ตาของฉันมองเห็นแล้ว
เกริ่นนำ
ราวกับว่าผมตาบอด ผมเคยได้ยินหลาย ๆ ครั้งว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของเรา แต่ผมไม่เคยมองเห็น ผมเคยตาบอดทางจิตวิญญาณ แต่เมื่อผมได้เข้าใจถึงความหมายของไม้กางเขน ตาของผมก็เปิดออก
ตั้งแต่นั้นมา ผมได้สังเกตเห็นว่าเมื่อผมพยายามบอกเล่าเรื่องราว ‘การถูกตรึงกางเขนของพระคริสต์’ มีการตอบสนองที่แตกต่างกันไป บางครั้งคนฉลาดกลับมองเห็นได้ (ดูใน 1 โครินธ์ 1:23-25) ในทางตรงกันข้าม ผมมักจะประหลาดใจในความเข้าใจของผู้อื่นรวมทั้งเด็กเล็ก ๆ ด้วย ผู้ใดก็ตามที่เข้าใจชีวิตก็เปลี่ยนไป ‘แต่เราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า’ (1 โครินธ์ 1:18)
ผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าสนใจที่พระธรรมของวันนี้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ หลังจากที่พระเยซูได้ทรงอธิบายถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เราจะได้รู้เรื่องราวของบารทิเมอัสคนตาบอดที่ตามองเห็นได้ (มาระโก 10:46-52) คนตาบอดนั้นทูลพระองค์ว่า ‘ท่านอาจารย์ ขอโปรดให้ตาข้าพระองค์เห็นได้’ (ข้อ 51) พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘“จงไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านหายปกติแล้ว” ทันใดนั้นเขาก็เห็นได้ และเดินตามพระองค์ไป’ (ข้อ 52) คำว่าทำให้หายตรงกับคำในภาษากรีกคือคำว่ารักษา (sozo)
คุณมองเห็นหรือไม่? บทความในวันนี้ช่วยให้เราได้เห็นถึงความสำคัญของการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู
สุภาษิต 6:12-19
12คนถ่อย คนเลว
คือคนที่เที่ยวไปด้วยวาจาคดๆ
13ตาของเขาก็ขยิบ เท้าของเขาก็ขยับ
นิ้วของเขาก็เขยิบชี้ไป
14ความตลบตะแลงในใจเขาคิดประดิษฐ์ความชั่วร้าย
หว่านความแตกร้าวอยู่ทุกเวลา
15เพราะฉะนั้นความหายนะจะมาถึงเขาอย่างฉับพลัน
เขาจะถูกทำลายทันทีโดยไม่มีทางแก้ไข
16มีหกสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์ทรงเกลียด
มีเจ็ดสิ่งซึ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์
17ได้แก่ ดวงตายโส ลิ้นมุสา
และมือที่เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์
18ใจที่คิดแผนเลวร้าย
เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว
19พยานเท็จซึ่งหายใจออกมาเป็นคำมุสา
และคนที่หว่านความแตกร้าวในหมู่พี่น้อง
อรรถาธิบาย
ดูการตอบสนองของพระเจ้าต่อความชั่วร้าย
คุณไม่สามารถเข้าใจในไม้กางเขนได้ถ่องแท้เว้นแต่คุณจะเข้าใจว่าทำไมมันจึงจำเป็น
ให้เราดูการตอบสนองของพระเจ้าที่เป็นปรปักษ์ต่อความบาป ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตได้แสดงสิ่งที่ ‘พระยาห์เวห์ทรงเกลียด’ และที่ ‘น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์’ (ข้อ 16ก) ความหยิ่งยโส การพูดโกหก การฆ่าคนบริสุทธิ์ การคิดแผนชั่วร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว ปากที่พูดเป็นพยานเท็จและคนที่ก่อให้เกิดปัญหาในหมู่พี่น้อง (ข้อ 16-19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเจ้าทรงเป็นความรัก และพระองค์ยังทรงเที่ยงธรรมและบริสุทธิ์อีกด้วย ความบาปที่กล่าวถึงในที่นี้ก่อ ให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ชีวิตของเรา รวมถึงชีวิตของคนอื่น ๆ และสังคม ตัวอย่างเช่น คนที่ ‘หว่านความแตกร้าว’ (ข้อ 19) คิดดูว่าคน ๆ หนึ่งจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับครอบครัว หรือคริสตจักร คนในละแวกบ้านหรือประเทศชาติได้มากเพียงใด
ความเกลียดชังของพระเจ้าไม่เหมือนของเรา มันไม่ได้ประกอบไปด้วยความประสงค์ร้าย ความใจแคบหรือความหลอกลวง แต่เป็นปฏิกิริยาขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้บริสุทธิ์และเปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อความบาป พระพิโรธของพระองค์คือความรักและความบริสุทธิ์ของพระองค์อันเป็นปรปักษ์ต่อความชั่วร้าย
เมื่อเราได้ตระหนักถึงขอบเขตการเป็นศัตรูต่อความบาปของพระเจ้าซึ่งนำไปสู่ไม้กางเขน การตอบสนองที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวที่เราสามารถทำได้คือการกลับใจเข้าหาพระเจ้าโดยการอธิษฐานทูลขอการอภัยและความช่วยเหลือ
คำอธิษฐาน
มาระโก 10:32-52
การทรงพยากรณ์เป็นครั้งที่สาม ถึงการสิ้นพระชนม์ และการคืนพระชนม์ของพระองค์
32ขณะที่กำลังเดินทางขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระเยซูเสด็จนำหน้าพวกเขา พวกสาวกก็พากันประหลาดใจ และคนที่เดินตามมาก็หวาดกลัว พระองค์จึงทรงพาสาวกสิบสองคนแยกออกมาอีก แล้วตรัสให้พวกเขาทราบถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดกับพระองค์นั้นว่า 33“นี่แน่ะ พวกเราจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะทรงถูกมอบไว้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะลงโทษท่านถึงตาย และจะมอบท่านไว้กับบรรดาคนต่างชาติ 34คนต่างชาติเหล่านั้นจะเยาะเย้ยท่าน ถ่มน้ำลายรดท่าน จะเฆี่ยนตีท่านและจะฆ่าท่าน และหลังจากนั้นสามวันแล้วท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่”
คำทูลขอของยากอบและยอห์น
35ยากอบกับยอห์นบุตรของเศเบดีเข้ามาทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพระองค์ทั้งสองอยากจะขอให้พระองค์ทำตามคำทูลขอของพวกข้าพระองค์” 36พระองค์จึงตรัสถามเขาทั้งสองว่า “ท่านทั้งสองอยากจะให้เราทำอะไรให้พวกท่าน?” 37พวกเขาจึงทูลตอบว่า “เมื่อพระองค์จะทรงรับเกียรตินั้น ขอให้พวกข้าพระองค์นั่งที่เบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง เบื้องซ้ายคนหนึ่ง” 38พระเยซูจึงตรัสกับเขาทั้งสองว่า “พวกท่านไม่เข้าใจสิ่งที่พวกท่านขอ ถ้วยที่เราดื่มนั้นพวกท่านดื่มได้หรือ? และบัพติศมาที่เรารับ พวกท่านจะรับได้หรือ?” 39เขาทั้งสองทูลตอบว่า “พวกข้าพระองค์ทำได้” พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้วยที่เราดื่มนั้นพวกท่านจะดื่ม และบัพติศมาที่เรารับนั้นท่านจะรับก็จริง 40แต่การที่จะให้นั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่เราเป็นผู้จัด แต่ให้กับใครก็จะให้แก่คนนั้น” 41เมื่อสาวกสิบคนได้ยินเรื่องนี้ก็มีความขุ่นเคืองยากอบและยอห์น 42พระเยซูจึงทรงเรียกเขาทั้งหลายมาตรัสว่า “ท่านทั้งหลายรู้อยู่แล้วว่า คนที่นับว่าเป็นผู้ครอบครองของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้านายอยู่เหนือเขาทั้งหลาย และพวกที่เป็นใหญ่ก็ใช้อำนาจบังคับพวกเขา 43ในพวกท่านจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามีใครต้องการจะเป็นใหญ่ท่ามกลางท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่านทั้งหลาย 44และถ้าใครต้องการจะเป็นนายภาษากรีกแปลตรงตัวว่า เป็นคนแรก คนนั้นจะต้องเป็นทาสของคนทั้งหลาย 45เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก”
การทรงรักษาบารทิเมอัสคนตาบอด
46พระเยซูกับพวกสาวกมายังเมืองเยรีโค และขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับพวกสาวกและฝูงชน มีคนตาบอดคนหนึ่งชื่อ บารทิเมอัส บุตรของทิเมอัส นั่งขอทานอยู่ริมทาง 47เมื่อคนนั้นได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธเสด็จมา จึงร้องเสียงดังว่า “เยซู บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด” 48มีหลายคนห้ามปรามบอกให้เขาเงียบ แต่เขายิ่งร้องเสียงดังว่า “บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด” 49พระเยซูทรงหยุดและยืนอยู่ แล้วตรัสว่า “ไปเรียกคนนั้นมา” พวกเขาจึงเรียกคนตาบอดนั้น กล่าวกับเขาว่า “จงยินดีและลุกขึ้นเถิด พระองค์ทรงเรียกท่าน” 50คนนั้นก็ทิ้งผ้าห่ม ลุกขึ้นมาหาพระเยซู 51พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า “ท่านต้องการจะให้เราทำอะไรให้ท่าน?” คนตาบอดนั้นทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ ขอโปรดให้ตาข้าพระองค์เห็นได้” 52พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านหายปกติแล้ว” ทันใดนั้นเขาก็เห็นได้ และเดินตามพระองค์ไป
อรรถาธิบาย
ดูผลของไม้กางเขน
ถ้าพระเยซูตรัสถามคุณว่า ‘ท่านต้องการจะให้เราทำอะไรให้ท่าน?’ คุณจะตอบพระองค์อย่างไร? พระธรรมตอนนี้พระเยซูตรัสถามคำถามนี้ถึงสองครั้ง (ข้อ 36,51) พวกสาวกได้ให้คำตอบที่ผิด (ข้อ 37) บารทิเมอัสได้ ให้คำตอบที่ถูกต้อง เขาตอบว่า ‘ขอโปรดให้ตาข้าพระองค์เห็นได้’ (ข้อ 51)
คนบางคนก็มองไม่เห็น บางคนอธิบายการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูว่าเป็นสิ่งที่ ‘ไม่คาดคิดและน่าเศร้า’ แต่ในความเป็นจริงแล้วได้มีการวางแผน คาดการณ์และพยากรณ์ไว้แล้ว
พระคำตอนนี้ในพระธรรมมาระโก (ข้อ 32-34) เป็นคำพยากรณ์ครั้งที่สามและละเอียดที่สุดที่พระเยซูทรงตรัสเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เป็นการสำแดงให้เราเห็นว่าพระเยซูทรงคาดหวังถึงการสิ้นพระชนม์และการคืนพระชนม์ของพระองค์เอง (ข้อ 33-34) การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ไม่ใช่เรื่องที่ไม่คาดคิด แต่เป็นการเลือกโดยเจตนา ซึ่งไม่อาจจบลงด้วยโศกนาฏกรรม แต่เป็น*ชัยชนะ *
ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงเข้าใจอย่างชัดเจนถึงจุดประสงค์และผลลัพธ์ของการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ‘เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่า ไถ่คนจำนวนมาก’ (ข้อ 45)
เบื้องหลังของความเข้าใจของพระเยซูในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์รวมถึงในอิสยาห์ 53 อันเป็นเรื่องราว ของหนึ่งใน ‘ผู้รับใช้ที่ทุกข์ยาก' เราได้เห็นถึงหลักฐานที่ชัดเจนว่าพระเยซูทรงเห็นถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ในแง่มุมของ ‘ผู้รับใช้ที่ทุกข์ยาก’
1.\tความทุกข์ยาก
ทำไมพระเยซูจึงเสด็จลงมาในโลกนี้? พระองค์ทรงเข้าใจว่าจุดประสงค์ทั้งหมดของภารกิจของพระองค์ คือ ความทุกข์ยาก นี่คือเหตุผลที่พระองค์ ‘มา’ (มาระโก 10:45ข) พระองค์มาเพื่อให้ชีวิตของพระองค์แก่คุณและผม
2.\tผู้รับใช้
พระเยซูใช้สำนวนว่า ‘การปรนนิบัติ’ (ข้อ 45ก) พระองค์ทรงมองพระองค์เองเป็นดั่ง ‘ผู้รับใช้’ พระองค์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะ‘ปรนนิบัติ’ ในสำนวนว่า ‘เพื่อให้ชีวิตของพระองค์’ (ข้อ 45ข) สะท้อนคำว่าผู้รับใช้ในอิสยาห์ 53:10 (‘เมื่อชีวิตของท่านเป็นเครื่องบูชา ลบล้างบาป’) และอิสยาห์ 53:12 (‘เขาเทตัวของเขาลงถึงความมรณะ’)
3.\tผู้ช่วยให้รอด
คำว่า ‘ค่าไถ่’ (มาระโก 10:45ข) ใช้กับพวกเชลยศึกและทาสหมายถึงราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการไถ่ (กันดารวิถี 18:15-16) มันคือการจ่ายราคาเพื่อปลดปล่อยเชลยให้เป็นอิสระ การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูช่วยไถ่คุณและผมโดยการปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระ
4.\tแทนที่
คำที่แปลว่า ‘เพื่อ’ ในมาระโก 10:45 คือคำว่า anti ในภาษากรีกซึ่งหมายถึง ‘แทนที่’ และแสดงถึง แนวคิดของการแทนที่ เป็นแนวคิดของการทนทุกข์แทนเราซึ่งได้เน้นย้ำในอิสยาห์ 53 พระเยซูใช้คำนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์เชื่อว่าการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ไม่ได้เป็นไปโดยบังเอิญ หรือเพราะความบาปของพระองค์เอง แต่ทนทุกข์ยาก ‘แทนที่’ ผู้อื่นซึ่งต้องทนทุกข์ยาก
ยิ่งไปกว่านั้น พระเยซูทรงเข้าใจการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ในแง่ของการอุปมาเปรียบดังถ้วย (มาระโก 10:38) พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมกล่าวถึงถ้วยแห่ง ‘พระพิโรธ’ ต่อความบาปของพระเจ้า พระเยซูทรงตรัสถึง ‘ถ้วยที่เราดื่ม’ (ข้อ 38) พระองค์ทรงเห็นว่าพระองค์เองกำลังดื่มถ้วยแห่งพระพิโรธของพระเจ้าที่มีต่อความบาปแทนเรา
พระเยซูทรงเอาชนะความบาป ความชั่วร้าย และความตายด้วยการสิ้นพระชนม์และการคืนพระชนม์ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้คุณจึงได้รับการอภัย ปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากความผิด ความอับอาย และการเสพติด คุณมั่นใจได้ถึงชัยชนะอันสูงสุดของความดีที่มีเหนือความชั่วร้าย คุณไม่จำเป็นต้องกลัวอนาคต ความตายนั้นได้พ่ายแพ้แล้ว
เมื่อพระเยซูตรัสถามสาวกของพระองค์ว่า ‘ท่านต้องการจะให้เราทำอะไรให้ท่าน?’ แต่พวกเขากลับให้คำตอบ ที่ไม่ถูกต้อง พวกเขาต้องการตำแหน่ง (ข้อ 37) นี่มักจะเป็นสิ่งล่อลวงสำหรับผู้นำคริสเตียนที่จะแข่งขันกันเอง เพื่อตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุด
เราถูกเรียกให้ติดตามพระเยซู รับใช้พระองค์และรับใช้ซึ่งกันและกัน ความทะเยอทะยานทางจิตวิญญาณนั้นไม่ใช่สิ่งผิด แต่มีความเป็นไปได้ที่จะมีความทะเยอทะยานทางจิตวิญญาณในทางที่ผิด นี่อาจเป็นการแสวงหาชื่อเสียงของตนเองมากกว่าเป็นความทะเยอทะยานเพื่อพระเยซู พระเยซูตรัสว่า ‘ถ้ามีใครต้องการจะเป็น ใหญ่ท่ามกลางท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่านทั้งหลาย’ (ข้อ 43)
แน่นอนว่าสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ แรงจูงใจของเรามักจะผสมกัน เมื่อเราเป็นเหมือนเหล่าสาวกซึ่งถูกล่อลวง ให้แสวงหาตำแหน่ง โอกาส ค่าตอบแทน และความมีชื่อเสียงของเราเอง พระเยซูตรัสเพียง 4 คำกับเรา ‘ในพวกท่านจะไม่เป็นเช่นนั้น’ (Not so with you) (ข้อ 43) คุณถูกเรียกให้รับใช้เพราะนี่เป็นรูปแบบของ พระเยซูที่ทรงรับใช้
เสื้อผ้าของเหล่าสาวกแท้ไม่ใช่เสื้อคลุมสีม่วงของกษัตริย์ แต่เป็นมงกุฎหนามของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เป็นเรื่องของไม้กางเขน ไม่ใช่เรื่องของบัลลังก์ เป็นการสละชีวิตเพื่อผู้อื่น
ให้เราดูตัวอย่างของบารทิเมอัสที่ร้องขอความเมตตาจากพระเยซู (ข้อ 47) พระเยซูทรงตอบเสมอเมื่อคุณร้องขอความเมตตา บารทิเมอัสทูลขอการมองเห็น ดวงตาของเขาก็เปิดออกและเขาได้เห็นพระเยซู
ขอพระเจ้าให้เปิดตาของคุณให้ได้เห็นพระเยซู และได้เข้าใจว่าสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำไปทั้งหมดผ่านการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขนนั้นเพื่อคุณ
คำอธิษฐาน
เลวีนิติ 5:14-7:10
เครื่องบูชาชดใช้บาป
14พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 15“ถ้าผู้ใดทำการไม่ซื่อตรง และทำบาปโดยไม่เจตนาต่อบรรดาสิ่งบริสุทธิ์ของพระยาห์เวห์ ให้ผู้นั้นนำแกะตัวผู้ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องบูชาชดใช้บาปมาถวายแด่พระยาห์เวห์ ให้เจ้าประเมินราคาเป็นเงินเชเขลเงินหนึ่งเชเขลมีค่าเท่ากับเงินหนักประมาณ 12 กรัมตามเชเขลของสถานนมัสการ เป็นเครื่องบูชาชดใช้บาป 16ผู้นั้นต้องชดใช้ความผิดที่เขาทำต่อสิ่งบริสุทธิ์ และเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคาของสิ่งบริสุทธิ์นั้น นำมามอบให้แก่ปุโรหิต และปุโรหิตจะลบล้างบาปของเขาด้วยแกะตัวผู้ ที่ถวายเป็นเครื่องบูชาชดใช้บาป และเขาจะได้รับการอภัย
17“ถ้าผู้ใดทำผิด คือทำผิดพระบัญญัติข้อหนึ่งข้อใดของพระยาห์เวห์ที่ทรงห้ามทำ ถึงแม้ทำโดยไม่รู้ตัว เขามีความผิด จะต้องรับโทษความผิดของเขา 18ให้ผู้นั้นนำแกะตัวผู้ปราศจากตำหนิมาจากฝูงให้ปุโรหิต ตามที่เจ้าได้ประเมินราคา เป็นเครื่องบูชาชดใช้บาป ปุโรหิตจะลบล้างบาปของเขาตามความผิดซึ่งเขาได้ทำโดยไม่เจตนานั้น และเขาจะได้รับการอภัย 19เครื่องบูชานี้เป็นเครื่องบูชาชดใช้บาป เพราะเขาได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์”
เลวีนิติ 6
1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 2“ผู้ใดทำบาปและทำการไม่ซื่อตรงต่อพระยาห์เวห์ ด้วยการหลอกลวงเพื่อนบ้านในเรื่องของฝากหรือของประกัน หรือทางการโจรกรรม หรือถ้าเขาได้บีบบังคับเพื่อนบ้าน 3หรือพบสิ่งที่หายไปแล้วแต่ไม่ยอมรับ และสาบานตนเป็นความเท็จ หรือทำความผิดใดๆ ที่มนุษย์ทำ 4เมื่อผู้ใดได้ทำบาป และสำนึกผิดแล้ว ก็ให้ผู้นั้นคืนของที่ได้มาทางการโจรกรรมเสีย หรือสิ่งใดที่เขาได้มาด้วยการบีบบังคับ หรือสิ่งที่ฝากเขาไว้ หรือสิ่งสูญหายที่เขาได้พบเข้า 5หรือสิ่งใดๆ ที่เขาได้สาบานเท็จไว้ ให้เขาคืนให้เต็มตามจำนวน และให้เพิ่มอีกหนึ่งในห้า และมอบให้แก่เจ้าของในวันที่เขาถวายเครื่องบูชาชดใช้บาป 6ให้ผู้นั้นนำแกะตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิมาจากฝูงเป็นเครื่องบูชาชดใช้บาปถวายแด่พระยาห์เวห์ มามอบให้ปุโรหิต หรือนำเงินที่มีค่าเท่ากับแกะตัวผู้ตามการประเมินราคาเพื่อเป็นค่าชดใช้บาป 7ปุโรหิตจะลบล้างบาปของเขาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และเขาจะได้รับการอภัยในสิ่งที่เขาได้ทำไปซึ่งทำให้เขามีความผิด”
กฎอื่นๆ ในการถวายบูชา
8พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 9“จงบัญชาอาโรนและบุตรของเขาว่า ต่อไปนี้เป็นกฎเรื่องเครื่องบูชาเผาทั้งตัว เครื่องบูชาเผาทั้งตัวนั้นจะต้องเผาบนแท่นตลอดคืนจนรุ่งเช้า จงให้ไฟบนแท่นเผาเครื่องบูชาลุกอยู่ตลอดเวลา 10ให้ปุโรหิตสวมเสื้อผ้าป่านและสวมกางเกงผ้าป่าน และให้ตักมูลเถ้าจากเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ถูกไฟเผาไหม้บนแท่น และให้นำไปไว้ข้างแท่น 11ให้เขาถอดเสื้อตำแหน่งที่สวมอยู่ออก แล้วสวมเสื้ออีกชุดหนึ่ง นำมูลเถ้าออกไปนอกค่ายยังที่ไม่เป็นมลทิน 12ให้เขารักษาไฟบนแท่นให้ลุกอยู่ ห้ามให้ไฟดับเป็นอันขาด ให้ปุโรหิตใส่ฟืนทุกเช้าและเรียงเครื่องบูชาเผาทั้งตัวให้เป็นระเบียบไว้บนแท่น และเผาไขมันของเครื่องศานติบูชาบนนั้น 13เขาจะต้องดูแลให้ไฟติดอยู่บนแท่นตลอดเวลา ห้ามให้ไฟดับเป็นอันขาด
14“ต่อไปนี้เป็นกฎของการถวายธัญบูชา ให้บรรดาบุตรของอาโรนถวายเครื่องบูชานี้เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ที่หน้าแท่นบูชา 15ให้ปุโรหิตคนหนึ่งหยิบแป้งอย่างดีกำมือหนึ่งจากธัญบูชากับน้ำมันที่วางไว้และเครื่องกำยานทั้งหมดซึ่งอยู่บนธัญบูชา และเผาส่วนนี้บนแท่นเป็นส่วนอนุสรณ์ เป็นกลิ่นพอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ 16ส่วนที่เหลือให้อาโรนและบรรดาบุตรของเขารับประทาน ให้เป็นขนมไร้เชื้อรับประทานในวิสุทธิสถาน รับประทานในลานของเต็นท์นัดพบ 17ห้ามปิ้งโดยใส่เชื้อในขนมนั้น เราได้ให้ส่วนนี้เป็นส่วนเครื่องบูชาด้วยไฟของเราซึ่งสงวนให้พวกเขา เป็นของถวายที่บริสุทธิ์ที่สุดเช่นเดียวกับเครื่องบูชาลบล้างบาป และเครื่องบูชาชดใช้บาป 18ให้บุตรทั้งหลายของอาโรนรับประทานสิ่งนี้ จากเครื่องบูชาด้วยไฟของพระยาห์เวห์ เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วชาติพันธุ์ของท่านทั้งหลาย ผู้ใดที่ถูกต้องสิ่งเหล่านี้จะบริสุทธิ์”
19พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 20“ต่อไปนี้เป็นเครื่องบูชาที่อาโรนและบุตรทั้งหลายของเขาจะนำมาถวายแด่พระยาห์เวห์ในวันที่เขารับการเจิม คือแป้งอย่างดีหนึ่งกิโลกรัมเป็นธัญบูชาประจำให้ถวายตอนเช้าครึ่งหนึ่ง ตอนเย็นครึ่งหนึ่ง 21เคล้ากับน้ำมันจนเข้ากันดีแล้วทอดความหมายในภาษาฮีบรูไม่ชัดเจนบนเหล็ก ทำเป็นแผ่นเหมือนธัญบูชา แล้วถวายเป็นกลิ่นพอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ 22ให้ปุโรหิตจากบรรดาบุตรของอาโรนผู้รับการเจิมตั้งแทนเขาถวายสิ่งนี้แด่พระยาห์เวห์เป็นกฎเกณฑ์สืบไปเนืองนิตย์ ให้เผาเครื่องบูชาทั้งหมด 23ธัญบูชาของปุโรหิตทุกอย่างให้เผาจนหมด ห้ามรับประทาน”
24พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 25“จงกล่าวแก่อาโรนและบุตรของเขาว่า ต่อไปนี้เป็นกฎการถวายเครื่องบูชาลบล้างบาป คือให้ฆ่าสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปในที่สำหรับฆ่าสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด 26ให้ปุโรหิตผู้ถวายเครื่องบูชาลบล้างบาปจะรับประทานสัตว์นั้น ให้เขารับประทานในวิสุทธิสถาน ในลานเต็นท์นัดพบ 27ผู้ใดแตะต้องเนื้อสัตว์นั้นจะบริสุทธิ์ เมื่อประพรมและมีเลือดติดเสื้อ ก็ให้ซักเสื้อตำแหน่งส่วนที่มีเลือดติดนั้นในวิสุทธิสถาน 28จงทำให้ภาชนะดินที่ใช้ต้มเนื้อนั้นแตก ถ้าต้มในภาชนะทองสัมฤทธิ์ก็ให้ขัดและล้างเสียด้วยน้ำ 29ให้ผู้ชายทุกคนที่เป็นปุโรหิตรับประทานได้ เป็นของบริสุทธิ์ที่สุด 30แต่เครื่องบูชาลบล้างบาปซึ่งปุโรหิตนำเลือดเข้าไปในเต็นท์นัดพบเพื่อลบมลทินในวิสุทธิสถานนั้น ห้ามรับประทาน แต่ให้เผาไฟเสีย
เลวีนิติ 7
1“ต่อไปนี้เป็นกฎเรื่องเครื่องบูชาชดใช้บาป เป็นของถวายที่บริสุทธิ์ที่สุด 2ให้พวกเขาฆ่าสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชาชดใช้บาปในที่สำหรับฆ่าสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และให้นำเลือดสัตว์นั้นประพรมที่แท่นและทุกด้านของแท่น 3และให้เอาไขมันของสัตว์นั้นถวายบูชาเสียทั้งหมดด้วย คือหางอ้วนใหญ่ ไขมันที่หุ้มเครื่องใน 4ไตสองไตพร้อมกับไขมันที่ติดอยู่กับไตซึ่งอยู่ตรงบั้นเอว และให้เขาตัดไขที่อยู่เหนือตับนั้นออกพร้อมกับไต 5ให้ปุโรหิตเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์ เป็นเครื่องบูชาชดใช้บาป 6ให้ผู้ชายทุกคนที่เป็นปุโรหิตรับประทาน ให้รับประทานในวิสุทธิสถานเป็นของถวายที่บริสุทธิ์ที่สุด 7เครื่องบูชาชดใช้บาปก็เหมือนเครื่องบูชาลบล้างบาป มีกฎอย่างเดียวกัน ปุโรหิตผู้ทำพิธีถวายเครื่องบูชาลบมลทินจะได้เครื่องบูชานั้น 8ปุโรหิตถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวของผู้ใด ปุโรหิตผู้นั้นย่อมได้หนังของเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ตนถวาย 9เครื่องธัญบูชาทุกอย่างที่ปิ้งในเตาอบ และทั้งหมดซึ่งเตรียมในกระทะหรือที่เหล็กให้ตกเป็นของปุโรหิตผู้ถวายของเหล่านั้น 10ธัญบูชาทุกอย่างที่เคล้าน้ำมันหรือไม่เคล้าจะตกเป็นของบรรดาบุตรอาโรนเท่าเทียมกัน
อรรถาธิบาย
ดูสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
อีกครั้งที่เราได้เห็นถึงเบื้องหลังความเข้าใจของพระเยซูที่มีต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ‘เครื่องบูชาชดใช้บาป’ ถวายเป็น ‘เครื่องบูชา’ (5:15) สำหรับชดใช้ความบาป สิ่งนี้นำไปสู่การได้รับการอภัย (ข้อ 16) และรวมถึงเลือดสัตว์ที่นำมาประพรม (7:2) นี่เป็นเงาสะท้อนล่วงหน้าถึงสิ่งที่พระเยซูจะทรงกระทำบนไม้กางเขนเพื่อคุณและผม
เมื่อผมเริ่มจะเข้าใจเบื้องหลังพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและความร้ายแรงของบาปของตัวผมเอง ผมก็เริ่มที่จะเข้าใจมากขึ้นถึงความยิ่งใหญ่ของการสละพระองค์เป็นเครื่องบูชาที่พระเยซูได้ทรงกระทำเพื่อผม เมื่อพระเยซูทรงรับการลงโทษบาปจากพระเจ้าแทนผมด้วยพระกายพระองค์เอง พระองค์ทรงทำให้ผมได้รับการอภัยและมีประสบการณ์ในชีวิตที่ครบบริบูรณ์
ประสบการณ์ของผมนั้นคล้ายกับบารทิเมอัสคนตาบอด การตาบอดของผมนั้นไม่ใช่ทางร่างกาย แต่เป็นทางจิตวิญญาณ เช่นเดียวกันกับเขาผมได้ร้องออกมาว่า ‘พระเยซู...ขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด’ (มาระโก 10:47-48) ผมจึงได้มองเห็นและติดตามพระเยซูไป ไม่ใช่สิ่งที่ผมได้รับมาเปล่าๆ แต่เป็นของขวัญที่ผมได้รับโดยความเชื่อ เหมือนที่พระเยซูทรงตรัสกับบารทิเมอัส ‘จงไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านหายปกติแล้ว’ (ข้อ 52)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
เลวีนิติ 6:4
‘ให้ผู้นั้นคืนของที่ได้มาทางการโจรกรรมเสีย หรือสิ่งใดที่เขาได้มาด้วยการบีบบังคับ หรือสิ่งที่ฝากเขาไว้ หรือสิ่งสูญหายที่เขาได้พบเข้า’
ฉันต้องสารภาพว่ามีร่มมากมายที่ผู้คนได้ลืมไว้ในโบสถ์ และเราก็พบว่ามันมีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ!
ข้อพระคำประจำวัน
มาระโก 10:45
‘...บุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)