วัน 322

เราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร?

ปัญญานิพนธ์  สดุดี 128:1-6
พันธสัญญาใหม่ ยากอบ 2:1-26
พันธสัญญาเดิม เอเสเคียล 33:21-35-15

เกริ่นนำ

เราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร - How Now Shall We Live ? เป็นชื่อหนังสือของ ชัค โคลสัน อดีต ‘ที่ปรึกษา' ของประธานาธิบดีนิกสัน ผู้ก่อตั้ง Prison Fellowship ซึ่งชีวิตของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากเขาได้พบกับพระเยซูคริสต์

หลายศตวรรษก่อน เมื่อประชากรของพระเจ้าถูกเนรเทศและสิ้นหวัง พวกเขาร้องทูลพระเจ้าว่า "เราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร?" (เอเสเคียล 33:10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก King James Version ) คำถามเดียวกันนี้ดังก้องไปทั่วทุกยุคทุกสมัย ในฐานะที่เรานั้น ‘เชื่อในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา’ (ยากอบ 2:1) แล้วเราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

 สดุดี 128:1-6

พระพรมีแก่ครอบครัวของผู้ยำเกรงพระเจ้า

บทเพลงใช้แห่ขึ้น

1ทุกคนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ ก็เป็นสุข
 คือผู้ที่เดินในพระมรรคาของพระองค์
2ท่านจะได้กินผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรงของท่าน
 ท่านจะเป็นสุข และท่านจะเจริญ
3ภรรยาของท่านจะเป็นอย่างเถาองุ่นลูกดก
 อยู่ภายในบ้านของท่าน
เด็กๆ ของท่านจะเป็นเหมือนหน่อมะกอก
 รอบโต๊ะของท่าน
4ดังนี้แหละ คนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์จะได้รับพระพร
5ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรท่านจากศิโยน
 ขอให้ท่านเห็นความเจริญของเยรูซาเล็ม
 ตลอดวันคืนแห่งชีวิตของท่าน
6ขอให้ท่านได้เห็นลูกหลานของท่าน
 ขอให้สันติภาพมีอยู่ในอิสราเอล

อรรถาธิบาย

น้อมรับพระพร

พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานสันติสุข ความเจริญรุ่งเรือง อายุยืนยาว และพระพรในชีวิตครอบครัวสำหรับผู้ที่ดำเนินในทางของพระองค์ ‘ทุกคนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ ก็เป็นสุขคือผู้ที่เดินในพระมรรคาของพระองค์’ (ข้อ 1)

ท่านจะได้กินผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรงของท่าน (ข้อ 2) บางคนทำงานหนักเพื่อเงินตราและความสำเร็จ แต่ไม่เคยได้เพลิดเพลินกับสิ่งที่พวกเขาหามาได้เลย

แต่ ‘ท่านทั้งหลายที่ยำเกรงพระเจ้า ได้รับพระพรมากเหลือเกิน! ช่างเป็นสุขจริงๆ ท่านที่เดินบนทางเรียบของพระองค์!... จงเพลิดเพลินในพระพร อิ่มเอมในความดี!... ยืนหยัดในความยำเกรงพระเจ้า ใช่ โอ้ทรงอวยพรผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าอย่างยิ่ง! จงใช้ชีวิตให้มีความสุข...’ (ข้อ 1–6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำสัญญาเหล่านี้แทนที่ด้วยคำสัญญาของพระเยซูเรื่อง ‘ชีวิตในความบริบูรณ์’ (ยอห์น 10:10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Good News Translation โดยผู้แปล) ชีวิตของเราบนโลกนี้อาจสั้นและสำหรับหลาย ๆ คนอาจเต็มไปด้วยปัญหาและความยากลำบาก แต่พระพรจากพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าและเป็นนิรันดร์ (17:3) ชีวิตนิรันดร์คือคุณภาพชีวิตที่เริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้และดำเนินต่อไปเป็นนิตย์

น้อมรับพระพรของพระองค์ เดินในทางของพระองค์ และหนุนนใจผู้อื่นให้ทำเช่นเดียวกัน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับพระสัญญาอันอัศจรรย์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้น้อมรับพระพรของพระองค์ในวันนี้
พันธสัญญาใหม่

ยากอบ 2:1-26

ตักเตือนไม่ให้ลำเอียง

 1พี่น้องของข้าพเจ้า ในเมื่อพวกท่านมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งศักดิ์ศรีของเรานั้น ก็จงอย่าลำเอียง 2เพราะว่าถ้ามีคนหนึ่งสวมแหวนทองคำและแต่งตัวดีเข้ามาในที่ประชุมของท่านทั้งหลาย และมีคนจนคนหนึ่งแต่งตัวซอมซ่อเข้ามาด้วย 3และท่านสนใจแต่คนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอย่างดีและกล่าวกับเขาว่า “ขอเชิญนั่งที่นี่” ขณะเดียวกันท่านก็พูดกับคนจนนั้นว่า “ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ” หรือ“มานั่งที่พื้นแทบเท้าเรา” 4พวกท่านก็แบ่งชั้นวรรณะและตัดสินด้วยความคิดที่ชั่วร้ายไม่ใช่หรือ? 5จงฟัง พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า พระเจ้าทรงเลือกคนยากจนในโลกนี้ให้เป็นคนมั่งมีในความเชื่อและเป็นผู้รับมรดกในอาณาจักรที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับผู้ที่รักพระองค์ไม่ใช่หรือ? 6แต่พวกท่านกลับดูถูกคนจน พวกคนมั่งมีไม่ใช่หรือที่กดขี่ข่มเหงท่าน? และพวกเขาไม่ใช่หรือที่ลากตัวท่านไปขึ้นศาล? 7พวกเขาไม่ใช่หรือที่หมิ่นประมาทพระนามประเสริฐที่ใช้เรียกพวกท่าน?
 8ถ้าพวกท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าอย่างแท้จริงตามพระคัมภีร์ที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” พวกท่านก็ทำดี 9แต่ถ้าพวกท่านลำเอียง ท่านก็ทำบาป และถูกตัดสินว่าเป็นผู้ละเมิดโดยธรรมบัญญัติ 10เพราะว่าใครที่รักษาธรรมบัญญัติทั้งหมด แต่ผิดอยู่ข้อเดียว คนนั้นก็ทำผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด 11เพราะว่าพระองค์ผู้ตรัสว่า “ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา” ก็ตรัสไว้ด้วยว่า “ห้ามฆ่าคน” แม้ท่านไม่ได้ล่วงประเวณีแต่ได้ฆ่าคน ท่านก็เป็นผู้ละเมิดธรรมบัญญัติ 12เช่นนั้นแหละ พวกท่านจงพูดและทำเหมือนอย่างคนที่จะถูกพิพากษาด้วยหลักเกณฑ์แห่งเสรีภาพ  13เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่เมตตาต่อคนที่ไม่แสดงความเมตตา ความเมตตาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา

ความเชื่อและการประพฤติ

 14พี่น้องของข้าพเจ้า แม้ใครจะกล่าวว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ได้ประพฤติตามจะมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ? 15ถ้าพี่น้องชายหญิงคนไหนขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารประจำวัน 16แล้วมีใครในพวกท่านกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “ขอให้กลับไปอย่างเป็นสุข ให้อบอุ่น และอิ่มหนำสำราญเถิด” แต่ไม่ได้ให้สิ่งจำเป็นฝ่ายกายแก่พวกเขา จะมีประโยชน์อะไร? 17ทำนองเดียวกัน ลำพังความเชื่อ ถ้าไม่มีการปฏิบัติ ก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว
 18แต่บางคนจะกล่าวว่า “ท่านมีความเชื่อและข้าพเจ้ามีการประพฤติ” จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่านโดยไม่มีการประพฤติซิ แล้วข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้าโดยการประพฤติ 19ท่านเชื่อว่าพระเจ้ามีเพียงองค์เดียว นั่นก็ดี แม้พวกผีก็เชื่อและกลัวจนตัวสั่น 20คนโฉดเขลาเอ๋ย ท่านต้องการให้พิสูจน์ว่าความเชื่อที่ไม่มีการประพฤตินั้นไร้ผลหรือ? 21อับราฮัมบรรพบุรุษของเรา ถวายอิสอัคบุตรของท่านบนแท่นบูชา จึงถูกชำระให้ชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ? 22ท่านก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อนั้นทำงานควบคู่กับการประพฤติของเขา และความเชื่อก็สมบูรณ์โดยการประพฤตินั้น 23และพระคัมภีร์ก็สำเร็จตามที่กล่าวไว้ว่า“อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์ทรงถือว่าเขาชอบธรรม และเขาได้ชื่อว่าเป็นสหายของพระเจ้า” 24พวกท่านก็เห็นแล้วว่า คนหนึ่งคนใดจะถูกชำระให้ชอบธรรมได้ก็เพราะการประพฤติ และไม่ใช่เพราะความเชื่อเพียงอย่างเดียว 25เช่นเดียวกัน ราหับหญิงโสเภณีก็ถูกชำระให้ชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ? เมื่อนางได้ต้อนรับพวกผู้สอดแนม และส่งเขาทั้งหลายไปโดยทางอื่น 26กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น

อรรถาธิบาย

มีชีวิตอยู่ด้วยความรัก

คนยากจนมาหาเราในหลากหลายรูปแบบ แม่ชีเทเรซากล่าวว่า ‘อย่าหันหลังให้กับคนยากจน เพราะการหันหลังให้กับคนยากจน คุณกำลังหันหลังให้กับพระคริสต์’

การรักผู้ที่ขัดสนยากไร้ไม่ใช่ทางเลือกพิเศษ เป็นหัวใจของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เป็นหลักฐานของความเชื่อที่มีชีวิต 'ถ้าพวกท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าอย่างแท้จริงตามพระคัมภีร์ที่ว่า "จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" พวกท่านก็ทำดี' (ข้อ 8) โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักที่คุณแสดงออกในสิ่งที่คุณทำเพื่อคนยากไร้ (ข้อ 2-7) คนหิวโหย (ข้อ 15) และผู้ขัดสน (ข้อ 16) ‘ความเมตตาย่อมมีชัยชนะเหนือการพิพากษา’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

จงปฏิบัติต่อคนมั่งมีและคนยากจนอย่างเท่าเทียมกัน หากเราเลือกปฏิบัติกับคนยากจน เราก็ได้ 'ตัดสินด้วยความคิดที่ชั่วร้าย' (ข้อ 4) ถ้าเราหากมีความเอนเอียงแบบพระเจ้าต่อคนยากจนก็เป็นประโยชน์แก่พวกเขา (ข้อ 5)

ยากอบกล่าวอีกว่า 'ถ้าพี่น้องชายหญิงคนไหนขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารประจำวัน แล้วมีใครในพวกท่านกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “ขอให้กลับไปอย่างเป็นสุข ให้อบอุ่น และอิ่มหนำสำราญเถิด” แต่ไม่ได้ให้สิ่งจำเป็นฝ่ายกายแก่พวกเขา จะมีประโยชน์อะไร?’ (ข้อ 15–16)

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราถูกเรียกให้ดำเนินชีวิตให้แตกต่าง ความเชื่อของคุณต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำของคุณ ตลอดพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ทั้งสองสิ่งนี้ต้องควบคู่กันเช่นเดียวกับคำพูดกับการกระทำ ต้องทั้งประกาศควบคู่ไปการกระทำ และมีการเปลี่ยนแปลงของแต่ละบุคคล กับการเปลี่ยนแปลงของสังคม

ยากอบเขียนว่า 'พี่น้องของข้าพเจ้า แม้ใครจะกล่าวว่าตนมีความเชื่อแต่ไม่ได้ประพฤติตามจะมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ?… ลำพังความเชื่อ ถ้าไม่มีการปฏิบัติ ก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว’ (ข้อ 14,17) ‘สิ่งนี้ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือว่าพูดแบบพระเจ้า แต่ไม่มีการกระทำแบบพระเจ้า ก็เป็นสิ่งที่เหลวไหลอย่างยิ่ง?’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อีกนัยหนึ่ง ถ้าความเชื่อคุณไม่ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยน ความเชื่อนั้นก็ไม่ใช่ความเชื่อแท้จริงเลย

ยากอบกล่าวต่อว่า ‘ท่านไม่สามารถแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นการกระทำของท่านที่แยกจากความเชื่อของท่านได้กว่าที่ข้าพเจ้าสามารถแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้าแยกจากการกระทำของข้าพเจ้า ความเชื่อและการกระทำ การกระทำและความเชื่อ เหมือนใส่ถุงมือได้พอดี’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ยากอบพิสูจน์ว่าแค่ความเชื่อทางสติปัญญาในพระเจ้าไม่เพียงพอ ‘ท่านเชื่อว่าพระเจ้ามีเพียงองค์เดียว นั่นก็ดี แม้พวกผีก็เชื่อและกลัวจนตัวสั่น’ (ข้อ 19)

ที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับอาจารย์เปาโล ทั้งยากอบและอาจารย์เปาโลต่างใช้ตัวอย่างของอับราฮัมเพื่อแสดงให้เห็นว่าความชอบธรรมนั่นบังเกิดมาจากความเชื่อ ยากอบใช้ชีวิตของเขาเพื่อแสดงให้เห็นว่า ‘ท่านก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อนั้นทำงานควบคู่กับการประพฤติของเขา และความเชื่อก็สมบูรณ์โดยการประพฤตินั้น’ (ข้อ 22)

ตัวอย่างที่สองของยากอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ‘มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน’ นี่ใม่ใช่เรื่องปกติ เขาดูไปที่การกระทำของราหับหญิงโสเภณีที่เธอแสดงความเชื่อในพระเจ้าด้วยการช่วยเหลือผู้สอดแนมชาวอิสราเอลสองคน (ดู โยชูวา 2) และผลที่ตามมา ‘ถือว่าชอบธรรม’ แม้ว่าแทบจะบอกไม่ได้ว่าเธอเป็นพลเมืองตัวอย่าง!

ยากอบแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่ได้พูดถึงการอยู่ในทางพระเจ้านั้นต้องเป็นคนดี โดยใช้ราหับเป็นตัวอย่าง ตรงกันข้าม เขากำลังแสดงให้เห็นว่ามี ‘ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและการกระทำ’ (ยากอบ 2:25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ราหับประพฤติตามสิ่งที่เธอเชื่อ ยากอบสรุปว่า ‘กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น’ (ข้อ 26)

ดังที่จอห์น คาลวินกล่าวไว้ว่า ‘ความเชื่อเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ถูกต้อง แต่ความเชื่อที่ถูกต้องจะทำให้เราไม่มีวันโดดเดี่ยว’ คุณไม่สามารถกระทำเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ได้รับความรอด คุณไม่ได้รับความรอดจากการทำดีของคุณ แต่คุณได้รับความรอดเพื่อทำการดี (เอเฟซัส 2:9–10) พระธรรมยากอบไม่ได้ขัดแย้งกับอัครสาวกเปาโล (อย่างที่บางคนแนะนำ) ประเด็นของยากอบคือไม่ใช่ว่าคุณสามารถได้รับความรอดจากการทำความดี ตรงกันข้าม เขากำลังบอกว่าความเชื่อที่แท้จริงจะพิสูจน์ได้จากวิธีที่คุณดำเนินชีวิต

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ที่จะดำเนินชีวิต และกระทำในสิ่งคนจนต้องการอย่างเร่งด่วน ทั้งในประเทศ และทั่วโลก
พันธสัญญาเดิม

เอเสเคียล 33:21-35-15

กรุงเยรูซาเล็มแตก

 21และอยู่มาเมื่อวันที่ 5 เดือนที่ 10 ในปีที่ 12 ซึ่งเราได้ถูกกวาดไปเป็นเชลย คนหนึ่งที่หนีมาจากกรุงเยรูซาเล็มมาหาข้าพเจ้า กล่าวว่า “เมืองนั้นแตกเสียแล้ว” 22ในเวลาเย็นนั้น ก่อนที่ผู้ลี้ภัยจะมา พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่เหนือข้าพเจ้า แล้วพระองค์ทรงเปิดปากข้าพเจ้าในเวลาที่ชายคนนั้นมาถึงในตอนเช้า ดังนั้นปากของข้าพเจ้าจึงถูกเปิดออก และข้าพเจ้าก็ไม่ได้เป็นใบ้อีกต่อไป

พวกผู้เหลือรอดในยูดาห์

 23พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 24“บุตรมนุษย์เอ๋ย ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในซากปรักหักพังของแผ่นดินอิสราเอลกล่าวเรื่อยๆ ว่า ‘อับราฮัมเป็นเพียงคนคนเดียว แต่ยังถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้ เรามีจำนวนคนมาก แผ่นดินนั้นจึงย่อมจะต้องมอบให้เราเป็นกรรมสิทธิ์’ 25เพราะฉะนั้น จงกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เจ้ากินเนื้อพร้อมเลือด เจ้าเงยหน้าขึ้นไปยังรูปเคารพของเจ้าและทำให้โลหิตตก แล้วเจ้ายังจะถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนี้อีกหรือ? 26พวกเจ้าพึ่งพาดาบของเจ้า เจ้าทำสิ่งน่าสะอิดสะเอียน และแต่ละคน ได้ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน แล้วเจ้ายังจะถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนี้อีกหรือ? 27จงกล่าวเช่นนี้กับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนอย่างไร พวกอยู่ในซากปรักหักพังจะต้องล้มลงด้วยดาบ และพวกอยู่ที่พื้นทุ่ง เราจะมอบให้สัตว์ป่ากัดกิน ส่วนพวกอยู่ในที่กำบังเข้มแข็งหรืออยู่ในถ้ำก็จะตายด้วยโรคระบาด 28และเราจะทำให้แผ่นดินนั้นร้างเปล่าและถูกทิ้งร้าง และอานุภาพอันผยองของแผ่นดินนั้นจะสิ้นสุดลง ภูเขาของอิสราเอลจะรกร้างจนไม่มีคนเดินผ่าน 29แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์ ในเมื่อเราได้ทำให้แผ่นดินนั้นร้างเปล่าและถูกทิ้งร้าง เพราะสิ่งน่าสะอิดสะเอียนทั้งหมดที่เขาทั้งหลายได้ทำนั้น’
 30“เจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย ชนชาติของเจ้าที่พูดเรื่องเจ้าที่ข้างกำแพงและตามประตูบ้าน เขาพูดต่อกันและกัน แต่ละคนพูดกับพี่น้องของตนว่า ‘มาเถิด มาฟังพระวจนะซึ่งออกมาจากพระยาห์เวห์’ 31และพวกเขามาหาเจ้าอย่างที่คนทั้งหลายมา และเขามานั่งข้างหน้าเจ้าอย่างประชากรของเรา พวกเขาจะฟังสิ่งที่เจ้าพูด แต่เขาไม่ยอมทำตาม เพราะว่าเขาแสดงความรักด้วยปากของเขา แต่จิตใจของเขามุ่งอยู่ที่ผลกำไรมิชอบของเขา 32และ ดูสิ เจ้าเป็นเหมือนคนร้องเพลงรักแก่พวกเขา มีเสียงไพเราะและเล่นดนตรีได้เก่ง เพราะว่าพวกเขาจะฟังสิ่งที่เจ้าพูด แต่เขาจะไม่ทำตาม 33และเมื่อสิ่งนี้มาถึง (ดูสิ ก็มาแล้ว) เขาทั้งหลายจะรู้ว่ามีผู้เผยพระวจนะอยู่ในหมู่พวกเขา”

เอเสเคียล 34

ผู้เลี้ยงจอมปลอมของอิสราเอล

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 2“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะกล่าวโทษพวกผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล จงเผยพระวจนะ จงกล่าวกับพวกเขา คือพวกผู้เลี้ยงแกะว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า วิบัติแก่พวกผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอลที่เลี้ยงแต่ตัวเอง ผู้เลี้ยงแกะย่อมเลี้ยงฝูงแกะไม่ใช่หรือ? 3เจ้าทั้งหลายกินไขมัน พวกเจ้าคลุมกายด้วยขนแกะ เจ้าฆ่าแกะตัวอ้วนๆ เจ้าไม่ได้เลี้ยงดูแกะ 4ตัวที่อ่อนเพลียเจ้าก็ไม่ได้เสริมกำลัง ตัวที่เจ็บเจ้าก็ไม่ได้รักษา ตัวที่กระดูกหักเจ้าก็ไม่ได้พันผ้า ตัวที่หลงทางไปเจ้าก็ไม่ได้ไปตามกลับมา ตัวที่หายไปเจ้าก็ไม่ได้เสาะหา แต่เจ้าได้ควบคุมแกะทั้งหลายด้วยการบังคับ และด้วยความเกรี้ยวกราด 5ดังนั้นพวกมันจึงกระจัดกระจายไปหมด เพราะไม่มีผู้เลี้ยง และเมื่อกระจัดกระจายไป พวกมันก็ไปเป็นอาหารของสัตว์ป่าทั้งหมด 6แกะของเราเร่ร่อนไปตามภูเขาทุกลูกและตามเนินเขาสูง เออ แกะของเรากระจัดกระจายไปทั่วพื้นพิภพ ไม่มีใครเที่ยวค้นหาและไม่มีใครเสาะหาพวกมัน”
 7“เพราะฉะนั้น ผู้เลี้ยงแกะทั้งหลาย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ 8พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนอย่างไร เพราะว่า แกะของเราได้กลายเป็นเหยื่อ และแกะของเรากลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าทั้งหมดเพราะไม่มีผู้เลี้ยงแกะ และเพราะพวกผู้เลี้ยงแกะของเราไม่ได้ค้นหาแกะของเรา แต่ผู้เลี้ยงแกะพวกนั้นเลี้ยงตัวเขาเอง และไม่ได้เลี้ยงแกะของเรา 9เพราะฉะนั้น ผู้เลี้ยงแกะทั้งหลาย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ 10พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราเป็นปฏิปักษ์กับพวกผู้เลี้ยงแกะ และเราจะเรียกร้องเอาแกะของเราจากมือพวกเขา และให้เขาหยุดเลี้ยงแกะ พวกผู้เลี้ยงแกะจะไม่ได้เลี้ยงตัวเองอีกต่อไป เราจะช่วยแกะของเราให้พ้นจากปากของพวกเขา เพื่อไม่ให้แกะเป็นอาหารของเขา

พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงแท้จริง

 11“เพราะว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ดูสิ เรา คือเราเองจะค้นหาแกะของเรา และจะเสาะหาแกะ 12เหมือนผู้เลี้ยงแกะเสาะหาฝูงแกะเมื่อเขาอยู่ท่ามกลางแกะของเขาที่กระจัดกระจายไป เราก็จะเสาะหาแกะของเราเช่นนั้น และเราจะช่วยพวกแกะให้รอดพ้นจากสถานที่ทั้งหลายซึ่งพวกเขาได้กระจัดกระจายไปอยู่เมื่อวันที่มีเมฆและมืดทึบ 13เราจะนำเขาทั้งหลายออกมาจากชนชาติทั้งหลาย และรวบรวมเขามาจากประเทศต่างๆ และจะนำพวกเขามาไว้ในแผ่นดินของเขาเอง แล้วเราจะเลี้ยงเขาบนภูเขาของอิสราเอลใกล้ห้วยทั้งหลาย และในทุกแห่งของประเทศนั้นที่สามารถอาศัยได้ 14เราจะเลี้ยงพวกเขาในทุ่งหญ้าที่ดี และลานหญ้าของเขาจะอยู่บนภูเขาสูงทั้งหลายของอิสราเอล ณ ที่นั่น พวกเขาจะนอนลงในลานหญ้าที่ดี และเขาจะหากินอยู่ในทุ่งหญ้าอุดมบนภูเขาของอิสราเอล 15ตัวเราเองจะเลี้ยงดูแกะของเรา เราจะทำให้เขานอนลง พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ 16เราจะเสาะหาแกะที่หาย เราจะนำตัวที่หลงกลับมา เราจะพันผ้าให้แกะที่กระดูกหัก และเราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย แต่เราจะทำลายแกะที่อ้วนและแข็งแรง เราจะเลี้ยงดูเขาด้วยความยุติธรรม
 17“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เจ้าทั้งหลายที่เป็นแกะของเราเอ๋ย ดูสิ เราจะพิพากษาระหว่างแกะกับแกะ ระหว่างแกะผู้กับแพะผู้ 18การที่พวกเจ้าหากินในทุ่งหญ้าอย่างดีนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือ? เจ้าจึงเอาเท้าเหยียบย่ำทุ่งหญ้าที่เหลืออยู่ของเจ้า และเมื่อดื่มน้ำที่ใสแล้วจึงเอาเท้าของเจ้ากวนน้ำที่เหลืออยู่ให้ขุ่น 19แกะของเราต้องกินสิ่งที่เท้าของเจ้าเหยียบย่ำ และดื่มน้ำที่เท้าของเจ้าทำให้ขุ่นหรือ?
 20“เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสกับพวกเขาดังนี้ว่า นี่แน่ะ เรา คือเราเองจะพิพากษาระหว่างแกะอ้วนกับแกะผอม 21เพราะเจ้าเอาสีข้างและบ่าดัน ทั้งผลักแกะทุกตัวที่อ่อนเพลียด้วยเขาของเจ้า จนทำให้พวกเขากระจายไปต่างถิ่น 22เราจะช่วยแกะของเราให้รอด เขาจะไม่เป็นเหยื่ออีกต่อไป แต่เราจะพิพากษาระหว่างแกะกับแกะ 23และเราจะตั้งผู้เลี้ยงคนหนึ่งไว้เหนือเขาทั้งหลาย คือดาวิดผู้รับใช้ของเราและเขาจะเลี้ยงดูพวกเขา เขาจะเลี้ยงดูพวกเขาและเป็นผู้เลี้ยงของเขาทั้งหลาย 24และเราคือยาห์เวห์ จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และดาวิดผู้รับใช้ของเรา จะเป็นเจ้านายท่ามกลางพวกเขา เราคือยาห์เวห์ ได้ลั่นวาจาแล้ว
 25“เราจะทำพันธสัญญาแห่งสันติภาพกับพวกเขาและกำจัดสัตว์ร้ายเสียจากแผ่นดิน เพื่อว่าเขาจะอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารได้อย่างปลอดภัย และนอนอยู่ในป่าได้ 26เราจะทำให้พวกเขากับสถานที่รอบๆ เนินเขาของเราเป็นแหล่งพร เราจะส่งฝนลงมาตามฤดูกาล เป็นห่าฝนแห่งพร 27ต้นไม้ในทุ่งจะเกิดผล และพื้นดินจะเกิดผลผลิต พวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัยในแผ่นดินของเขา ทั้งจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์เมื่อเราหักคานแอกของเขาเสีย และช่วยกู้เขาจากมือของผู้กักเขาให้เป็นทาส 28พวกเขาจะไม่เป็นของริบของบรรดาประชาชาติอีกต่อไป และสัตว์ป่าบนดินก็จะไม่กัดกินเขาทั้งหลาย และพวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัย ไม่มีใครทำให้เขาหวาดกลัว 29และเราจะจัดหาที่เพาะปลูกอันลือชื่อแก่เขา เพื่อเขาจะไม่ถูกผลาญด้วยความอดอยากในแผ่นดินอีกต่อไป ไม่ต้องทนรับความอับอายจากบรรดาประชาชาติ 30แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เรา ยาห์เวห์พระเจ้าของเขาสถิตกับเขา และเขาคือพงศ์พันธุ์อิสราเอล เป็นประชากรของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ 31เจ้าทั้งหลายเป็นแกะของเรา เป็นแกะในทุ่งหญ้าของเรา เจ้าทั้งหลายเป็นคนของเรา และเราเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ

เอเสเคียล 35

การพิพากษาภูเขาเสอีร์

 1และพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 2“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมุ่งหน้าต่อสู้ภูเขาเสอีร์ และเผยพระวจนะต่อสู้มัน 3และกล่าวกับมันว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า

นี่แน่ะ ภูเขาเสอีร์ เราเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า
 และเราจะเหยียดมือเราต่อสู้เจ้า
 แล้วเราจะทำให้เจ้าร้างเปล่าและถูกทิ้งร้าง
4เราจะให้เมืองทั้งหลายของเจ้าเป็นซากปรักหักพัง
 และเจ้าจะเป็นที่ร้างเปล่า
 แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์

 5เพราะเจ้าเก็บความแค้นเคืองมาแต่เก่าก่อน และมอบประชาชนอิสราเอลให้แก่อำนาจดาบในเวลาแห่งภัยพิบัติของพวกเขา และในเวลาการลงโทษขั้นสุดท้าย 6เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนอย่างไร เราจะกำหนดให้เจ้าโลหิตตก และเรื่องโลหิตตกจะไล่ตามเจ้า เมื่อเจ้าไม่เกลียดการทำให้โลหิตตก เรื่องโลหิตตกก็จะไล่ตามเจ้าไป 7เราจะทำให้ภูเขาเสอีร์ร้างว่างเปล่า และเราจะตัดผู้สัญจรเสียจากมัน 8เราจะให้ภูเขาของเจ้าเต็มด้วยผู้ถูกฆ่า พวกที่ถูกฆ่าด้วยดาบจะล้มลงตามเนินเขาของเจ้า ตามหุบเขาของเจ้า และในห้วยทุกแห่งของเจ้า 9เราจะทำให้เจ้าเป็นที่ร้างเปล่าตลอดไป และจะไม่มีคนอาศัยตามเมืองทั้งหลายของเจ้า แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์
 10“เพราะเจ้ากล่าวว่า ‘ประชาชาติทั้งสองนี้และแผ่นดินทั้งสองนี้จะต้องเป็นของข้า เราจะเอามันมาเป็นกรรมสิทธิ์ ถึงแม้พระยาห์เวห์สถิตที่นั่น’ 11เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนอย่างไร เราจะทำต่อเจ้าตามความโกรธแค้นและความอิจฉาของเจ้า ซึ่งเจ้าแสดงต่อพวกเขาเพราะความเกลียดชังของเจ้า แล้วเราจะสำแดงตัวเราให้เป็นที่รู้จักในหมู่พวกเขาเมื่อเราพิพากษาเจ้า 12แล้วเจ้าจะรู้ว่า เรา ยาห์เวห์ได้ยินคำเหยียดหยามทั้งหมดของเจ้า ซึ่งเจ้าได้พูดต่อสู้ภูเขาทั้งหลายแห่งอิสราเอลว่า ‘มันถูกทิ้งให้ร้างเปล่า มันถูกมอบไว้ให้เรากัดกิน’ 13เจ้าคุยข่มเราด้วยปากของเจ้า และว่ากล่าวเราอีกมากมาย เราได้ยินหมดแล้ว 14พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ขณะที่ทั้งพิภพร่าเริง เราจะทำให้เจ้าร้างเปล่า 15เช่นเดียวกับที่เจ้าร่าเริงเมื่อมรดกของพงศ์พันธุ์อิสราเอลนั้น ต้องถูกทำให้ร้างเปล่าไป เราก็จะทำเช่นนั้นกับเจ้า โอ ภูเขาเสอีร์และเอโดมทั้งหมด คือทั้งหมดของมันจะเป็นที่ร้างเปล่า แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

อรรถาธิบาย

เลี้ยงดูลูกแกะ

องค์พระยาห์เวห์ตรัสกับผู้นำของอิสราเอลว่าเป็นผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล (34:2) พระองค์กล่าวโทษคนเหล่านั้นที่สนใจแต่ตนเองไม่ใส่ใจฝูงแกะ (ข้อ 8) ‘ตัวที่อ่อนเพลียเจ้าก็ไม่ได้เสริมกำลัง ตัวที่เจ็บเจ้าก็ไม่ได้รักษา ตัวที่กระดูกหักเจ้าก็ไม่ได้พันผ้า ตัวที่หลงทางไปเจ้าก็ไม่ได้ไปตามกลับมา’ (ข้อ 4 )

พระเจ้าตรัสว่าคือ ‘เราเองจะค้นหาแกะของเรา และจะเสาะหาแกะ... ตัวเราเองจะเลี้ยงดูแกะของเรา เราจะทำให้เขานอนลง… เราจะเสาะหาแกะที่หาย เราจะนำตัวที่หลงกลับมา เราจะพันผ้าให้แกะที่กระดูกหัก และเราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย แต่เราจะทำลายแกะที่อ้วนและแข็งแรง เราจะเลี้ยงดูเขาด้วยความยุติธรรม’ (ข้อ 11,15–16)

ถ้อยคำของพระเจ้ามาถึงประชากรของพระองค์ผ่านทางเอเสเคียลนั้นเป็นเนื้อหาที่เหมือนกันกับยากอบ ‘พวกเขาฟังเจ้าพูดแต่ไม่ทำตามที่เจ้าพูด ...พวกเขารักที่จะฟังในสิ่งที่เจ้าพูดแต่ไม่มีการกระทำออกมาจากสิ่งที่ฟังเลย’ (33:31–32, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

แล้วเราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร? เมื่อเราเปรียบเทียบผู้เลี้ยงที่ดีกับผู้เลี้ยงที่ไม่สามารถดูแลฝูงแกะได้ เห็นชัดเจนเลยว่ามีหลายสิ่งที่คุณถูกเรียกให้ทำดังนี้:

  1. เสริมกำลังผู้ที่อ่อนแอ
    เรากระทำสิ่งนี้ผ่านคำสอนที่มี การหนุนใจ การอธิษฐานและการสร้างชุมชน

  2. เยียวยาผู้ที่เจ็บป่วย
    ให้เกียรติผู้ที่ทำงานในทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องในการรักษาเยียวยาผู้ป่วย คุณสามารถวางมืออธิษฐานบนผู้ป่วย และอธิษฐานในนามพระเยซู

  3. พันผ้าผู้ที่บาดเจ็บ
    มีคนจิตใจแตกสลายมากมายในสังคมของเรา เช่นในเรือนจำ คนจรจัดบนท้องถนน และแม้แต่ในห้องประชุมบริษัท พระวิญญาณของพระเจ้าทำให้คุณสามารถรักษาคนที่หักใจแตกสลายในขณะที่คุณอธิษฐานเผื่อพวกเขา กอดพวกเขา ฟังพวกเขา และดูแลพวกเขาในชุมชนของคุณ

  4. เสาะหาผู้ที่หลงหาย
    มีบุตรหญิงชายที่หลงหายมากมายจากพระบิดาเหมือนแกะหลง ช่วยพวกเขาให้กลับมาสู่อ้อมแขนของพระบิดา

  5. แสวงหาผู้ที่หลงทาง
    บางครั้ง คุณอาจต้องทิ้งแกะตัวอื่น ๆ เพื่อค้นหาตัวที่หลงทาง นำพวกเขากลับมาสู่การกลับใจและทำให้เกิดความปิติยินดีในสวรรค์มากขึ้น (ลูกา 15:1–7)

  6. เลี้ยงดูด้วยความยุติธรรม
    แสวงหาความยุติธรรมเพื่อผู้ถูกกดขี่ คนขัดสน และคนยากจน เราควรช่วยเหลือเด็ก ผู้หญิง และผู้ชายจากการเป็นทาส นำผู้กระทำความผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม ปล่อยเชลยให้เป็นอิสระและดูแลพวกเขา

พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์ซึ่งถือเป็นการสอดคล้องกับพระสัญญาเรื่องผู้เลี้ยงแกะคนใหม่ ‘ดาวิดผู้รับใช้ของเรา’ (เอเสเคียล 34:23) พระสัญญานี้ชี้ให้เห็นถึงกษัตริย์ดาวิดในอดีต ผู้ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดีที่สุดของอิสราเอลจนถึงปัจจุบัน แต่ยังชี้ให้เห็นล่วงหน้ากว่าผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่า ‘ดาวิด’ คือผู้ที่จะทำตามพระสัญญาเหล่านี้ทั้งหมดนั่นคือองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้ทรงเป็นกษัตริย์และพระผู้เลี้ยงของเรา

พระเยซูตรัสว่า ‘เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี’ (ยอห์น 10:14) โดยทางพระองค์คุณจะได้รับ ‘ห่าฝนแห่งพร’ (เอเสเคียล 34:26) และความรอด (ข้อ 27 ) 'เจ้าทั้งหลายเป็นแกะของเรา เป็นแกะในทุ่งหญ้าของเรา เจ้าทั้งหลายเป็นคนของเรา และเราเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า’ (ข้อ 31)

น้อมรับพระพรจากพระองค์ มีชีวิตอยู่ด้วยความรัก เสริมกำลังผู้อ่อนแอ รักษาผู้ที่เจ็บป่วย เยียวยาผู้ที่บาดเจ็บ นำผู้ที่หลงหายกลับมา เสาะหาผู้ที่หลงทาง และดูแลด้วยความยุติธรรม เราจำเป็นต้องดำเนินชีวิตแบบนี้ในปัจจุบัน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ข้าพระองค์ไม่เพียงฟังพระวจนะเท่านั้น แต่ให้ปฎิบัติตามด้วย

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ยากอบ 2:13ข

‘ความเมตตามีชัยเหนือการพิพากษา’

การให้อภัยนั้นสำคัญกว่าการตัดสิน

ข้อพระคำประจำวัน

ยากอบ 2:13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล

‘ความเมตตากรุณาชนะการตัดสินที่รุนแรงทุกครั้ง’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม