วัน 276

หลักการแห่งความพึงพอใจ

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 24:5-14
พันธสัญญาใหม่ ฟีลิปปี 4:2-23
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 6:1-7:29

เกริ่นนำ

ผมได้คุยกับเพื่อนที่ไม่เป็นคริสเตียน เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์และน่าพูดคุยด้วย เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและทำเงินได้มากมาย เขามีภรรยาที่แสนวิเศษ มีชีวิตสมรสและครอบครัวที่ดี แต่เขากลับรู้สึกถึงชีวิตที่ว่างเปล่า ขาดสันติสุขและความพึงพอใจ

เบนจามิน แฟรงคลิน รัฐบุรุษชาวอเมริกัน กล่าวว่า 'ความพึงพอใจทำให้คนจนกลับร่ำรวย ความไม่พึงพอใจทำให้คนรวยกลับยากจน’ มีเพียงไม่กี่คนที่ดูจะพึงพอใจอย่างแท้จริง ดังที่ มาร์ติน ลูเธอร์ เคยกล่าวว่า ‘ความพึงพอใจเหมือนนกที่หายาก แต่มันขับขานอย่างไพเราะ’

พระคัมภีร์ไม่เคยสัญญาว่า เราจะไม่เผชิญกับช่วงเวลาหรือสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่า กำลัง และพระคุณของพระองค์อยู่ด้วยกับเรา

อัครสาวกเปาโลค้นพบหลักการสำคัญที่จะมีชีวิตที่สงบสุขและความพึงพอใจในยามยากลำบาก ท่านบอกพี่น้องชาวฟีลิปปีถึงวิธีพบสันติสุข และแบ่งปันเคล็ดลับของความพึงพอใจ (ฟิลิปปี 4:12)

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 24:5-14

5คนมีปัญญาย่อมมีอำนาจมาก
 และคนมีความรู้ก็มีกำลังมากขึ้น
6เพราะโดยการชี้แนะ เจ้าจะทำสงครามได้
 และโดยมีที่ปรึกษามาก ย่อมมีชัยชนะ
7สำหรับคนโง่นั้นปัญญาสูงเกินไป
 ที่ประตูเมืองเขาไม่อ้าปากพูด
8คนที่วางแผนทำชั่ว
 เขาเรียกกันว่าคนเจ้าเล่ห์
9การคิดประดิษฐ์ความโง่เป็นบาป
 และคนชอบเยาะเย้ยเป็นที่เกลียดชังต่อมนุษย์
10ถ้าเจ้าอ่อนล้าในวันยากลำบาก
 กำลังของเจ้าก็น้อย
11จงช่วยคนที่ถูกนำไปสู่ความตาย
 และจงเหนี่ยวรั้งคนที่กำลังโซเซไปสู่การถูกฆ่า
12ถ้าเจ้าจะว่า “ดูเถิด พวกเราไม่รู้เรื่องนี้เลย”
 พระองค์ผู้ทรงตรวจดูจิตใจจะไม่ทรงรับทราบหรือ?
พระองค์ผู้ทรงคุ้มครองชีวิตของเจ้าจะไม่ทรงทราบหรือ?
 และพระองค์จะไม่ทรงตอบแทนทุกคนตามการกระทำของเขาหรือ?
13ลูกเอ๋ย จงกินน้ำผึ้ง เพราะเป็นของดี
 อันน้ำผึ้งที่หยดจากรวงนั้นมีรสหวานแก่ลิ้นของเจ้า
14จงรู้เถิดว่าปัญญาก็เป็นเช่นนั้นแก่วิญญาณของเจ้า
 ถ้าเจ้าพบปัญญาก็จะมีอนาคต
 และความหวังของเจ้าจะไม่สลาย

อรรถาธิบาย

ค้นพบความพึงพอใจในพระปัญญาของพระเจ้า

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณเผชิญกับวิกฤตในชีวิต? คุณตอบสนองช่วงเวลาและสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างไร?

เราทุกคนมักจะเผชิญกับช่วงเวลาที่มีปัญหาในชีวิตของเรา ผู้เขียนสุภาษิตกล่าวว่า ‘ถ้าเจ้าสะดุดในยามยากลำบาก ความแข็งแกร่งของเจ้าก็จะมีเพียงเล็กน้อย!’ (ข้อ 10) ‘หากคุณประสบความย่อยยับในยามวิกฤต นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้มีมากตั้งแต่แรก’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คนมีปัญญาจะไม่มีวัน ‘ล้มลง’ เพราะพวกเขามี ‘กำลังมาก’ และ ‘ความรู้ที่เพิ่มกำลังขึ้น’ (ข้อ 5) พวกเขาแสวงหาคำแนะนำและมี ‘ที่ปรึกษามากมาย’ (ข้อ 6)

เมื่อมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น (ข้อ 11) อย่าหลับตาและพูดว่า ‘ดู​เถิด เราไม่รู้เรื่องนี้เลย’ (ข้อ 12)

คุณจะมีปัญญาแบบนี้ได้อย่างไร ปัญญาจากพระเจ้าเปรียบเหมือนความหวานของน้ำผึ้ง ‘จง​รู้​เถิด​ว่าปัญญา​ก็​เป็น​เช่น​นั้น​แก่​วิญ​ญาณ​ของเจ้า ถ้าเจ้าพบปัญญาก็​จะ​มี​อนา​คต และ​ความ​หวัง​ของเจ้าจะ​ไม่​สลาย’ (ข้อ 14) เราพบปัญญานี้ในพระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์ทรงเป็น ‘พระปัญญาของพระเจ้า’ (1 โครินธ์ 1:24)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์พบความพึงพอใจฝ่ายวิญญาณในพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระปัญญาของพระเจ้า โปรดเติมข้าพระองค์ให้เต็มล้นด้วยปัญญา ความพึงพอใจ และสันติสุขในวันนี้ด้วยพระวิญญาณของพระเยซู
พันธสัญญาใหม่

ฟีลิปปี 4:2-23

การตักเตือน

 2ข้าพเจ้าขอเตือนนางยูโอเดีย และขอเตือนนางสินทิเค ให้มีจิตใจปรองดองกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า 3ข้าพเจ้าขอร้องตัวท่านด้วยท่านผู้เป็นเพื่อนร่วมงานอย่างแท้จริง จงช่วยผู้หญิงทั้งสองที่สู้เพื่อข่าวประเสริฐร่วมกับข้าพเจ้า เคลเมนท์ และคนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้า ซึ่งชื่อของเขาทั้งหลายมีอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตแล้ว
 4จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด 5จงให้ความอ่อนสุภาพของท่านทั้งหลายประจักษ์แก่ทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว 6อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ 7แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์
 8สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง 9และพวกท่านจงปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านเรียนรู้ รับไว้ ได้ยิน และได้เห็นในข้าพเจ้า แล้วพระเจ้าผู้ประทานสันติสุขจะสถิตกับพวกท่าน

ตอบรับเรื่องของฝากจากชาวฟีลิปปี

 10ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดีอย่างยิ่งในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าในที่สุดท่านทั้งหลายก็หวนกลับมาคิดถึงข้าพเจ้าอีก ความจริงท่านยังคิดถึงข้าพเจ้าอยู่ แต่ยังหาโอกาสไม่ได้ 11ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเนื่องจากความขัดสน เพราะข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่ 12ข้าพเจ้ารู้จักความขาดแคลนและรู้จักความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดหรือในทุกกรณี ข้าพเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับในการเผชิญความอิ่มท้องและความอดอยาก ความอุดมสมบูรณ์และความขัดสนแล้ว 13ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
 14อย่างไรก็ตาม ก็ยังเป็นความกรุณาของท่านที่มีส่วนในความยากลำบากของข้าพเจ้า 15และพวกท่านชาวฟีลิปปีก็รู้แล้วว่า เมื่อข้าพเจ้าออกจากแคว้นมาซิโดเนียในช่วงเริ่มแรกของการประกาศข่าวประเสริฐนั้น ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่ายนอกจากท่านพวกเดียว 16แม้แต่เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา พวกท่านก็ส่งของไปช่วยข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า 17ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าเสาะหาของกำนัล แต่ข้าพเจ้าเสาะหาผลกำไรในบัญชีของพวกท่านให้ทวีมากขึ้น 18ข้าพเจ้าได้รับทุกอย่างครบถ้วนและมีเหลือเฟือ ข้าพเจ้ามีเต็มบริบูรณ์เพราะได้รับของฝากของท่านทั้งหลายจากเอปาโฟรดิทัส สิ่งเหล่านั้นเป็นของถวายที่หอมหวาน เป็นเครื่องบูชาที่พระเจ้าโปรดรับและพอพระทัย 19และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์ 20ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้าพระบิดาของเราสืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน

คำทักทายสุดท้าย

 21ข้าพเจ้าขอฝากคำทักทายมายังธรรมิกชนทุกคนในพระเยซูคริสต์ พี่น้องทั้งหลายที่อยู่ด้วยกับข้าพเจ้าก็ฝากคำทักทายมายังท่าน 22พวกธรรมิกชนทั้งหมดฝากคำทักทายมายังท่านทั้งหลายด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคนที่อยู่ในราชสำนักของจักรพรรดิซีซาร์
 23ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำรงอยู่กับจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายเถิด

อรรถาธิบาย

ค้นพบความล้ำลึกในพระเยซูคริสต์

ไม่มีใครดำเนินชีวิตโดยปราศจากความยากลำบากและความทุกข์ยาก อาจารย์เปาโลเป็นผู้หนึ่งที่ดำเนินชีวิตท่ามกลางปัญหา (ข้อ 14) เขาต้องอยู่ในคุกและเต็มไปด้วยความกังวลมากมาย

อย่างไรก็ตาม เขาเขียนว่า ‘อย่าวิตกกังวลหรือวิตกกังวลในสิ่งใด ๆ เลย แต่ให้ทุกสถานการณ์และทุกเรื่องอยู่ในการอธิษฐานและการวิงวอน (คำขอที่แน่นอน) กับการขอบพระคุณ จงบอกความต้องการของท่านกับพระเจ้าต่อไป และสันติสุขของพระเจ้า [จะเป็นของคุณท่าน นั่นคือสภาพที่สงบของจิตวิญญาณซึ่งรับประกันความรอดโดยทางพระคริสต์ ดังนั้นไม่ต้องกลัวสิ่งใดที่มาจากพระเจ้าและมีสันติสุขกับสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ในโลกนี้] ซึ่งเกินความเข้าใจจะเป็นดังกองทหารรักษาการณ์ปกป้องจิตใจและความคิดของคุณไว้ในพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 6–7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) นี่เป็นคำสัญญาที่น่าทึ่งและวิเศษมาก เป็นพระสัญญาที่ผมกล่าวอ้างและประสบมาหลายครั้งในชีวิต

เคอรี่ เทน บูม ได้ให้นิยามเกี่ยวกับความกังวลว่าเป็น ‘วัฏจักรของความคิดที่ไม่มีประสิทธิภาพซึ่งวนเวียนอยู่ล้อมรอบความกลัว’ ความกังวลสามารถทำลายชีวิตเราได้ ความกังวลของเราบางอย่าง เป็นเรื่องจริงเช่นเดียวกับอาจารย์เปาโล และบางทีเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง แต่ไม่ว่ากรณีใด ชีวิตที่ให้ความสำคัญกับความวิตกกังวลก็ไม่มีอยู่จริง

วิธีแก้ปัญหาของเปาโลคือการกระตุ้นให้เราหันไปหาการอธิษฐาน โดยนำคำทูลขอที่เฉพาะเจาะจงของเราต่อพระเจ้า ‘ให้คำร้องและคำสรรเสริญเปลี่ยนความกังวลของคุณให้กลายเป็นคำอธิษฐาน โดยให้พระเจ้าทราบความกังวลของคุณ’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

บางครั้งผมพบว่า การจดคำขอที่เฉพาะเจาะจงสามารถช่วยได้ สิ่งนี้ทำให้ผมสามารถมองย้อนกลับไปถึงวิธีที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของผม หากคุณทำเช่นนี้ คุณก็จะขอบพระคุณพระเจ้าได้ (ข้อ 6) และความมั่นใจในคำอธิษฐานของคุณจะเพิ่มขึ้น

การเสนอคำอธิษฐานในทุกวันของคุณจากรากฐานของชีวิตที่เต็มไปด้วย ‘การขอบพระคุณ’ (ข้อ 6) คำสัญญาที่ยอดเยี่ยมคือเมื่อคุณทำสิ่งนี้ ‘สันติสุขของพระเจ้า ที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้ง​หลาย​ไว้​ใน​พระ​เยซู​คริสต์’ (ข้อ 7) พระเจ้าทรงเปลี่ยนความกังวลของคุณเป็นสันติสุข

คำว่าสันติสุขมีความหมายมากกว่าการไม่มีศัตรู นั่นหมายถึง ความสมบูรณ์ ความมั่นคง ความผาสุก ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า พระพรและความดีงามทุกประการ มันคือสันติสุข ‘ซึ่งอยู่เหนือความเข้าใจทั้งหมด’ เหนือกว่าความสามารถในการรับมือและความวิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

เปาโลหันความสนใจของท่านมาสู่สิ่งที่เราคิด เราถูกห้อมล้อมด้วยภาพและคำพูดจากสื่อ บทสนทนา และเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถล่อลวงเราด้วยความคิดที่ผิด ๆ ได้เกือบทุกวัน แต่คุณสามารถต้านทานสิ่งนี้ได้ ดังที่มาร์ติน ลูเธอร์กล่าวไว้ว่า ‘คุณไม่สามารถหยุดนกที่บินอยู่เหนือศีรษะได้ แต่คุณสามารถหยุดมันที่จะทำรังบนเส้นผมของคุณได้’

วิธีที่จะนำความคิดที่ผิดออกไปคือการดึงความคิดที่ถูกต้องเข้ามา ถ้าคุณปล่อยให้จิตใจของคุณว่าง ศัตรูก็จะเติมความคิดที่ไม่ดีเข้ามาในจิตใจของคุณ

จงทำตามคำแนะนำของอาจารย์เปาโล ‘ท่านจะทำได้ดีที่สุดโดยการเอาใจใส่และใคร่ครวญในสิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่สง่างาม สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่น่าเชื่อถือ สิ่งที่น่าสนใจ และสิ่ง​ที่​ควร​แก่​การ​สรร​เสริญ รวมทั้งสิ่งที่ดียอดเยี่ยม’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อาจารย์เปาโลตระหนักดีว่าสิ่งที่คุณคิดจะส่งผลต่อทุกด้านในชีวิตของคุณ จงเอาใจใส่ด้วยสิ่งดีทุกอย่างที่ ‘ยอดเยี่ยมและสมควรแก่การสรรเสริญ’ (ข้อ 8)

จงใคร่ครวญในสิ่งที่คุณคิด รากของปัญหาอาจเกิดจากความคิดของเรา หากคุณเปลี่ยนสิ่งที่คุณใส่เข้าไปในความคิด ‘พระเจ้าผู้ทรงทำให้ทุกอย่างทำงานร่วมกัน พระองค์จะทรงสร้างคุณให้เป็นความสามัคคีอันยอดเยี่ยมที่สุดของพระองค์' (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ส่วนที่ยากที่สุดคือการ ‘ลงมือทำ’ (ข้อ 9) วิธีเดียวที่จะเรียนรู้ทักษะ การค้าขายหรือกีฬาคือการหมั่นฝึกฝน หมั่นฝึกฝนที่จะหลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท คงไว้ซึ่งความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกันกับคริสเตียนคนอื่น ๆ (ข้อ 2-3) และหลีกเลี่ยงความวิตกกังวลด้วยการอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณทำอย่างนั้น เปาโลสัญญาว่า ‘พระเจ้าแห่งสันติสุขจะสถิตกับท่าน’ (ข้อ 9)

เปาโลไม่ได้กังวลว่าความต้องการของท่านจะได้รับการตอบสนองหรือไม่ ท่านเรียนรู้ว่าเคล็ดลับของความพึงพอใจในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย สามารถ ‘​เผชิญ​ได้​ทุก​อย่าง​โดย​พระ​องค์​ผู้​ทรง​เสริม​กำ​ลัง​ข้าพ​เจ้า’ (ข้อ 13) ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใด พระเจ้าจะทรงเสริมกำลังคุณให้ทำทุกสิ่งที่พระองค์ปรารถนาให้คุณทำ

เปาโลชมเชยชาวฟีลิปปีสำหรับความใจกว้างของพวกเขาซึ่งเป็น ‘เครื่องบูชาที่มีกลิ่นหอม เครื่องบูชาที่ทรงรับไว้ เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า’ (ข้อ 18) ความใจกว้างเป็นส่วนหนึ่งของความรัก คุณสามารถให้โดยปราศจากความรัก แต่คุณไม่สามารถรักได้โดยปราศจากการให้

พระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะตอบสนอง ‘ความต้องการทั้งหมดของคุณตามความมั่งคั่งอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 19) ในขณะที่คุณดำเนินชีวิตอย่างใจกว้างขวางปราศจากความกังวลเรื่องการเงิน ซึ่งรวมถึงความจำเป็นด้านวัตถุของคุณ ซึ่งอาจไม่จำเป็นว่าเป็นสิ่งที่คุณต้องการ ‘คุณสามารถมั่นใจได้ว่าพระเจ้าจะดูแลทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้ ด้วยพระทัยกว้างขวางของพระองค์ที่มีในสง่าราศีอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณไม่สามารถให้พระเจ้ามากกว่าที่พระเจ้าให้คุณได้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์ขอมอบความกังวลของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์ ขอบคุณพระองค์สำหรับพระสัญญาแห่งสันติสุขของพระองค์ซึ่งเกินความเข้าใจนี้
พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 6:1-7:29

ความน่ากลัวของการบุกรุกที่จะมาถึงเยรูซาเล็ม

1ประชาชนเบนยามินเอ๋ย จงหนีไปเพื่อความปลอดภัย
 หนีจากใจกลางกรุงเยรูซาเล็ม
จงเป่าเขาสัตว์ในเมืองเทโคอา
 และยกสัญญาณขึ้นไว้เหนือหมู่บ้านเบธฮักเคเรม
เพราะเหตุร้ายโผล่มาจากทิศเหนือ
 คือการทำลายอย่างใหญ่หลวง
2เราจะทำลายสาวสวยและแบบบาง
 คือบุตรีศิโยนเสีย
3ผู้เลี้ยงแกะพร้อมกับฝูงแกะจะมาสู้เธอ
 เขาจะตั้งเต็นท์ไว้รอบเธอ
 ต่างก็จะหากินอยู่ในที่ของมัน
4“จงเตรียมทำสงครามกับเธอ
 จงลุกขึ้น ให้เราโจมตีเวลาเที่ยงวัน”
“วิบัติแก่พวกเรา เพราะว่ากลางวันล่วงไปแล้ว
 เงาของเวลาเย็นก็ทอดยาวออกไป”
5“จงลุกขึ้น ให้เราเข้าตีเวลากลางคืน
 และทำลายบรรดาวังของเธอเสีย”
6เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
 “จงโค่นต้นไม้ของเธอลง
จงก่อเชิงเทินไว้สู้กรุงเยรูซาเล็ม
 นี่แหละนครที่ต้องถูกลงโทษ
 ภายในเธอไม่มีอะไรนอกจากการบีบบังคับ
7บ่อน้ำทำให้น้ำเย็นอยู่เสมอฉันใด
 เธอก็ทำให้เกิดความอธรรมขึ้นเรื่อยๆ ฉันนั้น
ความทารุณและการทำลายมีให้ได้ยินเสมอภายในเธอ
 ความเจ็บปวดและการบาดเจ็บก็ปรากฏต่อหน้าเราเสมอ
8เยรูซาเล็มเอ๋ย จงรับคำตักเตือนเถิด
 เกรงว่าเราจะปลีกตัวไปเสียจากเจ้า
เกรงว่าเราจะทำให้เจ้าเป็นที่ร้างเปล่า
 เป็นแผ่นดินที่ปราศจากคนอาศัย”
9พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
 “เขาทั้งหลายจะกวาดคนอิสราเอล
ที่เหลืออยู่นั้นไปเสียทั้งหมดอย่างเก็บผลองุ่น
 เหมือนคนเก็บผลองุ่นเอามือเก็บผล
 ตามกิ่งของมันอีกครั้งหนึ่ง”
10ข้าพเจ้าควรจะพูดและให้คำตักเตือนแก่ใคร
 เพื่อเขาจะได้เชื่อฟัง?
ดูสิ หูของเขาตันเสียแล้ว
 เขาฟังไม่ได้
นี่แน่ะ พระวจนะของพระยาห์เวห์เป็นสิ่งที่เขาดูแคลน
 เขาไม่พอใจฟัง
11แต่ ข้าพเจ้ามีพระพิโรธของพระยาห์เวห์เต็มไปหมด
 ข้าพเจ้าจะเก็บมันไว้อีกไม่ไหวแล้ว
“จงเทมันรดเด็กๆ ตามถนน
 และรดพวกหนุ่มๆ ที่ชุมนุมกันอยู่ด้วย
ทั้งสามีและภรรยาก็จะต้องเอาไป
 ทั้งคนแก่และคนชราด้วย
12บ้านเรือนของพวกเขาจะต้องยกให้เป็นของคนอื่น
 ทั้งไร่นาและภรรยาของเขาด้วย
เพราะเราจะเหยียดมือของเราออกต่อสู้ชาวแผ่นดินนั้น”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
13“เพราะว่า ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่โตที่สุด
 ทุกคนโลภอยากได้กำไรที่ไม่ยุติธรรม
และทุกคนต่างฉ้อฉล
 ตั้งแต่ผู้เผยพระวจนะจนถึงปุโรหิต
14เขาทั้งหลายได้รักษาแผลของประชากรของเราเพียงผิวเผิน
 กล่าวว่า ‘สวัสดิภาพ สวัสดิภาพ’
 เมื่อไม่มีสวัสดิภาพเลย
15เมื่อเขาทำการน่าเกลียดน่าชัง เขาอับอายหรือเปล่า?
 เปล่า เขาไม่อับอายเลย
เขาไม่รู้จักอาย
 เพราะฉะนั้น เขาจะล้มลงท่ามกลางพวกที่ล้มแล้ว
เมื่อเราลงโทษพวกเขา เขาจะล้มคว่ำ”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
16พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 “จงยืนที่ถนนและมองให้ดี
และถามหาทางโบราณนั้น
 ว่าทางดีอยู่ที่ไหน แล้วจงเดินในทางนั้น
และให้จิตใจของเจ้าได้ความสงบ
 แต่เขาทั้งหลายกล่าวว่า ‘เราจะไม่เดินในทางนั้น’
17เราวางยามไว้สำหรับพวกเจ้า สั่งว่า
 จงฟังเสียงเขาสัตว์
 แต่เขาทั้งหลายกล่าวว่า ‘พวกเราจะไม่ฟัง’
18เพราะฉะนั้น ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงฟัง
 ที่ประชุมเอ๋ย จงทราบเถิดว่า อะไรจะบังเกิดขึ้นแก่เขา
19พิภพเอ๋ย จงฟังเถิด นี่แน่ะ เรากำลังนำการร้ายมาเหนือประชาชนนี้
 คือผลแห่งกลอุบายของเขา เพราะเขาไม่ได้เชื่อฟังถ้อยคำของเรา
 ส่วนธรรมบัญญัติของเรานั้นเขาปฏิเสธเสีย
20เจ้านำกำยานจากเมืองเชบา
 และตะไคร้จากเมืองไกลมาให้เราเพื่ออะไรเล่า?
เครื่องบูชาเผาทั้งตัวของเจ้ายังไม่เป็นที่ยอมรับ
 หรือเครื่องสัตวบูชาของเจ้าก็ไม่เป็นที่พอใจเรา
21เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จึงตรัสดังนี้ว่า
 ดูสิ ต่อหน้าประชาชนนี้
เราจะวางเครื่องสะดุดไว้ให้เขาสะดุด
 ทั้งบิดาและบุตรด้วยกัน
 ทั้งเพื่อนบ้านและมิตรสหายจะพินาศ”
22พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 “นี่แน่ะ ชนชาติหนึ่งกำลังมาจากแดนเหนือ
 ประชาชาติใหญ่ชาติหนึ่งถูกเร้าให้มาจากส่วนไกลสุดของพิภพ
23เขาทั้งหลายจับคันธนูและหอก
 เขาดุร้ายและไม่มีความเมตตา
เสียงของเขาก็เหมือนเสียงทะเลกำเริบ
 เขาขี่ม้า
และเตรียมพร้อมเหมือนบุรุษเข้าสงคราม
 บุตรีศิโยนเอ๋ย พวกเขามาต่อสู้เจ้า”
24พวกเราได้ยินข่าวเหล่านั้น
 มือของเราก็อ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้
ความระทมอย่างแสนสาหัสได้จับเราไว้
 เป็นความเจ็บปวดเหมือนสตรีกำลังคลอดบุตร
25อย่าเดินออกไปในทุ่งนา
 หรือเดินบนถนน
เพราะศัตรูมีดาบ
 มีความสยดสยองอยู่ทุกด้าน
26ประชากรของเราเอ๋ย จงเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้
 และกลิ้งเกลือกอยู่ในกองเถ้า
จงไว้ทุกข์เหมือนทำเพื่อบุตรชายคนเดียว
 เป็นการคร่ำครวญอย่างขมขื่นที่สุด
เพราะว่าผู้ทำลาย
 มาสู้เราในทันทีทันใด
27“เราได้ทำให้เจ้าเป็นผู้ลองและผู้ทดสอบท่ามกลางประชากรของเรา
 เพื่อเจ้าจะได้รู้และลองพฤติการณ์ทั้งหลายของเขา
28พวกเขามักกบฏอย่างดื้อด้านทั้งสิ้น
 เที่ยวนินทาไป
พวกเขาเป็นทองสัมฤทธิ์ และเป็นเหล็ก
 เขาทุกคนประพฤติเลวทรามทั้งนั้น
29เครื่องเป่าลมของเขาเป่าอย่างดุเดือด
 ตะกั่วก็ถูกไฟเผาผลาญเสีย
ถลุงกันเรื่อยไปก็เปล่าประโยชน์
 เพราะว่าคนชั่วก็ยังไม่หายไปได้
30จะเรียกเขาทั้งหลายได้ว่าเป็นเงินที่ถูกปฏิเสธ
 เพราะพระยาห์เวห์ทรงปฏิเสธเขาเสียแล้ว”

เยเรมีย์ 7

เยเรมีย์ประกาศต่อชนชาติถึงการพิพากษาของพระเจ้า

 1พระวจนะจากพระยาห์เวห์มาถึงเยเรมีย์ว่า 2“เจ้าจงยืนอยู่ในประตูกำแพงพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และร้องประกาศถ้อยคำเหล่านี้ที่นั่นว่า บรรดาคนยูดาห์ทั้งปวงผู้เข้าประตูกำแพงนี้มาเพื่อจะนมัสการพระยาห์เวห์ จงฟังพระวจนะพระยาห์เวห์ 3พระยาห์เวห์จอมทัพพระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงซ่อมทางและการกระทำของเจ้าเสีย และเราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ 4อย่าไว้วางใจในคำหลอกลวงเหล่านี้ที่ว่า ‘นี่เป็นพระวิหารของพระยาห์เวห์ พระวิหารของพระยาห์เวห์ พระวิหารของพระยาห์เวห์’
 5“เพราะว่า ถ้าเจ้าซ่อมทางและการกระทำของเจ้าจริงๆ ถ้าเจ้าให้ความยุติธรรมต่อกันและกันจริงๆ 6ถ้าเจ้าไม่ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อหรือแม่ม่าย และไม่ทำให้โลหิตที่ไร้ความผิดต้องหลั่งออกจนถึงตายในที่นี้ และถ้าเจ้าทั้งหลายไม่ติดตามพระอื่นไปให้เจ็บตัวเอง 7แล้วเราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ ในแผ่นดินซึ่งเราได้ยกให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าตั้งแต่อดีตกาลจนตลอดไปเป็นนิตย์
 8“นี่แน่ะ เจ้าวางใจในคำหลอกลวงโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย 9เจ้าจะลักทรัพย์ ฆ่าคน ล่วงประเวณี สาบานเท็จ เผาเครื่องบูชาถวายพระบาอัลและติดตามพระอื่น ซึ่งเจ้าทั้งหลายไม่รู้จัก 10แล้วก็มายืนต่อหน้าเราในนิเวศนี้ ซึ่งเรียกตามชื่อของเรา และกล่าวว่า ‘เราทั้งหลายได้รับการช่วยกู้แล้ว’ เพื่อจะไปทำสิ่งน่าเกลียดน่าชังเหล่านั้นทั้งสิ้นอีกหรือ? 11ในสายตาของเจ้า นิเวศซึ่งเรียกตามชื่อของเราได้กลายเป็นถ้ำของพวกโจรไปแล้วหรือ? นี่แน่ะ ตัวเราได้เห็นเอง พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ 12แต่จงไปยังสถานที่ของเราซึ่งเคยอยู่ในเมืองชิโลห์ ซึ่งตอนแรกได้ทำให้ชื่อของเราอยู่ที่นั่น จงดูว่าเพราะความชั่วร้ายของอิสราเอลประชากรของเรา เราได้ทำอะไรต่อสถานที่นั้น 13และบัดนี้ เพราะเจ้าทั้งหลายได้ทำสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ และเมื่อเราพูดกับเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เจ้าทั้งหลายไม่ได้ฟัง และเมื่อเราได้เรียกพวกเจ้า แต่เจ้าไม่ได้ตอบ 14ดังนั้นเราจะทำต่อนิเวศนี้ซึ่งเราเรียกตามชื่อของเรา และซึ่งพวกเจ้าได้วางใจนั้น และทำต่อสถานที่ซึ่งเราได้ยกให้แก่เจ้าและแก่บรรพบุรุษของเจ้าเหมือนเราได้ทำต่อชิโลห์ 15และเราจะเหวี่ยงเจ้าทิ้งจากสายตาของเรา เหมือนอย่างที่เราได้ทิ้งบรรดาพวกพี่น้องของเจ้า คือบรรดาเชื้อสายของเอฟราอิมทั้งหมดนั้น

ความไม่เชื่อฟังของประชาชน

 16“ส่วนเจ้าหมายถึง เยเรมีย์ อย่าอธิษฐานเพื่อประชากรนี้ อย่าร้องขอหรืออธิษฐานเพื่อเขา และอย่าวิงวอนต่อเรา เพราะเราจะไม่ฟังเจ้า 17เจ้าไม่เห็นหรือว่า เขาทำอะไรกันในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็ม 18พวกเด็กๆ ก็เก็บฟืน พวกพ่อๆ ก็ก่อไฟ พวกผู้หญิงก็นวดแป้ง เพื่อทำขนมถวายแด่เจ้าแม่แห่งฟ้าสวรรค์ และเขาเทเครื่องดื่มบูชาถวายแด่พระอื่นๆ เพื่อยั่วยุให้เราโกรธ 19พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เขายั่วยุเราหรือ ไม่ใช่ยั่วยุตัวเขาเองให้ได้รับความอับอายหรือ? 20ฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายจึงตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ ความกริ้วและความโกรธของเราจะเทลงบนสถานที่นี้ บนมนุษย์และสัตว์ บนต้นไม้ในท้องทุ่ง และบนพืชผลของแผ่นดิน จะเผาผลาญเสียและจะดับไม่ได้”
 21พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า “จงเพิ่มเครื่องบูชาเผาทั้งตัวเข้ากับเครื่องบูชาของเจ้า และจงรับประทานเนื้อ 22เพราะในวันที่เราได้พาบรรพบุรุษของเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราไม่ได้พูดกับพวกเขาหรือสั่งเขาเรื่องเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องบูชา 23แต่เราบัญชาเขาทั้งหลายอย่างนี้ว่า จงเชื่อฟังเสียงของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นประชากรของเรา และเจ้าจงดำเนินในหนทางที่เราได้บัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะได้อยู่เย็นเป็นสุข 24แต่พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังหรือเงี่ยหูฟัง แต่กลับดำเนินตามแผนการของเขาเอง และในความดื้อกระด้างตามจิตใจชั่วของเขา และเดินถอยหลัง แทนที่จะเดินไปข้างหน้า 25ตั้งแต่วันที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์จนทุกวันนี้ เราได้ส่งบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเราไปยังเขาครั้งแล้วครั้งเล่า 26ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ฟังเรา หรือเงี่ยหูฟัง แต่ได้ทำให้คอของตนแข็ง เขาได้ทำชั่วยิ่งกว่าบรรดาบรรพบุรุษของเขาเสียอีก
 27“เจ้าจงกล่าวถ้อยคำเหล่านี้แก่เขา แต่เขาจะไม่ฟังเจ้า เจ้าจงร้องเรียกเขา แต่เขาจะไม่ยอมตอบเจ้า 28เจ้าจงพูดแก่เขาว่า ‘นี่เป็นประชาชาติที่ไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และไม่ยอมรับการตีสอน สัจจะพินาศเสียแล้ว ถูกตัดขาดจากปากของเขาแล้ว

29‘จงตัดผมของเจ้าออกเหวี่ยงทิ้งไป
 จงคร่ำครวญบนที่สูงโล่ง
 เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงปฏิเสธ และทรงละทิ้งชาติพันธุ์ที่ยั่วยุพระพิโรธของพระองค์แล้ว’

อรรถาธิบาย

ให้จิตใจได้พักสงบบนทางของพระเจ้า

พระเจ้ารักคุณ พระองค์ต้องการให้ ‘ให้จิตใจของเจ้าได้ความสงบ’ (6:16) พระองค์ต้องการที่จะปกป้องและจัดสรรให้คุณ เป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อผู้คนไม่ฟังพระองค์

เยเรมีย์ยังคงพยากรณ์เกี่ยวกับช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก พระเจ้าไม่ได้กระทำสิ่งใดโดยปราศจากการเตือน พระองค์ทรงเตือนประชาชนของพระองค์ผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า ‘เราจะพูดและตักเตือนใครได้? ใครจะฟังเราบ้าง’ (ข้อ 10) ผู้เผยพระวจนะเท็จพูดถึงสันติภาพจอมปลอมว่า ‘"สวัสดิภาพ สวัสดิภาพ" เมื่อพวกเขาไม่มีสวัสดิภาพเลย’ (ข้อ 14ข)

ในทางกลับกัน ‘พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงยืนตามถนนและมอง แล้วถามหาทางโบราณนั้นที่ซึ่งเป็นทางเก่าที่ดีอยู่ แล้วจงเดินเข้าไปในนั้น และคุณจะพบที่พักสงบสำหรับจิตวิญญาณของคุณ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

ปัญหาคือพวกเขาไม่ฟัง ‘หูของพวกเขาเต็มไปด้วยขี้ผึ้ง’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘พวกเขาปฏิเสธทุกสิ่งที่เราพูด’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เยเรมีย์ประกาศพระวจนะอย่างกล้าหาญ (7:2) และเรียกพวกเขาให้กลับใจ ‘จง​ซ่อม​ทาง​และการกระทำของเจ้าเสีย’ (ข้อ 3) ‘ซ่อม​ทางและการกระทำของเจ้า และ​ให้​ความ​ยุติ​ธรรม​ต่อ​กัน​และ​กัน’ (ข้อ 5) อย่าข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ หรือหญิงม่าย และอย่าติดตามพระอื่น

พระเจ้าตรัสว่า ‘จง​เชื่อ​ฟัง​เสียงของเรา และเราจะ​เป็น​พระเจ้าของ​เจ้า และเจ้าจะ​เป็น​ประ​ชา​กร​ของเรา และเจ้าจง​ดำ​เนิน​ใน​หน​ทาง​ที่เราได้​บัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะ​ได้​อยู่​เย็น​เป็น​สุข’(ข้อ 23) ‘คุณคิดว่าพวกเขาฟังไหม? ไม่เลยแม้แต่น้อย พวกเขาทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

จงตั้งใจแน่วแน่ในวันนี้เพื่อฟังพระเจ้า และดำเนินในพระมรรคาของพระองค์ นั่นจะเป็นผลดีแก่คุณ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดยกโทษเมื่อข้าพระองค์ไม่ได้ฟังพระองค์ ขอบคุณที่พระองค์ทรงสัญญาว่าหากข้าพระองค์กลับไปสู่ทางโบราณและเดินในเส้นทางนั้น ข้าพระองค์จะพบการพักผ่อนและความพึงพอใจในจิตวิญญาณของข้าพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ฟิลิปปี 4:6–7

‘อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์’

ฉันพยายามอย่างมากที่จะไม่กังวล โดยเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นเป็นคำอธิษฐานแทน ดังนั้นความคิดมากมายที่เข้ามาในใจของฉันทั้งกลางวันและกลางคืน (มันอาจจะเกี่ยวกับความเจ็บป่วย การตัดสินใจที่ฉันต้องลงมือทำ หรือจะมีใครกลับมาที่อัลฟ่าในสัปดาห์หน้า) ฉันพยายามจะไม่เสียเวลามากเกินไปกับเรื่องเหล่านี้ แต่นำมาอธิษฐานและไว้วางใจว่าพระเจ้าทรงได้ยินและจะทรงตอบแทน

ข้อพระคำประจำวัน

ฟิลิปปี 4:6-7

‘อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม