วัน 55

คุณให้สิ่งใดกับพระเจ้า พระองค์ทรงเพิ่มให้ทวีคูณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 25:16-22
พันธสัญญาใหม่ มาระโก 7:31-8:13
พันธสัญญาเดิม อพยพ 35:1-36:38

เกริ่นนำ

แฮตตี้ เมย์ ไวแอตต์ เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ที่อาศัยอยู่ใกล้คริสตจักรแห่งพระคุณแบ๊บติสต์ในฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ชั้นเรียนวันอาทิตย์นั้นแออัดมาก รัสเซลล์ เอฮ คอนเวล ที่เป็นผู้รับใช้ ได้บอกกับเธอว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะสร้างตึกที่ใหญ่เพียงพอที่จะให้ทุกคนได้เข้าร่วม สาวน้อยบอกว่า ‘หนูหวังว่าคุณจะสร้างมันค่ะ เพราะมันแออัดมากจนหนูกลัวที่จะไปที่นั่นคนเดียว’ เขาตอบว่า ‘เมื่อเราได้เงินมาเราจะสร้างตึกที่ใหญ่มากพอที่จะให้เด็ก ๆ ทั้งหมดเข้ามาได้แน่นอน’

สองปีต่อมาในปี ค.ศ.1886 แฮตตี้ เมย์ เสียชีวิตลง หลังจากงานศพ แม่ของแฮตตี้ได้ให้กระเป๋าใบเล็ก ๆ ใบหนึ่งกับผู้รับใช้คนนั้น พวกเขาพบมันอยู่ใต้หมอนของลูกสาว มีเศษเหรียญอยู่ 57 เซ็นต์ที่เธอได้ออมไว้ข้างในมีโน้ตที่เธอเขียนด้วยลายมือว่า ‘เพื่อช่วยสร้างตึกที่ใหญ่ขึ้นเพื่อเด็กจำนวนมากจะสามารถมาชั้นเรียนวันอาทิตย์ได้’

ผู้รับใช้ได้เปลี่ยนเงินทั้งหมดเป็นเพนนี และเสนอขายเงินแต่ละเพนนี เขาได้รับเงิน 250 ดอลล่าร์ 54 เซ็นต์ กลับมา เงิน 250 ดอลล่าร์นั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นเพนนีและขายไปโดยองค์กรที่จัดตั้งใหม่ ‘ไวแอตต์ มิท โซไซตี้’ (Wiatt Mite Society) โดยการทำแบบนี้ ทำให้เงิน 57 เซ็นต์ของเธอยังคงเพิ่มทวีคูณมากยิ่งขึ้น

26 ปีต่อมาในการแสดงปาฐกถาภายใต้ชื่อ ‘ประวัติศาสตร์ของเงิน 57 เซ็นต์’ ผู้รับใช้ได้อธิบายถึงผลของเงินบริจาค 57 เซ็นต์ของสาวน้อยว่า คริสตจักรที่มีสมาชิกมากกว่า 5,600 คน โรงพยาบาลที่มีคนไข้หลายหมื่น คนได้รับการรักษา ส่งคนหนุ่มสาว 80,000 คนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ส่ง 2,000 คนออกไปเพื่อประกาศพระกิตติคุณ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ ‘เพราะเงิน 57 เซ็นต์ที่แฮตตี้ เมย์ ไวแอตต์ได้ลงทุนเอาไว้’

สาระสำคัญในเรื่องการเพิ่มทวีคูณมีอยู่ตลอดทั่วทั้งพระคัมภีร์ อะไรที่ไม่สามารถทำสำเร็จได้โดยการบวกเพิ่มขึ้น พระเจ้าทรงทำได้โดยการเพิ่มทวีคูณขึ้น คุณเก็บเกี่ยวสิ่งที่คุณได้หว่านไว้ เพียงแต่มันเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า คุณให้สิ่งใดกับพระเจ้า พระองค์ทรงเพิ่มให้ทวีคูณ

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 25:16-22

16ขอทรงหันมายังข้าพระองค์ และมีพระกรุณาต่อข้าพระองค์
 เพราะข้าพระองค์ว้าเหว่และทุกข์ใจ
17ขอทรงบรรเทาความยากลำบากในใจของข้าพระองค์
 ขอทรงนำข้าพระองค์ออกจากความทุกข์ใจของข้าพระองค์
18ขอทอดพระเนตรดูความทุกข์ยากและความลำบากของข้าพระองค์
 และทรงอภัยบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์
19ขอทอดพระเนตรดูว่า ศัตรูของข้าพระองค์มีมากเท่าใด
 และพวกเขาเกลียดชังข้าพระองค์เข้ากระดูกดำสักเพียงใด
20ขอทรงปกป้องชีวิตของข้าพระองค์ และช่วยกู้ข้าพระองค์
 ขออย่าให้ข้าพระองค์ต้องอับอาย เพราะข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ในพระองค์
21ขอให้ความซื่อสัตย์สุจริตและความเที่ยงธรรมปกป้องข้าพระองค์
 เพราะข้าพระองค์รอคอยพระองค์อยู่
22ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงไถ่อิสราเอล
 ออกจากความยากลำบากทั้งสิ้นของเขา

อรรถาธิบาย

พระพรที่เพิ่มทวีคูณ... และปัญหาที่เพิ่มขึ้น

พระเยซูทรงสัญญากับผู้ที่ติดตามพระองค์ว่าจะได้รับพระพรที่เพิ่มทวีคูณ แต่พระองค์ก็เตือนพวกเขาด้วยว่า นอกจากพระพรแล้วก็จะมีปัญหาที่เพิ่มขึ้นด้วย พระองค์ตรัสว่าผู้ใดที่ติดตามพระองค์จะได้รับผลตอบแทนร้อยเท่าในชีวิต พร้อมกับการข่มเหงด้วย (มาระโก 10:30)

ดาวิดแสดงให้เห็นว่าเป็นอย่างไร ‘ขอทรงบรรเทาความยากลำบากในใจของข้าพระองค์... ขอทอดพระเนตร ดูว่า ศัตรูของข้าพระองค์มีมากเท่าใด’ (สดุดี 25:17,19) เขาพูดถึงความเดียวดาย ‘ความทุกข์’ ‘ความเจ็บปวด’ และ ‘ความเศร้าโศก’

ที่ไหนก็ตามที่พระเจ้าทรงอวยพร ปัญหาและการข่มเหงก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำแบบใดก็ตามก็ต้องข้องเกี่ยวกับการต่อต้าน ยิ่งความรับผิดชอบมากขึ้นเท่าไร ปัญหาของคุณก็ยิ่งมากขึ้นทวีคูณ และคำวิพากษ์วิจารณ์ก็เพิ่มขึ้นด้วย

ดาวิดอธิษฐานต่อพระเจ้าขอทรงช่วยปกป้องและช่วยกู้เขา (ข้อ 20) เมื่อเราถูกโจมตี ให้เราพยายามปฏิบัติด้วย ความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และความเชื่อเสมอ (ข้อ 21) ทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ผู้คนพูดหรือคิด

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า เมื่อข้าพระองค์ต้องเผชิญกับการต่อต้าน ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม
พันธสัญญาใหม่

มาระโก 7:31-8:13

การทรงรักษาคนหูหนวก

 31ต่อมาพระองค์เสด็จจากเขตแดนเมืองไทระ และทรงผ่านเมืองไซดอนไปยังทะเลสาบกาลิลี ไปตามเขตแดนแคว้นทศบุรี 32พวกเขาพาชายหูหนวกพูดติดอ่างคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ และทูลขอให้พระองค์วางพระหัตถ์บนคนนั้น 33พระองค์จึงทรงพาคนนั้นออกห่างจากฝูงชนไปอยู่ตามลำพัง แล้วทรงเอานิ้วพระหัตถ์แยงเข้าที่หูทั้งสองของชายคนนั้น และทรงบ้วนน้ำลาย เอานิ้วพระหัตถ์จิ้มแตะลิ้นของคนนั้น 34แล้วพระองค์แหงนพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ ถอนพระทัยและตรัสกับคนนั้นว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดออก” 35แล้วหูของคนนั้นก็ปกติ สิ่งที่ขัดลิ้นนั้นก็หลุดและเขาพูดได้ชัด 36พระองค์ทรงห้ามปรามคนทั้งหลายไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร แต่พระองค์ยิ่งทรงห้ามปราม พวกเขาก็ยิ่งเล่าลือออกไป 37คนทั้งหลายก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง พูดกันว่า “ท่านผู้นี้ทำทุกอย่างล้วนดีทั้งนั้น ท่านทำได้แม้กระทั่งให้คนหูหนวกได้ยิน และคนใบ้พูดได้”

มาระโก 8

การทรงเลี้ยงคนสี่พัน

 1คราวนั้น เมื่อมหาชนพากันมามากมายอีกครั้งและไม่มีอาหารจะรับประทาน พระเยซูจึงทรงเรียกพวกสาวก ตรัสกับพวกเขาว่า 2“เราสงสารฝูงชนนี้ เพราะพวกเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน 3ถ้าเราจะให้พวกเขากลับบ้านขณะที่ยังอดอาหารอยู่ พวกเขาจะเป็นลมหมดแรงลงกลางทาง เพราะว่าบางคนมาไกล” 4พวกสาวกจึงทูลตอบพระองค์ว่า “ในถิ่นทุรกันดารแบบนี้จะหาอาหารให้พวกเขากินอิ่มได้ที่ไหน?” 5พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน?” พวกเขาทูลว่า “มีเจ็ดก้อนเจ้าข้า” 6พระองค์จึงตรัสสั่งให้ฝูงชนนั่งลงที่พื้น แล้วทรงรับขนมปังเจ็ดก้อนนั้นมา ขอบพระคุณ แล้วทรงหักส่งให้พวกสาวกเอาไปแจก พวกสาวกจึงแจกให้ฝูงชน 7พวกเขามีปลาเล็กๆ อยู่บ้างด้วย พระองค์จึงขอพระพร แล้วตรัสสั่งเหล่าสาวกให้เอาปลานั้นแจกด้วย 8คนทั้งหลายก็ได้รับประทานจนอิ่ม และเศษอาหารที่เหลือนั้นเก็บได้เจ็ดกระบุง 9คนที่อยู่ที่นั่นมีประมาณสี่พันคน เมื่อพระองค์ทรงให้พวกเขากลับไปแล้ว 10พระองค์ก็เสด็จลงเรือกับพวกสาวกของพระองค์ทันทีและไปยังเขตเมืองดาลมานูธา

การขอหมายสำคัญ

 11พวกฟาริสีมาเฝ้าและเริ่มโต้เถียงกับพระองค์ พวกเขาทูลขอให้พระองค์ทรงแสดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์ เพื่อจะทดสอบพระองค์ 12พระองค์ถอนพระทัยแล้วตรัสว่า “ทำไมคนยุคนี้ถึงแสวงหาหมายสำคัญ? เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า จะไม่ประทานหมายสำคัญแก่คนยุคนี้” 13แล้วพระองค์เสด็จไปจากพวกเขาและเสด็จลงเรือข้ามฟากไปอีก

อรรถาธิบาย

ทรัพยากรที่เพิ่มทวีคูณ

ด้วยขนมปังเจ็ดก้อนและปลาเล็ก ๆ สองสามตัว พระเยซูทรงเลี้ยงคน 4,000 คนและเหล่าสาวกยังสามารถเก็บที่เหลือได้ถึงเจ็ดตะกร้าเต็ม ซึ่งนี่เป็นการจัดเตรียมของพระเจ้าที่เพิ่มทวีคูณอย่างมาก!

เป็นเรื่องน่าสนใจที่พระเยซูไม่เพียงแค่ทำการอัศจรรย์ แต่ก่อนอื่นพระองค์ทรงให้เหล่าสาวกมีส่วนร่วม พระเจ้าทรงเรียกพวกเขามาเพื่ออธิบายสิ่งที่พระองค์ต้องการจะทำ (8:1-3) พระองค์ทรงปล่อยให้พวกเขาคิดถึงวิธีการ แก้ปัญหาในวิถีทางของพวกเขาเอง (ข้อ 4) บางทีพระองค์หวังว่าพวกเขาจะจดจำการเลี้ยงคน 5,000 คน (6:30-44)

จากนั้นพระองค์ทรงขอความช่วยเหลือจากพวกเขาโดยการขออาหารที่พวกเขามี (8:5) เมื่อถึงจุดนี้พระเยซูทรงกระทำการอัศจรรย์โดยการทำให้อาหารเพิ่มขึ้นทวีคูณจากสิ่งที่พวกเขาให้กับพระองค์ แม้กระนั้นพระองค์ทรงให้เหล่าสาวกช่วยพระองค์แจกจ่ายอาหาร (ข้อ 6) พระเยซูทรงรักที่จะให้คุณมีส่วนร่วมในแผนการและงานของพระองค์

หน้าที่ของเหล่าสาวกดูค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่พระเยซูสามารถทำได้ พระเจ้าทรงสามารถทำให้มีจำนวนมากจากสิ่งที่มีจำนวนน้อยนิด คุณให้สิ่งใดกับพระเจ้า พระองค์ทรงเพิ่มให้ทวีคูณ

ข้อพระคัมภีร์ในวันนี้เริ่มต้นด้วยพระเยซูทรงรักษาชายคนหนึ่งที่ ‘หูหนวกพูดติดอ่าง’ (7:32) พระองค์อธิษฐาน เพื่อเขาและ ‘ถอนพระทัย’ (ข้อ 34) บางทีนี่อาจจะเป็นการอธิษฐานแบบที่อาจารย์เปาโลได้อธิบายว่าเป็นการ ‘คร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ’ (โรม 8:26) นี่แสดงถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ดิ้นรนในการอธิษฐานผ่านทางเรา พระเยซู ‘ตรัสกับ(ชาย)คนนั้นว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า (“จงเปิดออก”)’ (มาระโก 7:34) พระเยซูไม่เพียงแค่เปิดหู แต่พระองค์ทรงปลดปล่อยและเปิดทั้งชีวิตของคุณ คือหัวใจ ความคิด อารมณ์ การเงิน และส่วนอื่น ๆ ในชีวิตของคุณ

พระเยซูทรงตระหนักถึงการต่อต้านที่เพิ่มทวีคูณ พระองค์ทรงห้ามปรามคนทั้งหลาย ‘ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร’ (ข้อ 36) พวกเขา ‘ประหลาดใจอย่างยิ่ง’ (ข้อ 37) พวกเขา ‘ก็ยิ่งเล่าลือออกไป’ (ข้อ 36)

หลังจากการอัศจรรย์ของการเพิ่มทวีคูณ พระเยซูทรงส่งฝูงชนกลับไปเพื่อที่พระองค์จะได้มีสมาธิกับเหล่าสาวกกลุ่มเล็ก ๆ ของพระองค์ (8:9-10) ความต้องการของฝูงชนเพื่อการประกาศและการรักษานั้นมีมาก แต่กระนั้นพระเยซูก็ทรงให้เวลากับกลุ่มผู้นำกลุ่มเล็ก ๆ นี้ก่อน

แม้จะมีการอัศจรรย์ทั้งสิ้นเหล่านี้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อ 'พวกฟาริสีมาเฝ้าและเริ่มโต้เถียงกับพระองค์ พวกเขาทูลขอให้พระองค์ทรงแสดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์เพื่อจะทดสอบพระองค์’ (ข้อ 11) พวกเขาต้องการหลักฐานที่มองเห็นได้เพื่อพิสูจน์สิทธิอำนาจของพระองค์

พวกเขามืดบอดทางจิตวิญญาณและไม่สามารถรับรู้ได้ถึงหมายสำคัญที่พระเจ้าประทานให้ พวกเขาต้องการเลือกหมายสำคัญของพวกเขาเอง ซึ่งพระเยซูทรงปฏิเสธที่จะทำ ยังคงเป็นความจริงในปัจจุบันนี้ที่การอัศจรรย์ ไม่ได้นำผู้คนไปสู่ความเชื่อเสมอไป ผู้คนมักมองข้ามการอัศจรรย์โดยคิดว่าต้องมีคำอธิบายอื่น ๆ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์สามารถทำให้มีมากด้วยสิ่งที่มีน้อย และสิ่งใดก็ตามที่ข้าพระองค์ ทั้งหลายมอบให้แด่พระองค์ พระองค์ทรงเพิ่มให้ทวีคูณ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์มอบชีวิต เวลา และทั้งหมดของข้าพระองค์ให้กับพระองค์ในวันนี้
พันธสัญญาเดิม

อพยพ 35:1-36:38

ระเบียบวันสะบาโต

 1โมเสสเรียกชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดมาประชุมกันและกล่าวกับพวกเขาว่า “ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้ท่านทั้งหลายทำ 2จงทำงานหกวัน แต่วันที่เจ็ดจะเป็นวันบริสุทธิ์ของพวกท่าน เป็นสะบาโตแด่พระยาห์เวห์สำหรับหยุดพัก ทุกคนที่ทำงานในวันนั้นต้องถูกลงโทษถึงตาย 3ในวันสะบาโตนั้น ห้ามก่อไฟในที่อาศัยทุกแห่งของท่าน”

การตระเตรียมเพื่อสร้างพลับพลา

 4โมเสสกล่าวกับชุมนุมชนทั้งสิ้นของอิสราเอลว่า “ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชา 5จงรับเครื่องถวายแด่พระยาห์เวห์จากพวกของท่าน ผู้ใดสมัครใจก็ให้ผู้นั้นนำของมาถวายพระยาห์เวห์ คือทองคำ เงิน และทองสัมฤทธิ์ 6ด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม ผ้าป่านเนื้อดี และขนแพะ 7หนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง หนังอย่างดี และไม้กระถินเทศ 8น้ำมันตะเกียง เครื่องเทศสำหรับปรุงน้ำมันไว้เจิม และสำหรับปรุงเครื่องหอม 9โอนิกซ์ และพลอยต่างๆ สำหรับฝังในเอโฟดและทับทรวง
 10“จงให้ทุกคนที่มีความสามารถในพวกท่านพากันมาทำทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้ทำนั้น 11คือพลับพลา เต็นท์ และผ้าคลุมเต็นท์ ขอเกี่ยวและกรอบไม้ กลอน เสา และฐานรองรับเสาของพลับพลานั้น 12หีบและไม้คานสำหรับหามหีบ พระที่นั่งกรุณากับม่านบังตา 13โต๊ะกับไม้คานสำหรับหามโต๊ะ เครื่องใช้ทุกอย่างสำหรับโต๊ะ และขนมปังเฉพาะพระพักตร์ 14คันประทีปที่ให้แสงสว่างกับเครื่องใช้สำหรับคันประทีปและตะเกียงกับน้ำมันตะเกียง 15แท่นเผาเครื่องหอมกับไม้คานสำหรับหามแท่นนั้น น้ำมันเจิม และเครื่องหอม และม่านบังตาสำหรับประตู ที่ประตูพลับพลา 16แท่นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวกับตาข่ายทองสัมฤทธิ์ ไม้คานหามและเครื่องใช้ของแท่น อ่างกับฐานรอง 17ผ้าม่านสำหรับกั้นลานพลับพลา กับเสา และฐานรองรับเสา และม่านบังตาสำหรับประตูเข้าลาน 18หลักหมุดสำหรับพลับพลา และหลักหมุดสำหรับลานพลับพลาพร้อมกับเชือก 19เสื้อตำแหน่งเย็บด้วยฝีมือประณีตสำหรับแต่งเวลาปรนนิบัติในสถานนมัสการ คือเสื้อตำแหน่งบริสุทธิ์สำหรับอาโรนปุโรหิต และเสื้อตำแหน่งสำหรับบุตรของท่าน เพื่อใช้ปฏิบัติงานในตำแหน่งปุโรหิต”

ของถวายสำหรับพลับพลา

 20แล้วชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปจากโมเสส 21ทุกคนที่หัวใจของเขาเรียกร้องก็นำสิ่งของมาถวายพระยาห์เวห์สำหรับเต็นท์นัดพบ และสำหรับงานปรนนิบัติทุกอย่าง และสำหรับเสื้อตำแหน่งบริสุทธิ์ 22พวกเขาจึงพากันมาทั้งชายหญิง ทุกคนที่สมัครใจก็นำเข็มกลัด ตุ้มหู แหวนตรา และสร้อยคอ เครื่องประดับทุกชิ้นล้วนเป็นทองคำ คือทุกคนนำทองคำมาโบกถวายพระยาห์เวห์ 23ส่วนทุกคนที่มีด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม หรือที่มีผ้าป่านเนื้อดี ขนแพะ หนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง และหนังอย่างดีก็เอาของเหล่านั้นมาถวาย 24ทุกคนที่มีเงินหรือทองสัมฤทธิ์จะถวาย ก็นำมาถวายพระยาห์เวห์ และทุกคนที่มีไม้กระถินเทศที่ใช้กับงานใดได้ก็นำไม้นั้นมาถวาย 25ส่วนผู้หญิงทุกคนที่ชำนาญก็ปั่นด้ายด้วยมือของตน แล้วนำด้ายที่ปั่นนั้นมาทั้งสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และเส้นป่านปั่นอย่างดี 26และผู้หญิงทุกคนที่เต็มใจและชำนาญก็ปั่นขนแพะ 27พวกผู้นำก็นำโอนิกซ์ และพลอยอื่นๆ สำหรับฝังในเอโฟดและทับทรวงมา 28พร้อมกับเครื่องเทศและน้ำมันตะเกียง น้ำมันเจิม และเครื่องเทศสำหรับปรุงเครื่องหอม 29คนอิสราเอลทุกคนทั้งชายหญิงที่หัวใจของเขาเรียกร้องให้นำของมาถวายสำหรับการงานทุกอย่าง ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาผ่านทางโมเสสให้พวกเขาทำ ต่างก็นำของมาถวายแด่พระยาห์เวห์ด้วยความสมัครใจ

เบซาเลลและโอโฮลีอับ

 30โมเสสจึงกล่าวกับคนอิสราเอลว่า “ดูสิ พระยาห์เวห์ทรงเลือกเบซาเลลบุตรอุรีผู้เป็นบุตรของเฮอร์แห่งเผ่ายูดาห์ 31และพระองค์ได้โปรดให้เขาเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าคือให้เขามีสติปัญญา ทักษะ และความรู้ในงานช่างทุกอย่าง 32เพื่อจะคิดออกแบบในการทำเครื่องทอง เครื่องเงิน และเครื่องทองสัมฤทธิ์ 33ในการเจียระไนอัญมณี สำหรับฝังในกระเปาะและในการแกะสลักไม้สำหรับงานช่างทุกอย่าง 34อนึ่งพระองค์ทรงดลใจให้เขากับโอโฮลีอับบุตรอาหิสะมัคเผ่าดาน มีน้ำใจที่จะสอนคนอื่นด้วย 35คนทั้งสองนี้พระองค์ประทานทักษะในการทำงานให้ทุกอย่าง เช่นงานฝีมือ งานออกแบบ และงานปักด้วยด้ายสีคือ สีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และเส้นป่านปั่นอย่างดี และช่างทอ คือทำการช่างฝีมือได้ทุกอย่าง และเป็นช่างออกแบบอย่างฉลาดด้วย

อพยพ 36

 1“เบซาเลลและโอโฮลีอับกับช่างฝีมือทุกคน ที่พระยาห์เวห์ประทานสติปัญญาและทักษะให้รู้จักทำงานทุกอย่างในการสร้างสถานนมัสการ พวกเขาก็ทำตามทุกอย่างที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้แล้ว” 2โมเสสจึงเรียกเบซาเลลและโอโฮลีอับกับช่างฝีมือทุกคน ซึ่งพระยาห์เวห์ประทานสติปัญญาไว้ในใจของเขา คือทุกคนที่หัวใจของเขาเรียกร้องให้มาทำงาน 3พวกเขาได้รับเครื่องถวายทุกชิ้นจากโมเสส คือของถวายที่คนอิสราเอลนำมาถวายเพื่อสร้างสถานนมัสการ ประชาชนยังนำของมาถวายด้วยความสมัครใจอีกทุกเช้า 4ส่วนทุกคนที่มีสติปัญญาที่ได้ทำงานต่างๆ เพื่อสถานนมัสการนั้นมาถึง โดยต่างก็ผละจากงานของตน 5พวกเขาพากันมาเรียนโมเสสว่า “ประชาชนนำของมาถวายมากเกินความต้องการที่จะใช้ในงานซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้ทำ” 6โมเสสจึงสั่งให้ประกาศไปทั่วค่ายว่า “อย่าให้ชายหญิงนำของสำหรับสร้างสถานนมัสการมาถวายอีกเลย” ดังนั้นประชาชนจึงไม่นำของมาถวายอีก 7เพราะของที่มีอยู่แล้วก็พอสำหรับงานทุกอย่าง และยังมีเหลืออีก

การสร้างพลับพลา

 8ช่างฝีมือทุกคนในหมู่คนงานได้สร้างพลับพลาด้วยม่านสิบผืน ที่ทำจากผ้าป่านเนื้อดีและด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และปักภาพเครูบซึ่งออกแบบไว้ที่ม่านนั้น 9ม่านผืนหนึ่งให้ยาว 12 เมตร กว้าง 2 เมตร ม่านทุกผืนให้มีขนาดเท่ากัน
 10ม่านห้าผืนเขาทำให้เกี่ยวติดกัน และอีกห้าผืนนั้นก็ให้เกี่ยวติดกันด้วย 11เขาทำหูม่านด้วยด้ายสีฟ้าติดไว้ตามขอบม่านด้านนอกสุดทั้งชุดที่หนึ่งและชุดที่สอง 12ม่านผืนหนึ่งเขาทำหูห้าสิบหู และตามขอบม่านชุดที่สอง เขาก็ทำหูห้าสิบหูให้ตรงกัน 13และเขาทำขอทองคำห้าสิบขอ และใช้มันเกี่ยวม่านให้เป็นพลับพลาเดียวกัน
 14เขาทำม่านอีกสิบเอ็ดผืนด้วยขนแพะ สำหรับเป็นเต็นท์คลุมพลับพลา 15ม่านผืนหนึ่งยาว 13 เมตร กว้าง 2 เมตร ทั้งสิบเอ็ดผืนมีขนาดเท่ากัน 16เขาเกี่ยวม่านห้าผืนให้ติดกัน ส่วนม่านอีกหกผืนก็เกี่ยวติดกันแยกไว้ต่างหาก 17และเขาทำหูม่านห้าสิบหูติดกับขอบม่านด้านนอกสุดทั้งชุดที่หนึ่ง และชุดที่สอง 18เขาทำขอทองสัมฤทธิ์ห้าสิบขอ เกี่ยวขอเข้าที่หูม่านให้ติดกันเป็นเต็นท์หลังเดียว 19เขาทำผ้าคลุมเต็นท์ ด้วยหนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดงชั้นหนึ่ง และคลุมทับด้วยหนังอย่างดีอีกชั้นหนึ่ง
 20เขาทำกรอบไม้สำหรับพลับพลาจากไม้กระถินเทศที่ตั้งตรง 21กรอบไม้นั้นยาวแผ่นละ 4 เมตร กว้าง 66 เซนติเมตร 22กรอบไม้แต่ละอันมีสองเดือย เพื่อให้ยึดติดกัน เขาได้ทำกรอบไม้ทุกอันของพลับพลาอย่างนี้ 23เขาทำกรอบไม้สำหรับพลับพลาดังนี้ ด้านใต้เขาทำยี่สิบอัน 24เขาทำฐานสำหรับรองรับเดือยด้วยเงินจำนวนสี่สิบฐาน สำหรับกรอบไม้ยี่สิบอัน ใต้กรอบไม้อันหนึ่ง มีฐานรองรับเดือยสองฐานสำหรับสวมเดือยสองอัน 25ด้านที่สองของพลับพลาข้างทิศเหนือนั้นเขาทำกรอบไม้ยี่สิบอัน 26เขาทำฐานเงินรองรับเดือยสี่สิบฐาน ใต้กรอบไม้แต่ละอันมีฐานรองรับเดือยสองฐาน 27ส่วนด้านหลังของพลับพลาทางทิศตะวันตกเขาทำกรอบไม้หกอัน 28เขาทำกรอบไม้อีกสองอันสำหรับมุมพลับพลาด้านหลัง 29ข้างล่างของกรอบไม้ให้จับเป็นคู่ๆ โดยข้างบนยอดติดกันที่ห่วงแรก เขาทำอย่างนี้ทำให้เกิดมุมสองมุม 30คือรวมเป็นกรอบไม้แปดอันด้วยกันพร้อมกับฐานเงินสิบหกฐาน ใต้กรอบไม้แต่ละอันมีฐานรองรับเดือยสองฐาน
 31เขาทำกลอนด้วยไม้กระถินเทศห้าอันสำหรับกรอบไม้ฝาพลับพลาด้านหนึ่ง 32และกลอนอีกห้าอันสำหรับกรอบไม้ฝาพลับพลาอีกด้านหนึ่ง และสุดท้ายกลอนอีกห้าอันสำหรับกรอบไม้ฝาพลับพลาด้านหลัง คือด้านตะวันตก 33เขาทำกลอนตัวกลางให้ร้อยตอนกลางของกรอบไม้ สำหรับขัดฝาตั้งแต่ปลายหนึ่งไปจดอีกปลายหนึ่ง 34เขาหุ้มกรอบไม้เหล่านั้นด้วยทองคำ และทำห่วงทองคำสำหรับร้อยกลอน และกลอนนั้นเขาหุ้มด้วยทองคำเช่นกัน
 35เขาทำม่านผืนหนึ่งด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และด้วยผ้าป่านเนื้อดี เขาปักภาพเครูบอย่างชำนาญที่ม่านนั้น 36เขาทำเสาไม้กระถินเทศสี่เสาหุ้มด้วยทองคำ ขอติดเสานั้นก็เป็นทองคำ เขาหล่อฐานเงินสี่ฐานสำหรับรองรับเสา 37และเขาทำม่านบังตาสำหรับประตูเต็นท์นั้นด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้มและผ้าป่านเนื้อดีตกแต่งด้วยงานปัก 38และเขาทำเสาห้าต้นพร้อมด้วยขอเกี่ยวม่านนั้น ส่วนหัวเสาและราวยึดเสานั้นหุ้มด้วยทองคำ แต่ฐานทั้งห้าสำหรับรองรับเสานั้นทำด้วยทองสัมฤทธิ์

อรรถาธิบาย

อาสาสมัครที่เพิ่มทวีคูณ

ผมได้สังเกตเห็นว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความสำเร็จอันน่าอัศจรรย์นั้นจะเกิดขึ้นได้เมื่อสมาชิกทุกคนในคริสตจักรได้มีส่วนร่วมในการอธิษฐาน การรับใช้ และการให้ ถึงแม้จะเป็นคริสตจักรเล็ก ๆ

ประชาชนของพระเจ้าได้เผชิญกับงานใหญ่ในการสร้างพลับพลา พวกเขาทำสำเร็จได้โดยการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ โมเสสรวบรวม ‘ชุมนุมชนทั้งหมด’ (35:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่คือสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคริสตจักรในปัจจุบันดังนี้

1.\tทุกคนอธิษฐาน

เราได้เห็นในบทความของเมื่อวานนี้ว่า ‘พวกเขาก็จะลุกขึ้นและนมัสการ’ (33:10) วันสะบาโตไม่ได้เป็นเพียงแค่วันแห่งการพักผ่อน แต่เป็น ‘วันบริสุทธิ์’ เป็น ‘สะบาโตแด่พระยาห์เวห์’ (35:2) เป็นวันที่ผู้คนสามารถอุทิศเวลาให้กับการอธิษฐานและนมัสการ ชุมนุมชนทั้งหมดได้อธิษฐาน และนมัสการ

2.\tทุกคนให้

พวกเขาได้รับ ‘เครื่องถวายแด่พระยาห์เวห์’ (ข้อ 5ก) ทุกคนได้รับการกระตุ้นให้ถวาย ‘ผู้ใดสมัครใจก็ให้ผู้นั้นนำของมาถวายพระยาห์เวห์ คือทองคำ เงิน และทองสัมฤทธิ์’ (ข้อ 5ข)

กิจการงานไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยผู้ถวายที่มีใจกว้างเพียงคนเดียว ‘ทุกคนที่หัวใจของเขาเรียกร้องก็นำสิ่งของมาถวายพระยาห์เวห์สำหรับเต็นท์นัดพบ... พวกเขาจึง พากันมาทั้งชายหญิงทุกคนที่สมัครใจ’ (ข้อ 21-22) เช่นเดียวกับเรื่องราวของ แฮตตี้ เมย์ ไวแอตต์ ที่แต่ละคนนำเงิน ’57 เซ็นต์’ ของพวกเขามา

ถ้าชุมนุมชนของคุณต้องการทำทุกอย่างที่พระเจ้าทรงเรียกให้คุณทำได้สำเร็จ การให้ของทุกคนจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ใช่ให้ด้วยการฝืนใจ แต่ให้ด้วยความเต็มใจ (2 โครินธ์ 8 และ 9)

เมื่อทุกคนมีส่วนในการให้ พวกเขาก็มี ‘มากเกินความต้องการ’ (อพยพ 36:5) ‘ประชาชนจึงได้รับคำ สั่งให้หยุดนำสิ่งของมาถวาย! มีวัตถุดิบมากมายสำหรับใช้เพื่อทำงานทั้งหมดให้เสร็จมากพอและมากเกินพอ’ (ข้อ 6-7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

3.\tทุกคนรับใช้

ทุกคนมีส่วนร่วมในการรับใช้ คำว่า ‘ทุกคน’ และ ‘ทั้งหมด’ ปรากฏอยู่หลายครั้งในบทความนี้ มันเป็นความสมัครใจทั้งสิ้น ‘จงให้ทุกคนที่มีความสามารถในพวกท่านพากันมาทำทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้ทำนั้น’ (35:10) ตัวอย่างเช่น ‘ทุกคนที่มีไม้กระถินเทศ... ก็นำไม้นั้นมาถวาย’ (ข้อ 24) ‘ส่วนผู้หญิงทุกคนที่ชำนาญก็ปั่นด้ายด้วยมือของตน’ (ข้อ 25)

ศิลปินที่มีบทบาทสำคัญคือเบซาเลลและโอโฮลีอับ พวกเขาเปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณในการทำงานออกแบบและสอนให้คนอื่นทำเช่นเดียวกัน พวกเขาได้ใช้ทักษะและความสามารถร่วมกัน ‘ช่างฝีมือทุกคน ที่พระยาห์เวห์ประทานสติปัญญาและทักษะให้รู้จักทำงานทุกอย่างในการสร้างสถานนมัสการ พวกเขาก็ทำตามทุกอย่างที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้แล้ว’ (36:1)

ทั้งหมดนี้เป็นความสมัครใจทั้งสิ้น ประชาชนของพระเจ้า ‘รวมเข้ากันเพื่อพระเจ้า’ (35:21, 26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) งานทั้งสิ้นสำเร็จได้โดย 'ทุกคนที่หัวใจของเขาเรียกร้อง ทุกคนที่จิต วิญญาณตอบสนองได้อย่างอิสระ’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ถ้าชุมชนของเราต้องการทำทุกอย่างที่พระเจ้าทรงเรียกให้คุณทำได้สำเร็จ เราจำเป็นต้องมีอาสาสมัครที่เพิ่มทวีคูณ

ความกระตือรือร้นมีผลต่อผู้อื่น อย่าเสียเวลาไปกับคนที่พยายามดูถูกความฝันของคุณ แต่จงคบหากับคนที่สร้างแรงบันดาลใจและท้าทายคุณ ยกคุณให้สูงขึ้น และทำให้คุณดีขึ้น เดินไปกับคนที่มีวิสัยทัศน์ คนที่มีความ เชื่อ คนที่ลงมือทำ และคนที่กล้าหาญ คนที่ยอดเยี่ยมทำให้คุณรู้สึกว่าคุณก็สามารถเป็นคนยอดเยี่ยมได้

ร่วมมือซึ่งกันและกันเพื่อการอธิษฐาน การรับใช้ และการให้ คุณจะประหลาดใจกับวิธีที่พระเจ้าสามารถเพิ่มทวีคูณเงิน 57 เซ็นต์ของคุณ และพระองค์ทรงกระทำมากเกินกว่าที่คุณขอหรือคิดได้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นไปได้เมื่อทุกคนมีส่วนร่วมในการอธิษฐาน การรับใช้ และการให้ ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงเพิ่มทวีคูณให้มากเกินกว่าที่ข้าพระองค์ทั้งหลายขอหรือคิดได้

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ในบางโอกาสเมื่อฉันเร่งรีบในตอนเช้า ฉันต้องตัดสินใจระหว่างการกินอาหารเช้าและการอ่านพระคัมภีร์ โดยส่วนมากฉันตัดสินใจเลือกกินอาหารเช้า ดังนั้นฉันจึงได้รับการท้าทายมากด้วยข้อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่สำหรับวันนี้ในมาระโก 8:2 ที่ประชาชนอยู่กับพระเยซูเป็นเวลา 3 วันโดยไม่ได้กินอะไรเลย การเรียงลำดับความสำคัญของพวกเขานั้นถูกต้อง เพราะการอยู่กับพระเยซูเป็นเรื่องที่ดีกว่ามาก

ข้อพระคำประจำวัน

สดุดี 25:20

‘ขอทรงปกป้องชีวิตของข้าพระองค์ และช่วยกู้ข้าพระองค์ ขออย่างให้ข้าพระองค์ต้องอับอาย เพราะข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ในพระองค์’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม