วัน 287

วิธีหลีกเลี่ยงความถดถอย

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 119:33-40
พันธสัญญาใหม่ 2 เธสะโลนิกา 2:1-17
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 29:24-31:14

เกริ่นนำ

สมัยที่ฟิลิปยังเป็นหนุ่ม เขาถูกลักพาตัวและถูกจับเป็นตัวประกันในกรีซ เขาอยู่ที่นั่นหลายปี ในช่วงเวลานั้นเขาได้รับการศึกษาทางทหาร จากนั้นเขาก็กลับบ้านเกิดซึ่งพ่ายแพ้จากสงครามหลายครั้งและเสียดินแดนไปจำนวนมาก ภายในห้าปีเขาก็ได้เป็นกษัตริย์

ฟิลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนียต้องการให้กองทัพของตนยืนหยัดอย่างมั่นคง เขาได้รับการกล่าวขานจากสองนวัตกรรมหลัก อย่างแรกคือ ซาริสซา (sarissa) เป็นหอกที่ยาวมาก สิ่งที่สองคือการพัฒนารูปขบวนทหารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าถูกนำใช้โดยกองทัพโบราณ (เรียกว่า แฟแลงซ์ หรือ ฟาลังซ์; phalanx) แกนกลางจะเป็นทหารราบที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ติดอาวุธเป็นหอกยาวของฟีลิป ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ ในแถวตอนลึกแปดนาย

ตราบใดที่พวกเขายังยืนหยัดอย่างมั่นคงและไม่หันเหไป ก็จะไม่มีใครทำลายพวกเขาลงได้ และยังเป็นการตอกย้ำความกลัวในใจของศัตรูด้วย ฟิลิปได้ใช้กลวิธีในการรวมนครรัฐต่าง ๆ ของกรีซและพิชิตเมืองฟิลิปปี (ซึ่งตั้งชื่อตามเขา) ใน 356 ปีก่อนคริสตศักราช (ดู ฟิลิปปี 1:27)

บางครั้งชีวิตคริสเตียนก็ดูเหมือนกับการเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีอำนาจ รู้สึกเหมือนเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดซึ่งกองทัพอื่นพยายามจะผลักและทำลายเรา หากเรายืนหยัดไม่มั่นคง เราจะล้มลงและไถลไปในทางที่ผิด เราได้เห็นวิธีที่เยเรมีย์เตือนผู้คนหลายครั้งแล้วว่าอย่าหันหลังกลับ (เยเรมีย์ 2:19; 3:22; 5:6; 14:7; 15:6)

แต่มันไม่ใช่เรื่องของการยืนหยัดด้วยตัวเราเอง เราเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ อาจารย์เปาโลได้ใช้ภาพของ ฟาลังซ์ คือการเคียงบ่าเคียงไหล่ คริสตจักรสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงได้ และนี่เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ครั้งที่อาจารย์เปาโลหนุนใจคริสตจักรให้ ‘ยืนหยัด’ (2 เธสะโลนิกา 2:15)

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 119:33-40

ה (เฮ)
33ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนทางแห่งกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพระองค์
 และข้าพระองค์จะรักษาไว้จนสุดปลาย
34ขอประทานความเข้าใจแก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรักษาธรรมบัญญัติของพระองค์ไว้
 และปฏิบัติตามด้วยสุดใจ
35ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในทางแห่งพระบัญญัติของพระองค์
 เพราะข้าพระองค์ยินดีในทางนั้น
36ขอทรงโน้มใจข้าพระองค์เข้าหาพระโอวาทของพระองค์
 และมิใช่เข้าหากำไรที่ไม่ชอบธรรม
37ขอทรงหันดวงตาของข้าพระองค์ไปจากการมองดูสิ่งอนิจจัง
 และขอทรงรักษาชีวิตข้าพระองค์ไว้ในพระมรรคาของพระองค์
38ขอทรงยืนยันกับผู้รับใช้ของพระองค์ถึงพระสัญญาของพระองค์
 ซึ่งมีไว้สำหรับผู้ที่ยำเกรงพระองค์
39ขอทรงหันการเยาะเย้ยซึ่งข้าพระองค์ครั่นคร้ามนั้นไปเสีย
 เพราะกฎหมายของพระองค์นั้นดี
40ดูเถิด ข้าพระองค์โหยหาข้อบังคับของพระองค์
 ขอทรงรักษาชีวิตข้าพระองค์ไว้ โดยความชอบธรรมของพระองค์เถิด

อรรถาธิบาย

จับหัวใจและดวงตาของคุณให้แน่น

ว่ากันว่า ‘ต้นโอ๊กที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นเพียงถั่วตัวเล็ก ๆ ที่ยึดพื้น’ การล่อลวงให้หลุดพ้นและหันหลังกลับ มักเริ่มต้นที่ใจและตาของเรา ผู้เขียนสดุดีได้อธิบายภาพประสบการณ์การต่อสู้กับตัวเองอย่างชัดเจน เขาเขียนว่า ‘ขอทรงโน้มใจข้าพระองค์เข้าหาพระโอวาทของพระองค์ และมิใช่เข้าหากำไรที่ไม่ชอบธรรม ขอทรงหันดวงตาของข้าพระองค์ไปจากการมองดูสิ่งอนิจจัง’ (ข้อ 36–37ก)

บ่อยครั้งความถดถอยก็เริ่มต้นจากการปล่อยใจหรือปล่อยให้ดวงตาของเราจับจ้อง ‘สิ่งอนิจจัง’ (ข้อ 37) จงหันหัวใจและดวงตาของคุณไปที่พระวจนะของพระเจ้าเพื่อคุณจะสามารถยืนหยัดได้

พระวจนะของพระเจ้าเป็นที่แห่งความยินดี (ข้อ 35) และรักษาชีวิตไว้ (ข้อ 37, 40) นี่เป็นเพราะว่า ‘กฎหมายของพระองค์นั้นดี’ (ข้อ 39) จงอธิษฐานเหมือนผู้ประพันธ์สดุดีว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสอนทางแห่งกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะรักษาไว้จนสุดปลาย’ (ข้อ 33) พระเยซูตรัสว่า ‘แต่ใครสู้ทนถึงที่สุดก็จะได้รับการช่วยให้รอด’ (มัทธิว 24:13)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พบความยินดีในพระวจนะของพระองค์ ขอทรงโปรดหันหัวใจของข้าพระองค์ออกจาก ‘ความเห็นแก่ตัว’ และหันสายตาของข้าพระองค์ออกจาก ‘สิ่งอนิจจัง’
พันธสัญญาใหม่

2 เธสะโลนิกา 2:1-17

คนนอกกฎหมาย

 1พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมา และที่พระองค์จะทรงรวบรวมเราไปอยู่กับพระองค์นั้น เราขอร้องท่านว่า 2อย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวง่าย หรือตื่นตระหนกตกใจ ไม่ว่าจะเป็นโดยทางวิญญาณ หรือคำพูด หรือจดหมายเป็นเชิงว่ามาจากเรา อ้างว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว 3อย่าให้ใครล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึงจนกว่าจะมีการกบฏเสียก่อน และคนนอกกฎหมายนั้นจะปรากฏตัว คือลูกแห่งความพินาศ 4ผู้กีดกั้นขัดขวางและยกตัวขึ้นต่อสู้ทุกสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นพระ หรือสิ่งที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็จะนั่งในพระวิหารของพระเจ้า ประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า 5พวกท่านจำไม่ได้หรือว่าเมื่อยังอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าได้บอกเรื่องนี้แล้ว? 6และท่านก็รู้จักสิ่งนั้นที่กำลังยับยั้งมันไว้ในขณะนี้ เพื่อมันจะปรากฏออกมาได้ต่อเมื่อถึงเวลาของมัน 7เพราะว่าอำนาจลึกลับนอกกฎหมายนั้นก็เริ่มทำงานอยู่แล้ว แต่ผู้ที่คอยยับยั้งมันเดี๋ยวนี้นั้นจะยังอยู่จนถูกปลดออกไปให้พ้น 8ขณะนั้นคนนอกกฎหมายก็จะปรากฏตัวขึ้น และพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประหารมันด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ และจะทรงผลาญให้สูญไปด้วยการเสด็จมาอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ 9คนนอกกฎหมายนั้นจะมาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับการอิทธิฤทธิ์ทุกอย่าง ทั้งหมายสำคัญ และการอัศจรรย์จอมปลอม 10และอุบายชั่วทุกอย่างสำหรับพวกที่จะต้องพินาศ เพราะเขาไม่ได้รักความจริงเพื่อจะรอดได้ 11เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาถึงพวกเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ 12เพื่อทุกคนที่ไม่เชื่อความจริง แต่ยินดีในการอธรรม จะถูกพิพากษา

ได้รับเลือกให้รอด

 13พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราควรขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอยู่เสมอ เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเลือกท่านไว้ตั้งแต่เดิมสำเนาโบราณบางฉบับว่า ไว้เป็นผลแรกเพื่อจะได้รับความรอด โดยการชำระของพระวิญญาณให้บริสุทธิ์ และโดยการเชื่อความจริง 14พระองค์ทรงเรียกพวกท่านเพื่อการนี้โดยทางข่าวประเสริฐของเรา เพื่อท่านจะได้ร่วมในศักดิ์ศรีของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 15เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลายจงมั่นคงไว้ และยึดถือคำสอนที่ท่านได้เรียนจากเรา ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือด้วยจดหมาย
 16ขอให้องค์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเราและประทานให้เรามีความชูใจนิรันดร์ และความหวังอันดีโดยพระคุณ 17ทรงชูใจและทรงเสริมท่านให้มั่นคง ในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง

อรรถาธิบาย

ยึดมั่นในความจริงของข่าวประเสริฐ

เปาโลกระตุ้นให้ผู้อ่านบากบั่นและยืนหยัดอย่างมั่นคง โดยยึดมั่นความจริงของพระกิตติคุณ

เขาเตือนชาวเธสะโลนิกาว่า ‘อย่าให้ใครล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย’ (ข้อ 3) ‘อย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวง่าย หรือตื่นตระหนกตกใจ’ (ข้อ 2)

ซาตานนั้นเป็นผู้ล่อลวง เปาโลเตือนเกี่ยวกับ ‘คนนอกกฎหมาย’ ว่า ‘จะมาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับการอิทธิฤทธิ์ทุกอย่าง ทั้งหมายสำคัญ และการอัศจรรย์จอมปลอม’ (ข้อ 9) บรรดาผู้ที่ ‘ปฏิเสธ’ ที่จะ ‘รักความจริง’ จะถูกครอบงำโดย ‘ความลุ่มหลง เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อสิ่งที่เท็จ’ (ข้อ 10–11)

อย่าถูกล่อลวงด้วยคนเหล่านั้นที่ ‘อ้างว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว’ (ข้อ 2) ผมรู้จักอย่างน้อยก็หนึ่งลัทธิที่อันตรายและหลอกลวงเกี่ยวกับการเสด็จกลับมาแล้ว แต่การเสด็จกลับมาของพระเยซูนั้น ทุกคนก็จะเห็นได้ชัดเจน จะมีความมืดมนเกิดขึ้นก่อนความสว่าง (ข้อ 3–7) อำนาจของความชั่วร้ายก็จะถูกเปิดเผย

ฤทธิ์อำนาจเหล่านี้เทียบไม่ได้เลยกับพระเยซู ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประหารมันด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ และจะทรงผลาญให้สูญไปด้วยการเสด็จมาอันรุ่งโรจน์ของพระองค์’ (ข้อ 8)

คริสตจักรยุคแรกดำเนินไปโดยคาดหวังทุกวันถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซู ซึ่งเราเองก็ควรเป็นเช่นนั้นมาร์ติน ลูเธอร์ กล่าวว่า ‘ผมดำเนินชีวิตประหนึ่งว่าพระเยซูคริสต์ถูกตรึงเมื่อวานนี้ ทรงเป็นขึ้นมาในเช้าวันนี้ และกำลังจะเสด็จมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้’

ในขณะที่คุณรอการเสด็จกลับมาของพระเยซู จงยืนหยัดอย่างมั่นคง เปาโลมีความมั่นใจทุกประการว่า ชาวเธสะโลนิกาจะทำเช่นนั้น สิ่งที่เป็นจริงสำหรับพวกเขาก็เป็นความจริงสำหรับคุณด้วย คุณเป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า ‘เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเลือกท่านไว้ตั้งแต่เดิมเพื่อจะได้รับความรอด โดยการชำระของพระวิญญาณให้บริสุทธิ์ และโดยการเชื่อความจริง พระองค์ทรงเรียกพวกท่านเพื่อการนี้โดยทางข่าวประเสริฐของเรา เพื่อท่านจะได้ร่วมในศักดิ์ศรีของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา’ (ข้อ 13–14)

หน้าที่ของคุณคือ ‘จงมั่นคงไว้ และยึดถือคำสอน’ (ข้อ 15) ของพันธสัญญาใหม่ อย่างไรก็ตามเหตุผลที่คุณสามารถมั่นใจได้ว่าจะสามารถยืนหยัดได้จนถึงวันสุดท้ายก็ด้วยความรักของพระเจ้า ‘การชำระของพระวิญญาณให้บริสุทธิ์’ และพลังแห่งพระกิตติคุณ ซึ่งทำให้คุณสามารถมีส่วนร่วมในศักดิ์ศรีของพระเยซูคริสต์ (ข้อ 13–14)

ดังนั้นเปาโลจึงเขียนว่า ‘ขอให้องค์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเราและประทานให้เรามีความชูใจนิรันดร์ และความหวังอันดีโดยพระคุณ ทรงชูใจและทรงเสริมท่านให้มั่นคง ในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง’ (ข้อ 16-17)

จงมีใจกว้างด้วยการหนุนใจ มันเป็นคำพูดที่แสนอบอุ่น ไม่ต้องจ่ายอะไร แต่มันทำให้หัวใจอบอุ่นและเสริมสร้างชีวิต พระเจ้าเองทรงประทาน ‘ความชูใจนิรันดร์’ แก่คุณ (ข้อ 16) และต้องการให้กำลังใจคุณ

พระเจ้าทรงหนุนใจคุณเพื่อที่คุณจะสามารถหนุนใจและช่วยเหลือผู้อื่นได้ ‘ทรงชูใจและทรงเสริมท่านให้มั่นคง ในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง’ (ข้อ 17) คุณได้รับการหนุนใจให้ดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซู ‘พระเยซูเสด็จไปทำคุณประโยชน์’ (กิจการ 10:38)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา ขอบพระคุณที่ทรงรักข้าพระองค์ และวันหนึ่งข้าพระองค์จะมีส่วนร่วมในพระสิริของพระเยซูคริสต์ ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้ยืนหยัดโดยยึดมั่นความจริงของพระกิตติคุณแม้จะถูกต่อต้าน
พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 29:24-31:14

จดหมายของเชไมยาห์

 24เจ้าจงบอกเชไมยาห์ชาวเนเฮลามว่า 25“พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เจ้าได้ส่งจดหมายในนามของเจ้าไปยังประชาชนทั้งปวงผู้อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม และยังเศฟันยาห์บุตรมาอาเสยาห์ปุโรหิต และยังปุโรหิตทั้งปวงว่า 26‘พระยาห์เวห์ได้ทรงให้เจ้าเป็นปุโรหิตแทนเยโฮยาดาปุโรหิต ให้ดูแลพระนิเวศของพระยาห์เวห์ จงจับคนบ้าทุกคนที่ทำทีเผยพระวจนะ ใส่ขื่อคาและปลอกคอเสีย 27บัดนี้ทำไมเจ้าไม่ต่อว่าเยเรมีย์ชาวอานาโธทผู้ซึ่งเผยพระวจนะแก่เจ้า? 28เพราะเขาได้ส่งจดหมายมายังเราในบาบิโลนว่า ‘การที่เจ้าเป็นเชลยนั้นจะเนิ่นนาน จงสร้างบ้านของเจ้าและอาศัยอยู่ที่นั่นจงปลูกสวนและรับประทานผลที่ได้นั้น’ ”
 29เศฟันยาห์ปุโรหิตอ่านจดหมายนี้ให้เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะฟัง 30แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงเยเรมีย์ว่า 31“จงเขียนไปถึงพวกเชลยทั้งหมดว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับเชไมยาห์ชาวเนเฮลามว่า เพราะว่าเชไมยาห์ได้เผยพระวจนะแก่พวกเจ้าเมื่อเราไม่ได้ใช้เขา และได้ทำให้เจ้าวางใจในคำเท็จ 32เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะลงโทษเชไมยาห์ชาวเนเฮลามและเชื้อสายของเขา เขาจะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางชนชาตินี้ที่จะได้เห็นความดี ซึ่งเราจะทำแก่ประชากรของเรา เพราะเขาได้พูดเป็นการกบฏต่อพระยาห์เวห์’ ” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ

เยเรมีย์ 30

สัญญาถึงการกลับสู่สภาพเดิมของอิสราเอลและยูดาห์

 1พระวจนะมาถึงเยเรมีย์จากพระยาห์เวห์ความว่า 2“พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงเขียนถ้อยคำทั้งสิ้นที่เราได้บอกแก่เจ้าไว้ในหนังสือม้วนหนึ่ง 3พระยาห์เวห์ตรัสว่า เพราะนี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะให้ประชากรของเรา คืออิสราเอลและยูดาห์กลับคืนสู่สภาพเดิม พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ และเราจะนำเขามายังแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย และพวกเขาจะได้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น”
4ต่อไปนี้เป็นพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับอิสราเอลและยูดาห์ว่า

5“พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 เราได้ยินเสียงร้องเพราะความหวาดกลัว
 ความสยดสยองและความไร้สันติภาพ
6จงถามเถิดและดูว่า
 ผู้ชายจะคลอดบุตรได้หรือ?
ทำไมเราจึงเห็นผู้ชายทุกคน
 เอามือกดไว้ที่เอวเหมือนผู้หญิงจะคลอดบุตร?
 ทำไมหน้าตาทุกคนจึงซีดไป?
7อนิจจาเอ๋ย วันนั้นใหญ่โตเหลือเกิน
 ไม่มีวันใดเหมือน
เป็นเวลาทุกข์ใจของยาโคบ
 แต่เขาก็ยังจะรอดวันนั้นไปได้
8“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ในวันนั้น เราจะหักแอกจากคอของเขาทั้งหลาย และเราจะระเบิดพันธนะของเขาเสีย และคนต่างชาติจะไม่ทำให้เขาเป็นคนรับใช้อีก 9แต่พวกเขาจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และดาวิดพระราชาของเขาผู้ซึ่งเราจะให้เกิดมาเพื่อเขา
10“พระยาห์เวห์ตรัสว่า ส่วนเจ้า ยาโคบผู้รับใช้ของเราเอ๋ย อย่ากลัวเลย
 อิสราเอลเอ๋ย อย่าครั่นคร้าม
เพราะนี่แน่ะ เราจะช่วยเจ้าจากที่ไกลให้รอด
 ทั้งลูกหลานของเจ้าจากแผ่นดินที่เขาไปเป็นเชลย
ยาโคบจะกลับมา และมีความสงบและความสบาย
 และจะไม่มีใครทำให้เขากลัว
11“พระยาห์เวห์ตรัสว่า เพราะเราอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยเจ้าให้รอด
 เราจะทำให้ประชาชาติทั้งสิ้นถึงอวสาน
คือผู้ซึ่งเราได้กระจายเจ้าให้ไปอยู่ท่ามกลางเขานั้น
 แต่ส่วนเจ้าเราจะไม่ทำให้ถึงอวสาน
เราจะตีสอนเจ้าตามขนาด
 และด้วยประการใดก็ตามเราจะไม่ปล่อยเจ้าโดยไม่ลงโทษ
12“เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 ที่เจ็บของเจ้าก็รักษาไม่หาย
 และบาดแผลของเจ้าก็ร้ายแรง
13ไม่มีใครที่จะช่วยคดีของเจ้า
 ไม่มียารักษาบาดแผลของเจ้า
 ไม่มีการรักษาให้เจ้า
14คนรักทั้งสิ้นของเจ้าได้ลืมเจ้าเสีย
 พวกเขาไม่ต้องการเจ้าแล้ว
เพราะเราตีเจ้าอย่างการโบยตีของศัตรู
 เป็นการลงโทษอย่างของคนโหดร้าย
เพราะว่าความผิดของเจ้าก็ใหญ่โต
 และบาปของเจ้าก็มากมาย
15ทำไมเจ้าร้องเพราะความเจ็บของเจ้า
 ที่เจ็บของเจ้าก็รักษาไม่หาย
เพราะว่าความผิดของเจ้าใหญ่ยิ่ง
 เพราะว่าบาปของเจ้ามาก
 เราได้ทำสิ่งเหล่านี้แก่เจ้า
16เพราะฉะนั้น ทุกคนที่กินเจ้า จะถูกกิน
 ปรปักษ์ของเจ้าทุกคนจะตกไปเป็นเชลย
คนเหล่านั้นที่ปล้นเจ้า จะตกเป็นของถูกปล้น
 และทุกคนที่เอาเจ้าเป็นเหยื่อเราจะทำให้เขาเป็นเหยื่อ
17เพราะเราจะคืนสุขภาพดีแก่เจ้า
 และเราจะรักษาบาดแผลของเจ้าให้หาย”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
 เพราะเขาทั้งหลายเรียกเจ้าว่าพวกนอกคอก
 ‘คือศิโยนซึ่งไม่มีใครต้องการ’
18“พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 นี่แน่ะ เราจะให้เต็นท์แห่งยาโคบกลับสู่สภาพเดิม
และมีความเมตตาในเรื่องที่อาศัยของเขา
 เขาจะสร้างเมืองนั้นขึ้นใหม่บนกองซากของมัน
 และป้อมปราการจะตั้งอยู่บนที่เดิม 19จะมีเพลงขอบพระคุณออกมาจากที่เหล่านั้น
 และมีเสียงของผู้ที่รื่นเริง
เราจะทวีเขาขึ้น และเขาจะไม่มีเพียงน้อยคน
 เราจะทำให้เขามีเกียรติ เขาจะไม่เป็นเพียงผู้เล็กน้อย 20ลูกหลานของเขาจะเป็นเหมือนสมัยก่อน
 และชุมนุมของเขาจะได้ถูกสถาปนาไว้ต่อหน้าเรา
 และทุกคนที่บีบบังคับเขา เราจะลงโทษ
21เจ้านายของเขาจะเป็นคนหนึ่งในพวกเขา
 ผู้ครอบครองของเขาจะออกมาจากท่ามกลางเขาเอง
เราจะทำให้ท่านนั้นเข้ามาใกล้ และท่านนั้นจะเข้ามาใกล้เรา
 เพราะใครเล่ากล้าเข้ามาใกล้เราได้เอง
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
22และพวกเจ้าจะเป็นประชากรของเรา
 และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า”
23ดูสิ พายุของพระยาห์เวห์
 พระพิโรธได้ออกไปแล้ว
เป็นพายุหมุน
 จะกวาดไปบนศีรษะของคนอธรรม
24ความกริ้วอันแรงกล้าของพระยาห์เวห์จะไม่หยุดยั้ง
 จนกว่าพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ
ตามพระประสงค์ในพระทัยพระองค์
 ในวาระสุดท้าย พวกเจ้าจะเข้าใจข้อความนี้

เยเรมีย์ 31

พวกเชลยกลับมาด้วยความร่าเริงยินดี

1พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ในครั้งนั้น เราจะเป็นพระเจ้าของทุกตระกูลแห่งอิสราเอลและเขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา”
2พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 “ชนชาติที่รอดตายจากดาบ
ได้รับความโปรดปรานในถิ่นทุรกันดาร  เมื่ออิสราเอลแสวงหาการหยุดพัก
3พระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่เขา ตรัสว่า
 เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์
 เพราะฉะนั้น เราจึงนำเจ้ามาด้วยความรักมั่นคง
4เราจะสร้างเจ้าอีก และเจ้าจะถูกสร้างใหม่
 โอ อิสราเอลพรหมจารี
เจ้าจะหยิบรำมะนาขึ้นมาอีก
 และจะออกไปเต้นรำกับผู้ที่สนุกสนานกัน
5เจ้าจะปลูกสวนองุ่น
 บนภูเขาสะมาเรียอีก
ผู้ปลูกก็จะปลูก
 และใช้ผลนั้น
6เพราะว่าจะมีวันเมื่อคนเฝ้ายามจะร้องเรียก
 อยู่ในเขตแดนเทือกเขาเอฟราอิมว่า
‘จงลุกขึ้น ให้เราไปยังศิโยนเถิด
 ไปเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา’ ”
7เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 “จงร้องเพลงด้วยความยินดีเพื่อยาโคบ
และเปล่งเสียงโห่ร้องท่ามกลางประมุขของบรรดาประชาชาติ
 จงป่าวร้องสรรเสริญ และกล่าวว่า
‘ขอพระยาห์เวห์ทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดเถิด
 คือคนที่เหลืออยู่ของอิสราเอล’
8นี่แน่ะ เราจะนำพวกเขามาจากแดนเหนือ
 และรวบรวมเขาจากส่วนที่ไกลที่สุดของพิภพ
มีคนตาบอด คนขาเขยกอยู่ท่ามกลางเขา
 ผู้หญิงที่มีครรภ์และผู้หญิงที่กำลังจะคลอดบุตรจะมาด้วยกัน
 เขาจะกลับมาที่นี่เป็นหมู่ใหญ่
9เขาจะมาด้วยการร้องไห้
 และเราจะนำเขากลับด้วยการปลอบใจ
เราจะให้เขาเดินข้ามลำธารน้ำ
 ในทางราบซึ่งเขาจะไม่สะดุด เพราะเราเป็นบิดาแก่อิสราเอล
 และเอฟราอิมเป็นบุตรหัวปีของเรา
10“บรรดาประชาชาติเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์
 และจงประกาศพระวจนะนั้นในแผ่นดินชายทะเลที่ห่างออกไป
จงกล่าวว่า ‘พระองค์ผู้ทรงกระจายอิสราเอลนั้นจะรวบรวมเขา
 และจะดูแลเขาอย่างกับผู้เลี้ยงแกะดูแลฝูงแกะของตน’
11เพราะพระยาห์เวห์ทรงไถ่ยาโคบไว้แล้ว
 และได้ไถ่มาจากมือที่แข็งแรงเกินกว่าเขา
12เขาทั้งหลายจะมาร้องเพลงอยู่บนที่สูงแห่งศิโยน
 และเขาจะปลาบปลื้มเพราะสิ่งดีของพระยาห์เวห์
เพราะเมล็ดข้าว เหล้าองุ่น และน้ำมัน
 เพราะลูกแกะและโค
ชีวิตของพวกเขาจะเหมือนกับสวนที่มีน้ำรด
 และเขาจะไม่อ่อนระอาอีกต่อไป
13แล้วพวกหญิงพรหมจารีจะเปรมปรีดิ์ในการเต้นรำ
 ทั้งคนหนุ่มและคนแก่จะรื่นเริง
เราจะกลับความโศกเศร้าของเขาให้เป็นความชื่นบาน
 เราจะปลอบโยนเขาและให้ความยินดีแก่เขาแทนการไว้ทุกข์
14เราจะให้ปุโรหิตอิ่มด้วยความอุดมสมบูรณ์
 และประชากรของเราจะพอใจด้วยสิ่งดีของเรา
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ”

อรรถาธิบาย

ยืนหยัดร่วมกันเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง

คุณไม่ได้อยู่คนเดียว พระเจ้าไม่เคยปรารถนาให้คุณสู้รบเพียงลำพัง พระองค์ทรงเรียกคุณให้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนของประชากรของพระองค์ที่เข้มแข็ง แข็งแรง มีชีวิตชีวา และเติบโตขึ้น คุณสามารถยืนหยัดร่วมกันได้ ไม่เพียงแต่ต่อต้านความถดถอยเท่านั้น แต่ยังก้าวไปข้างหน้าด้วย

เยเรมีย์เตือนผู้คนว่าอย่าถูกหลอกโดยผู้เผยพระวจนะเท็จ ‘พระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับเชไมยาห์ชาวเนเฮลามว่า เพราะว่าเชไมยาห์ได้เผยพระวจนะแก่พวกเจ้าเมื่อเราไม่ได้ใช้เขา และได้ทำให้เจ้าวางใจในคำเท็จ…เขาได้พูดเป็นการกบฏต่อพระยาห์เวห์’ (29:31–32)

ถึงกระนั้น แม้ว่าอิสราเอลจะถดถอย ‘ความผิดของเจ้าก็ใหญ่โต และบาปของเจ้าก็มากมาย’ (30:14) พระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะทรงฟื้นฟูพวกเขา ‘เพราะเราจะคืนสุขภาพดีแก่เจ้าและเราจะรักษาบาดแผลของเจ้าให้หาย… เราจะให้เต็นท์แห่งยาโคบกลับสู่สภาพเดิมและมีความเมตตาในเรื่องที่อาศัยของเขา เขาจะสร้างเมืองนั้นขึ้นใหม่’ (ข้อ 17–18) พระเจ้าทรงสัญญาอย่างน้อยสี่สิ่ง:

1. นมัสการด้วยความชื่นชมยินดี
จะมี ‘เพลงขอบพระคุณออกมาจากที่เหล่านั้น และมีเสียงของผู้ที่รื่นเริง’ (ข้อ 19ก) จะมีเสียงโห่ร้องยินดีว่า ‘เขาทั้งหลายจะมาร้องเพลงอยู่บนที่สูงแห่งศิโยน และเขาจะปลาบปลื้มเพราะสิ่งดีของพระยาห์เวห์...พวกเขาจะเหมือนกับสวนที่มีน้ำรด...และเขาจะไม่อ่อนระอาอีกต่อไป’ (ข้อ 12) ‘เราจะกลับความโศกเศร้าของเขาให้เป็นความชื่นบาน เราจะปลอบโยนเขาและให้ความยินดีแก่เขาแทนการไว้ทุกข์’ (31:13)

2. การเติบโตเชิงตัวเลข
จะมีการเติบโต ‘เราจะทวีเขาขึ้น และเขาจะไม่มีเพียงน้อยคน’ (30:19ข) การเติบโตเชิงตัวเลขเป็นพระพรจากพระเจ้า อธิษฐานเผื่อ วางแผน และเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้

3. ชุมชนที่เข้มแข็ง
‘ชุมนุมของเขาจะได้ถูกสถาปนาไว้’ (ข้อ 20), ‘ชุมชนที่เราภาคภูมิใจ’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) บางสิ่งที่แข็งแกร่งและไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ คุณไม่ได้อยู่พียงลำพัง เราต้องการกันและกันเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกันและทำให้เราสามารถยืนหยัดร่วมกันได้

4. ความเป็นผู้นำที่ดี
ผู้นำจะเป็นคนหนึ่งในพวกเขาเอง ‘ผู้ปกครองของพวกเขาจะมาจากท่ามกลางพวกเขาเอง’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คนที่มีนิมิตเดียวกันและดำเนินในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า ‘เราจะทำให้ท่านนั้นเข้ามาใกล้ และท่านนั้นจะเข้ามาใกล้เรา เพราะใครเล่ากล้าเข้ามาใกล้เราได้เอง’ (ข้อ 21ข) นี่คือความท้าทายสำหรับเราทุกคนทั้งในฐานะบุคคลและในฐานะคริสตจักร จงอุทิศตัวเพื่อใกล้ชิดพระเจ้า

พระเจ้ารักคุณด้วย ‘ความรักนิรันดร์’ (31:3) พระเจ้าตรัสกับประชาชนของพระองค์ว่า ‘เราไม่เคยเลิกรักเจ้าและจะไม่หยุดรักเจ้า จงคาดหวังความรัก และความรักที่มากขึ้น!’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์สัญญาว่าจะสร้างใหม่และฟื้นฟู (ข้อ 4) พระองค์ ‘จะดูแลเขาอย่างกับผู้เลี้ยงแกะ’ เพราะพระยาห์เวห์ทรงไถ่ยาโคบไว้แล้วและได้ไถ่มาจากมือที่แข็งแรงเกินกว่าเขา (ข้อ 10–11)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าให้พวกข้าพระองค์นั้นถดถอยไป แต่จะยืนหยัดจนถึงที่สุดด้วยความยินดีและขอบพระคุณ ขอให้ความรักและจำนวนของพวกข้าพระองค์นั้นเพิ่มขึ้น วันนี้ข้าพระองค์ขออุทิศตัวเพื่อจะอยู่ใกล้ชิดพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สดุดี 119:35

‘ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในทางแห่งพระบัญญัติของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ยินดีในทางนั้น’

คำว่า ยินดี เป็นคำที่วิเศษมาก ฉันไม่คิดว่าจะพบ ‘ความยินดี’ และ ‘การเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า’ ในประโยคเดียวกัน

ข้อพระคำประจำวัน

เยเรมีย์ 30:17

‘เพราะเราจะคืนสุขภาพดีแก่เจ้า และเราจะรักษาบาดแผลของเจ้าให้หาย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม