วัน 330

พระคุณยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 134:1-3
พันธสัญญาใหม่ 1 เปโตร 5:1-14
พันธสัญญาเดิม ดาเนียล 1:1-2:23

เกริ่นนำ

จอห์น แบรดฟอร์ด (ราว ๆ ปี 1510–1555) นักปฏิรูปชาวอังกฤษ เห็นกลุ่มอาชญากรถูกนำขึ้นสู่การประหารชีวิต กล่าวไว้ว่า ‘ด้วย*พระคุณของพระเจ้า *ผมจึงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น’

ในปี ค.ศ. 1807 จอห์น นิวตัน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญ ‘พระคุณพระเจ้า’ ได้รวบรวมพระคุณอันน่าอัศจรรย์ของพระเจ้าไว้ในคำพูดสุดท้ายบางส่วนของเขาขณะที่เขากำลังจะสิ้นใจ เขาประกาศว่า ‘ผมทำบาปมากมายยิ่งนัก แต่พระคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่ยิ่งใหญ่’

ในข้อพระคัมภีร์ใหม่วันนี้ เปโตรพูดถึง ‘พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น’ (1 เปโตร 5:10) คุณควรจะตอบสนองต่อพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 134:1-3

สรรเสริญพระเจ้าในยามค่ำคืน

บทเพลงใช้แห่ขึ้น

1มาเถิด มาถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
 ผู้รับใช้ทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์เอ๋ย
 ผู้ยืนอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ในยามค่ำคืน
2จงชูมือขึ้นตรงต่อสถานนมัสการ
 และถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
3ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรท่านจากศิโยน
 คือพระองค์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก

อรรถาธิบาย

ขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น

พระคุณเป็นของประทาน และการตอบสนองที่เหมาะสมต่อของขวัญคือการขอบพระคุณ การสรรเสริญพระเจ้าเป็นรูปแบบสูงสุดของการขอบพระคุณ ดังนั้นการสรรเสริญและการนมัสการจึงเป็นการตอบสนองที่เหมาะสมต่อพระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น

ผู้แต่งพระธรรมสดุดีกล่าวว่า ‘มาเถิด มาถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์ ผู้รับใช้ทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์เอ๋ย ผู้ยืนอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ในยามค่ำคืน จงชูมือขึ้นตรงต่อสถานนมัสการ และถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์’ (ข้อ 1–2)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น ขอบพระคุณที่พระองค์ผู้ ‘ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก’ อวยพรข้าพระองค์ ( ข้อ 3)
พันธสัญญาใหม่

1 เปโตร 5:1-14

จงดูแลฝูงแกะของพระเจ้า

 1เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงตักเตือนบรรดาผู้อาวุโสในพวกท่าน ในฐานะที่ข้าพเจ้าก็เป็นทั้งผู้อาวุโส และเป็นพยานถึงความทุกข์ทรมานของพระคริสต์ และเป็นหุ้นส่วนที่จะรับศักดิ์ศรีที่กำลังจะปรากฏ 2จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน [โดยเอาใจใส่ดูแล] ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ [ตามพระประสงค์ของพระเจ้า] ไม่ใช่ด้วยใจโลภในทรัพย์สิ่งของ แต่ด้วยใจกระตือรือร้น 3และไม่เป็นเหมือนผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ในความดูแล แต่ให้เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น 4และเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่เสด็จมาปรากฏ พวกท่านจะได้รับมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีวันร่วงโรย 5ในทำนองเดียวกัน พวกท่านที่อ่อนอาวุโส ก็จงยอมเชื่อฟังพวกผู้อาวุโส ท่านทุกคนจงสวมความถ่อมตัวในการปฏิบัติต่อกันและกัน เพราะ

พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง
 แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ

 6เพราะฉะนั้น พวกท่านจงถ่อมตัวลงภายใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะทรงยกพวกท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร 7จงละความกังวลทุกอย่างของพวกท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย 8จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ 9จงต่อต้านมันด้วยใจมั่นคงในความเชื่อ โดยรู้ว่าพวกพี่น้องของพวกท่านทั่วโลก ก็ประสบความทุกข์ลำบากอย่างเดียวกัน 10และหลังจากพวกท่านทนทุกข์ชั่วเวลาหนึ่งแล้ว พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น ผู้ได้ทรงเรียกให้พวกท่านเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ของพระองค์ในพระ[เยซู]คริสต์ พระองค์เองก็จะทรงฟื้นฟู จะทรงค้ำจุนให้มั่นคง จะทรงเสริมเรี่ยวแรง และจะทรงให้พวกท่านตั้งมั่นอยู่ 11ขออานุภาพ จงมีแด่พระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน

ข้อความลงท้าย

 12ข้าพเจ้าได้เขียนอย่างย่อๆ มาถึงพวกท่านผ่านทางสิลวานัส ซึ่งข้าพเจ้าถือว่าเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง ข้าพเจ้าหนุนใจและเป็นพยานแก่พวกท่านว่า นี่เป็นพระคุณแท้ของพระเจ้า จงตั้งมั่นคงอยู่ในพระคุณนั้น 13เธอผู้อยู่ในเมืองบาบิโลน ซึ่งทรงเลือกไว้เช่นเดียวกันและมาระโกบุตรของข้าพเจ้า ฝากคำทักทายมายังพวกท่าน 14จงทักทายกันด้วยธรรมเนียมจูบ อันแสดงความรักต่อกัน
 ขอสันติสุขดำรงอยู่กับพวกท่านที่อยู่ในพระคริสต์เถิด

อรรถาธิบาย

ถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น

ผู้นำถูกเรียกให้เป็น ‘แบบอย่างแก่ฝูงแกะ’ (ข้อ 3) ความถ่อมใจควรเป็นเครื่องหมายของผู้นำคริสเตียน อย่าบังคับคนอื่นโดยบอกพวกเขาว่าต้องทำอย่างไร ‘ไม่เป็นเหมือนผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ในความดูแล’ (ข้อ 3) ‘ไม่บังคับคนอื่นว่าต้องทำอะไร แต่จงแสดงให้พวกเขาเห็นอย่างอ่อนโยน’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผู้นำในคริสตจักรได้รับเรียกให้เป็นคนเลี้ยงแกะ พระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าวว่าศิษยาภิบาลควรได้กลิ่นแกะของตน คนเลี้ยงแกะย่อมรักแกะ ดูแลและอยู่ใกล้ชิดกับพวกมัน ผู้นำควรดูแลงานอภิบาลของผู้อื่น หนุนใจให้พวกเขาใช้ของประทาน

เปโตรกล่าวว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรถือเป็นหน้าที่ แต่เป็นสิ่งที่เราต้องมีภาระใจจริง ๆ (ข้อ 2) ไม่ควรทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ‘ไม่ใช่ด้วยใจโลภในทรัพย์สิ่งของ’ (ข้อ 2) แต่ด้วยความปรารถนาที่จะรับใช้ผู้อื่น คือ ‘ด้วยใจกระตือรือร้น’ (ข้อ 2)

และเปโตรยังกล่าวอีกว่า ‘ท่านที่อ่อนอาวุโสควรทำตามผู้นำของท่าน’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผู้นำควรนำด้วยพระคุณและผู้ตามควรตามด้วยพระคุณเช่นกัน

เขาลงท้ายจดหมายพร้อมคำแนะนำสามประการสำหรับ ‘ท่านทุกคน’ (ข้อ 5) เป็นการตอบสนองต่อ ‘พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น’ (ข้อ 10) พระคุณสอดแทรกอยู่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ และสอดแทรกในพระคัมภรีร์ข้อนี้ คือ ‘พระคุณแท้ของพระเจ้า’ (ข้อ 12) 1.จงถ่อมตัวลง เปโตรเขียนว่า ‘จงสวมความถ่อมตัวในการปฏิบัติต่อกันและกัน’ (ข้อ 5) เพราะ ‘พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง’ ทรง ‘ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ’ (ข้อ 5ข) ความถ่อมใจคือการเลือก เป็นสิ่งที่คุณต้องทำด้วยตัวเอง ‘จงถ่อมตัวลง’ (ข้อ 6) ความถ่อมใจเป็นเรื่องของความเต็มใจ

ความถ่อมไม่ใช่การคิดถึงตัวเองต่ำต้อยเกินไป แต่คือการคิดถึงตัวเองให้น้อยลง มีความเชื่อมโยงอย่างยิ่งระหว่างความถ่อมใจและพระคุณ เพราะพระคุณนั้นได้มาฟรี การตอบสนองต่อพระคุณที่เหมาะสมเพียงอย่างเดียวคือความถ่อมใจ

2.มีชีวิตอยู่อย่างไร้กังวลต่อพระพักตร์พระเจ้า เปโตรเขียนว่า ‘จงละความกังวลทุกอย่างของพวกท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย’ (ข้อ 7) เขาลงท้ายด้วยคำว่า ‘ขอสันติสุขดำรงอยู่กับพวกท่านที่อยู่ในพระคริสต์เถิด’ (ข้อ 14) พระเจ้ารักคุณ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น คุณสามารถละความกังวลทั้งหมดของคุณไว้กับพระองค์ได้ ไม่มีอะไรใหญ่หรือเล็กเกินไปที่จะมอบให้พระเจ้า โธมัส เอ เคมปิส เขียนไว้ว่า ‘พวกเขาเดินทางแบกสัมภาระไม่หนัก เพราะพระคุณของพระเจ้านั้นช่วยแบกเอาไว้’

การอยู่อย่างสงบเป็นหลักฐานว่าคุณถ่อมใจลงต่อพระพักตร์พระเจ้า และคุณวางใจพระองค์ให้ทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

  1. ตื่นตัวอยู่เสมอ ‘จงสงบใจ ตื่นตัวอยู่เสมอ มารพร้อมที่จะจู่โจมและมันไม่ต้องการอะไรนอกจากจะจับคุณขณะงีบหลับ จงระวังตัวให้ดี’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เปโตรเตือนผู้อ่านของเขาว่าพวกเขา ‘ไม่ใช่คนเดียว’ ที่ทุกข์ทรมานและ ‘สิ่งนี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป’ เปโตรกล่าวว่า พระเจ้า ‘ทรงรองรับไว้แล้ว’ (ข้อ 9-11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คุณสมบัติที่ยกย่องในข้อนี้แตกต่างอย่างมากจากค่านิยมของวัฒนธรรมของเรา ความเชื่อเรื่องความอ่อนเยาว์และความงามถูกแทนที่ด้วยการเน้นที่คุณค่าและการนอบน้อมต่อผู้สูงอายุและการเป็นคนมีสติปัญญา การแสวงหาคำสรรเสริญตัวเองจะถูกแทนที่ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณได้รับพระสัญญาว่าพระเจ้าจะทรงช่วยเหลือในการจัดการกับความเครียดและความกังวล แทนที่จะไล่ตามความพึงพอใจแบบเร่งด่วน คุณถูกเรียกให้ ‘ควบคุมตนเองและตื่นตัว’ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ แต่ถ้าคุณทำเช่นนั้น คุณจะยืนหยัดอย่างมั่นคงและต่อสู้กับมารได้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้เป็นคนนอบน้อม ถ่อมใจ และควบคุมตัวเองและตื่นตัว โปรดช่วยให้ช่วยข้าพระองค์สังเกตการทำงานของมารและต่อสู้มันได้ วันนี้ข้าพระองค์ขอละความกระวนกระวายใจไว้กับพระองค์... ขอบพระคุณที่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น
พันธสัญญาเดิม

ดาเนียล 1:1-2:23

หนุ่มอิสราเอลสี่คนในราชสำนักบาบิโลน

 1ในปีที่สามของรัชกาลเยโฮยาคิมกษัตริย์ของยูดาห์ เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์ของบาบิโลนเสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็ม และทรงล้อมเมืองไว้ 2และองค์เจ้านายทรงมอบเยโฮยาคิมกษัตริย์ของยูดาห์ไว้ในหัตถ์ของท่าน พร้อมทั้งภาชนะบางชิ้นแห่งพระนิเวศของพระเจ้า และท่านก็นำภาชนะเหล่านั้นมายังแผ่นดินชินาร์ มายังนิเวศแห่งพระของท่าน และบรรจุภาชนะเหล่านั้นไว้ในคลังของพระของท่าน 3แล้วกษัตริย์นั้นทรงบัญชาอัชเปนัสหัวหน้าขันทีของท่านไปนำคนอิสราเอลบางคน ทั้งเชื้อพระวงศ์และเชื้อสายขุนนาง 4พวกหนุ่มๆ ที่ปราศจากตำหนิ มีรูปร่างหน้าตาดี เชี่ยวชาญในสรรพปัญญา มีความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถที่จะรับใช้ในวังกษัตริย์ และทรงให้สอนวรรณคดีและภาษาของคนเคลเดียแก่พวกเขา 5กษัตริย์ทรงกำหนดอาหารชั้นสูงและเหล้าองุ่นซึ่งกษัตริย์เสวยแก่เขาเหล่านั้นทุกวัน พวกเขารับการเลี้ยงดูอยู่สามปี เมื่อครบกำหนดเวลานั้นแล้ว พวกเขาก็เข้ารับราชการ 6ในบรรดาคนเหล่านั้น มีคนเผ่ายูดาห์คือดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ 7และหัวหน้าขันทีตั้งชื่อให้ใหม่ ดาเนียลนั้นเรียกว่าเบลเทชัสซาร์ ฮานันยาห์เรียกว่าชัดรัค มิชาเอลเรียกว่าเมชาค และอาซาริยาห์เรียกว่าอาเบดเนโก
 8แต่ดาเนียลตั้งใจว่าจะไม่ทำให้ตัวเป็นมลทินด้วยอาหารชั้นสูงของกษัตริย์ หรือด้วยเหล้าองุ่นซึ่งพระองค์เสวย ท่านจึงขอหัวหน้าขันทีให้อนุญาตเพื่อท่านจะไม่ทำตัวเองเป็นมลทิน 9และพระเจ้าทรงให้หัวหน้าขันทีชอบและสงสารดาเนียล 10หัวหน้าขันทีกล่าวแก่ดาเนียลว่า “ข้าเกรงว่าพระราชาเจ้านายของข้า ผู้ทรงกำหนดอาหารและเครื่องดื่มของพวกเจ้า จะทอดพระเนตรเห็นว่า พวกเจ้ามีหน้าซูบซีดกว่าบรรดาคนหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน พวกเจ้าก็จะทำให้ชีวิตของข้ามีอันตรายเพราะพระราชา” 11แล้วดาเนียลกล่าวแก่มหาดเล็กผู้ที่หัวหน้าขันทีกำหนดให้ดูแลดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ว่า 12“ขอทดลองผู้รับใช้ของท่านสักสิบวัน ขอนำผักมาให้เรากินและน้ำมาให้เราดื่ม 13แล้วให้ท่านตรวจดูหน้าตาของเรา เทียบกับหน้าตาของบรรดาคนหนุ่มผู้รับประทานอาหารชั้นสูงของพระราชา และเมื่อท่านเห็นอย่างไร แล้วจงทำแก่ผู้รับใช้ของท่านอย่างนั้น” 14เขาก็ยอมทำตามคำขอของคนเหล่านั้นในเรื่องนี้ และทดลองพวกเขาอยู่สิบวัน 15เมื่อครบสิบวันแล้วจึงเห็นว่าบรรดาคนเหล่านั้นรูปร่างหน้าตาดีกว่า และเนื้อหนังเปล่งปลั่งกว่าบรรดาคนหนุ่มที่รับประทานอาหารชั้นสูงของกษัตริย์ 16ดังนั้นมหาดเล็กจึงเอาอาหารชั้นสูงส่วนของพวกเขา และเหล้าองุ่นซึ่งเขาควรจะได้ดื่มนั้นไปเสีย แล้วให้ผักแทน
 17คนหนุ่มทั้งสี่คนนี้ พระเจ้าประทานความรู้ ความเข้าใจในวรรณกรรมทั้งปวง และปัญญา และดาเนียลเข้าใจนิมิตและความฝันทุกประการ 18พอถึงกำหนดเวลาที่กษัตริย์ทรงบัญชาให้นำเขาทั้งหลายเข้าเฝ้า หัวหน้าขันทีจึงนำเขาทั้งหลายเข้ามาเฝ้าเนบูคัดเนสซาร์ 19และกษัตริย์ก็ทรงสัมภาษณ์พวกเขา ในบรรดาคนหนุ่มเหล่านั้นไม่พบสักคนหนึ่งที่เหมือนดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงได้เข้ารับราชการ 20ในบรรดาเรื่องราวอันเกี่ยวกับปัญญาและความรอบรู้ซึ่งกษัตริย์ตรัสถามพวกเขา ทรงเห็นว่าพวกเขาดีกว่าพวกโหรและพวกหมอดูทั้งหมดซึ่งอยู่ในอาณาจักรของพระองค์สิบเท่า 21และดาเนียลก็ได้รับราชการเรื่อยมาจนต้นรัชกาลกษัตริย์ไซรัส

ดาเนียล 2

พระสุบินของเนบูคัดเนสซาร์

 1ในปีที่สองของรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์ พระองค์ทรงสุบิน พระองค์ทุกข์พระทัยจนบรรทมไม่หลับ 2แล้วกษัตริย์จึงทรงบัญชาให้เรียกพวกโหร หมอดู นักวิทยาคม และคนเคลเดียเข้ามาเพื่อทูลกษัตริย์ให้รู้เรื่องที่ทรงสุบิน เขาทั้งหลายก็เข้ามาเฝ้ากษัตริย์ 3และกษัตริย์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราได้ฝัน และจิตใจของเราก็เป็นทุกข์ อยากรู้ว่าฝันเรื่องอะไร” 4แล้วคนเคลเดียจึงทูลกษัตริย์เป็นภาษาอาราเมคว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์ ขอเล่าพระสุบินแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ แล้วเหล่าข้าพระบาทจะได้ถวายคำแก้พระสุบิน” 5กษัตริย์ทรงตอบคนเคลเดียว่า “คำของเรานั้นเด็ดขาด ถ้าเจ้าไม่บอกให้เรารู้ความฝันพร้อมทั้งคำแก้ฝัน เจ้าจะถูกทึ้งแขนขาออก และบ้านเรือนของเจ้าจะถูกทำให้เป็นเศษเล็กเศษน้อย 6แต่ถ้าเจ้าเปิดเผยความฝันและคำแก้ฝันให้เรา เจ้าจะได้รับของขวัญ รางวัล และเกียรติยศยิ่งใหญ่ ฉะนั้นจงเปิดเผยความฝันและคำแก้ฝันแก่เรา” 7เขาทั้งหลายทูลเป็นครั้งที่สองว่า “ขอพระราชาเล่าพระสุบินแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ และเหล่าข้าพระบาทจะถวายคำแก้พระสุบิน พ่ะย่ะค่ะ” 8กษัตริย์ทรงตอบว่า “เรารู้แน่แล้วว่า เจ้าพยายามจะถ่วงเวลาไว้ เพราะเจ้าเห็นว่าคำของเรานั้นเด็ดขาด 9ถ้าเจ้าไม่ให้เรารู้ความฝัน ก็มีคำตัดสินเจ้าอยู่ข้อเดียว เจ้าทั้งหลายตกลงจะพูดเท็จและพูดทุจริตต่อเรา เผื่อว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นเจ้าจงบอกความฝันแก่เรา แล้วเราจะรู้ว่าเจ้าแก้ความฝันให้เราได้” 10คนเคลเดียจึงทูลกษัตริย์ว่า “ไม่มีใครในพิภพเปิดเผยเรื่องของพระราชาได้ เพราะว่าไม่มีพระราชายิ่งใหญ่และทรงฤทธิ์องค์ใดไต่ถามสิ่งเหล่านี้จากโหร หรือหมอดู หรือคนเคลเดีย 11สิ่งซึ่งพระราชาตรัสถามนั้นยากเกินไป ไม่มีใครจะเปิดเผยแด่พระราชาได้นอกจากบรรดาพระผู้ไม่ได้อยู่กับมนุษย์”
 12เพราะเรื่องนี้กษัตริย์จึงกริ้วและทรงพระพิโรธยิ่งนัก และมีรับสั่งให้ประหารพวกนักปราชญ์ทั้งหมดของบาบิโลน 13เพราะฉะนั้นจึงมีพระราชกฤษฎีกาประกาศไปว่าให้ฆ่านักปราชญ์เสียทั้งหมด เขาจึงตามหาดาเนียลและเพื่อนๆ เพื่อจะประหารชีวิต 14แล้วดาเนียลก็ตอบอารีโอคหัวหน้าราชองครักษ์ ผู้ออกไปประหารนักปราชญ์ของบาบิโลน ด้วยคำแยบคายและด้วยความรอบคอบ 15ท่านถามอารีโอคหัวหน้าว่า “ไฉนพระราชกฤษฎีกาของพระราชาจึงเร่งด่วนนัก?” แล้วอารีโอคก็เล่าเรื่องให้ดาเนียลรู้ 16แล้วดาเนียลก็เข้าไปเฝ้าและทูลขอให้กษัตริย์ทรงเลื่อนกำหนดเวลาเพื่อท่านจะถวายคำแก้พระสุบินแด่กษัตริย์
 17แล้วดาเนียลก็กลับไปยังบ้านของท่าน และแจ้งเรื่องแก่ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์สหายของท่าน 18และบอกพวกเขาให้ทูลขอพระกรุณาจากพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์เรื่องความลึกลับนี้ เพื่อดาเนียลและเพื่อนของท่านจะไม่พินาศพร้อมกับบรรดานักปราชญ์อื่นๆ ของบาบิโลน 19ในนิมิตเวลากลางคืน พระองค์ทรงเปิดเผยความลึกลับนั้นแก่ดาเนียล แล้วดาเนียลก็ถวายสาธุการแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
 20ดาเนียลกล่าวว่า
 “สาธุการแด่พระนามของพระเจ้าเป็นนิตย์สืบไป
 ปัญญาและฤทธานุภาพเป็นของพระองค์
21พระองค์ทรงเปลี่ยนวาระและฤดูกาล
 ทรงถอดบรรดากษัตริย์และทรงตั้งขึ้นใหม่
พระองค์ประทานปัญญาแก่นักปราชญ์
 และความรู้แก่คนฉลาด
22พระองค์ทรงเปิดเผยสิ่งที่ลึกซึ้งและลี้ลับ
 พระองค์ทรงทราบสิ่งที่อยู่ในความมืด
 และความสว่างก็อยู่กับพระองค์
23โอ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์  ข้าพระองค์ขอบพระคุณและสรรเสริญพระองค์
เพราะพระองค์ประทานปัญญาและกำลังแก่ข้าพระองค์
 สิ่งนั้นที่พวกข้าพระองค์ทูลขอ พระองค์ก็ทรงให้ข้าพระองค์ทราบแล้ว
 เพราะพระองค์ได้ทรงเปิดเผยเรื่องของพระราชาแก่พวกข้าพระองค์”

ดาเนียลทำนายพระสุบิน

 24แล้วดาเนียลก็เข้าไปหาอารีโอค ผู้ซึ่งกษัตริย์แต่งตั้งให้ประหารนักปราชญ์ของบาบิโลน ท่านได้เข้าไปและกล่าวว่า “ขออย่าประหารนักปราชญ์ของบาบิโลน โปรดนำข้าพเจ้าเข้าเฝ้าพระราชา และข้าพเจ้าจะถวายคำแก้ฝันแก่พระราชา” 25แล้วอารีโอคก็รีบนำดาเนียลเข้าเฝ้ากษัตริย์ และทูลพระองค์ว่า “ข้าพระบาทพบชายคนหนึ่ง ในพวกที่ถูกกวาดเป็นเชลยจากยูดาห์ ผู้จะทูลให้พระราชาทราบคำแก้พระสุบินได้” 26กษัตริย์จึงตรัสแก่ดาเนียลผู้มีชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ว่า “เจ้าสามารถให้เรารู้ถึงความฝันที่เราได้ฝันและคำแก้ฝันนั้นได้หรือ?” 27ดาเนียลทูลกษัตริย์ว่า “ไม่มีนักปราชญ์ หรือหมอดู หรือโหร หรือหมอดูฤกษ์ยามคนใดเปิดเผยความลึกลับซึ่งพระราชาไต่ถามแด่พระองค์ได้ 28แต่มีพระเจ้าองค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์ผู้ทรงเปิดเผยความลึกลับทั้งหลาย และพระองค์ทรงให้พระราชาเนบูคัดเนสซาร์รู้ถึงสิ่งซึ่งจะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย และนิมิตที่ผุดขึ้นในพระเศียรของพระองค์บนพระแท่นบรรทมนั้นเป็นดังนี้ พ่ะย่ะค่ะ 29ข้าแต่พระราชา ขณะเมื่อฝ่าพระบาทบรรทมบนพระแท่น พระดำริในเรื่องซึ่งจะเกิดมาภายหลังได้ผุดขึ้น และพระองค์นั้นผู้ทรงเปิดเผยความลึกลับก็ทรงให้ฝ่าพระบาทรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น 30ส่วนข้าพระบาทนั้น ได้รับการเปิดเผยความลับลึกนี้ ไม่ใช่เพราะข้าพระบาทมีปัญญามากกว่าคนอื่นๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เพื่อพระราชาจะรู้คำแก้พระสุบิน และเพื่อฝ่าพระบาทจะเข้าใจพระดำริในพระทัยของฝ่าพระบาท
 31“ข้าแต่พระราชา ฝ่าพระบาททอดพระเนตร และดูเถิด มีปฏิมากรขนาดใหญ่ ปฏิมากรนี้มหึมาจริงๆ และสุกใสยิ่งนัก ตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาท และรูปร่างน่ากลัว 32หัวของปฏิมากรนี้เป็นทองนพคุณ อกและแขนเป็นเงิน ท้องและโคนขาเป็นทองสัมฤทธิ์ 33ขาเป็นเหล็ก เท้าเป็นเหล็กปนดิน 34ขณะพระองค์ทอดพระเนตร มีหินก้อนหนึ่งถูกตัดออกมาไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ หินนั้นกระทบปฏิมากรที่เท้าอันเป็นเหล็กปนดิน ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆ 35แล้วส่วนเหล็ก ดินเหนียว ทองสัมฤทธิ์ เงิน และทองคำ ก็แตกเป็นชิ้นๆ พร้อมกัน กลายเป็นเหมือนแกลบจากลานนวดข้าวในฤดูร้อน ลมก็พัดพาเอาไปทั่ว จึงหาร่องรอยไม่พบอีกเลย แต่ก้อนหินที่กระทบปฏิมากรนั้นกลายเป็นภูเขาใหญ่จนเต็มพิภพ
 36“นี่เป็นพระสุบิน พ่ะย่ะค่ะ บัดนี้เหล่าข้าพระบาทขอกราบทูลคำแก้พระสุบินให้พระราชาทรงทราบ 37ข้าแต่พระราชา พระราชาเหนือพระราชาทั้งหลาย ผู้ซึ่งพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานราชอาณาจักร อานุภาพ ฤทธิ์เดช และศักดิ์ศรี 38และได้ทรงมอบบรรดามนุษย์ สัตว์ในท้องทุ่งและนกบนฟ้า ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใด ไว้ในพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท ให้ฝ่าพระบาทปกครองทุกอย่าง เศียรทองคำนั้นคือฝ่าพระบาทเอง 39ต่อจากฝ่าพระบาทไป จะมีราชอาณาจักรด้อยกว่าของฝ่าพระบาทปรากฏขึ้น และยังมีราชอาณาจักรที่สามเป็นทองสัมฤทธิ์ ซึ่งจะปกครองอยู่ทั่วพิภพ 40และจะมีราชอาณาจักรที่สี่ แข็งแรงดั่งเหล็ก เพราะเหล็กตีสิ่งทั้งหลายให้หักและแตกเป็นชิ้นๆ อย่างไร ราชอาณาจักรนั้นจะหักและทุบสิ่งเหล่านี้ดังเหล็กซึ่งทุบให้แหลกอย่างนั้น 41ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตร เท้าและนิ้วเท้าเป็นดินของช่างปั้นหม้อบ้าง เหล็กบ้าง จะเป็นราชอาณาจักรที่แตกแยก แต่ความแข็งของเหล็กจะยังอยู่ในนั้นบ้าง ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเหล็กปนดินเหนียว 42และนิ้วเท้าเป็นเหล็กปนดินอย่างไร ราชอาณาจักรนั้นจึงแข็งแรงบ้างเปราะบ้างอย่างนั้น 43ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเหล็กปนดินเหนียว พวกเขาพยายามจะมีเอกภาพด้วยการสมรส แต่จะไม่ยึดกันแน่น เช่นเดียวกับที่เหล็กไม่ประสมเข้ากับดิน 44และในสมัยของพระราชาเหล่านั้น พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงสถาปนาราชอาณาจักรหนึ่ง ซึ่งไม่มีวันถูกทำลาย หรือถูกมอบให้ชนชาติอื่น ราชอาณาจักรนั้นจะทำให้ราชอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแตกเป็นชิ้นๆ จนพินาศไป และราชอาณาจักรนั้นจะตั้งมั่นอยู่เป็นนิตย์ 45ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรก้อนหินถูกตัดออกจากภูเขา ไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ และก้อนหินนั้นได้ทำให้เหล็ก ทองสัมฤทธิ์ ดินเหนียว เงิน และทองคำแตกเป็นชิ้นๆ พระเจ้ายิ่งใหญ่ได้ทรงให้พระราชารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พระสุบินนั้นเป็นจริง และคำแก้พระสุบินก็แน่นอน”

ดาเนียลและเพื่อนๆ ได้ความดีความชอบ

 46แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ทรงกราบลงและเคารพดาเนียล และทรงบัญชาให้นำเครื่องบูชาและเครื่องหอมมาถวายดาเนียล 47กษัตริย์ตรัสกับดาเนียลว่า “แน่นอนทีเดียว พระเจ้าของท่านทรงเป็นพระเจ้าเหนือพระทั้งหลาย และทรงเป็นองค์เจ้านายเหนือพระราชาทั้งปวง ทรงเป็นผู้เปิดเผยความลึกลับ เพราะท่านสามารถเปิดเผยความลึกลับนี้ได้” 48แล้วกษัตริย์ทรงให้ดาเนียลเป็นใหญ่ และประทานของกำนัลใหญ่จำนวนมาก อีกทั้งทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ครอบครองมณฑลทั้งหมดของบาบิโลน และเป็นประธานองคมนตรีของนักปราชญ์ทั้งสิ้นของบาบิโลน 49ดาเนียลก็ทูลขอต่อกษัตริย์ และพระองค์ทรงตั้งชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลน แต่ดาเนียลยังคงอยู่ในราชสำนัก

อรรถาธิบาย

วางใจในพระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น

คุณทำงานในสภาพแวดล้อมทางโลกที่คนรอบข้างคุณมีมาตรฐานที่แตกต่างกันมากสำหรับตัวคุณเองหรือไม่?

พระธรรมดาเนียลแสดงแผนภูมิชีวิตและอาชีพของดาเนียลและชายหนุ่มอีกสามคนที่สามารถมีความเจริญรุ่งเรืองในการเป็นข้าราชการของบาบิโลน แบบอย่างของพวกเขาทำให้คุณเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงานในทางของพระเจ้า ในบริบทที่พระเจ้าไม่ได้รับการยอมรับหรือปฏิบัติตาม สิ่งนี้สะท้อนสถานการณ์ในสถานที่ทำงาน ‘ในทางโลก’ ส่วนใหญ่ พระธรรมตอนนี้จึงเป็นตัวอย่างล้ำค่าและความช่วยเหลือที่ใช้ได้จริง

เราจะเห็นสหายทั้งสี่คนให้ความร่วมมือกับนายจ้าง แต่ปราศจากการประนีประนอม พวกเขาปฏิเสธที่จะคล้อยตาม แต่พวกเขาทุ่มเทอย่างเต็มที่ในสถานการณ์และหน้าที่ใหม่ของพวกเขา พวกเขาได้รับการฝึกอบรมและการเตรียมการเป็นผู้นำเป็นระยะเวลาสามปี พวกเขายอมเปลี่ยนชื่อของตนเพื่อสะท้อนว่า ปัจจุบันพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหารของบาบิโลน และต่อมาพวกเขาก็ดูเหมือนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมาก

ในเวลาเดียวกัน พวกเขาตัดสินใจที่จะไม่ประนีประนอมต่อความเชื่อหรือทำให้ตัวเองเป็นมลทิน วันนี้คุณทำให้ตัวเองเป็นมลทินได้ด้วยประเภทของภาพยนตร์หรือรายการทีวีที่คุณดู เว็บไซต์อินเทอร์เน็ตที่คุณเยี่ยมชม หรือสิ่งที่คุณฟัง ‘แต่ดาเนียลตั้งใจว่าจะไม่ทำให้ตัวเป็นมลทินด้วยอาหารชั้นสูงของกษัตริย์ หรือด้วยเหล้าองุ่น’ (1:8) (อาจเป็นเพราะว่าอาหารของราชวงศ์เป็นเครื่องบูชาเพื่อบูชาเทพเจ้าของชาวบาบิโลน) พวกเขาไม่เคยยอมให้คำมั่นสัญญาในการทำงานใหม่ของตนเหนือกว่าความภักดีต่อพระเจ้า

อย่างไรก็ตาม ดาเนียลฉลาดพอที่จะไม่เพียงแค่ไม่เชื่อฟัง เขาพยายามทำงานร่วมกับผู้มีอำนาจเหนือเขา เขาทูลขออนุญาตจากพระเจ้าโดยพระคุณของพระองค์ และพระองค์ก็ทรงให้เจ้าหน้าที่แสดงความโปรดปรานและเห็นอกเห็นใจดาเนียล (ข้อ 9)

‘คนหนุ่มทั้งสี่คนนี้ พระเจ้าประทานความรู้ ความเข้าใจในวรรณกรรมทั้งปวง และปัญญา และดาเนียลเข้าใจนิมิตและความฝันทุกประการ’ (ข้อ 17) แม้ว่าชายหนุ่มเหล่านี้จะมีความสามารถทางกายภาพที่โดดเด่น พวกเขา ‘รูปร่างหน้าตาดี เชี่ยวชาญในสรรพปัญญา… มีความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถที่จะรับใช้’ (ข้อ 4) แต่พลังที่แท้จริงของดาเนียลมาจากปัญญาเหนือธรรมชาติของพระเจ้า

เช่นเดียวกับดาเนียล คุณถูกเรียกให้ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์และอยู่อย่างสงบสุขในทุกสิ่ง ทำตามแบบอย่างของดาเนียลและจงมั่นใจและดำเนินชีวิตในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า

ในทางกลับกัน เนบูคัดเนสซาร์มีอำนาจและความมั่งคั่งมหาศาล มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพ และน่ายำเกรง เขาไร้ซึ่งภัยอันตรายคุกคามใด ๆ แต่กระนั้นเขายังรู้สึกไม่ปลอดภัยและหวาดกลัว พึงระลึกไว้เสมอว่าภายใต้เบื้องหน้าของการพอใจในจนเองก็สามารถซ่อนความไม่มั่นคงที่หยั่งรากลึกได้

เขาถูกหลอกหลอนด้วยความฝันจนนอนไม่หลับ ในวิกฤตครั้งนี้ เขารู้อยู่ในใจว่าพวกผู้มีเวทมนตร์ทั้งหลายที่ไร้ซึ่งไม่มีพลังอำนาจใด ๆ ตามที่อ้าง แค่ต้องการเล่นเกม พวกเขายอมรับว่าพวกเขาไม่มีปัญญาเหนือธรรมชาติ (2:9–11)

ดาเนียลตระหนักดีว่าพระเจ้าเท่านั้นที่เป็นแหล่งของพลังอำนาจและปัญญาทั้งสิ้น (ข้อ 20) ในทางที่ยอดเยี่ยม พระเจ้า ในพระคุณของพระองค์ ไม่เพียงแต่จะเปิดเผยสิ่งต่าง ๆ แก่คุณเท่านั้น แต่ยังให้สติปัญญาและพลังอำนาจแก่คุณในการทำความเข้าใจและจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ คุณสามารถเรียนรู้จากตัวอย่างของดาเนียลได้ ดังนี้

  1. มีความเชื่อในพระเจ้า
    ดาเนียลเชื่อว่าพระเจ้าจะตรัสกับเขา (ข้อ 16) พระเจ้าจะตรัสกับคุณเช่นกัน

  2. รู้ในพลังของคำอธิษฐาน
    ดาเนียลขอเวลาที่มากขึ้นเล็กน้อยและเขาขอให้เพื่อนของเขาที่จะ ‘อธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์เพราะความเมตตาในการแก้สิ่งลึกลับนี้’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  3. รวบการกระทำกับความเชื่อ
    ดาเนียลไปเข้าเฝ้าเนบูคัดเนสซาร์และ ‘พูดคำแยบคายและด้วยความรอบคอบ’ (ข้อ 14)

  4. เรียนรู้จักเสียงของพระเจ้า
    เมื่อพระเจ้าตรัสกับดาเนียลในนิมิต เขามีความมั่นใจมาก เขาสามารถขอบพระคุณและสรรญเสริญพระองค์ล่วงหน้าที่จะนำสิ่งนั้นไปทูลกษัตริย์ ‘สาธุการแด่พระนามของพระเจ้าเป็นนิตย์สืบไป ปัญญาและฤทธานุภาพเป็นของพระองค์…ข้าพระองค์ขอบพระคุณและสรรเสริญพระองค์’ (ข้อ 20, 23)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น ขอสรรเสริญพระองค์ที่พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกผู้ทรงอวยพรข้าพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีชีวิตที่บริสุทธิ์ในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคุณ โปรดประทานปัญญาแก่ข้าพเจ้า ช่วยลูกให้ได้ยินเสียงของพระองค์ และพูดด้วยความมั่นใจ

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ดาเนียล 1:12–15

‘ขอนำผักมาให้เรากินและน้ำมาให้เราดื่ม แล้วให้ท่านตรวจดูหน้าตาของเรา เทียบกับหน้าตาของบรรดาคนหนุ่มผู้รับประทานอาหารชั้นสูง... เมื่อครบสิบวันแล้วจึงเห็นว่าบรรดาคนเหล่านั้นรูปร่างหน้าตาดีกว่า และเนื้อหนังเปล่งปลั่งกว่าบรรดาคนหนุ่มที่รับประทานอาหารชั้นสูงของกษัตริย์’

มีบางอย่างในการกินเพื่อสุขภาพอย่างแน่นอน แบร์ กริลส์ เน้นย้ำเรื่องการกินเพื่อสุขภาพ ดูเขาสิ! (ออกไปซื้อผักกันเถอะ!)

ข้อพระคำประจำวัน

1 เปโตร 5:7

‘จงละความกังวลทุกอย่างของพวกท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม