วัน 331

มีพระเจ้าองค์หนึ่งและทรงยิ่งใหญ่

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 135:1-12
พันธสัญญาใหม่ 2 เปโตร 1:1-21
พันธสัญญาเดิม ดาเนียล 2:24-3:12

เกริ่นนำ

ผมศึกษากฎหมายมา และว่าความมาเกือบสิบปี ทุกคดีในทางกฎหมายหลักฐานมีความสำคัญกับผม ผมไม่สามารถเป็นคริสเตียนได้หากผมไม่เชื่อว่าความเชื่อของเรามีพื้นฐานมาจากหลักฐานที่น่าสนใจ มีหลักฐานที่ดีเกี่ยวกับชีวิต การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีหนังสือใหม่มากมายที่เขียนโดย ‘ผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า’ ที่บอกว่าไม่มีหลักฐานสำหรับพระเจ้า ทั้งยังกล่าวว่าพระเจ้าเป็น ‘ภาพลวงตา’ (‘The God Delusion’) และ ‘พระเจ้าไม่ยิ่งใหญ่ - God is Not Great’ (ชื่อหนังสืออีกเล่มหนึ่ง) แม้ว่าพระคัมภีร์ไม่ได้พยายามให้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์สำหรับการมีอยู่จริงของพระเจ้า แต่กลับชี้ไปที่หลักฐานของ ‘สักขีพยาน’ (2 เปโตร 1:16) และประกาศว่า ‘มีพระเจ้าองค์หนึ่งในสวรรค์’ (ดาเนียล 2:28) และว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่’ (สดุดี 135:5)

มีเหตุผลที่ดีที่คุณจะวางใจในพระเจ้า คุณจะเติบโตในความเชื่อเมื่อคุณศึกษาความจริงของพระวจนะของพระเจ้าและประกาศอย่างกล้าหาญว่า ‘มีพระเจ้าองค์หนึ่ง’ และ ‘ทรงยิ่งใหญ่’

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 135:1-12

คำสรรเสริญพระคุณและพระกำลังของพระเจ้า

 1สรรเสริญพระยาห์เวห์
 จงสรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์
 บรรดาผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์เอ๋ย จงสรรเสริญเถิด
2บรรดาผู้ที่ยืนอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
 ในบริเวณพระนิเวศของพระเจ้าของเรา
3จงสรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระยาห์เวห์ประเสริฐ
 จงร้องเพลงสดุดีพระนามของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงพระเมตตา
4เพราะพระยาห์เวห์ทรงเลือกยาโคบไว้สำหรับพระองค์เอง
 ทรงเลือกอิสราเอลไว้เป็นสิ่งล้ำค่าของพระองค์
5เพราะข้าพเจ้าเองทราบว่าพระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่
 และองค์เจ้านายของเราทรงยิ่งใหญ่กว่าพระทั้งสิ้น
6พระยาห์เวห์พอพระทัยสิ่งใด พระองค์ก็ทรงทำสิ่งนั้น
 ในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก
 ในทะเลและที่น้ำลึกทั้งสิ้น
7พระองค์ทรงทำให้เมฆลอยขึ้นมาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลก
 ทรงทำฟ้าแลบให้แก่ฝน
 และทรงนำลมออกมาจากพระคลังของพระองค์
8พระองค์ทรงสังหารลูกหัวปีของอียิปต์
 ทั้งของคนและของสัตว์
9อียิปต์เอ๋ย พระองค์ทรงส่งหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ มาท่ามกลางเจ้า
 ให้ต่อสู้กับฟาโรห์และข้าราชการทั้งสิ้นของท่าน
10พระองค์ทรงสังหารบรรดาประชาชาติเป็นอันมาก
 และทรงประหารบรรดากษัตริย์ผู้มีอำนาจ
11คือสิโหน พระราชาของคนอาโมไรต์
 และโอก พระราชาแห่งบาชาน
 อีกทั้งราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งคานาอัน
12แล้วประทานแผ่นดินของเขาทั้งหลายให้เป็นมรดก
 เป็นมรดกแก่อิสราเอล ประชากรของพระองค์
13ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระนามของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเกียรติคุณของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์
14เพราะพระยาห์เวห์จะประทานความเป็นธรรมแก่ประชากรของพระองค์
 และทรงพระกรุณาแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
15รูปเคารพของบรรดาประชาชาติเป็นเงินและทองคำ  เป็นผลงานของมือมนุษย์
16รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้
 มีตา แต่ดูไม่ได้
17มีหู แต่ฟังไม่ได้
 ทั้งไม่มีลมหายใจในปากของรูปเหล่านั้น
18ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น
 ทุกคนที่วางใจในรูปเหล่านั้นก็เช่นกัน
19วงศ์วานอิสราเอลเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
 วงศ์วานอาโรนเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
20วงศ์วานเลวีเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
 ท่านผู้ยำเกรงพระยาห์เวห์เอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
21สาธุการแด่พระยาห์เวห์จากศิโยน
 พระองค์ผู้ทรงพำนักอยู่ในเยรูซาเล็ม

สรรเสริญพระยาห์เวห์

อรรถาธิบาย

ประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

‘พระเจ้าแสนดี’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่คือคำกล่าวของผู้เขียนพระธรรมสดุดี ‘พระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่’ (ข้อ 5) เขาระลึกถึงความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับประชากรของพระองค์ (ข้อ 4) เขาเห็นโลกที่พระเจ้าสร้างและค้ำจุน (ข้อ 6–7) และเป็นพยานถึงการช่วยกู้ที่ยอดเยี่ยมของพระเจ้า (ข้อ 8–11) ประสบการณ์และหลักฐานที่หลากหลายนี้สนับสนุนความเชื่อของเขาในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

ตอบสนองต่อความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในการนมัสการ มีหลายครั้งที่ผู้เขียนสดุดีเรียกเราให้ ‘สรรเสริญพระเจ้า’ มีการเรียกซ้ำ ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ ห้าครั้งในพระคัมภีร์สามข้อแรก สรรเสริญพระเจ้า!

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์ต้องการสรรเสริญและนมัสการพระองค์ ข้าพระองค์วางใจด้วยชีวิตของข้าพระองค์
พันธสัญญาใหม่

2 เปโตร 1:1-21

การทักทาย

 1สิเมโอนเปโตร ผู้รับใช้และอัครทูตของพระเยซูคริสต์
 เรียน บรรดาผู้ที่ได้รับความเชื่ออันล้ำค่าเช่นเดียวกับเรา โดยความชอบธรรมแห่งพระเจ้าของเราทั้งหลายคือพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา
 2ขอพระคุณและสันติสุขจงเพิ่มพูนแก่ท่านทั้งหลายยิ่งๆ ขึ้น โดยการรู้จักพระเจ้าและพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

การทรงเรียกและการทรงเลือก

 3ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งแก่เรา ที่จำเป็นต่อชีวิตและต่อการดำเนินตามทางพระเจ้า โดยการรู้จักพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกเราด้วยพระสิริและคุณธรรมของพระองค์เอง 4โดยสิ่งเหล่านี้พระองค์จึงได้ประทานพระสัญญาอันล้ำค่าและยิ่งใหญ่แก่เรา เพื่อว่าโดยพระสัญญาเหล่านี้ พวกท่านจะพ้นจากความเสื่อมทรามที่มีอยู่ในโลกอันเกิดจากความปรารถนาชั่ว และจะมีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า 5ด้วยเหตุนี้เอง พวกท่านจงพยายามอย่างที่สุดที่จะเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อของพวกท่าน เอาความรู้เพิ่มคุณธรรม 6เอาการควบคุมตัวเองเพิ่มความรู้ เอาความทรหดอดทนเพิ่มการควบคุมตัวเอง และเอาความยำเกรงพระเจ้าเพิ่มความทรหดอดทน 7เอาความรักฉันพี่น้องเพิ่มความยำเกรงพระเจ้า และเอาความรักเพิ่มความรักฉันพี่น้อง 8ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นคุณลักษณะของพวกท่านและเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้พวกท่านเป็นคนไม่ไร้ประโยชน์ และไม่ไร้ผลในการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 9เพราะว่าผู้ใดที่ขาดคุณลักษณะเหล่านี้ก็เป็นคนตาบอดหรือตาสั้น และลืมไปว่าตนได้รับการชำระให้สะอาดจากบาปแล้ว 10เพราะเหตุนั้น พี่น้องทั้งหลาย จงพยายามมากขึ้นที่จะยืนยันการทรงเรียกและการทรงเลือกพวกท่านนั้น เพราะว่าถ้าพวกท่านทำเช่นนั้น ท่านจะไม่มีวันล้มลง 11เพราะโดยวิธีนี้ ทางที่จะเข้าอาณาจักรนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา จะถูกจัดเตรียมอย่างพร้อมมูลให้กับพวกท่าน
 12เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าพร้อมเสมอที่จะเตือนความจำท่านทั้งหลายถึงสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้ว่าพวกท่านรู้และตั้งมั่นในความจริงนั้นแล้ว 13ตราบที่ข้าพเจ้ายังอยู่ในกายนี้ ข้าพเจ้าเห็นสมควรที่จะฟื้นความจำพวกท่าน 14เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าอีกไม่นานข้าพเจ้าก็จะตาย ดังที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้ทรงแจ้งแก่ข้าพเจ้าแล้ว 15และข้าพเจ้าจะพยายามให้ท่านทั้งหลายระลึกถึงสิ่งเหล่านี้เสมอ หลังจากข้าพเจ้าจากไปแล้ว

พระสิริของพระคริสต์และคำของผู้เผยพระวจนะ

 16เพราะว่าเราไม่ได้คล้อยตามนิยายที่แต่งขึ้นอย่างชาญฉลาด เมื่อเราได้ประกาศให้พวกท่านทราบถึงฤทธานุภาพ และการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย แต่เราเป็นสักขีพยานถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ 17เพราะว่าคราวเมื่อพระองค์ทรงได้รับพระเกียรติและพระสิริจากพระเจ้าพระบิดา และพระสุรเสียงจากพระสิริอันยิ่งใหญ่ได้มาถึงพระองค์ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรของเราและเป็นที่รักของเรา เราพอใจท่านผู้นี้มาก” 18พวกเราเองก็ได้ยินพระสุรเสียงนี้จากสวรรค์ ขณะที่เราอยู่กับพระองค์ที่ภูเขาบริสุทธิ์นั้น 19และเรามีคำเผยพระวจนะที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นอีก จะเป็นการดีถ้าพวกท่านจะเอาใจใส่คำนั้น เพราะคำนั้นเป็นเสมือนตะเกียงที่ส่องสว่างในที่มืด จนกว่าแสงอรุณจะขึ้น และดาวรุ่งจะผุดขึ้นในใจของพวกท่าน 20ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจข้อนี้ก่อน คือผู้หนึ่งผู้ใดจะตีความหมายคำของผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เอาเองไม่ได้ 21เพราะว่าคำของผู้เผยพระวจนะนั้น ไม่ได้มาจากความประสงค์ของมนุษย์เลย แต่มนุษย์กล่าวคำซึ่งมาจากพระเจ้า ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจเขา

อรรถาธิบาย

ประกาศความจริงแห่งพระวจนะพระเจ้า

หากคุณต้องการมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้น ให้แบ่งเวลาในการพัฒนาความสัมพันธ์นั้น ใช้เวลากับพระองค์ ในขณะที่คุณศึกษาพระคำของพระองค์ ความเชื่อของคุณจะเติบโตขึ้นและชีวิตของคุณเปลี่ยนไป ความเข้มแข็งของความสัมพันธ์ทั้งหมดรวมถึงความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า ขึ้นอยู่กับการสื่อสาร

ในจดหมายฉบับนี้ ‘สิเมโอน เปโตร ผู้รับใช้และอัครทูตของพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 1) เขียนเกี่ยวกับ ‘ความเชื่อ’ ของเขา และความเชื่อของผู้อ่านจดหมาย ‘ผู้ซึ่งมีประสบการณ์กับพระเจ้าเหมือนกับเราที่เปลี่ยนแปลงชีวิต’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความเชื่อที่ล้ำค่า (ข้อ 1) ‘พระคุณ’ และ ‘สันติสุข’ (ข้อ 2) เป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดที่คุณเคยสัมผัสในชีวิต เปโตรกล่าวว่า ‘จงเพิ่มพูนแก่ท่านทั้งหลายยิ่ง ๆ ขึ้น โดยการรู้จักพระเจ้าและพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา’ (ข้อ 2)

ความเชื่อของคุณไม่ใช่ไม่มีเหตุผล แต่มันคือ ‘ความจริง’ (ข้อ 12) ทุกวันนี้บางคนคิดว่าพระคัมภีร์เต็มไปด้วย ‘นิยายที่แต่งขึ้นอย่างชาญฉลาด’ (ข้อ 16) แต่เปโตรเขียนว่า ‘เราไม่ได้คล้อยตามนิยายที่แต่งขึ้นอย่างชาญฉลาด เมื่อเราได้ประกาศให้พวกท่านทราบถึงฤทธานุภาพ และการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย แต่เราเป็นสักขีพยานถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์’ (ข้อ 16) เปโตรกำลังเจาะจงพูดถึงการจำแลงพระกาย (ข้อ 17–18) เมื่อเขาเห็นการสำแดงพระสิริและตัวตนของพระเยซู (ดู มาระโก 9; มัทธิว 17; ลูกา 9) เขาเป็นพยานว่า ‘เราเห็นกับตาของเราเอง’ (2 เปโตร 1:16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พยานคือคำที่ใช้สำหรับคนที่ให้การเป็นพยานในชั้นศาล หลักฐานเกี่ยวกับพระเยซูคล้ายกับหลักฐานทางกฎหมายมากกว่าหลักฐานทางคณิตศาสตร์หรือทางวิทยาศาสตร์ จึงมีหลักฐานจากผู้เห็นเหตุการณ์ ความเชื่อที่มีเหตุผล มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาเห็น เปโตรยืนยันว่า ‘เราไม่สามารถแน่ใจในสิ่งที่เห็น และได้ยินมากไปกว่านี้อีกแล้ว’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) มีเหตุผลต่าง ๆ ที่ดีที่จะเชื่อ

เปโตรยังเตือนพวกเขาถึงพลังและความน่าเชื่อถือของพระคัมภีร์ ‘สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ในที่นี้คือไม่มีการเผยพระวจนะในพระคัมภีร์เป็นเรื่องของความคิดเห็นส่วนตัว และทำไมหรือ? เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นในใจมนุษย์ คำเผยพระวจนะเกิดขึ้นเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจทั้งชายและหญิงพูดพระวจนะของพระเจ้า’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังคงตรัสผ่านถ้อยคำเหล่านี้ในพระคัมภีร์ เมื่อคุณสัมผัสถึงการทรงสถิตและฤทธิ์อำนาจของพระองค์ผ่านสิ่งเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้จะเสริมความจริงในความเชื่อของคุณออกมา

ความเชื่อไม่ใช่เพียงชุดของความคิด แต่เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคุณ เปโตรกล่าวว่า โดยทางพระวิญญาณบริสุทธ์ ‘ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งแก่เรา ที่จำเป็นต่อชีวิตและต่อการดำเนินตามทางพระเจ้า’ (ข้อ 3)

ด้วยเหตุนี้ เปโตรอธิบายว่าคุณต้อง ‘เสริมความเชื่อพื้นฐานของคุณ’ จากนั้นเปโตรก็ระบุคุณสมบัติต่าง ๆ ที่คุณต้องพยายามพัฒนา เช่น ‘บุคลิกลักษณะที่ดี ความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ วินัยในการตื่นตัว ความอดทนอย่างแรงกล้า ความยำเกรงพระเจ้า ความเป็นมิตร และความรักที่มีใจกว้างขวาง แต่ละด้านเหมาะสมกับการพัฒนาผู้อื่น’ (ข้อ 5-7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สิ่งเหล่านี้จะทำให้การเป็นคริสเตียนที่ไม่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพ (ข้อ 8) และช่วยให้คุณมีความเชื่อที่เข้มแข็งจนถึงที่สุด (ข้อ 10–11)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ความเชื่อของเรามีพื้นฐานมาจากพยานของผู้เห็นเหตุการณ์ และประสบการณ์ความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์เติบโตในความสัมพันธ์นั้น ในขณะที่ข้าพระองค์เชื่อความจริงในพระวจนะของพระองค์
พันธสัญญาเดิม

ดาเนียล 2:24-3:12

ดาเนียลทำนายพระสุบิน

 24แล้วดาเนียลก็เข้าไปหาอารีโอค ผู้ซึ่งกษัตริย์แต่งตั้งให้ประหารนักปราชญ์ของบาบิโลน ท่านได้เข้าไปและกล่าวว่า “ขออย่าประหารนักปราชญ์ของบาบิโลน โปรดนำข้าพเจ้าเข้าเฝ้าพระราชา และข้าพเจ้าจะถวายคำแก้ฝันแก่พระราชา” 25แล้วอารีโอคก็รีบนำดาเนียลเข้าเฝ้ากษัตริย์ และทูลพระองค์ว่า “ข้าพระบาทพบชายคนหนึ่ง ในพวกที่ถูกกวาดเป็นเชลยจากยูดาห์ ผู้จะทูลให้พระราชาทราบคำแก้พระสุบินได้” 26กษัตริย์จึงตรัสแก่ดาเนียลผู้มีชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ว่า “เจ้าสามารถให้เรารู้ถึงความฝันที่เราได้ฝันและคำแก้ฝันนั้นได้หรือ?” 27ดาเนียลทูลกษัตริย์ว่า “ไม่มีนักปราชญ์ หรือหมอดู หรือโหร หรือหมอดูฤกษ์ยามคนใดเปิดเผยความลึกลับซึ่งพระราชาไต่ถามแด่พระองค์ได้ 28แต่มีพระเจ้าองค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์ผู้ทรงเปิดเผยความลึกลับทั้งหลาย และพระองค์ทรงให้พระราชาเนบูคัดเนสซาร์รู้ถึงสิ่งซึ่งจะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย และนิมิตที่ผุดขึ้นในพระเศียรของพระองค์บนพระแท่นบรรทมนั้นเป็นดังนี้ พ่ะย่ะค่ะ 29ข้าแต่พระราชา ขณะเมื่อฝ่าพระบาทบรรทมบนพระแท่น พระดำริในเรื่องซึ่งจะเกิดมาภายหลังได้ผุดขึ้น และพระองค์นั้นผู้ทรงเปิดเผยความลึกลับก็ทรงให้ฝ่าพระบาทรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น 30ส่วนข้าพระบาทนั้น ได้รับการเปิดเผยความลับลึกนี้ ไม่ใช่เพราะข้าพระบาทมีปัญญามากกว่าคนอื่นๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เพื่อพระราชาจะรู้คำแก้พระสุบิน และเพื่อฝ่าพระบาทจะเข้าใจพระดำริในพระทัยของฝ่าพระบาท
 31“ข้าแต่พระราชา ฝ่าพระบาททอดพระเนตร และดูเถิด มีปฏิมากรขนาดใหญ่ ปฏิมากรนี้มหึมาจริงๆ และสุกใสยิ่งนัก ตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาท และรูปร่างน่ากลัว 32หัวของปฏิมากรนี้เป็นทองนพคุณ อกและแขนเป็นเงิน ท้องและโคนขาเป็นทองสัมฤทธิ์ 33ขาเป็นเหล็ก เท้าเป็นเหล็กปนดิน 34ขณะพระองค์ทอดพระเนตร มีหินก้อนหนึ่งถูกตัดออกมาไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ หินนั้นกระทบปฏิมากรที่เท้าอันเป็นเหล็กปนดิน ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆ 35แล้วส่วนเหล็ก ดินเหนียว ทองสัมฤทธิ์ เงิน และทองคำ ก็แตกเป็นชิ้นๆ พร้อมกัน กลายเป็นเหมือนแกลบจากลานนวดข้าวในฤดูร้อน ลมก็พัดพาเอาไปทั่ว จึงหาร่องรอยไม่พบอีกเลย แต่ก้อนหินที่กระทบปฏิมากรนั้นกลายเป็นภูเขาใหญ่จนเต็มพิภพ
 36“นี่เป็นพระสุบิน พ่ะย่ะค่ะ บัดนี้เหล่าข้าพระบาทขอกราบทูลคำแก้พระสุบินให้พระราชาทรงทราบ 37ข้าแต่พระราชา พระราชาเหนือพระราชาทั้งหลาย ผู้ซึ่งพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานราชอาณาจักร อานุภาพ ฤทธิ์เดช และศักดิ์ศรี 38และได้ทรงมอบบรรดามนุษย์ สัตว์ในท้องทุ่งและนกบนฟ้า ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใด ไว้ในพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท ให้ฝ่าพระบาทปกครองทุกอย่าง เศียรทองคำนั้นคือฝ่าพระบาทเอง 39ต่อจากฝ่าพระบาทไป จะมีราชอาณาจักรด้อยกว่าของฝ่าพระบาทปรากฏขึ้น และยังมีราชอาณาจักรที่สามเป็นทองสัมฤทธิ์ ซึ่งจะปกครองอยู่ทั่วพิภพ 40และจะมีราชอาณาจักรที่สี่ แข็งแรงดั่งเหล็ก เพราะเหล็กตีสิ่งทั้งหลายให้หักและแตกเป็นชิ้นๆ อย่างไร ราชอาณาจักรนั้นจะหักและทุบสิ่งเหล่านี้ดังเหล็กซึ่งทุบให้แหลกอย่างนั้น 41ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตร เท้าและนิ้วเท้าเป็นดินของช่างปั้นหม้อบ้าง เหล็กบ้าง จะเป็นราชอาณาจักรที่แตกแยก แต่ความแข็งของเหล็กจะยังอยู่ในนั้นบ้าง ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเหล็กปนดินเหนียว 42และนิ้วเท้าเป็นเหล็กปนดินอย่างไร ราชอาณาจักรนั้นจึงแข็งแรงบ้างเปราะบ้างอย่างนั้น 43ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเหล็กปนดินเหนียว พวกเขาพยายามจะมีเอกภาพด้วยการสมรส แต่จะไม่ยึดกันแน่น เช่นเดียวกับที่เหล็กไม่ประสมเข้ากับดิน 44และในสมัยของพระราชาเหล่านั้น พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงสถาปนาราชอาณาจักรหนึ่ง ซึ่งไม่มีวันถูกทำลาย หรือถูกมอบให้ชนชาติอื่น ราชอาณาจักรนั้นจะทำให้ราชอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแตกเป็นชิ้นๆ จนพินาศไป และราชอาณาจักรนั้นจะตั้งมั่นอยู่เป็นนิตย์ 45ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรก้อนหินถูกตัดออกจากภูเขา ไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ และก้อนหินนั้นได้ทำให้เหล็ก ทองสัมฤทธิ์ ดินเหนียว เงิน และทองคำแตกเป็นชิ้นๆ พระเจ้ายิ่งใหญ่ได้ทรงให้พระราชารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พระสุบินนั้นเป็นจริง และคำแก้พระสุบินก็แน่นอน”

ดาเนียลและเพื่อนๆ ได้ความดีความชอบ

 46แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ทรงกราบลงและเคารพดาเนียล และทรงบัญชาให้นำเครื่องบูชาและเครื่องหอมมาถวายดาเนียล 47กษัตริย์ตรัสกับดาเนียลว่า “แน่นอนทีเดียว พระเจ้าของท่านทรงเป็นพระเจ้าเหนือพระทั้งหลาย และทรงเป็นองค์เจ้านายเหนือพระราชาทั้งปวง ทรงเป็นผู้เปิดเผยความลึกลับ เพราะท่านสามารถเปิดเผยความลึกลับนี้ได้” 48แล้วกษัตริย์ทรงให้ดาเนียลเป็นใหญ่ และประทานของกำนัลใหญ่จำนวนมาก อีกทั้งทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ครอบครองมณฑลทั้งหมดของบาบิโลน และเป็นประธานองคมนตรีของนักปราชญ์ทั้งสิ้นของบาบิโลน 49ดาเนียลก็ทูลขอต่อกษัตริย์ และพระองค์ทรงตั้งชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลน แต่ดาเนียลยังคงอยู่ในราชสำนัก

ดาเนียล 3

ปฏิมากรทองคำ

 1กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงสร้างปฏิมากรรูปหนึ่งด้วยทองคำ สูง 27 เมตร กว้างเกือบ 3 เมตร ทรงตั้งไว้ ณ ที่ราบดูราในมณฑลบาบิโลน 2แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์รับสั่งให้ประชุมพวกอุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล มนตรี นายคลัง ผู้พิพากษา ตุลาการ และบรรดาเจ้าหน้าที่ของมณฑล ให้เข้ามาในงานฉลองปฏิมากรซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งขึ้น 3แล้วพวกอุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล มนตรี นายคลัง ผู้พิพากษา ตุลาการ และบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของมณฑลได้เข้ามาประชุมเพื่องานฉลองปฏิมากร ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งขึ้น เมื่อเขาทั้งหลายมายืนอยู่หน้าปฏิมากร ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งขึ้น 4โฆษกก็ประกาศเสียงดังว่า “พระราชามีพระราชโองการมายังชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษา 5เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด ให้ท่านกราบลงนมัสการปฏิมากรทองคำ ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งไว้ 6ผู้ใดไม่กราบนมัสการก็ให้โยนผู้นั้นเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ทันที” 7เพราะฉะนั้นพอประชาชนได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด ชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาก็กราบนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งไว้
 8ในครั้งนั้นพวกเคลเดียบางคนมาเข้าเฝ้า และฟ้องพวกยิวโดยเจตนาร้าย 9เขาทูลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์ 10ข้าแต่พระราชา ฝ่าพระบาททรงออกกฤษฎีกาแล้วว่า ทุกคนที่ได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด จะต้องกราบนมัสการปฏิมากรทองคำ 11ผู้ใดไม่กราบนมัสการก็จะถูกโยนเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ 12มีคนยิวบางคนที่ฝ่าพระบาทแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลนคือ ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ข้าแต่พระราชา คนเหล่านี้ไม่เชื่อฟังกฤษฎีกาของฝ่าพระบาท เขาไม่ยอมปรนนิบัติบรรดาพระของฝ่าพระบาท หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งไว้”

อรรถาธิบาย

ประกาศว่า ‘มีพระเจ้าองค์หนึ่ง’

จงปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานของโลก จงกล้าประกาศว่า ‘มีพระเจ้าองค์หนึ่ง’ ไม่ว่าใครอาจพูดอะไร และทำอะไรก็ตาม

ครั้งหนึ่งผมเคยรู้จักชายผู้เข้มแข็งในความเชื่อคนนึงชื่อเล่นว่า ‘กิบโบ’ ซึ่งเมื่อเขายังหนุ่ม เขาทำงานเป็นเสมียนที่ Selfridges ห้างสรรพสินค้าในกรุงลอนดอน อยู่มาวันหนึ่งเมื่อเจ้าของคือ กอร์ดอน เซลฟริดจ์ อยู่ที่นั่นด้วย โทรศัพท์ก็ดังขึ้น กิบโบเป็นคนรับสาย ปลายสายขอให้พูดกับ กอร์ดอน เซลฟริดจ์ เมื่อกิบโบแจ้งกับเจ้าของ เซลฟริดจ์ก็ตอบว่า ‘บอกเขาว่าผมออกไปแล้ว’ กิบโบกลับยื่นโทรศัพท์ให้เขาและพูดว่า ‘คุณบอกเขาเองว่าคุณกำลังออกไป’ กอร์ดอน เซลฟริดจ์ เลยจำเป็นต้องรับสาย แต่โกรธเขา กิบโบพูดกับเขาในภายหลังว่า ‘ถ้าผมสามารถโกหกเพื่อคุณได้ ผมก็สามารถโกหกคุณได้เช่นกัน’ นับจากนั้นเป็นต้นมา กอร์ดอน เซลฟริดจ์ ให้ความสำคัญกับกิบโบ และวางใจเขาเป็นพิเศษ

ดาเนียลและเพื่อนทั้งสามของเขาเชื่อว่า ‘มีพระเจ้าองค์หนึ่ง’ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมประนีประนอม ด้วยชีวิตและคำพูดของพวกเขา พวกเขาประกาศอย่างกล้าหาญว่า ‘มีพระเจ้าองค์หนึ่ง’

ดาเนียลเชื่อมั่นว่า ‘แต่มีพระเจ้าองค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์’ (2:28) และความเชื่อมั่นนี้สนับสนุนเรื่องราวทั้งสองในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมในวันนี้ ในบทที่ 2 เราอ่านเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของดาเนียลว่าพระเจ้าองค์นี้ ‘ทรงเปิดเผยความลึกลับทั้งหลาย’ (ข้อ 28) และความเต็มใจที่จะปฏิบัติตามความเชื่อนั้น ในบทที่ 3 เราเห็นว่าเพื่อนสามคนของเขายอมเสี่ยงตายเพราะเชื่อมั่นว่าพระเจ้ามีจริง และมุ่งมั่นที่จะนมัสการพระองค์เพียงผู้เดียว

ดาเนียลถ่อมใจมากพอที่จะรับรู้ว่าการตีความที่ได้รับ ไม่ใช่เพราะปัญญาของเขา แต่เพราะพระคุณของพระเจ้า (ข้อ 30)

พระเจ้าบอกเนบูคัดเนสซาร์สามสิ่ง ซึ่งก็เป็นความจริงสำหรับคุณเช่นกัน (ข้อ 36–38) ประการแรก พระเจ้าประทานทุกสิ่งที่คุณได้รับให้แก่คุณ ประการที่สอง พระเจ้าได้วางคุณไว้ในตำแหน่งที่คุณอยู่ในตอนนี้ ประการที่สาม พระเจ้าได้ทำให้คุณเป็นในแบบที่คุณเป็น

ดังนั้นจึงไม่มีเหตุให้เกิดความเย่อหยิ่งหรือพอใจในตนเอง ทั้งความสามารถของคุณ ของประทาน และทรัพยากรของคุณล้วนมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น

ดาเนียลยังคงตีความความฝันต่อไป จะมีอาณาจักรที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง (อาจเป็นบาบิโลน, มีโด-เปอร์เซีย, กรีกภายใต้อเล็กซานเดอร์มหาราชและโรมัน) ประเด็นสำคัญก็คือ อาณาจักรทั้งหมดของโลก ไม่ว่าจะเป็นบาบิโลน โรมัน อังกฤษ โซเวียต อเมริกา หรือจีน ล้วนมีจุดจบ ไม่มีสิ่งใดเป็นนิรันดร์

ดาเนียลพูดถึงอาณาจักรที่ไม่มีวันถูกทำลาย แต่จะคงอยู่ตลอดไป (ข้อ 44) อาณาจักรนี้มีพื้นฐานมาจากหินที่สกัดจากภูเขาซึ่งไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ (ข้อ 34) หินที่ทำให้เหล็ก ดินเหนียว ทองสัมฤทธิ์ เงิน และทองคำแตกเป็นชิ้น ๆ (ข้อ 35)

หินนั้น ‘กระทบปฏิมากร’ และ ‘กลายเป็นภูเขาใหญ่จนเต็มพิภพ’ (ข้อ 35) บัดนี้ โดยผ่านมุมของพระเยซู เราเห็นว่าหินนั้นคือพระคริสต์ (ดู อิสยาห์ 28:16; 1 เปโตร 2:4–8; สดุดี 118:22–23) ทรงกำเนิดจากสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า (‘หินถูกตัดออก แต่ไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์’, ดาเนียล 2:34) เราจะได้เห็นอาณาจักรของพระองค์การเติบโตอย่างมหัศจรรย์ (‘จนเต็มพิภพ’ ข้อ 35)

ขณะนี้มีผู้คนกว่าสองพันล้านคนในโลกที่ประกาศพระนามของพระเยซู อาณาจักรของพระองค์มีคุณสมบัตินิรันดร์ (ข้อ 44) นั่นคือ ‘อาณาจักรนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา’ (2 เปโตร 1:11)

ตำแหน่งของดาเนียลประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ด้วยความทะเยอทะยานทางโลก แต่โดยการแทรกแซงที่มาจากพระเจ้า ทำงานผ่านคนที่มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์ ดาเนียลไม่แสวงหาหรือต้องการคำยืนยันจากมนุษย์เหมือนโหรแห่งราชสำนักของเนบูคัดเนสซาร์ แต่เขารู้จักพระบิดาและแสวงหาสิ่งที่พระองค์พอพระทัย

ดาเนียล ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ยังคงยึดมั่นในพระเจ้าและพร้อมที่จะตายเพื่อความเชื่อของพวกเขา (ดาเนียล 3) พวกเขาเต็มใจที่จะเดิมพันทุกอย่างเกี่ยวกับความจริงที่ว่า มีพระเจ้าจริง ๆ และพระองค์ทรงยิ่งใหญ่

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ ให้ประกาศกับโลกด้วยชีวิตและคำพูด ว่ายังมีพระเจ้าพระองค์หนึ่ง และพระองค์ทรงยิ่งใหญ่

เพิ่มเติมโดยพิพพา

2 เปโตร 1:5–8

ถ้าคุณต้องการไม่เป็นคนที่ ‘ไร้ประโยชน์และไม่ไร้ผล’ ในความเชื่อ เราต้องเพิ่มเติมสิ่งนี้คือ ความรู้ การควบคุมตนเอง ความทรหดอดทน ความยำเกรงพระเจ้า ความเมตาและความรัก เราไม่ควรพอใจการย่ำอยู่กับที่ แต่แสวงหา ‘การยกระดับมาตรฐาน’ อยู่เสมอ

ข้อพระคำประจำวัน

2 เปโตร 1:2

‘ขอพระคุณและสันติสุขจงเพิ่มพูนแก่ท่านทั้งหลายยิ่ง ๆ ขึ้น โดยการรู้จักพระเจ้าและพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา'

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม