังร้องไห้อยู่ที่ประตูเต็นท์นัดพบ 7เมื่อฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ บุตรของปุโรหิตอาโรนเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นไปจากชุมนุมชน และถือทวนอยู่ในมือ 8เขาตามหลังชายอิสราเอลคนนั้นเข้าไปในเต็นท์ แล้วแทงเขาทั้งคู่จนทะลุ คือทะลุตัวชายอิสราเอลและเข้าท้องของหญิงคนนั้น และภัยพิบัติในอิสราเอลก็หยุด 9แต่คนที่ตายด้วยภัยพิบัติมีถึง 24,000 คน
10พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 11“ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ บุตรของปุโรหิตอาโรนได้ยับยั้งความกริ้วของเราต่อคนอิสราเอล ในการที่เขาหวงแหนด้วยความหวงแหนของเราท่ามกลางเขาทั้งหลาย ดังนั้นเราจึงไม่ได้เผาผลาญคนอิสราเอลด้วยความหวงแหนของเรา 12ฉะนั้นจงประกาศว่า ‘เราให้พันธสัญญาแห่งสันติแก่เขา 13พันธสัญญานั้นจะเป็นของเขาและเชื้อสายของเขาที่มาภายหลัง เป็นพันธสัญญาของตำแหน่งปุโรหิตอันถาวร เพราะเขาหวงแหนเพื่อพระเจ้าของเขา และได้ลบมลทินบาปคนอิสราเอล’ ”
14ชายอิสราเอลคนที่ถูกฆ่าพร้อมกับหญิงชาวมีเดียนนั้นชื่อว่าศิมรี บุตรของสาลู ผู้นำสกุลคนหนึ่งในเผ่าสิเมโอน 15ส่วนชื่อของหญิงชาวมีเดียนผู้ถูกฆ่าคือ คอสบีบุตรหญิงของศูร์ ซึ่งเป็นผู้นำสกุลคนหนึ่งในมีเดียน
16พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 17“จงก่อกวนคนมีเดียน และฆ่าพวกเขา 18เพราะพวกเขาก่อกวนเจ้าทั้งหลายด้วยการล่อลวง คือเขาล่อลวงพวกเจ้าในเรื่องเปโอร์ และเรื่องคอสบีน้องสาวของพวกเขาซึ่งเป็นบุตรีของหัวหน้าคนมีเดียน นางถูกฆ่าตายในวันที่เกิดภัยพิบัติเนื่องจากเรื่องเปโอร์”
กันดารวิถี 26
การทำสำมะโนครัวคนอิสราเอลรุ่นใหม่
1ภายหลังภัยพิบัติ พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสส และเอเลอาซาร์บุตรของปุโรหิตอาโรนว่า 2“จงทำสำมะโนครัวชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปตามสกุลของเขา คือทุกคนในอิสราเอลที่ออกรบได้” 3โมเสสกับเอเลอาซาร์ปุโรหิตกล่าวกับเขาทั้งหลาย ณ ที่ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนตรงข้ามเมืองเยรีโคว่า 4“จงทำสำมะโนครัวประชาชนอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสส” คนอิสราเอลที่ออกจากแผ่นดินอียิปต์ คือ
5รูเบน บุตรหัวปีของอิสราเอล บุตรของรูเบนคือ ฮาโนคคนตระกูลฮาโนค ปัลลูคนตระกูลปัลลู 6เฮสโรนคนตระกูลเฮสโรน คารมีคนตระกูลคารมี
7เหล่านี้เป็นตระกูลของคนรูเบน พวกเขามีจำนวน 43,730 คน
8และบุตรของปัลลูคือ เอลีอับ 9บุตรของเอลีอับคือ เนมูเอล ดาธาน และอาบีรัม ดาธานและอาบีรัมก็คือคนที่ได้รับเลือกจากชุมนุมชน และเป็นผู้ต่อสู้โมเสสกับอาโรน โดยเข้ากับพวกโคราห์ เมื่อพวกเขาต่อสู้พระยาห์เวห์ 10และแผ่นดินได้อ้าปากกลืนเขาทั้งสองพร้อมกับโคราห์ ในเวลานั้นที่พวกนั้นตาย และเวลานั้นที่ไฟเผาผลาญ 250 คน และเขาทั้งหลายกลายเป็นเครื่องเตือนใจ 11แต่บุตรทั้งหลายของโคราห์นั้นไม่ตาย
อรรถาธิบาย
การล่อลวงต่างๆ
เหตุการณ์ที่เราอ่านในวันนี้เป็น ‘เครื่องเตือนใจ’ (26:10) อย่างที่เราได้เห็น เมื่อเปาโลเขียนเกี่ยวกับการ ทดลอง (1 โครินธ์ 10) เขาอ้างถึงพระคำตอนนี้ในพระธรรมกันดารวิถี และกล่าวว่าสิ่งที่เขียนไว้ที่นี่เป็น ‘คำเตือน’
‘เหล่านี้ทั้งสิ้นเป็นเครื่องเตือนใจในหนังสือประวัติศาสตร์ของเราว่า อันตราย! ซึ่งเขียนไว้เพื่อที่เราจะไม่ทำ ผิดซ้ำอีก... เราก็สามารถทำให้ยุ่งเหยิงอย่างที่พวกเขาเคยทำ... ท่านสามารถล้มคว่ำลงอย่างง่ายดายเหมือน คนอื่น ๆ จงลืมว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว เพราะมันไม่มีประโยชน์ จงปลูกฝังความมั่นคงของพระเจ้า’ (1 โครินธ์ 10:11-12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เราได้รับการเตือนเรื่องอะไร? การทดลองเหล่านี้คืออะไร?
1.\tวิทยาคม
‘วิทยาคม ’ (บางครั้งแปลว่าคำทำนาย) หมายถึงการใช้พลังวิเศษเหนือธรรมชาติซึ่งไม่ได้มาจากพระเจ้า เพื่อค้นหาบางสิ่ง หรือทำบางอย่างให้เกิดขึ้น ทุกวันนี้เราจะเห็นถึงการใช้โหราศาสตร์ ไพ่ทาโรต์ หมอดู ผีถ้วยแก้ว การดูลายมือ และอื่น ๆ ผู้คนต้องการที่จะรู้ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่มีปัญหา บางครั้งพวกเขาจะหันหน้าไปหาวิธีที่ผิดเหล่านี้
ชีวิตของบาลาอัมเป็นการผสมผสานกันที่แปลก บางครั้งเขาก็สามารถแสดงออกภายใต้การดลใจของ ‘พระวิญญาณของพระเจ้า’ (กันดารวิถี 24:2) เขาได้กล่าวหนึ่งในคำพยากรณ์ของ พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ‘ดาวดวงหนึ่งจะออกมาจากยาโคบ และพระคทาอันหนึ่งจะมาจากอิสราเอล... ผู้หนึ่งจากยาโคบจะครอบครอง’ (ข้อ 17-19; ดูใน มัทธิว 2:1-10) พระเยซูทรงอธิบายถึงพระองค์เองว่าเป็น ‘ดาวประจำรุ่งอันสุกใส’ (วิวรณ์ 22:16)
อย่างไรก็ตามบาลาอัมถูกประณามในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เราจะได้เห็นถึงสาเหตุต่อไปนี้ เขาเป็นนักเล่นคาถาอาคม โดยปกติแล้วเขาจะได้รับ ‘ค่าทำอาถรรพ์’ (กันดารวิถี 22:7) และได้รับรางวัลอย่างงามสำหรับการสาปแช่งของเขา (24:11) ช่วงเวลาที่เขากระทำการภายใต้พระวิญญาณของพระเจ้าเป็นข้อยกเว้น มีบางครั้งที่ ‘เขาก็ไม่ไปแสวงหาอาคมอย่างครั้งก่อน ๆ’ (ข้อ 1)
2.\tผิดศีลธรรม
ผู้คนตกอยู่ในการผิดศีลธรรมทางเพศ ‘ประชาชนก็เริ่มเล่นชู้กับหญิงชาวโมอับ’ (25:1) พวกเขาทั้งหลายถูกหลอก (ข้อ 18) การพิพากษาของพระเจ้ามายังพวกเขา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งในผู้นำของพวกเขา คือศิมรี ‘ผู้นำสกุลคนหนึ่งในเผ่าสิเมโอน’ (ข้อ 14) การผิดศีลธรรมทางเพศไม่ใช่การล่อลวงที่ผู้นำคริสตจักรจะได้รับการยกเว้น ถ้าผู้นำผิดพลาดมันจะรุนแรงและเสียหายยิ่งกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอิทธิพลของพวกเขา
3.\tสิ่งทดแทนพระเจ้า
ประชาชนไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า พวกเขานมัสการและก้มกราบพระอื่น พวกเขา ‘เข้าถือพระบาอัล แห่งเปโอร์’ (ข้อ 3, 5) รูปเคารพนั้นกว้างกว่ารูปปั้นพระอื่น รูปเคารพเป็นสิ่งทดแทนพระเจ้า สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นซึ่งเราปรนนิบัติเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตของเราแทนที่จะปรนนิบัติองค์พระผู้ สร้าง (ดูใน โรม 1:25)
อัครทูตเปาโลเตือนเราถึงอันตรายของการตกลงในการทดลองแบบเดียวกัน แต่จบลงด้วยคำพูดที่หนุนใจคือ:
‘ไม่มีการทดสอบหรือการทดลองใด ๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับผู้อื่น... พระเจ้าจะไม่ทรงทำให้พวกท่านผิดหวัง พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะ ทนได้ พระองค์จะทรงอยู่เพื่อช่วยให้ท่านผ่านพ้นไปได้’ (1 โครินธ์ 10:13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
ลูกา 7:11-35
ในที่นี้เราจะเห็นถึงความเมตตาและฤทธิ์เดชอันพิเศษของพระเยซู มารดาผู้ที่ซึ่งบุตรชายของเธอเพิ่งตาย เธอเป็นหญิงม่าย ต้องพบกับความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เพิ่งสูญเสียสามีของเธอไป เป็นไปได้ที่นางเป็น คนขัดสนด้วย เพราะไม่มีใครเลี้ยงดูเธอและครอบครัวของเธอ ไม่มีรัฐสวัสดิการ
ความปีติยินดีที่ท่วมท้นมาจากเมื่อพระเยซูรักษาบุตรชายของนาง และมอบเขากลับคืนมาให้นาง
ข้อพระคำประจำวัน
ลูกา 7:13
‘เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นมารดาคนนั้น พระองค์ทรงสงสารนาง...’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)