วัน 332

การเป็นผู้หนุนน้ำใจ

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 29:1-9
พันธสัญญาใหม่ 2 เปโตร 2:1-22
พันธสัญญาเดิม ดาเนียล 3:13-4:18

เกริ่นนำ

ในหลายสัปดาห์ติดต่อกันที่ คริสตจักร โฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตั้น ผมได้สัมภาษณ์สองบุคคลที่มีความกล้าหาญและเปี่ยมด้วย ความเชื่อ คนแรกคือ เบ็น ฟรีธ ซึ่งเราได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อของเขาในพระเยซูคริสต์ ที่ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่กล้าหาญในการต่อต้านระบอบการปกครองที่ไม่ยุติธรรมในซิมบับเว นั่นเป็นผลให้เขาถูกทุบตี ทรมาน และถูกบังคับให้เฝ้าดูแม่ยายและพ่อตาที่แก่แล้วถูกทรมาน และเสียชีวิตในที่สุด ทว่าท่ามกลางความทุกข์ทรมาน พระองค์ทรงเลือกรักและอวยพรผู้ถูกทรมานเหล่านั้น

คนที่สองเป็นศิษยาภิบาลจากหนึ่งในบรรดาหกสิบประเทศทั่วโลกที่ยังคงมีการกดขี่ข่มเหงคริสเตียนทางร่างกาย เขาถูกคุมขังและถูกตัดสินประหารชีวิตโดยไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากความเชื่อของเขาในพระเยซูคริสต์ ถึงแม้มีการเผชิญกับความทุกข์ยากอย่างมากแต่เขาไม่ปฏิเสธความเชื่อของเขา

ชีวิตของชายและหญิงเหล่านี้เป็นสิ่งที่หนุนใจ เป็นสิ่งที่ท้าทาย และสร้างแรงบันดาลใจอย่างมหาศาล

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 29:1-9

1คนที่ถูกตักเตือนบ่อยๆ แต่ยังหัวรั้น
 จะถูกทำลายทันทีโดยไม่มีทางแก้ไข
2เมื่อคนชอบธรรมทวีขึ้น ประชาชนก็เปรมปรีดิ์
 แต่เมื่อคนอธรรมปกครอง ประชาชนก็คร่ำครวญ
3คนที่รักปัญญาย่อมทำให้บิดาของตนเปรมปรีดิ์
 แต่ผู้ที่คบหาหญิงโสเภณีก็ผลาญทรัพย์จนสิ้น
4กษัตริย์ทรงทำให้บ้านเมืองเป็นปึกแผ่นด้วยความยุติธรรม
 แต่คนที่รับสินบนทำให้มันย่อยยับ
5คนที่ป้อยอเพื่อนบ้านของตน
 ย่อมกางข่ายไว้ดักเท้าของเขา
6คนชั่วติดกับโดยความทรยศของตน
 แต่คนชอบธรรมร้องเพลงและเปรมปรีดิ์
7คนชอบธรรมรู้จักสิทธิของคนจน
 คนอธรรมไม่เข้าใจความรู้อย่างนี้
8คนชอบเยาะเย้ยทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ
 แต่คนมีปัญญาทำให้ความโกรธเกรี้ยวสงบลง
9ถ้าคนมีปัญญามีเรื่องโต้เถียงกับคนโง่
 คนโง่ก็เดือดดาล ทั้งหัวเราะและไม่มีความสงบ

อรรถาธิบาย

ผู้ที่หนุนใจด้วยความยุติธรรม

ผมได้รับแรงบันดาลใจจากตัวอย่างของคริสตจักร บุคคล และองค์กรที่ใส่ใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความยุติธรรมสำหรับคนขัดสน สิ่งนี้มีมากมายในพระคัมภีร์เกี่ยวกับปัญหาความยากจนและความยุติธรรม ในพระคัมภีร์เน้นเรื่องความยากจนและความยุติธรรมมากถึงสองพันกว่าข้อ ซึ่งสิ่งนั้นเองปลุกเราให้ตื่นขึ้นจากปัญหาเหล่านี้

ความยุติธรรมเป็นสิ่งสำคัญ ‘กษัตริย์ทรงทำให้บ้านเมืองเป็นปึกแผ่นด้วยความยุติธรรม แต่คนที่รับสินบนทำให้มันย่อยยับ’ (ข้อ 4) การอยู่ในสถานที่ที่การให้สินบนของผู้พิพากษาและนักการเมืองเป็นเรื่องปกตินั้นถือเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก ‘ผู้นำที่มีการตัดสินที่ดีให้ความมั่นคง แต่ผู้นำเอาเปรียบทิ้งร่องรอยความเสียหาย’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ไม่มีระบบยุติธรรมที่สมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามการได้อยู่ในประเทศที่มีระบบยุติธรรมที่ดี ถือเป็นสิทธิพิเศษ

‘เมื่อคนชอบธรรมทวีขึ้น ประชาชนก็เปรมปรีดิ์ แต่เมื่อคนอธรรมปกครอง ประชาชนก็คร่ำครวญ’ (ข้อ 2) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ‘เมื่อคนดีบริหารสิ่งต่าง ๆ ทุกคนก็ดีใจ แต่เมื่อผู้ปกครองไม่ดีทุกคนก็คร่ำครวญ’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คนชอบธรรมมีมโนธรรมที่ดีและร้องเพลงและมีความเปรมปรีดิ์ ส่วนคนชั่วติดกับดักบาปของตน (ข้อ 6)

การใส่ใจ ‘สิทธิของคนจน’ (ข้อ 7) คือเครื่องหมายของชีวิตที่ชอบธรรม ‘คนจิตใจดีเข้าใจว่าการเป็นคนจนเป็นอย่างไร ผู้มีใจแข็งกระด้างมีความคิดที่เลือนลางที่สุด’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยพวกข้าพระองค์ สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงให้กับโลกนี้ ในการแสวงหาความยุติธรรมให้กับคนยากจน คนไร้บ้าน ผู้ต้องขัง และผู้หิวโหย
พันธสัญญาใหม่

2 เปโตร 2:1-22

ผู้เผยพระวจนะเทียมและผู้สอนเท็จ

 1แต่ว่าได้มีผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จเกิดขึ้นในชนชาตินั้น เช่นเดียวกับที่จะมีผู้สอนเท็จเกิดขึ้นในพวกท่าน ซึ่งจะลอบเอาลัทธินอกรีตอันจะให้ถึงความพินาศเข้ามาเสี้ยมสอน จนถึงกับปฏิเสธองค์เจ้านายผู้ได้ทรงไถ่พวกเขาไว้ ซึ่งจะนำความพินาศมาสู่พวกเขาเองอย่างรวดเร็ว 2จะมีคนจำนวนมากประพฤติลามกตามอย่างพวกเขา และเพราะคนเหล่านั้น ทางของความจริงจะถูกลบหลู่ 3และพวกสอนเท็จจะหาผลประโยชน์จากท่านทั้งหลายด้วยนิยายที่แต่งขึ้นโดยใจโลภ การลงโทษคนเหล่านั้นที่ได้ประกาศไว้นานมาแล้วจะไม่เนิ่นช้า และความพินาศที่จะเกิดกับพวกเขาก็จะไม่นิ่งเฉย
 4เพราะว่าถ้าพระเจ้าไม่ได้ทรงยกเว้นพวกทูตสวรรค์ที่ได้ทำบาปนั้น แต่ได้ทรงผลักพวกเขาลงไปในอเวจี และได้ล่ามพวกเขาด้วยโซ่แห่งความมืดมิด คุมไว้จนถึงเวลาพิพากษา 5และไม่ได้ทรงยกเว้นโลกสมัยโบราณ แต่ได้ทรงคุ้มครองโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรม กับคนอื่นอีกเจ็ดคน เมื่อคราวที่พระองค์ได้ทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลกของคนอธรรม 6และได้ทรงลงโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ ให้พินาศเป็นเถ้าถ่าน เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่คนทั้งหลายที่ประพฤติอธรรม 7และได้ทรงช่วยชีวิตโลทผู้ชอบธรรม ผู้มีความทุกข์เพราะการประพฤติลามกของคนชั่ว 8(เพราะเมื่อคนชอบธรรมอยู่ในหมู่คนชั่วทุกวี่วัน ความประพฤติของคนชั่วที่เขาได้เห็นและได้ยิน ทำให้จิตใจชอบธรรมของเขาระทมทุกข์) 9ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงทราบว่าจะช่วยคนที่ยำเกรงพระเจ้าพ้นจากการทดลองได้อย่างไร และทรงทราบวิธีกักขังคนชั่วไว้ให้รับโทษเมื่อถึงวันพิพากษา 10โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนเหล่านั้นที่ปล่อยตัวไปตามกิเลสตัณหา และหมิ่นประมาทสิทธิอำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า
 คนเหล่านี้โอหังบังอาจ ไม่กลัวที่จะลบหลู่เทวทูตผู้มีศักดิ์ศรี 11แต่ส่วนพวกทูตสวรรค์แม้ว่ามีกำลังและฤทธานุภาพมากกว่า ก็ไม่ได้กล่าวโทษด้วยการประณามพวกนั้นเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า 12แต่ว่าผู้สอนเท็จเหล่านี้เป็นเหมือนสัตว์ที่ไร้ความคิด ที่ทำตามสัญชาตญาณ เกิดมาเพื่อถูกจับและถูกฆ่า พวกเขาประณามสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจเลย พวกเขาจะถูกทำลายอย่างสัตว์เหล่านั้น 13พวกเขาจะได้รับทุกข์เป็นโทษแห่งการอธรรม เขาทั้งหลายถือการเสเพลเฮฮาในเวลากลางวันเป็นความเพลิดเพลิน พวกเขาเป็นจุดด่างพร้อยและรอยมลทิน และประพฤติการเสเพลเฮฮา เมื่อกำลังกินเลี้ยงกับท่านทั้งหลาย 14ดวงตาของพวกเขามีแววที่เปี่ยมด้วยความใคร่ในการล่วงประเวณี ไม่สิ้นความกระหายในบาป พวกเขาล่อลวงคนที่ใจไม่มั่นคง ใจของพวกเขาชินกับความโลภ เขาเหล่านั้นเป็นพงศ์พันธุ์ที่ต้องคำสาป 15พวกเขาละทางที่ถูกต้อง หลงเจิ่นไปตามทางของบาลาอัมบุตรโบโซร์ ผู้ซึ่งโปรดปรานสินจ้างที่ได้มาจากการอธรรม 16แต่บาลาอัมก็ถูกตำหนิในการละเมิดของตนเอง ลาใบ้ตัวหนึ่งพูดเป็นภาษามนุษย์ และได้ยับยั้งอาการคลุ้มคลั่งของผู้เผยพระวจนะคนนั้น
 17ผู้สอนเท็จเหล่านี้เป็นบ่อที่ไร้น้ำ เป็นหมอกที่ถูกพายุพัดไป พระองค์ทรงเตรียมที่มืดมิดสำหรับคนเหล่านั้นแล้ว 18เพราะว่าพวกเขาพูดโอ้อวดอย่างเลื่อนลอย และใช้กิเลสตัณหาของเนื้อหนัง ดักจับคนทั้งหลายที่กำลังหนีไปจากพวกที่ดำเนินชีวิตในความหลงผิด 19พวกเขาสัญญาว่าจะให้เสรีภาพกับคนเหล่านั้น แต่ตัวเองยังเป็นทาสของความเสื่อมทราม เพราะว่าผู้ใดพ่ายแพ้แก่สิ่งใด เขาก็เป็นทาสของสิ่งนั้น 20เพราะว่าถ้าหลังจากพวกเขาหลีกหนีจากมลทินทั้งหลายของโลกแล้ว โดยการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของเรา แต่พวกเขากลับเกี่ยวข้องและพ่ายแพ้แก่มลทินชั่วเหล่านั้นอีก บั้นปลายของพวกเขาก็กลับเลวร้ายยิ่งกว่าตอนต้น 21เพราะว่าถ้าพวกเขาไม่ได้รู้จักทางชอบธรรมนั้นเสียเลย ก็ยังจะดีกว่าที่พวกเขาได้รู้แล้ว แต่กลับหันหลังให้วิสุทธิบัญญัติที่ทรงมอบแก่พวกเขานั้น 22สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาก็เป็นไปตามสุภาษิตซึ่งเป็นความจริงที่ว่า

“สุนัขเลียกิน สิ่งที่มันสำรอกออกมา”

และ

“สุกรที่คนล้างมันให้สะอาดแล้ว กลับลุยลงไปนอนในโคลนอีก”

อรรถาธิบาย

หนุนใจด้วยชีวิตในทางพระเจ้า

ผมรู้สึกขอบคุณมากสำหรับตัวอย่างของคนรอบข้างเราทุกวันนี้ เช่น บิชอปแซนดี้ มิลลาร์ คุณพ่อรานิเอโร กันตาลาเมซซา และคนอื่น ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เราด้วยแบบอย่าง และชีวิตในทางพระเจ้าของพวกเขา

พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เตือนเราเกี่ยวกับผู้นำลัทธิที่หลอกลวง และอาจเป็นอันตรายซึ่ง ‘ลอบเอาลัทธินอกรีตอันจะให้ถึงความพินาศ’ (ข้อ 1) ในช่วงไม่กี่ครั้งที่ผ่านมา ลัทธิหนึ่งที่เรียกว่า ชินชอนจี พยายามแทรกซึมเข้าไปในคริสตจักรทั่วกรุงในลอนดอน และทั่วโลก โดยอ้างว่าเป็น ‘การศึกษาพระคัมภีร์’ สำหรับผู้เชื่อใหม่ ผู้นำของ ‘การศึกษาพระคัมภีร์’ นี้สอนผู้ติดตามของพวกเขาให้โกหก และหลอกลวง

บทนี้เป็นการกล่าวโจมตีผู้เผยพระวจนะที่โกหก และครูที่ผิดศีลธรรม เปโตรสะท้อนชีวิตที่แตกต่างกันของโนอาห์กับโลทกับ ‘ผู้สอนเท็จ’ (ข้อ 1)

โนอาห์เป็นดั่ง ‘เสียงแห่งความชอบธรรมเพียงผู้เดียว’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ที่อาศัยอยู่ท่ามกลาง ‘คนอธรรม’ แต่เขาเป็น ‘ผู้ประกาศความชอบธรรม’ (ข้อ 5) ส่วนโลทเป็น ‘คนดี’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาเป็น ‘ผู้ชอบธรรม ผู้มีความทุกข์เพราะการประพฤติลามกของคนชั่ว’ (ข้อ 7)

เปโตรมองว่าโนอาห์ และโลท เป็นแบบอย่างแก่คนที่เขากำลังเขียนถึง ขณะที่พวกเขาโต้เถียงกับผู้สอนเท็จที่ ‘ลัทธินอกรีตอันจะให้ถึงความพินาศ’ และ ‘ประพฤติลามกตามอย่างพวกเขา’ ที่ ‘ทางความจริงจะถูกลบหลู่’ (ข้อ 1–2)

ผู้สอนเท็จเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้นำคริสเตียนคนอื่น ๆ ที่เปโตรไม่เห็นด้วย ชีวิตและคำสอนของพวกเขาขัดแย้งกับความเชื่อของคริสเตียนโดยสิ้นเชิง ‘ดวงตาของพวกเขามีแววที่เปี่ยมด้วยความใคร่ในการล่วงประเวณี ไม่สิ้น...พวกเขาละทางที่ถูกต้อง’ (ข้อ 14–15) พวกเขา ‘ใช้กิเลสตัณหาของเนื้อหนัง’ (ข้อ 18) ‘พวกเขาสัญญาว่าจะให้เสรีภาพกับคนเหล่านั้น แต่ตัวเองยังเป็นทาสของความเสื่อมทราม เพราะว่าผู้ใดพ่ายแพ้แก่สิ่งใด เขาก็เป็นทาสของสิ่งนั้น’ (ข้อ 19)

สิ่งที่เปโตรอธิบายที่นี่เป็นสิ่งที่ล่อลวงใจมาก นั่นคือเหตุผลที่เขาเป็นห่วงผู้นำเหล่านี้มาก การอธิบายของเขาเกี่ยวกับการแสวงหาความสุข (ข้อ 13) เสรีภาพทางเพศ (ข้อ 14, 18–19) และการแสวงหาเงิน (ข้อ 15) ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มองเห็นได้ในปัจจุบัน

ผู้สอนเท็จเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้ ทว่าพวกเขากลับชักจูงผู้อื่น (โดยเฉพาะผู้เชื่อใหม่) ให้เข้าสู่วิถีชีวิตแบบเดียวกัน ชักนำพวกเขาให้หลงทางโดยสัญญาว่าจะมีเสรีภาพ (ข้อ 18–19) อย่างไรก็ตาม เสรีภาพที่แท้จริงพบได้ในวิถีทางของพระเจ้าเท่านั้น ไม่พบในสิ่งล่อใจใด ๆ ที่สัญญาไว้มากมาย แต่แท้จริงแล้วมันกลับส่งผลให้เกิดความว่างเปล่า บรรดาผู้ที่ติดตามและแนะนำสิ่งนั้นต่อ พวกเขา ‘เป็นบ่อที่ไร้น้ำ เป็นหมอกที่ถูกพายุพัดไป’ (ข้อ 17)

นี้เป็นคำเตือนที่น่ากลัว ‘เพราะว่าถ้าหลังจากพวกเขาหลีกหนีจากมลทินทั้งหลายของโลกแล้ว โดยการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของเรา แต่พวกเขากลับเกี่ยวข้องและพ่ายแพ้แก่มลทินชั่วเหล่านั้นอีก บั้นปลายของพวกเขาก็กลับเลวร้ายยิ่งกว่าตอนต้น เพราะว่าถ้าพวกเขาไม่ได้รู้จักทางชอบธรรมนั้นเสียเลย ก็ยังจะดีกว่าที่พวกเขาได้รู้แล้ว แต่กลับหันหลัง’ (ข้อ 20–21)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า แรงดึงดูดของโลกนั้นแข็งแกร่ง ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์ไม่หันหลังให้กับพระองค์ องค์พระยาห์เวห์ และพระผู้ช่วยให้รอด คือ พระเยซูคริสต์
พันธสัญญาเดิม

ดาเนียล 3:13-4:18

 13แล้วเนบูคัดเนสซาร์กริ้วจัด มีรับสั่งให้นำตัวชัดรัค เมชาคและอาเบดเนโกเข้ามา แล้วมีผู้พาคนเหล่านี้เข้ามาเฝ้ากษัตริย์ 14เนบูคัดเนสซาร์ตรัสแก่เขาว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกเอ๋ย เป็นความจริงหรือไม่ ที่เจ้าไม่ยอมปรนนิบัติบรรดาพระของเราหรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งเราได้ตั้งไว้? 15เอาเถอะ ถ้าเจ้าพร้อมใจแล้ว พอเจ้าได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด เจ้าจงกราบนมัสการปฏิมากรซึ่งเราได้สร้างไว้ แต่ถ้าเจ้าไม่นมัสการ ก็จะต้องโยนเจ้าเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ทันที แล้วพระองค์ไหนจะช่วยกู้เจ้าให้พ้นจากมือของเราได้?”
 16ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกทูลพระราชาว่า “ข้าแต่เนบูคัดเนสซาร์ ข้าพระบาททั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องตอบฝ่าพระบาทในเรื่องนี้ 17ข้าแต่พระราชา ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาท ผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัตินั้น พอพระทัยจะช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ พระองค์ก็จะทรงช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท 18ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่า พวกข้าพระบาทจะไม่ปรนนิบัติพระของฝ่าพระบาท หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งขึ้น”

เตาที่ไฟลุกอยู่

 19แล้วเนบูคัดเนสซาร์ทรงเกรี้ยวกราดยิ่งนัก พระพักตร์ของพระองค์ก็แสดงความไม่พอพระทัยชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก พระองค์มีรับสั่งให้ทำเตาไฟให้ร้อนกว่าปกติอีกเจ็ดเท่า 20และพระองค์มีรับสั่งให้บางคนที่มีกำลังมากในกองทัพมามัดชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก และให้โยนเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ 21แล้วคนเหล่านี้ก็ถูกมัดไว้ขณะที่ใส่เสื้อ กางเกง หมวก และเครื่องแต่งกายอื่นๆ และถูกโยนเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ 22เนื่องจากพระบัญชาของกษัตริย์นั้นเร่งด่วนมาก และเตาไฟก็ร้อนจัด เปลวไฟจึงได้ฆ่าคนที่อุ้มชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก 23และชายทั้งสามนี้คือ ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกก็ตกลงไปในเตาไฟที่ลุกอยู่ทั้งๆ ที่ยังถูกมัด
 24ขณะนั้นกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ประหลาดพระทัย ทรงลุกขึ้นโดยฉับพลัน พระองค์ตรัสกับบรรดาพระสหายของพระองค์ว่า “เรามัดสามคนโยนเข้าไปในไฟไม่ใช่หรือ?” เขาทูลตอบพระราชาว่า “ข้าแต่พระราชา จริง พ่ะย่ะค่ะ” 25พระองค์ตรัสตอบว่า “แต่เราเห็นสี่คนกำลังเดินอยู่กลางไฟ ไม่ถูกมัดและไม่เป็นอันตราย รูปร่างของคนที่สี่นั้นดูเหมือนองค์เทพบุตร”
 26แล้วเนบูคัดเนสซาร์เสด็จมาใกล้ประตูเตาที่ไฟลุกอยู่นั้น ตรัสว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุด จงออกมาเถิด จงมาที่นี่” แล้วชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกก็เดินออกมาจากไฟ 27พวกอุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล และพระสหายของกษัตริย์ก็ห้อมล้อมเข้ามา เห็นว่าไฟไม่มีอำนาจอะไรเหนือร่างกายของคนเหล่านี้ ผมบนศีรษะของเขาก็ไม่งอ เสื้อก็ไม่เสียหาย ไม่มีกลิ่นไฟที่ตัวพวกเขาเลย 28เนบูคัดเนสซาร์ตรัสว่า “สาธุการแด่พระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก พระองค์ผู้ทรงใช้ทูตสวรรค์มาช่วยกู้ผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ที่วางใจในพระองค์ ไม่ฟังคำบัญชาของกษัตริย์ และยอมพลีชีวิตของเขาเสียดีกว่าปรนนิบัติและนมัสการพระอื่น นอกจากพระเจ้าของพวกเขาเอง 29เพราะฉะนั้นเราจึงออกกฤษฎีกาว่า ชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาคนใด ที่กล่าวลบหลู่พระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก จะถูกทึ้งแขนขาออกเสีย และบ้านเรือนของเขาจะถูกทำให้เป็นเศษเล็กเศษน้อย เพราะไม่มีพระอื่นใดที่สามารถช่วยกู้แบบนี้ได้” 30แล้วกษัตริย์ทรงเลื่อนยศชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ให้สูงขึ้นอีกในมณฑลบาบิโลน

ดาเนียล 4

พระสุบินครั้งที่สองของเนบูคัดเนสซาร์

 1เรา กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ส่งสาสน์มายังชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษา ซึ่งอาศัยอยู่บนพิภพทั้งสิ้น ขอให้ความสุขความเจริญเพิ่มพูนแก่ท่าน 2เราเห็นสมควรที่กล่าวถึงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ซึ่งพระเจ้าสูงสุดได้ทรงทำแก่เรา
3หมายสำคัญของพระองค์ใหญ่ยิ่ง
 การอัศจรรย์ของพระองค์มีอานุภาพยิ่ง
ราชอาณาจักรของพระองค์ถาวรเป็นนิตย์
 และการปกครองของพระองค์นั้นดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ
 4ตัวเราคือ เนบูคัดเนสซาร์อยู่อย่างสบายในนิเวศของเรา และมีความเจริญอยู่ในวัง 5ขณะเมื่อเรานอนบนที่นอน เราฝันเห็นเรื่องซึ่งทำให้เรากลัว ความคิดและนิมิตอันผุดขึ้นในศีรษะของเราเป็นเหตุให้เราตกใจ 6เราก็สั่งให้เรียกนักปราชญ์ของบาบิโลนทั้งสิ้นมาหาเรา เพื่อแก้ความฝันให้เรา 7พวกโหร หมอดู คนเคลเดีย และหมอดูฤกษ์ยามก็มาเข้าเฝ้า เราก็เล่าความฝันแก่พวกเขา แต่เขาแก้ฝันให้เราไม่ได้ 8ในที่สุดดาเนียลก็เข้ามาเฝ้าเรา เขามีชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ ตามนามพระของเรา เขามีวิญญาณของบรรดาพระผู้บริสุทธิ์ เราก็เล่าความฝันให้เขาฟังว่า 9“โอ เบลเทชัสซาร์ หัวหน้าของพวกโหร เพราะเราทราบว่าวิญญาณของบรรดาพระผู้บริสุทธิ์อยู่ในท่าน และไม่มีความล้ำลึกใดๆ ทำให้ท่านงุนงง เรื่องที่เราฝันเห็นเป็นดังนี้ ขอแก้ฝันให้แก่เราเถิด
10นิมิตที่ผุดขึ้นในศีรษะของเราเมื่อนอนอยู่บนที่นอน คือ
 เราได้เห็นต้นไม้ต้นหนึ่งท่ามกลางพิภพ
 มันสูงมาก
11ต้นไม้นั้นเติบโตและแข็งแรง
 ยอดของมันขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์
 และแม้อยู่ถึงสุดปลายพิภพ ก็ยังมองเห็น
12ใบงดงาม
 และผลก็อุดมสมบูรณ์ และจากต้นไม้นั้น มีอาหารให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง  สัตว์ในท้องทุ่งอาศัยอยู่ใต้ร่มของมัน
นกบนฟ้าก็อาศัยอยู่ที่กิ่งก้านของมัน
 และสิ่งมีชีวิตทั้งปวงก็เลี้ยงชีพอยู่ด้วยมัน
 13“ในนิมิตที่ผุดขึ้นในศีรษะของเราเมื่อเราอยู่บนที่นอนคือ เราได้เห็นทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์องค์หนึ่งลงมาจากฟ้าสวรรค์ 14ท่านเปล่งเสียงดังและพูดว่า ‘โค่นต้นไม้นี้และตัดกิ่งออกเสีย ลิดใบออกแล้วให้ผลของมันกระจายไป ให้สัตว์ป่าหนีไปจากใต้ต้น และให้นกหนีไปจากกิ่งของมัน 15แต่จงปล่อยให้ตอรากติดอยู่ในดิน มีแถบเหล็กและทองสัมฤทธิ์มัดไว้ ให้อยู่ท่ามกลางหญ้าอ่อนในทุ่งนา ให้เปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ ให้มีส่วนอยู่กับสัตว์ป่าในหญ้าที่พื้นดิน 16ให้จิตใจเปลี่ยนจากจิตใจมนุษย์เป็นจิตใจสัตว์ป่า และปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ 17คำพิพากษานั้นเป็นคำสั่งของบรรดาทูตสวรรค์ คำตัดสินนั้นเป็นวาทะของผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย เพื่อบรรดาผู้มีชีวิตอยู่จะได้ทราบว่าพระองค์ผู้สูงสุดทรงปกครองบรรดาราชอาณาจักรของมนุษย์ และประทานราชอาณาจักรนั้นแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย และทรงตั้งผู้ต่ำต้อยที่สุดให้ปกครอง’ 18ความฝันนี้ตัวเราคือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้เห็น และโอ เบลเทชัสซาร์ ท่านจงกล่าวคำแก้ฝันเถิด เพราะพวกนักปราชญ์ทั้งสิ้นแห่งราชอาณาจักรของเราไม่สามารถให้คำแก้ความฝันแก่เรา แต่ท่านสามารถ เพราะวิญญาณของบรรดาพระผู้บริสุทธิ์อยู่ในตัวท่าน”

อรรถาธิบาย

หนุนใจด้วยความเชื่อและความกล้าหาญ

ผมได้รับการหนุนใจเสมอจากผู้กล้าหาญ และมีความเชื่อที่ไม่ยอมหวาดกลัว หรือยอมถูกข่มขู่

ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกเป็นตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจในการไว้วางใจพระเจ้าอย่างแท้จริง พวกเขาปฏิเสธที่จะกราบไหว้รูปเคารพทองคำ แม้จะถูกโยนลงในเตาไฟที่ลุกเป็นไฟก็ตาม พวกเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะต้องจ่ายราคาแค่ไหน เพราะพวกเขาเชื่อในพระเจ้า และฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่จะพิสูจน์พวกเขา หากพระองค์ต้องการ

พวกเขาทูลพระราชาว่า ‘คำขู่ของพระองค์ไม่มีความหมายสำหรับเรา หากพระองค์โยนเราลงในกองไฟ พระเจ้าที่เรารับใช้สามารถช่วยเราจากเตาไฟที่ลุกโชติช่วงและสิ่งอื่น ๆ ที่พระองค์สร้างขึ้นได้ ข้าแต่กษัตริย์ แต่ถึงแม้พระเจ้าไม่ทำ ก็ไม่ทำให้เกิดความแตกต่างเลย ข้าแต่กษัตริย์ เรายังคงไม่ปรนนิบัติเทพเจ้าของพระองค์หรือบูชารูปปั้นทองคำที่พระองค์ตั้งขึ้น’ (3:16ข–18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คงเป็นเรื่องง่ายสำหรับชัดรัค เมชาค และ อาเบดเนโกที่จะพยายามหาทางออก พวกเขาอาจพยายามเจรจ​เรื่องนี้กับเนบูคัดเนซาร์ เพื่อการประนีประนอม แต่พวกเขามีความมั่นใจเต็มที่ในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่จะปลดปล่อยพวกเขาหากพระองค์ต้องการ และหากพระองค์ไม่ทำ พวกเขาก็ยังจะวางใจในพระองค์และเชื่อฟังพระองค์ต่อไป

นี่เป็นตัวอย่างที่สร้างการหนุนใจ เมื่อต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก ให้เราตั้งคำถามอย่างที่พวกเขาทำว่า ‘สิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำคืออะไร?’ แล้วจงทำโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา

ความไว้วางใจในพระเจ้าอย่างแท้จริงของพวกเขาเป็นพยานที่ยิ่งใหญ่ต่อเนบูคัดเนสซาร์ เมื่อพระองค์มองเข้าไปในเตาไฟที่ลุกโชติช่วง พระองค์เห็นชายสี่คนเดินไปมาในกองไฟ ไม่ถูกผูกมัดและไม่มีอันตราย และคนที่สี่ดูเหมือน ‘พระบุตรของพระเจ้า’ (ข้อ 25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก King James Version โดยผู้แปล) เมื่ออ่านสิ่งนี้ผ่านมุมมองพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เป็นไปได้ที่จะเห็นชายคนที่สี่เป็นดั่งนิมิตของพระเยซูเองที่มาพร้อมกับพวกเขาในช่วงเวลาแห่งการทดลอง

พวกเขาออกมา ‘ไม่มีผมที่ไหม้เกรียม ไม่มีรอยไหม้ที่เสื้อผ้า ไม่มีแม้แต่กลิ่นไฟติดตัวพวกเขา!’ (ข้อ 27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) หากคุณกำลังเผชิญกับการทดลองในชีวิตที่อาจดูเหมือนเตาหลอมที่ลุกเป็นไฟ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าพระเยซูจะอยู่ที่นั่นกับคุณในทุกสถานการณ์ที่คุณกำลังเผชิญ

แม้แต่เนบูคัดเนสซาร์เองก็ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวอย่างของพวกเขา (ข้อ 28) การเปลี่ยนแปลงของหัวใจเริ่มขึ้นในตัวพระองค์ อย่างไรก็ตาม มันใช้เวลานานกว่าที่พระเจ้าจะส่งสารเหล่านี้ถึงเนบูคัดเนสซาร์ ทั้ง ๆ ที่​​มีตัว​อย่าง​ของ​ดาเนียลใน​บทที่ 2 แต่​เนบูคัดเนซาร์​ก็​ไม่​กลับ​ใจ​ใหม่ ความเชื่อในพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพระองค์ อย่างไรก็ตาม การกลับใจของเนบูคัดเนสซาร์ก็ยังไม่สมบูรณ์

ในบทที่ 4 เราอ่านประจักษ์พยานอันน่าทึ่งว่าในที่สุดเนบูคัดเนสซาร์ยอมรับพระเจ้าได้อย่างไร การเป็นพยานทำให้เกิดความยินดีอย่างยิ่ง ‘เราเห็นสมควรที่กล่าวถึงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ซึ่งพระเจ้าสูงสุดได้ทรงทำแก่เรา’ (4:2) เมื่อถึงจุดนี้ เจตคติของกษัตริย์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและถวายพระสิริแด่พระเจ้าทั้งหมด (ข้อ 3)

เนบูคัดเนสซาร์เริ่มด้วยการบอกว่าในแง่หนึ่งทรงมีทุกอย่างที่ต้องการ ‘ตัวเราคือ “เนบูคัดเนสซาร์อยู่อย่างสบายในนิเวศของเรา และมีความเจริญอยู่ในวัง”’ (ข้อ 4) แต่ภายใต้ความรุ่งเรืองและความพึงพอใจนั้นยังมีความกลัวอยู่ลึก ๆ (ข้อ 5)

ประเด็นสำคัญประการหนึ่งของพระธรรมดาเนียลคือพระเจ้าใช้ตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น ดาเนียล ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก และความเชื่อในพระเจ้าอย่างเต็มที่ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของกษัตริย์ และเป็นผลให้บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าจะจ่ายราคามากมายเพียงใด ขอขอบพระคุณสำหรับตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจของชายและหญิง ที่ทำให้ข้าพระองค์มองเห็น และแสดงให้ข้าพระองค์เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สุภาษิต 29:7

‘คนชอบธรรมรู้จักสิทธิของคนจน’

ในการไปเยือนซิมบับเว ฉันได้รับการหนุนใจจากคริสตจักรที่นั่น ที่นั่นโดดเด่นมาก เราพบผู้คนมากมายที่ช่วยเหลือคนจนและกำลังพยายามสร้างความแตกต่าง มีความอยุติธรรมที่ฉันอาจมองข้ามที่พระเจ้าอาจต้องการให้ฉันหันมาสนใจหรือไม่?

ข้อพระคำประจำวัน

ดาเนียล 3:17

‘ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาท ผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัตินั้น พอพระทัยจะช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ พระองค์ก็จะทรงช่วยกู้พวกข้าพระบาท’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม