วัน 281

ถวายพระเกียรติในความพ่ายแพ้

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 118:17-29
พันธสัญญาใหม่ โคโลสี 4:2-18
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 16:1-17:27

เกริ่นนำ

ผมจะไม่ลืมบทสนทนากับคุณพ่อรานีโร แคนตาลาเมซซ่า นักบวชคณะฟรานซิสกัน และนักเทศน์ประจำครัวเรือนองค์สมเด็จพระสันตะปาปา ท่านกำลังจะเข้าร่วมการอภิปรายสาธารณะกับหนึ่งใน ‘ผู้ต่อต้านพระเจ้ายุคใหม่’ ในอิตาลี

ผมถามท่านว่า ท่านคิดว่า ท่านจะชนะการอภิปรายไหม ท่านตอบว่าท่านก็ไม่ทราบ ท่านอาจจะแพ้ ‘แต่’ ท่านเสริมว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าสามารถได้รับพระเกียรติในความพ่ายแพ้นั้น

พระเยซูทรงคว่ำโลก พระองค์ทรงกลับด้านค่านิยมของโลกนี้ที่สำคัญที่สุดอยู่บนไม้กางเขน พระเยซูทรงคว่ำโลกนี้แล้ว และในการกระทำที่อัปยศอดสูและความพ่ายแพ้ที่เห็นได้ชัด พระองค์ได้ทรงนำชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จักมา

กล่าวกันว่า สาวกของพระองค์เป็นพวก ‘คว่ำโลก’ (กิจการอัครทูต 17:6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก New Revised Standard Version โดยผู้แปล) ในแต่ละตอนของพระธรรมในวันนี้ เราจะได้เห็นว่าควรทำอย่างไร และองค์พระผู้เป็นเจ้าสามารถได้รับเกียรติอย่างไรในความพ่ายแพ้

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 118:17-29

17ข้าพเจ้าจะไม่ตาย แต่ข้าพเจ้าจะเป็นอยู่
 และประกาศพระราชกิจของพระยาห์เวห์
18พระยาห์เวห์ทรงตีสอนข้าพเจ้าอย่างหนัก
 แต่พระองค์ไม่ทรงมอบข้าพเจ้าไว้กับความตาย
19ขอเปิดประตูความชอบธรรมให้ข้าพเจ้า
 ข้าพเจ้าจะเข้าประตูนั้น
 ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณพระยาห์เวห์
20นี่คือประตูของพระยาห์เวห์
 คนชอบธรรมจะเข้าไปทางนี้
21ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ เพราะพระองค์ทรงตอบข้าพระองค์
 และทรงเป็นความรอดของข้าพระองค์
22ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทอดทิ้งเสีย
 ได้เป็นศิลามุมเอกแล้ว
23การนี้เป็นมาจากพระยาห์เวห์
 เป็นสิ่งอัศจรรย์ในสายตาเรา
24วันนี้เป็นวันที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสร้าง
 ให้เราเปรมปรีดิ์และยินดีในวันนั้น
25ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอดเถิด
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด
26ขอท่านผู้เข้ามาในพระนามของพระยาห์เวห์ จงได้รับพระพร
 เราอวยพรพวกท่านจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์
27พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า
 และพระองค์ประทานความสว่างแก่เรา
จงเริ่มเทศกาลเลี้ยงด้วยกิ่งไม้
 ไปถึงเชิงงอนของแท่นบูชา
28พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์
 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์
29จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ประเสริฐ
 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์

อรรถาธิบาย

พระเจ้าทรงสามารถนำความสำเร็จออกจากความล้มเหลวที่เห็นได้ชัด

เมื่อผมมองย้อนไปในชีวิตตัวเอง พระเจ้าดูเหมือนได้ทรงใช้ความยากลำบาก และความพ่ายแพ้มากกว่าความสำเร็จที่มองเห็นได้ชัด

ชัดเจนว่าผู้เขียนสดุดีได้ผ่านช่วงเวลายากลำบาก เขาเขียนว่า ‘พระเจ้าทรงทดสอบข้าพเจ้า พระองค์ทรงกดดันข้าพเจ้าอย่างหนัก’ (ข้อ 18ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) กระนั้นเขาก็ยังเต็มไปด้วยการขอบพระคุณ สรรเสริญ และเปรมปรีดิ์: ‘ข้าพเจ้า​จะ​… ขอบพระคุณ พระเจ้า’ (ข้อ 19) ‘วันนี้เป็นวันที่พระเจ้า ได้ทรงสร้างให้เราเปรมปรีดิ์และยินดี ในวันนั้น’ (ข้อ 24)

ผู้เขียนเต็มไปด้วยการขอบพระคุณเพราะว่าเขาได้เห็นว่าพระเจ้าทรงสามารถนำความสำเร็จออกมาจากความพ่ายแพ้ได้อย่างชัดเจน เขาเขียนว่า ‘ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทิ้งเสีย ได้กลายมาเป็นศิลามุมเอกแล้ว’ (ข้อ 22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

พระเยซูทรงเป็นตัวอย่างที่เยี่ยมยอดที่สุดของการที่พระเจ้าทรงนำเอาความสำเร็จออกมาจากความพ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัด พระองค์ทรงเป็นศิลาที่ช่างก่อทอดทิ้ง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นศิลามุมเอกแห่งคริสตจักร พระเยซูทรงยกข้อพระคำนี้ในสดุดี 118 เพื่ออ้างถึงพระองค์เอง (มาระโก 12:10) เปโตรก็ยกมาประยุกต์ใช้ด้วยเช่นกัน (1 เปโตร 2) ชี้ให้เห็นว่า พระเยซูนั้นทรงเป็น ‘พระ​ศิลา​ที่​มีชีวิต ที่แม้ถูกมนุษย์​ปฏิเสธ​แล้ว แต่กลับ​​เป็น​ศิลา​ที่​ทรง​เลือก​สรร’ (ข้อ 4) บัดนี้พระเยซูทรงเป็นศิลามุมเอกซึ่งทั้งคริสตจักรได้พึ่งพิง

จงตอบสนองเหมือนกับผู้เขียนสดุดี: ‘จงขอบพระคุณพระเจ้าเพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์’ (สดุดี 118:29)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับวิธีซึ่งพระองค์ทรงนำเอาความสำเร็จออกจากความพ่ายแพ้ที่เห็นได้ชัดเจน ‘พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์’ (ข้อ 28)
พันธสัญญาใหม่

โคโลสี 4:2-18

การตักเตือน

 2จงอุทิศตัวในการอธิษฐาน จงเฝ้าระวังในเรื่องนี้ด้วยการขอบพระคุณ 3และอธิษฐานเผื่อเราด้วย เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงเปิดประตูให้เราสำหรับพระวจนะนั้น คือให้กล่าวความล้ำลึกของพระคริสต์ (ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่ก็เพราะเหตุนี้) 4เพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้ชี้แจงเรื่องนี้ตามที่ข้าพเจ้าควรจะกล่าวนั้น
 5จงปฏิบัติต่อคนภายนอกด้วยสติปัญญา โดยใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ 6จงให้ถ้อยคำของท่านทั้งหลายประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้ว่าควรจะตอบแต่ละคนอย่างไร

คำทักทายสุดท้าย

 7ทีคิกัส ผู้เป็นพี่น้องที่รัก เป็นผู้ปรนนิบัติที่ซื่อสัตย์ และเป็นเพื่อนร่วมงานในองค์พระผู้เป็นเจ้า จะบอกให้พวกท่านทราบถึงเรื่องทั้งหมดของข้าพเจ้า 8ข้าพเจ้าส่งเขาไปหาท่านก็เพราะเหตุนี้ คือเพื่อให้พวกท่านทราบความเป็นอยู่ของเรา และเพื่อให้เขาหนุนใจพวกท่าน 9โอเนสิมัส ผู้เป็นพี่น้องที่รักและซื่อสัตย์ซึ่งเป็นคนหนึ่งในพวกท่านก็จะไปด้วย เขาทั้งสองจะเล่าให้ท่านทราบถึงเรื่องทั้งหมดของที่นี่
 10อาริสทารคัส ผู้ที่ถูกขังร่วมกับข้าพเจ้า ฝากคำทักทายมายังพวกท่าน มาระโกซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของบารนาบัสก็ฝากคำทักทายเช่นกัน (ท่านทั้งหลายได้รับคำสั่งเกี่ยวกับเขาแล้ว ถ้าเขามาหาท่าน จงต้อนรับเขาไว้) 11เยซูผู้มีอีกชื่อหนึ่งว่ายุสทัสก็ฝากคำทักทายมาด้วย ในบรรดาผู้ร่วมงานของข้าพเจ้าเพื่อแผ่นดินของพระเจ้า คนพวกนี้เท่านั้นที่เข้าสุหนัต และพวกเขาเป็นผู้ชูใจข้าพเจ้า 12เอปาฟรัส ซึ่งเป็นคนหนึ่งในท่านและเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ ก็ฝากคำทักทายมายังพวกท่านเช่นกัน เขาเพียรพยายามอธิษฐานเผื่อท่านอยู่เสมอ เพื่อว่าพวกท่านจะมั่นคง เป็นผู้ใหญ่และมีความมั่นใจในพระประสงค์ของพระเจ้าทั้งหมด 13ข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่าเขาทำงานหนักมากเพื่อท่านทั้งหลาย เพื่อบรรดาคนที่อยู่ในเมืองเลาดีเซียและเมืองฮีเอราบุรี 14ลูกา แพทย์ที่รัก กับเดมา ก็ฝากคำทักทายมายังพวกท่าน 15ขอให้ท่านช่วยฝากคำทักทายไปยังพี่น้องที่อยู่ในเมืองเลาดีเซีย ไปยังนางนุมฟา และคริสตจักรที่อยู่ในบ้านของนางด้วย 16และเมื่อท่านทั้งหลายอ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว ก็จงส่งให้คริสตจักรที่อยู่ในเมืองเลาดีเซียได้อ่านด้วย และจดหมายที่มาจากเมืองเลาดีเซียฉบับนั้น ก็จงอ่านด้วย 17และจงบอกอารคิปปัสว่า “งานปรนนิบัติที่เขารับไว้ในองค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จงตั้งใจทำให้สำเร็จ”
 18คำทักทายนี้เป็นลายมือของข้าพเจ้าเปาโล ขอให้ท่านระลึกถึงโซ่ตรวนของข้าพเจ้า ขอให้พระคุณดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย

อรรถาธิบาย

พระเจ้าสามารถใช้คุณแม้เป็นสถานการณ์ของคุณเอง

บ่อยครั้ง ที่เราวอกแวกไปด้วยคำว่า ‘ถ้าเพียง’ หลายครั้ง ถ้าเพียงเราได้แต่งงาน ถ้าเพียงเราไม่แต่งงานผิดคน ถ้าเพียงเราได้งานที่เหมาะสม ถ้าเพียงเราไม่จำเป็นต้องไปทำงานนั้น ถ้าเพียงเรามีลูก ถ้าเพียงเราไม่ได้มีลูกมากขนาดนี้ ถ้าเพียงเราได้อยู่ในที่ที่เหมาะสม… แต่พระเจ้าทรงใช้เปาโลแม้อยู่ในสถานการณ์ของท่าน และทรงใช้แม้กระทั่งอยู่ในสถานการณ์เหล่านั้น!

เปาโลเขียนว่า ‘จงใช้ทุกโอกาสให้เกิดประโยชน์สูงสุด’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เราทุกคนไม่สามารถ ‘ประสบความสำเร็จ’ ได้ แต่เราทุกคนสามารถทำดีที่สุดในทุกสถานการณ์ที่เราพบว่าตัวเองเผชิญอยู่ได้ เปาโลเขียนว่า พวกเขากำลังจะบอก​อารคิปปัสว่า ‘ทำให้ดีที่สุดในงาน​ซึ่ง​ท่าน​ได้รับ​จากองค์พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​นั้น จง​ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลนั้นได้รับของประทานพิเศษ ท่านมีข้อความสำคัญยิ่งที่จะประกาศแก่ชาวโลก ท่านอาจคาดหวังว่าพระเจ้าจะวางท่านไว้ในตำแหน่งแห่งสิทธิอำนาจและทรงอำนาจ เพื่อท่านจะใช้ของประทานของท่านอย่างดีที่สุดในการประกาศข่าวประเสริฐ

อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงอนุญาตให้ท่านจบลงที่ในเรือนจำ ท่านทิ้งท้ายในจดหมายว่า ‘ขอ​ท่าน​จง​ระลึก​ว่าข้าพเจ้ายังอยู่ใน เรือนจำ และอยู่ใน โซ่​ตรวน​’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) กระนั้น พระเจ้าทรงได้รับเกียรติในความพ่ายแพ้ที่เห็นได้ชัดของท่าน พระเจ้าทรงพลิกสถานการณ์ของเปาโลให้กลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ เกือบ 2,000 ปีให้หลัง คุณยังคงอ่านถ้อยคำที่เปาโลเขียนในขณะที่ท่านอยู่ในเรือนจำ พระเจ้าทรงใช้ถ้อยคำของท่านเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้

ถ้อยคำของคุณนั้นทรงพลัง เปาโลเขียนว่า ‘จง​ให้​วาจา​ของ​ท่าน​ประกอบด้วย​เมตตา​คุณ​เสมอ (รื่นรมย์และมีเสน่ห์) [เสมือนว่า] ปรุง​ด้วย​เกลือ​ให้​มี​รส [เพื่อท่านจะได้ไม่สูญเสีย] เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​รู้จัก​ตอบ​ให้​จุ​ใจ​แก่​ทุก​คน [ผู้ตั้งคำถามกับท่าน]’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นเจ้าภาพในอัลฟ่า ให้อธิษฐานขอสติปัญญาเพื่อจะทราบว่าเมื่อไหร่ควรจะพูด พูดอะไร และพูดออกไปอย่างไร

พระเจ้ายังทรงใช้คำอธิษฐานของเปาโลเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก นี่เป็นความท้าทายอีกอย่างต่อสิทธิอำนาจของเรา ท่านเขียนว่า ‘จงขะมักเขม้นอธิษฐาน’ (ข้อ 2) โลกพิจารณาว่าการอธิษฐานเป็นเรื่องเสียเวลาไปเปล่า ๆ แต่เปาโลมองว่าการอธิษฐานเป็นความสำคัญสูงสุดในชีวิตของเรา ท่านยกย่องเอปาฟรัส เพราะว่าเขา ‘เพียรพยายามอธิษฐานเผื่อท่านอยู่เสมอ เพื่อว่าพวก​ท่านจะมั่นคง เป็น​ผู้ใหญ่ และ​มีความมั่นใจในพระประสงค์ของพระเจ้าทั้งหมด’ (ข้อ 12)

ท่านอยากให้ผู้อ่านของท่านอธิษฐาน ว่า ‘อธิษฐานเผื่อเราเพื่อว่าพระเจ้าจะทรงเปิดประตูให้เราสำหรับพระวจนะนั้น คือให้กล่าวความล้ำลึกของพระคริสต์ (ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่ก็เพราะเหตุนี้) เพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้ชี้แจงเรื่องนี้ตามที่ข้าพเจ้าควรจะกล่าวนั้น’ (ข้อ 3–4)

นี่เป็นอีกความท้าทายหนึ่งต่อลำดับความสำคัญของเรา เปาโลไม่ได้อยากให้พวกเขาอธิษฐานเผื่อคนกลุ่มใหญ่ที่จะมาและฟังเขา เขากลับอธิษฐานว่า ขอให้ตนเองประกาศข่าวประเสริฐได้อย่างชัดเจน

เปาโลไม่ได้อยากให้พวกเขาอธิษฐานเพื่อเปิดประตูเรือนจำให้ แต่เปิดประตูแก่ข่าวประเสริฐที่จะถูกประกาศออกไป แทนที่จะมองไปในอนาคตว่า คุณอาจอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่านี้เพื่อรับใช้พระเจ้า จงจดจ่อว่าคุณจะรับใช้พระเจ้าได้อย่างไรในปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้จัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง เพื่อขะมักเขม้นอธิษฐาน และประกาศข่าวประเสริฐไม่ว่าสถานการณ์ของข้าพระองค์จะเป็นอย่างไรก็ตาม ขอทรงประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในวันนี้ ให้ทราบว่าเมื่อไหร่ควรจะพูด พูดอะไร และพูดออกไปอย่างไร
พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 16:1-17:27

ชีวิตโสดและถ้อยคำของเยเรมีย์

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 2“เจ้าอย่ามีภรรยา เจ้าอย่ามีบุตรชายหรือบุตรหญิงที่นี่ 3เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้เรื่องบุตรชายและบุตรหญิงที่เกิดที่นี่ และเรื่องพวกมารดาที่คลอดบุตรเหล่านั้น และพวกบิดาที่ให้กำเนิดคนเหล่านั้นในแผ่นดินนี้ว่า 4เขาทั้งหลายจะตายด้วยโรคร้าย จะไม่มีการคร่ำครวญอาลัยเขา และจะไม่มีใครจัดการฝังเขา เขาจะเป็นเหมือนมูลสัตว์ ที่อยู่บนพื้นแผ่นดิน เขาทั้งหลายจะพินาศด้วยดาบและการกันดารอาหาร และศพของเขาจะเป็นอาหารของนกในอากาศและสัตว์บนแผ่นดินโลก
 5“เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า อย่าเข้าไปในเรือนที่โศกเศร้า หรือไปคร่ำครวญ หรือไปเสียใจด้วย เพราะเราได้เอาพรสวัสดิภาพของเราไปจากชนชาตินี้แล้ว พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ ทั้งความรักมั่นคงและความกรุณาของเรา 6ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยจะตายในแผ่นดินนี้ จะไม่มีใครจัดการฝังเขา ไม่มีใครมาคร่ำครวญอาลัยเขา หรือมากรีดตัว หรือมาโกนศีรษะเพื่อเขา 7ไม่มีใครหักขนมปังให้แก่คนไว้ทุกข์ เพื่อจะปลอบโยนเขา เรื่องคนที่ตายนั้น และไม่มีใครมอบถ้วยแห่งการปลอบใจให้เขาดื่มเพื่อบิดาหรือมารดาของเขา 8เจ้าอย่าเข้าไปนั่งกินและดื่มกับเขาในบ้านที่มีการเลี้ยง 9เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะทำให้เสียงบันเทิงและเสียงรื่นเริง เสียงเจ้าบ่าวและเสียงเจ้าสาวขาดไปจากสถานที่นี้ ต่อหน้าต่อตาของพวกเจ้าและในวันของเจ้า
 10“เมื่อเจ้าบอกถ้อยคำเหล่านี้แก่ชนชาตินี้ และเขาทั้งหลายพูดกับเจ้าว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์จึงทรงประกาศโทษใหญ่ยิ่งทั้งสิ้นนี้ให้ตกแก่เรา? ความผิดบาปของเราคืออะไร? เราได้ทำบาปอะไรต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราเล่า?’ 11แล้วเจ้าจงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสว่า เพราะบรรพบุรุษของเจ้าได้ละทิ้งเรา และได้ไปติดตามพระอื่นๆ และได้ปรนนิบัติ และนมัสการพระเหล่านั้น และได้ละทิ้งเรา และไม่ได้รักษาธรรมบัญญัติของเรา 12และเพราะพวกเจ้าได้ทำชั่วเสียยิ่งกว่าบรรพบุรุษของเจ้า เพราะดูสิ เจ้าทุกคนได้ติดตามเจตนาชั่วร้ายดื้อดึงของตนเอง ปฏิเสธไม่ยอมฟังเรา 13เพราะฉะนั้น เราจะเหวี่ยงเจ้าออกเสียจากแผ่นดินนี้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเจ้าหรือบรรพบุรุษของเจ้าไม่รู้จักและที่นั่นเจ้าจะปรนนิบัติพระอื่นๆ ทั้งกลางวันและกลางคืนเพราะเราจะไม่สำแดงความกรุณาแก่เจ้าเลย’

พระเจ้าจะทรงบูรณะอิสราเอล

14“พระยาห์เวห์ตรัสว่า เพราะฉะนั้น นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อไม่มีใครกล่าวต่อไปอีกว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงนำประชาชนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ 15แต่จะพูดว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงนำประชาชนอิสราเอลออกมาจากแดนเหนือและออกมาจากบรรดาประเทศ ซึ่งพระองค์ได้ทรงขับไล่เขาให้ไปอยู่นั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ เพราะเราจะนำพวกเขากลับมาสู่แผ่นดินของเขาเอง ซึ่งเราได้ยกให้บรรพบุรุษของเขาแล้วนั้น
 16“พระยาห์เวห์ตรัสว่า นี่แน่ะ เราจะส่งชาวประมงมาเป็นจำนวนมาก และพวกเขาจะจับเขาทั้งหลาย ภายหลังเราจะให้เขาส่งพรานจำนวนมากมา พรานจะล่าเขาทั้งหลายตามภูเขาทุกแห่งและตามเนินเขาทุกลูกและตามซอกหิน 17เพราะว่าเรามองดูทางทั้งสิ้นของพวกเขา ซึ่งจะปิดบังไว้จากเราไม่ได้ และความผิดบาปของพวกเขาซึ่งจะซ่อนพ้นตาเราไม่ได้ 18และเราจะทบการตอบสนองความผิดบาปและบาปของเขาเป็นสองเท่า เพราะเขาได้ทำให้แผ่นดินของเรามลทินไปด้วยซากของสิ่งน่าสะอิดสะเอียน และทำให้มรดกของเราเต็มไปด้วยสิ่งน่าเกลียดน่าชังของพวกเขา”

19ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระกำลังและที่กำบังเข้มแข็งของข้าพระองค์
 ที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ในวันยากลำบาก
บรรดาประชาชาติจะมาเฝ้าพระองค์
 จากที่สุดปลายแผ่นดินโลก และทูลว่า
“บรรพบุรุษของเราไม่ได้รับมรดกใดใด นอกจากสิ่งมุสา
 คือสิ่งไร้ค่าซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร
20มนุษย์จะสร้างพระไว้สำหรับตนเองได้หรือ?
 สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่พระ”

 21“เพราะฉะนั้น นี่แน่ะ ครั้งนี้เราจะทำให้เขารู้จัก เราจะทำให้เขารู้จักฤทธิ์เดชและฤทธานุภาพของเรา และเขาทั้งหลายจะรู้ว่านามของเราคือยาห์เวห์”

เยเรมีย์ 17

บาปของยูดาห์และการลงโทษ

 1“บาปของยูดาห์นั้นบันทึกไว้ด้วยปากกาเหล็ก ด้วยปลายเพชรจารึกไว้บนแผ่นแห่งจิตใจของเขาและบนเชิงงอนที่แท่นบูชาของเขาทั้งหลาย 2บุตรหลานของเขาก็ระลึกถึงแท่นบูชาและอาเช-ราห์ทั้งหลายของเขาข้างต้นไม้เขียวสดทุกต้นและบนเนินเขาสูง 3บนภูเขาที่อยู่กลางทุ่ง เราจะให้ทรัพย์สินและสมบัติทั้งสิ้นของเจ้าเป็นของริบ และปูชนียสถานสูงแห่งบาปของเจ้าตลอดทั่วแผ่นดินของเจ้า 4โดยการกระทำของเจ้าเอง เจ้าจะต้องสละมรดกซึ่งเราได้ยกให้แก่เจ้า และเราจะทำให้เจ้าปรนนิบัติศัตรูของเจ้าในแผ่นดินซึ่งเจ้าไม่รู้จัก เพราะเจ้าได้จุดไฟความโกรธของเราขึ้นซึ่งจะไหม้อยู่เป็นนิตย์”

5พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 “คนที่วางใจในมนุษย์
และให้เนื้อหนังเป็นกำลังของเขา
 และใจของเขาหันออกจากพระยาห์เวห์
 คนนั้นก็เป็นที่แช่งสาป
6เขาเป็นเหมือนพุ่มไม้ที่อยู่ในทะเลทราย
 และจะไม่เห็นสิ่งดีที่มาถึง
เขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่แตกระแหงในถิ่นทุรกันดาร
 ในแผ่นดินเค็มที่ไม่มีคนอาศัย
7“คนที่วางใจในพระยาห์เวห์ย่อมได้รับพระพร
 คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระยาห์เวห์
8เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมนำ้
 ซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ
เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว
 เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ
และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง
 เพราะมันไม่หยุดที่จะเกิดผล”
9จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด
 มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว
 ใครจะรู้จักใจนั้นเล่า?
10“เราคือพระยาห์เวห์ตรวจค้นดูจิต
 และทดสอบดูใจ เพื่อให้แก่ทุกคนตามพฤติการณ์ของเขา
 ตามผลแห่งการกระทำของเขา”
11เหมือนนกกระทาที่ฟักไข่ซึ่งมันไม่ได้ออกเอง
 คนที่ได้ความมั่งมีมาอย่างไม่เป็นธรรมก็เช่นกัน
พอถึงวัยกลางคน มันก็พรากจากเขาไป
 และในตอนปลายของเขา เขาจะเป็นคนโฉดเขลา
12ที่ตั้งแห่งสถานนมัสการของเราทั้งหลาย
 เป็นพระที่นั่งรุ่งเรืองซึ่งตั้งอยู่สูงตั้งแต่เดิมนั้น
13ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความหวังแห่งอิสราเอล
 บรรดาคนเหล่านั้นที่ละทิ้งพระองค์จะต้องอับอาย
บรรดาคนทั้งปวงในแผ่นดินที่หันไปจากเรา จะต้องถูกจารึกไว้
 เพราะเขาได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตเสีย

เยเรมีย์อธิษฐานขอการช่วยกู้

14ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงรักษาข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะได้รับการรักษา
 ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด ข้าพระองค์จึงจะรอดได้
 เพราะพระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของข้าพระองค์
15ดูสิ เขาทั้งหลายพูดกับข้าพระองค์ว่า
 “พระวจนะของพระยาห์เวห์อยู่ที่ไหน?
 ขอให้มาเถิด”
16ข้าพระองค์ไม่ได้รีบหนีไปจากการเป็นผู้เลี้ยงที่ติดตามพระองค์
 ข้าพระองค์ไม่ประสงค์วันแห่งความหายนะ
พระองค์ทรงทราบถึงสิ่งซึ่งออกมาจากริมฝีปากของข้าพระองค์
 มันอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์
17ขออย่าทรงเป็นเหตุให้ข้าพระองค์หวาดกลัว
 พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ในวันร้าย
18ขอให้ผู้ที่ข่มเหงข้าพระองค์ต้องอับอาย
 แต่ขออย่าให้ข้าพระองค์ต้องอับอาย
ขอให้เขาครั่นคร้าม
 แต่อย่าให้ข้าพระองค์ครั่นคร้าม
ขอทรงนำวันร้ายมาตกเหนือเขา
 ขอทรงทำลายเขาด้วยการทำลายซับซ้อน
 รักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์
19พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงไปยืนในประตูประชาชน ซึ่งบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์เสด็จเข้าและเสด็จออก และในประตูทั้งหลายของเยรูซาเล็ม 20และกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ ท่านทั้งหลายผู้เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ และบรรดาคนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มทั้งสิ้น ผู้ซึ่งเข้าทางประตูเหล่านี้ 21พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า จงระวังเพื่อเห็นแก่ชีวิตของพวกเจ้า อย่าได้หาบหามอะไรในวันสะบาโต หรือนำของนั้นเข้าทางบรรดาประตูเยรูซาเล็ม 22และอย่าหาบหามของของเจ้าออกจากบ้านในวันสะบาโต หรือทำงานใดๆ แต่จงรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ดังที่เราได้บัญชาบรรพบุรุษของเจ้าไว้ 23แต่พวกเขาก็ไม่ฟังหรือเงี่ยหูฟัง แต่ทำคอของเขาให้แข็ง เพื่อจะไม่ได้ยินและไม่รับคำตักเตือน’
 24“พระยาห์เวห์ตรัสว่า ถ้าพวกเจ้าเชื่อฟังเรา และไม่นำภาระใดๆ เข้ามาทางประตูเมืองนี้ในวันสะบาโต แต่รักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ และไม่ทำงานในวันนั้น 25แล้วจะมีบรรดากษัตริย์ผู้ประทับบนบัลลังก์ของดาวิดและเจ้านาย เสด็จเข้าทางประตูทั้งหลายของเมืองนี้ โดยรถรบและม้า ทั้งบรรดากษัตริย์และเจ้านาย ทั้งคนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม และเมืองนี้จะมีคนอาศัยอยู่เป็นนิตย์ 26และประชาชนจะมาจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์และจากที่ซึ่งอยู่รอบเยรูซาเล็ม จากแผ่นดินเบนยามิน จากเนินเชเฟลาห์ จากเมืองเทือกเขา และจากเนเกบเมืองทางใต้นำเอาเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และเครื่องสัตวบูชา เครื่องธัญบูชาและกำยาน และนำเครื่องบูชาขอบพระคุณมายังนิเวศของพระยาห์เวห์ 27แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายไม่ฟังเราที่จะรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ และที่จะไม่แบกภาระเข้าทางประตูทั้งหลายของเยรูซาเล็มในวันสะบาโต แล้วเราจะก่อไฟไว้ในประตูเมืองเหล่านั้น และไฟนั้นจะเผาผลาญราชวังทั้งหลายของเยรูซาเล็ม และจะดับก็ไม่ได้”

อรรถาธิบาย

พระเจ้าทรงสามารถทำ ‘ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด’ ให้เป็น ‘ช่วงเวลาที่ดีที่สุด’

‘เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด’ นี่เป็นถ้อยคำเปิดตัวของ นิยายแห่งสองนคร - A Tale of Two Cities (1859) ของชาร์ลส ดิคเก้นส์ ซึ่งเกิดขึ้นในกรุงลอนดอน และกรุงปารีส ก่อนและระหว่างการปฎิ-วัติในฝรั่งเศส

อีกครั้งเราได้เห็นว่าพระเจ้าทรงสามารถได้รับเกียรติผ่านทางความพ่ายแพ้ที่เห็นได้ชัด ‘ปีที่แห้งแล้ง’ สามารถกลายเป็น ‘ปีที่เกิดผล’ (17:8) ช่วงเวลาเลวร้ายสามารถเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับคริสตจักร ข่าวดีสามารถฉายแสงได้กระจ่างจ้ายิ่งกว่าเดิมเมื่อสังคมมืดมนลงกว่าเดิม

ดังเช่นที่พระเจ้าทรงใช้เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลก การตรึงพระบุตรของพระเจ้า และทรงใช้เพื่อความรอดของโลก พระเจ้าทรงสามารถใช้โรคระบาดร้ายแรงเหมือนกับ โควิด – 19 และใช้สิ่งนี้เพื่อการดี แม้ว่าประตูของคริสตจักรอาจต้องถูกปิดลง แต่คริสตจักรยังคงเปิดอยู่ และได้เบ่งบานเติบโตในทั้งการเข้าร่วมแบบออนไลน์และการได้อยู่ในชุมชน รวมถึงการเหยียดออกไปหาผู้ที่ขัดสน นี่เป็นเวลาสำหรับเราที่จะขยายอาณาจักรและก้าวออกไป ไม่ใช่การถอยทัพ ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสามารถกลายเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดได้

บางสิ่งเช่นนี้อยู่ในพระธรรมตอนนี้ เยเรมีย์ยังคงเตือนต่อไปเรื่องการพิพากษาที่จะมาถึง เพราะว่าประชาชนได้ติดตาม​เจตนา​ชั่ว​ร้าย​ดื้อ​ดึง​ของ​ตนเอง ปฏิเสธไม่ยอมฟังพระเจ้า (16:12) ท่านเตือนเราต่ออันตรายของการล่อลวงตนเอง: ‘จิตใจ​ก็​เป็น​ตัว​ล่อลวง​เหนือกว่า​สิ่ง​ใด​ทั้งหมด’ (17:9)

เราสามารถล่อลวงตนเองได้อย่างง่ายดาย หากเราอยากได้อะไรบางอย่าง ความคิดของเราสามารถนำเสนอเหตุผลร้อยแปดว่าทำไมเราควรต้องมีมัน เราสามารถทำให้ตัวเองชอบธรรมได้อย่างง่ายดายแม้เมื่อเราทำผิดอยู่ก็ตาม

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ท่านจำเป็นต้องติดสนิทอยู่กับพระเจ้า (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สำรวจตัวเองอย่างต่อเนื่องด้วยพระวจนะของพระเจ้า และสติปัญญาแห่งชุมชนคริสเตียน หรือคุณอาจวางใจในสิ่งอื่น ๆ และจบลงด้วยการอยู่ผิดที่ พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘คน​ที่​วางใจ​ใน​มนุษย์ และ​ให้​เนื้อ​หนัง​เป็น​กำลังของเขา และ​ใจของเขาหัน​ออก​จากพระเจ้า คน​นั้น​ก็​เป็น​ที่​แช่ง​สาป’ (ข้อ 5)

ในทางกลับกัน ท่านกล่าวว่า ‘คน​ที่​ วางใจ​ในพระเจ้าย่อม​ได้รับ​พระ​พร คือ​ผู้​ที่​ความ​วางใจ​ของ​เขา​อยู่​ในพระเจ้า เขา​เป็น​เหมือน​ต้นไม้​ที่​ปลูก​ไว้​ริมน้ำ ซึ่ง​หยั่ง​ราก​ของ​มัน​ออกไป​ข้าง​ลำ​น้ำ เมื่อ แดด​ส่อง​มาถึง​ก็​ไม่​กลัว เพราะ​ใบ​ของ​มัน​คง​เขียว​อยู่​เสมอ และ​ไม่​ กระวน​กระวาย ​ใน​ปี​ที่​แห้ง​แล้ง เพราะ​มัน​ไม่​หยุด​ที่​จะ​เกิด​ผล’ (ข้อ 7–8)

อีกครั้ง ที่พระเจ้าทรงกลับด้านสิ่งต่าง ๆ ‘เมื่อแดดส่องมาถึง’ เราคงคาดว่าใบไม้จะแห้งเหี่ยว และกลายเป็นสีน้ำตาล กระนั้นเนื่องจากต้นไม้ปลูกไว้ข้างลำน้ำ มันจึงส่งรากไปถึงธารน้ำ และทำให้ใบเขียวสดอยู่เสมอ ผู้เขียนสดุดีเชื่อมโยงสิ่งนี้เข้ากับผู้ที่วางใจในพระเจ้า ผู้ซึ่งเชื่อมั่นในพระองค์ คนที่ไม่เคยกลัว หรือกระวนกระวายเมื่อแดดส่องมาถึง

มีหลายช่วงเวลาในชีวิตคุณที่เมื่อ ‘ความร้อน (แดด)’ แรงกล้าขึ้น คุณถูกทดสอบโดยสถานการณ์ยากลำบากและความท้าทาย หากคุณอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า วางใจในพระองค์ พระเจ้าทรงสามารถกลับด้านสิ่งต่าง ๆ ได้ ‘คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า’ (ข้อ 7)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซูคริสต์เจ้า พระองค์ทรงนำเอาความสำเร็จออกมาจากความพ่ายแพ้ที่เห็นได้ชัด ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์สามารถวางใจในพระองค์แม้เมื่อสถานการณ์ดูเหมือนจะยากลำบาก ในวันนี้ข้าพระองค์ขอเชื่อมั่นและไว้วางใจในพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

เยเรมีย์ 17:7

‘… คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า’

ความวางใจ คือ การสามารถที่จะวางมือ และมอบตัวเราเอง หรือสถานการณ์ ไว้กับพระเจ้าโดยไม่ยึดไว้ เป็นเหมือนลูกน้อยในอ้อมแขนของพ่อแม่ ไม่สงสัยแม้แต่น้อยว่าพวกเขาปลอดภัยแล้ว

ข้อพระคำประจำวัน

เยเรมีย์ 17:7

‘… คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม