วัน 335

จะหลีกเลี่ยงการติดเชื้อฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 136:13-26
พันธสัญญาใหม่ 1 ยอห์น 2:12-27
พันธสัญญาเดิม ดาเนียล 7:1-8:14

เกริ่นนำ

โจเซฟ ลิสเตอร์ แพทย์ในศตวรรษที่ 19 ซึ่งเขาเป็นที่รู้จักในนามของ 'บิดาแห่งการผ่าตัดด้วยยาฆ่าเชื้อ' ลิสเตอร์ไม่สบายใจเนื่องจากอัตราการเสียชีวิตที่สูงขึ้นของคนไข้ อันเนื่องมาจากการติดเชื้อหลังการผ่าตัด

เขาแน่ใจว่า แบคทีเรียขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าคือสาเหตุของการติดเชื้อ ดังนั้น เขาจึงได้เริ่มพัฒนาสารละลายสำหรับฆ่าเชื้อเพื่อใช้ในการดูแลรักษาแผล และในที่สุดอัตราส่วนการเสียชีวิตของคนไข้อันเนื่องมาจากการติดเชื้อลดลง

เช่นเดียวกัน มีพลังจากวิญญาณชั่วที่ทำงานอยู่ในโลกของเราทุกวันนี้ ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ทำให้เกิดความวิบัตินานับประการในชีวิตของผู้คน เช่น ทำให้ล้มลงในการทำบาป ทำให้คนอธรรมได้ตำแหน่งที่มีอำนาจระดับประเทศ ปลุกปั่นอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน ฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆ และทำลายชีวิตพวกเขาให้พัง

แม้ลิสเตอร์ได้กำหนดทฤษฎีของแบคทีเรียทำลายล้างนี้มา ผู้คนจำนวนมากในวันนี้ก็ยังไม่สนใจ และปล่อยปละละเลย และความเป็นจริงในฝ่ายวิญญาณ แม้คุณนั้นมี 'ยาฆ่าเชื้อ' ที่ทรงพลานุภาพในฝ่ายวิญญาณที่จะใช้ในการต่อสู้กับอำนาจทำลายล้าง เป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องเรียนรู้ว่า จะทำอย่างไร

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 136:13-26

13จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงแยกทะเลแดงออกจากกัน
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
14และทรงให้อิสราเอลผ่านไปท่ามกลางทะเลนั้น
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
15แต่ทรงคว่ำฟาโรห์และกองทัพของท่านในทะเลแดง
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
16จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงนำประชากรของพระองค์ไปในถิ่นทุรกันดาร
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
17จงขอบพระคุณพระองค์ ผู้ทรงสังหารพระมหาราชาทั้งหลาย
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
18และทรงประหารบรรดาพระราชาผู้เกรียงไกร
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
19มีสิโหน พระราชาของคนอาโมไรต์
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
20และโอก พระราชาแห่งบาชาน
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
21แล้วพระองค์ประทานแผ่นดินของพวกเขาให้เป็นมรดก
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
22ให้เป็นมรดกแก่อิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
23พระองค์ทรงระลึกถึงเราผู้อยู่ในฐานะต่ำต้อย
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
24และทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากคู่อริ
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
25พระองค์ประทานอาหารแก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
26จงขอบพระคุณพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์

อรรถาธิบาย

ขอบพระคุณพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ

คุณเคยรู้สึก 'ถูกโจมตี' บ้างหรือไม่? ไม่ว่าจะเป็นจากการทดลองอันทรงอำนาจ ๆ เกิดความหวาดกลัวอย่างมาก เกิดความกังวลใจ หรือจากการโจมตีในรูปแบบอื่น ๆ

'ศัตรู' ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนั้นมักจะเป็นการโจมตีในฝ่ายกายภาพ ในขณะที่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่นั้น มักเป็นการโจมตีในฝ่ายวิญญาณ แต่ผลที่ได้ออกมานั้นเหมือนกัน ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาที่จะกอบกู้คุณจากศัตรูทั้งสิ้นของคุณ

ผู้เขียนพระธรรมสดุดีได้ขอบพระคุณในสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ เขาขอบพระคุณพระเจ้าอย่างเจาะจงที่ทรงได้ปลดปล่อยเขาจากศัตรูของเขา (ข้อ 24)

'พระองค์ทรงระลึกถึงเราผู้อยู่ในฐานะต่ำต้อย...ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากคู่อริ...พระองค์ทรงดูแลคนทั้งปวงในเวลาแห่งความจำเป็น.. ขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงกระทำทุกสิ่ง!' (ข้อ 23-26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ในข้อพระคัมภีร์สุดท้ายได้สรุปบทสดุดีนี้ 'ขอบพระคุณพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์' (ข้อ 26)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ได้กอบกู้ข้าพระองค์ผ่านทางไม้กางเขนและการฟื้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ขอบพระคุณที่ความรักของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์
พันธสัญญาใหม่

1 ยอห์น 2:12-27

12ลูกทั้งหลายเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน
 เพราะว่าบาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว ด้วยเห็นแก่พระนามของพระองค์
13ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน
 เพราะท่านรู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาล
ท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่ม ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน
 เพราะท่านได้ชนะมารร้ายนั้น
14ท่านทั้งหลายที่เป็นลูก ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน
 เพราะพวกท่านรู้จักพระบิดา
ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน
 เพราะท่านรู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาล
ท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่ม ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน
 เพราะพวกท่านมีกำลังมาก
และพระวจนะของพระเจ้าดำรงอยู่ในพวกท่าน
 และท่านชนะมารร้ายนั้นแล้ว
 15อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าใครรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น 16เพราะว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลก 17และโลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่คนที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์

ศัตรูของพระคริสต์

 18ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว และตามที่พวกท่านได้ยินได้ฟังมาว่าศัตรูของพระคริสต์จะมา เดี๋ยวนี้ศัตรูของพระคริสต์จำนวนมากก็มาแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงรู้ว่าบัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว 19พวกเขาได้ออกไปจากเรา แต่เขาก็ไม่ได้เป็นของเรา เพราะว่าถ้าเขาเป็นของเรา เขาก็จะอยู่กับเราต่อไป แต่การที่เขาได้ออกไปนั้นแสดงให้เห็นชัดว่าเขาไม่ได้เป็นของเรา 20แต่พวกท่านได้รับการชโลมจากพระองค์ผู้บริสุทธิ์แล้ว และท่านทุกคนก็มีความรู้ 21ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงพวกท่าน ไม่ใช่เพราะท่านไม่รู้ความจริง แต่เพราะท่านรู้แล้ว และรู้ว่าคำมุสาไม่ได้มาจากความจริง 22ใครล่ะเป็นคนที่โกหก ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคนที่ปฏิเสธว่าพระเยซูไม่ใช่พระคริสต์ ผู้ที่ปฏิเสธพระบิดาและพระบุตร ผู้นั้นแหละเป็นศัตรูของพระคริสต์ 23ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตร ไม่มีพระบิดา ผู้ที่ยอมรับพระบุตรก็มีพระบิดาด้วย 24ท่านทั้งหลาย จงให้สิ่งที่ท่านได้ยินมาตั้งแต่ต้นนั้นดำรงอยู่กับท่านเถิด ถ้าสิ่งที่ท่านได้ยินตั้งแต่ต้นนั้นดำรงอยู่กับท่าน ท่านก็จะอยู่ในพระบุตรและในพระบิดาด้วย 25นี่แหละเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับเรา คือชีวิตนิรันดร์
 26ข้าพเจ้าเขียนข้อความนี้ถึงพวกท่าน กล่าวถึงพวกที่พยายามหลอกลวงท่าน 27ส่วนท่านทั้งหลาย การชโลมซึ่งท่านได้รับจากพระองค์นั้นก็ดำรงอยู่กับท่าน และไม่จำเป็นต้องมีใครสอนท่าน เพราะว่าการชโลมของพระองค์นั้นสอนท่านให้รู้ทุกสิ่ง และเป็นความจริง ไม่ใช่ความเท็จ การชโลมนั้นสอนพวกท่านแล้วอย่างไร ท่านจงอยู่ในพระองค์อย่างนั้น

อรรถาธิบาย

อยู่ใกล้ชิดพระเยซู

ตอนที่เราแต่งงานกัน ทั้งผมและพิพพายังเด็กมาก เราไม่มีเงินพอสำหรับทริปฮันนีมูนของเรา เพื่อนของเราให้ยืมกระท่อมหลังหนึ่งในประเทศสก็อตแลนด์ และเพื่อนอีกคนที่ชื่อมิคกี้ให้เรายืมรถ

ขณะที่เราเดินทางกลับบ้าน เราขับรถชนบริเวณด้านนอกบ้านของมิคกี้ เรากดกระดิ่งบ้านของเขา มิคกี้นั้นเห็นว่าเราทั้งสองคนนั้นกระวนกระวายใจมาก ทันใดนั้นเอง เขาก็พูดว่า 'โอ้ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับรถของผมหรอกนะ มันก็แค่แท่งเหล็กชิ้นเดียว' มิคกี้รักพระเจ้า และรักคนของพระองค์ เขาไม่ได้รักในทรัพย์สิ่งของ เขาไม่ได้ยึดติดกับสิ่งเหล่านี้

อย่ารักสิ่งของในโลก (ข้อ 15) อย่ารักทรัพย์สิ่งของแล้วใช้คน แต่จงใช้ทรัพย์สิ่งของเพื่อที่จะรักคน

การต่อสู้ของท่านนั้นคือการต่อสู้กับศัตรูภายใน นั่นก็คือ ความบาป (ข้อ 12) ศัตรูที่อยู่โดยรอบ นั่นก็คือ โลก (ข้อ 16-17) และศัตรูเบื้องบน นั่นก็คือ มาร (ข้อ 14) ท่านได้รับการกอบกู้จากศัตรูเหล่านี้แล้ว

  1. ศัตรูภายใน (ความบาป)
    พระเยซูได้กอบกู้คุณจากความบาปของคุณ 'ลูกทั้งหลายเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน เพราะว่าบาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว ด้วยเห็นแก่พระนามของพระองค์' (ข้อ 12)

  2. ศัตรูที่อยู่โดยรอบ (โลก)
    พระเยซูได้ทรงกอบกู้คุณจากความจำเป็นที่จะต้องติดสนิทกับโลกนี้ ยอห์นเขียนไว้ว่า 'เพราะว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลก และโลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่คนที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์' (ข้อ 16-17)

  3. ศัตรูเบื้องบน (มาร)
    พระเยซูได้มอบฤทธิ์อำนาจให้กับคุณในการเป็นอิสระจากมารและความชั่วร้าย 'ท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่ม ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน เพราะว่า...พระวจนะของพระเจ้าดำรงอยู่ในพวกท่าน และท่านชนะมารร้ายนั้นแล้ว' (ข้อ 14ข) ชัยชนะมาจากการติดสนิทในพระเจ้า 'การสามัคคีธรรมของท่านกับพระเจ้าทำให้ท่านได้รับชัยชนะเหนือมารร้าย' (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ยอห์นได้กล่าวต่อไปอีกในการเตือนผู้อ่านเกี่ยวกับผู้สอนผิดผู้ที่จะเขย่าให้พวกเขาหล่นออกจากฐานรากอันมั่นคง (ข้อ 18-23) เขาหนุนใจให้พวกเขาเข้าใจในคำสอนผิดนั้น เขาทำให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า เหล่าบรรดาผู้สอนผิดนั้นสามารถสังเกตได้จากอะไรบ้าง:

  1. 'โกหก' เกี่ยวกับพระเยซู
    คำโกหกและการหลอกลวงเป็นสิ่งที่ชัดเจนของผู้สอนผิด 'คำมุสาไม่ได้มาจากความจริง' (ข้อ 21) ยอห์นอธิบายว่า 'ผู้ที่ปฏิเสธว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์' (ข้อ 22) เป็น 'คนที่โกหก' และ 'ต่อต้านพระคริสต์' ซึ่งต่อต้านทั้งพระบิดาและพระบุตร (ข้อ 23)

  2. ละทิ้งการสามัคคีธรรม
    คนสอนผิดเหล่านี้คือบุคคลทั้งหลายที่ 'ได้ออกไปจากเรา' ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า 'พวกเขาไม่ได้เป็นของเรา' (ข้อ 19) พวกเขามักจะละทิ้งการสามัคคีธรรมเพราะพวกเขาละทิ้งคำสอนของเหล่าอัครทูต

  3. หลอกลวงผู้คนให้หลงเจิ่น
    'ข้าพเจ้าเขียนข้อความนี้ถึงพวกท่าน กล่าวถึงพวกที่พยายามหลอกลวงท่าน' (ข้อ 26)

เราไม่มีอะไรที่จะต้องข้องเกี่ยวกับเหล่าบรรดาผู้สอนผิด แต่ให้เรานั้นหยั่งรากลึกลงในความสัตย์จริงแห่งพระกิตติคุณ 'จงให้สิ่งที่ท่านได้ยินตั้งแต่ต้นนั้นดำรงอยู่กับท่าน' (ข้อ 25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ถ้าคุณทำดังนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวอีกต่อไป

คุณมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในคุณ พระองค์จะนำ และนำทางคุณ 'การชโลมซึ่งท่านได้รับจากพระองค์นั้นก็ดำรงอยู่กับท่าน' (ข้อ 27)

แช่ตัวของคุณลงในพระวจนะของพระเจ้า (ข้อ 14) และในการสามัคคีธรรมของคริสตจักร (ข้อ 19) นี่จะเป็นการปกป้องคุณและเสริมกำลังคุณ สิ่งสำคัญคือจงอยู่ใกล้ชิดพระเยซู 'จงให้สิ่งที่ท่านได้ยินมาตั้งแต่ต้นนั้นดำรงอยู่กับท่านเถิด ถ้าสิ่งที่ท่านได้ยินตั้งแต่ต้นนั้นดำรงอยู่กับท่าน ท่านก็จะอยู่ในพระบุตรและในพระบิดาด้วย นี่แหละเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับเราคือชีวิตนิรันดร์!' (ข้อ 24-25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงกอบกู้ข้าพระองค์จากความบาป โลก และมารร้าย และยังทรงเจิมข้าพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ที่จะนำข้าพระองค์
พันธสัญญาเดิม

ดาเนียล 7:1-8:14

ความฝันของดาเนียลถึงสัตว์ 4 ชนิด

 1ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลเบลชัสซาร์กษัตริย์บาบิโลน ดาเนียลมีความฝันและนิมิตในศีรษะของท่าน เมื่อท่านนอนบนที่นอน ท่านจึงบันทึกความฝันนั้นไว้ และบรรยายเนื้อเรื่องนั้น 2ดาเนียลกล่าวว่า “ในนิมิตเวลากลางคืน ข้าพเจ้าได้เห็น นี่แน่ะ ลมทั้งสี่ของฟ้าสวรรค์ได้ปลุกปั่นทะเลใหญ่นั้น 3และสัตว์มหึมา 4 ตัวได้ออกมาจากทะเล มีลักษณะต่างกัน 4ตัวแรกเหมือนสิงโตมีปีกนกอินทรี เมื่อข้าพเจ้ามองดูนั้น ปีกก็ถูกฉีกออกไป และมันถูกยกขึ้นจากแผ่นดิน ให้ยืนสองเท้าเหมือนมนุษย์ และใจของมนุษย์ถูกมอบให้มัน 5แล้วมีสัตว์อีกตัวหนึ่งเป็นตัวที่สองเหมือนหมี มันขยับตัวข้างหนึ่งขึ้น มีกระดูกซี่โครงสามซี่อยู่ในปากของมันระหว่างซี่ฟัน มีเสียงบอกมันว่า ‘จงลุกขึ้นกินเนื้อให้มากๆ’ 6ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าได้มองดู นี่แน่ะ สัตว์อีกตัวหนึ่งเหมือนเสือดาว บนหลังมีปีกนกสี่ปีก สัตว์นั้นมีหัวสี่หัว และอำนาจปกครองถูกมอบให้มัน 7ต่อจากนั้น ในนิมิตเวลากลางคืน ข้าพเจ้าได้เห็นสัตว์ตัวที่สี่มันร้ายกาจ น่ากลัว และแข็งแรงยิ่งนัก มันมีฟันเหล็กมหึมา มันกินและหักเป็นชิ้นๆ และกระทืบสิ่งที่เหลือกินนั้นเสีย มันต่างกับสัตว์อื่นทั้งหมดที่อยู่ก่อนมัน มันมีเขาสิบเขา 8ขณะที่ข้าพเจ้าพิเคราะห์เรื่องเขาเหล่านั้น นี่แน่ะ มีเขาเล็กๆ อีกเขาหนึ่งงอกขึ้นมาท่ามกลางเขาเหล่านั้น เขารุ่นแรกสามเขาได้ถูกถอนรากออกไปต่อหน้ามัน ในเขาอันนี้มีตาเหมือนตามนุษย์ มีปากพูดคุยโว

การพิพากษาต่อหน้าผู้เจริญด้วยวัยวุฒิ

9“ขณะที่ข้าพเจ้ายืนดูอยู่
 มีหลายบัลลังก์มาตั้งไว้
และผู้หนึ่งซึ่งเจริญด้วยวัยวุฒิมาประทับ
 ฉลองพระองค์ขาวอย่างหิมะ
พระเกศาบนพระเศียรเหมือนขนแกะขาวสะอาด
 พระบัลลังก์ของพระองค์เป็นเปลวเพลิง
 กงจักรของบัลลังก์นั้นเป็นไฟลุก
10ธารไฟพุ่งออก
 และไหลออกมาเฉพาะพระพักตร์พระองค์
คนนับแสนๆ ปรนนิบัติพระองค์
 คนนับล้านๆ เข้าเฝ้าพระองค์ ผู้พิพากษาก็ขึ้นนั่งบัลลังก์
 บรรดาหนังสือก็เปิดออก
 11“ข้าพเจ้าก็จ้องดู เพราะเขาเล็กนั้นคุยโว และเมื่อข้าพเจ้าจ้องดู สัตว์ตัวนั้นก็ถูกฆ่า และศพก็ถูกทำลายมอบให้เผาด้วยไฟ 12ส่วนเรื่องสัตว์ที่เหลืออยู่นั้น อำนาจปกครองของพวกมันก็ถูกถอนไปเสีย แต่ชีวิตของพวกมันให้ยืดต่อไปถึงฤดูหนึ่ง และวาระหนึ่ง
 13ข้าพเจ้าเห็นในนิมิตเวลากลางคืน
 นี่แน่ะ มีท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์มา
พร้อมกับบรรดาเมฆของสวรรค์
 และท่านมาหาผู้เจริญด้วยวัยวุฒินั้น
 มีคนนำท่านมาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระองค์
14ราชอำนาจ ศักดิ์ศรี กับราชอาณาจักร
 ทรงมอบไว้กับท่าน
เพื่อชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษา  จะปรนนิบัติท่าน
ราชอาณาจักรของท่านเป็นราชอาณาจักรนิรันดร์
 ซึ่งจะไม่มีที่สิ้นสุด
และแผ่นดินของท่านเป็นแผ่นดิน
 ซึ่งจะไม่ถูกทำลายเลย

ทำนายฝันของดาเนียล

 15“ส่วนข้าพเจ้าคือดาเนียล จิตใจข้าพเจ้าเป็นทุกข์ เพราะความฝันและนิมิตในศีรษะของข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้าตกใจ 16ข้าพเจ้าเข้าไปใกล้ท่านผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ที่นั่น และถามความจริงของเรื่องราวนี้ ท่านก็บอกข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้ารู้ความหมายของเรื่องเหล่านี้ 17‘สัตว์มหึมาทั้งสี่คือ กษัตริย์ 4 องค์ซึ่งเกิดมาจากแผ่นดินโลก 18แต่บรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดจะรับราชอาณาจักร และถือกรรมสิทธิ์ราชอาณาจักรนั้นสืบๆ ไปเป็นนิตย์นิรันดร์’
 19“แล้วข้าพเจ้าก็อยากทราบความจริงเกี่ยวกับสัตว์ตัวที่สี่นั้นซึ่งผิดแปลกจากสัตว์อื่นๆ ทั้งสิ้น ร้ายกาจเหลือเกิน มีฟันเหล็กและเล็บเท้าทองสัมฤทธิ์ ซึ่งกินและฉีกเป็นชิ้นๆ และกระทืบสิ่งที่เหลือนั้นเสีย 20และเกี่ยวกับเขาสิบเขา ซึ่งอยู่บนหัวของมัน และเขาอีกเขาหนึ่งซึ่งงอกขึ้นมาต่อหน้าเขารุ่นแรกสามเขาที่หลุดไป เขาซึ่งมีตาและมีปากที่พูดคุยโว และซึ่งดูเหมือนจะใหญ่โตกว่าเพื่อน 21เมื่อข้าพเจ้ามองดู เขานี้ทำสงครามกับบรรดาผู้บริสุทธิ์และชนะ 22จนกว่าผู้เจริญด้วยวัยวุฒิเสด็จมาถึง การพิพากษาถูกมอบให้แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดนั้น และเวลากำหนดได้มาถึงที่บรรดาผู้บริสุทธิ์จะรับราชอาณาจักร
23“ท่านผู้นั้นกล่าวดังนี้ว่า ‘เรื่องสัตว์ตัวที่สี่นั้น
 จะมีราชอาณาจักรที่สี่บนพิภพ
ซึ่งจะผิดกับราชอาณาจักรทั้งสิ้น
 และจะกินทั้งพิภพนี้เสีย
 และเหยียบพิภพลง และทำให้เป็นชิ้นๆ
24ส่วนเรื่องเขาสิบเขานั้น
 จากราชอาณาจักรนี้จะมีกษัตริย์ 10 องค์เกิดขึ้น และมีกษัตริย์อีกองค์หนึ่งเกิดขึ้นภายหลัง
 แตกต่างจากกษัตริย์ที่มีมาก่อน และจะโค่นกษัตริย์เสีย 3 องค์
25ท่านจะพูดคำกล่าวร้ายองค์ผู้สูงสุด
 และจะข่มเหงบรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดนั้น
และจะคิดเปลี่ยนแปลงวาระและธรรมบัญญัติต่างๆ
 และเขาทั้งหลายจะถูกมอบไว้ในมือของท่าน
 ตลอดหนึ่งวาระ สองวาระ กับครึ่งวาระ
26แต่ผู้พิพากษาก็จะขึ้นนั่งบัลลังก์
 และจะทรงนำเอาราชอำนาจของท่านไป
 เพื่อจะทรงเผาผลาญและทำลายเสียให้สิ้นสุด
27และราชอาณาจักรกับราชอำนาจ
 และความยิ่งใหญ่แห่งบรรดาราชอาณาจักรภายใต้สวรรค์ทั้งสิ้น
จะต้องถูกมอบไว้แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์คือ ประชากรขององค์ผู้สูงสุดนั้น
 แผ่นดินของท่านเหล่านี้จะเป็นแผ่นดินนิรันดร์
 และราชอาณาจักรทั้งสิ้นจะปรนนิบัติและเชื่อฟังท่านเหล่านี้’
 28“เรื่องราวก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ส่วนข้าพเจ้าคือดาเนียล ความคิดของข้าพเจ้าก็ทำให้ข้าพเจ้าตกใจมาก และหน้าของข้าพเจ้าก็ซีดไป แต่ข้าพเจ้าก็เก็บเรื่องราวนี้ไว้ในใจ”

ดาเนียล 8

นิมิตเรื่องแกะผู้และแพะผู้

 1ในปีที่สามแห่งรัชกาลกษัตริย์เบลชัสซาร์ มีนิมิตปรากฏแก่ข้าพเจ้าดาเนียล หลังจากนิมิตที่ปรากฏแก่ข้าพเจ้าครั้งแรกนั้น 2และในนิมิตนั้น ตามที่ข้าพเจ้าได้เห็น ปรากฏว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่สุสาเมืองป้อม ซึ่งอยู่ในมณฑลเอลาม และข้าพเจ้าก็เห็นนิมิต ข้าพเจ้าอยู่ที่แม่น้ำอุลัย 3ข้าพเจ้าเงยหน้าดู และเห็นแกะผู้ตัวหนึ่งยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ มีเขาสองเขา เขาทั้งสองก็ยาว แต่ข้างหนึ่งยาวกว่าอีกข้างหนึ่ง และเขาที่ยาวนั้นงอกมาทีหลัง 4ข้าพเจ้าเห็นแกะผู้ตัวนั้นขวิดไปทางตะวันตก ทางเหนือ และทางใต้ ไม่มีสัตว์ตัวไหนสู้มันได้และไม่มีใครช่วยให้พ้นจากอำนาจของมันได้ มันทำตามใจชอบและก็พองตัวขึ้น
 5เมื่อข้าพเจ้ากำลังตรึกตรองอยู่ มีแพะผู้ตัวหนึ่งมาจากทิศตะวันตก เหาะข้ามพื้นพิภพมา ไม่แตะต้องพื้นดินเลย และแพะนั้นมีเขาเด่นอยู่ในระหว่างตาของมันเขาหนึ่ง 6มันมาหาแกะผู้ที่มีเขาสองเขา ซึ่งข้าพเจ้าเห็นยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ มันวิ่งเข้าใส่แกะผู้ตัวนั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว 7ข้าพเจ้าเห็นมันเข้ามาใกล้แกะผู้ มันโกรธและเข้าชนแกะผู้ ทำให้เขาทั้งสองของมันหักไปและแกะผู้ก็ไม่มีกำลังสู้มันได้ มันเหวี่ยงแกะผู้ลงที่ดินและเหยียบเสีย และไม่มีใครช่วยแกะผู้ให้พ้นอำนาจของมันได้ 8แล้วแพะผู้ก็พองตัวขึ้นอย่างมาก แต่เมื่อมันแข็งแรงเต็มที่ เขาใหญ่ของมันก็หัก มีเขาเด่นอีกสี่เขางอกขึ้นแทนที่ หันไปทางทิศลมทั้งสี่ของฟ้าสวรรค์
 9และมีเขาเล็กๆ เขาหนึ่งงอกออกมาจากเขาหนึ่งในบรรดาเขาเหล่านี้ ซึ่งงอกขึ้นใหญ่โตเหลือเกินขยายไปทางใต้ ไปทางตะวันออก และไปยังแผ่นดินอันรุ่งโรจน์นั้น 10มันงอกขึ้นใหญ่โตถึงบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ และเหวี่ยงบริวารคือดาวบางดวงลงมายังพื้นดิน แล้วเหยียบย่ำเสีย 11มันโตขึ้นอีกจนถึงเจ้านายแห่งบริวาร และเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ก็ถูกชิงไปจากพระองค์ และสถานนมัสการของพระองค์ก็ถูกทำให้เสื่อม 12เนื่องจากการละเมิด บรรดาประชากรของพระองค์และเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ก็ถูกยึด ความจริงก็ถูกเหวี่ยงลงพื้นดิน และเขานั้นก็เจริญขึ้นในกิจการของมัน 13แล้วข้าพเจ้าได้ยินผู้บริสุทธิ์ท่านหนึ่งพูดอยู่ ผู้บริสุทธิ์อีกท่านหนึ่งมาพูดกับท่านที่พูดอยู่นั้นว่า “นิมิตที่เกี่ยวกับเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์จะอยู่อีกนานเท่าไร ทั้งเรื่องการละเมิดที่ทำให้เกิดการร้างเปล่า และเรื่องการยกสถานนมัสการให้ไป และเรื่องบริวารที่ถูกเหยียบย่ำลง?” 14ท่านผู้นั้นตอบข้าพเจ้าว่า “อยู่นาน 2,300 เวลาเย็นและเวลาเช้า แล้วสถานนมัสการนั้นจะกลับสู่สภาพอันควร”

อรรถาธิบาย

จงจำไว้เสมอว่า ชัยชนะของพระองค์นั้นสมบูรณ์

พระเยซูเสด็จมาเพื่อทำลายการงานของมาร พระเยซูทรงอยู่ภายในคุณ คุณมีชัยชนะได้ผ่านทางพระองค์ เมื่อมาถึงสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจว่าพระเยซูคือใคร และพระองค์เสด็จมาที่โลกนี้เพื่อทำอะไร นี่คือหนึ่งในข้อความที่สำคัญที่สุดของพระคัมภีร์ทั้งเล่ม

พระเจ้าตรัสกับดาเนียลทางความฝันและนิมิตในขณะที่เขานอนอยู่บนที่นอน 'ท่านจึงบันทึกความฝันนั้นไว้ และบรรยายเนื้อเรื่องนั้น' (7:1) (เมื่อพระเจ้าตรัส เราควรจดไว้เพื่อที่จะได้ไม่ลืม) ดาเนียลมีความฝันที่เต็มไปด้วยชีวิต ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการสงครามฝ่ายวิญญาณ 'เขาทำสงครามกับบรรดาผู้บริสุทธิ์และชนะ' (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

มีนิมิตและความฝันหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงทันทีและมีปรากฏในประวัติศาสตร์ นั่นคือ สัตว์ร้ายสี่ตัว ซึ่งเป็นตัวแทนของ 4 อาณาจักร อันได้แก่ จักรวรรดิบาบิโลน, จักรวรรดิเมโด-เปอร์เซีย, จักรวรรดิกรีก และจักรวรรดิโคลอสซัสแห่งโรมัน

แต่ความฝันและนิมิตนี้ได้เกิดขึ้นจริงและมีอิทธิพลอย่างมาก ดาเนียลได้เห็นว่าจะมีเวลาที่มารจะถูกกำจัดและทำลายจนหมดสิ้นไปจากโลก (ข้อ 11,26) และตอนที่พระเจ้าปกครองอยู่สูงสุดแห่งจักรวาลนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ (ข้อ 14)

เขาได้เห็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับประชากรของพระเจ้า 'แต่ผู้พิพากษาจะขึ้นนั่งบัลลังก์และจะทรงนำเอาราชอำนาจของท่านไป เพื่อจะทรงเผาผลาญและทำลายเสียให้สิ้นสุด และราชอาณาจักรกับราชอำนาจและความยิ่งใหญ่แห่งบรรดาราชอาณาจักรภายใต้สวรรค์ทั้งสิ้นจะถูกมอบไว้แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์คือประชากรขององค์ผู้สูงสุดนั้น แผ่นดินของท่านเหล่านี้จะเป็นแผ่นดินนิรันดร์และราชอาณาจักรทั้งสิ้นจะปรนนิบัติและเชื่อฟังท่านเหล่านี้' (ข้อ 26–27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ยิ่งไปกว่านั้น ดาเนียลยังได้เห็นชัยชนะโดยสิ่งที่เหมือนพระเมสสิยาห์ในรูปลักษณ์ของ 'บุตรมนุษย์'

'ข้าพเจ้าเห็นท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์
 มาพร้อมกับบรรดาเมฆของสวรรค์…

ราชอำนาจ ศักดิ์ศรี กับราชอาณาจักร ทรงมอบไว้กับท่าน
เพื่อชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาจะปรนนิบัติท่าน
ราชอาณาจักรของท่านเป็นราชอาณาจักรนิรันดร์ ซึ่งจะไม่มีที่สิ้นสุด
และแผ่นดินของท่านเป็นแผ่นดินซึ่งจะไม่ถูกทำลายเลย' (ข้อ 13–14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูได้ถูกกล่าวถึง 'บุตรมนุษย์..มาพร้อมกับบรรดาเมฆของฟ้าสวรรค์' (มาระโก 14:62) และ 'บุตรมนุษย์มาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพและพระรัศมีอย่างยิ่ง' (13:26; ดูมัทธิว 24:30; 26:64)

ข้อความนี้ส่งผลอย่างชัดเจนต่อพระเยซูและความเข้าใจในตัวพระองค์เอง พระองค์มักจะถูกพรรณนาถึงว่า 'บุตรมนุษย์' ซึ่งมีอยู่แปดสิบสองครั้งในพระกิตติคุณที่กล่าวถึงพระเยซู

พระเยซูเลือกตำแหน่งที่ไม่มีการแข่งขันในทางการเมืองเหมือนอย่างตำแหน่งของพระเมสสิยาห์ ซึ่งกล่าวถึงตัวแทนที่ถูกชี้ชัดว่าเป็นมนุษย์ และ 'ให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก' (มาระโก 10:45) มีภาพของการทนทุกข์อยู่ในนั้นด้วย (ดาเนียล บทที่ 7)

ในความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อคุณและผมเองนั้น พระเยซู บุตรมนุษย์ ได้เป็นตัวแทนของเหล่ามนุษยชาติทั้งสิ้นในการทนทุกข์ เพื่อที่คุณจะได้รับการกอบกู้จากอำนาจในฝ่ายวิญญาณของมารในโลกนี้ ในวันหนึ่งพระเยซูจะเสด็จกลับมา 'พร้อมกับบรรดาเมฆของฟ้าสวรรค์' (ข้อ 13) เหมือนที่ได้ทรงสัญญาไว้ และชัยชนะนั้นจะสมบูรณ์ (มัทธิว 24:30-31)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับชัยชนะอัศจรรย์แห่งพระเยซูเหนืออำนาจของมาร ขอบพระคุณที่อำนาจของมารทั้งสิ้นได้พ่ายแพ้ และในวันหนึ่งจะถูกกำจัดให้สูญสิ้นไป

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สดุดี 136

'ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์' ได้ถูกกล่าวซ้ำถึงยี่สิบหกครั้งในบทสดุดีนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราคงได้รับข้อความนี้!

ข้อพระคำประจำวัน

สดุดี 136:26

'จงขอบพระคุณพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์'

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม