วัน 274

วิธีเป็นเครื่องมือแห่งพระพร

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 115:12-18
พันธสัญญาใหม่ ฟีลิปปี 2:12-30
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 2:31-4:9

เกริ่นนำ

คุณเคยสงสัยไหมว่า คุณสามารถสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของคนรอบข้างได้หรือไม่?

ผมเคยดูตอนหนึ่งของรายการทีวีเรียลลิตี้ชื่อ The Secret Millionaire (เศรษฐีผู้ลึกลับ) เควิน กรีน มหาเศรษฐีผู้ไม่เปิดเผยตัวตนได้คัดหาบุคคลที่สมควรได้รับการสนับสนุนทางการเงิน โดยเขาได้มอบเงินประมาณ 100,000 ดอลลาร์ แก่กลุ่มคนที่ทำงานกับเด็กเร่ร่อน วัยรุ่นติดยา และเด็กพิการ ซึ่งมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คนกลุ่มนี้ซาบซึ้งมาก และเป็นเหตุให้พวกเขาเกิดผลอย่างมากมาย พวกเขาได้รับการอวยพร และสามารถนำพระพรที่ยิ่งใหญ่กว่าไปสู่ผู้อื่นได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของรายการนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงของเควิน เขาได้รับประสบการณ์ใหม่ในการให้ผู้อื่นด้วยใจยินดีทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป พระวจนะของพระเยซูเป็นความจริงที่ว่า ‘การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ’ (กิจการ 20:35)

อาร์ชี โคตส์ ศิษยาภิบาลของคริสตจักรเซนต์ปีเตอร์ ไบรตัน กล่าวถึงคริสตจักรว่าเป็น ‘เครื่องมือแห่งการอวยพร’ นั่นคือชื่อที่เราได้รับในฐานะคริสเตียน ไม่ว่าจะเป็นคริสตจักรหรือบุคคล คุณสามารถเป็นเครื่องมือแห่งการอวยพรได้

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 115:12-18

12พระยาห์เวห์ทรงระลึกถึงเราทั้งหลาย พระองค์จะทรงอวยพร
 จะทรงอวยพรวงศ์วานอิสราเอล
 จะทรงอวยพรวงศ์วานอาโรน
13พระองค์จะทรงอวยพรบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์
 ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่
14ขอพระยาห์เวห์ทรงให้พวกท่านเพิ่มพูนขึ้น
 ทั้งท่านและลูกหลานของท่าน
15ขอให้พวกท่านรับพระพรจากพระยาห์เวห์
 ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
16ฟ้าสวรรค์สูงสุดเป็นของพระยาห์เวห์
 แต่พระองค์ประทานแผ่นดินโลกแก่มนุษย์ทั้งหลาย
17คนตายไม่สรรเสริญพระยาห์เวห์
 และทุกคนที่ลงไปสู่ที่สงัดก็เช่นกัน
18แต่เราทั้งหลายจะถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเป็นนิตย์

สรรเสริญพระยาห์เวห์

อรรถาธิบาย

พระเจ้าเป็นเครื่องมือแห่งการอวยพรที่ดีที่สุด

พระพรของพระเจ้าในชีวิต ทำให้คุณสามารถสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของผู้อื่น พระเจ้าทรงเป็นแหล่งแห่งพระพรทั้งปวง พระองค์รักที่จะอวยพรคุณ ผู้เขียนสดุดีกล่าวคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึง 5 ครั้งติดต่อกันถึงวิธีที่พระเจ้าทรงอวยพรเรา (ข้อ 13–15)

พระเจ้าไม่ได้เป็นเพียงอภิมหาเศรษฐีเท่านั้น พระองค์ทรงเป็น 'พระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก… ฟ้าสวรรค์สูงสุดเป็นของพระเจ้า’ (ข้อ 15ข–16ก) ในพระมหากรุณาธิคุณพิเศษของพระองค์ ‘แผ่นดินที่พระองค์ประทานแก่ [เรา]’ (ข้อ 16ข)

พระเจ้าทรงรักการอวยพร การตอบสนองที่เหมาะสมต่อการอวยพรคือความกตัญญู ‘เราทั้งหลายจะถวายสาธุการแด่พระเจ้า ใช่แล้ว เราจะถวายสาธุการแด่พระองค์เดี๋ยวนี้ และเราจะถวายสาธุการแด่พระองค์เรื่อยไป!’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

‘สรรเสริญพระเจ้า’ (ข้อ 18ค) ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์อย่างไม่หยุดหย่อน เพราะพระองค์ทรงอวยพรข้าพระองค์ในพระเยซูคริสต์ด้วยพระพรฝ่ายวิญญาณทุกอย่าง (ดู เอเฟซัส 1:3)
พันธสัญญาใหม่

ฟีลิปปี 2:12-30

ส่องแสงดุจดวงสว่างต่างๆ ในโลก

 12ฉะนั้น พวกที่รักของข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ท่านเชื่อฟังข้าพเจ้าอยู่เสมอ ท่านจงอุตส่าห์ประพฤติอย่างสมกับความรอดของท่านทั้งหลาย ด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่น ไม่เฉพาะในเวลาที่ข้าพเจ้าอยู่ด้วยเท่านั้น แต่มากยิ่งกว่านั้นอีกในเวลาที่ข้าพเจ้าไม่อยู่ 13เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์
 14จงทำทุกสิ่งโดยปราศจากการบ่นและการทุ่มเถียงกัน 15เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่มีที่ติและไร้ความผิด เป็นบุตรของพระเจ้าที่ปราศจากตำหนิท่ามกลางชนชาติที่คดโกงและวิปลาส ท่านปรากฏในหมู่พวกเขาดุจดวงสว่างต่างๆ ในโลก 16จงยึดมั่นในพระวจนะแห่งชีวิต เพื่อข้าพเจ้าจะมีความภูมิใจในวันของพระคริสต์ว่าข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งแข่งโดยเปล่าประโยชน์ หรือตรากตรำโดยเปล่าประโยชน์ 17แต่ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าถูกเทดุจเครื่องดื่มบูชาลงบนเครื่องบูชาที่ท่านถวายเพราะความเชื่อ ข้าพเจ้าก็ยินดีและร่วมยินดีกับพวกท่านทุกคน 18และท่านก็ควรยินดีและร่วมยินดีกับข้าพเจ้าด้วย

ทิโมธีและเอปาโฟรดิทัส

 19ข้าพเจ้าหวังในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ในไม่ช้านี้ข้าพเจ้าจะส่งทิโมธีไปหาพวกท่าน เพื่อข้าพเจ้าจะได้รับความชูใจเมื่อรู้ข่าวของท่าน 20เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีใครอื่นที่เหมือนทิโมธีซึ่งเอาใจใส่เรื่องของพวกท่านจริงๆ 21เพราะว่าคนอื่นๆ แสวงหาประโยชน์ของพวกเขาเองทุกคน ไม่ใช่ประโยชน์ของพระเยซูคริสต์ 22และท่านทั้งหลายรู้ถึงคุณค่าของทิโมธีดีว่าเขาได้รับใช้ร่วมกับข้าพเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐ เหมือนอย่างบุตรกับบิดา 23เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงหวังว่าจะส่งเขาไปโดยเร็ว เมื่อพอจะเห็นได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า 24และข้าพเจ้าแน่ใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าในไม่ช้าข้าพเจ้าก็จะไปหาด้วย
 25ข้าพเจ้าเห็นว่าจำเป็นจะต้องส่งเอปาโฟรดิทัสไปหาพวกท่าน เขาเป็นทั้งพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนทหารของข้าพเจ้า และยังเป็นตัวแทนที่พวกท่านส่งมาปรนนิบัติข้าพเจ้าในยามที่ข้าพเจ้าขาดแคลน 26เพราะเขาคิดถึงท่านทุกคนและเป็นทุกข์เพราะว่าพวกท่านได้ยินว่าเขาป่วย 27เขาป่วยจริงๆ จนเกือบจะตาย แต่พระเจ้าทรงพระเมตตาเขา และไม่เฉพาะแต่เขาคนเดียว แต่ทรงเมตตาข้าพเจ้าด้วยเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ามีทุกข์ซ้อนทุกข์ 28เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงปรารถนาที่จะส่งเขาไปยิ่งขึ้น เพื่อพวกท่านจะได้ยินดีที่เห็นเขาอีก และเพื่อความร้อนใจของข้าพเจ้าจะบรรเทาลง 29เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงต้อนรับเขาในองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดียิ่ง และจงนับถือคนประเภทนี้ 30เพราะเขาเกือบจะตายเนื่องจากงานของพระคริสต์ เขาเสี่ยงชีวิตของเขาเพื่อการปรนนิบัติของพวกท่านที่ไม่อาจทำให้ข้าพเจ้าได้นั้นจะสำเร็จบริบูรณ์

อรรถาธิบาย

เป็นเครื่องมือแห่งการอวยพรผู้อื่น

ในชีวิตจริง คุณจะสร้างความแตกต่างแก่คนรอบข้างได้อย่างไร?

เราเป็น ‘ลูกของพระเจ้า’ (ข้อ 15) คุณถูกเรียกให้เป็นเหมือนพระบิดาในสวรรค์ผู้ทรงรักการอวยพร คุณมีหน้าที่รับผิดชอบในการตอบสนองความรอดของคุณเอง (เพื่อให้เห็นพระคุณของพระเจ้าที่ส่งผลต่อชีวิตทุกด้านของคุณ) แต่พระองค์คือผู้ที่ ‘ทำงานในคุณเพื่อมีความประสงค์และมีความสามารถเพื่อที่จะเติมเต็มพระประสงค์อันดีของพระองค์’ (ข้อ 13)

หลายคนฝีนใจในการวางใจพระเจ้าเรื่องอนาคตของพวกเขา เพราะพวกเขากลัวว่าพระเจ้าจะให้พวกเขาทำในสิ่งที่ไม่ปรารถนาจะทำ หรือทำให้ชีวิตของพวกเขายุ่งเหยิง แน่นอนว่าความกลัวทั้งสองนี้ไม่มีเหตุผลเลย

หากความตั้งใจของคุณคือการยอมจำนนต่อพระองค์ พระเจ้าจะประทานหัวใจที่ปรารถนาจะทำตามการทรงเรียกแก่คุณ ถ้าพระองค์ทรงเรียกให้ไปทำพันธกิจกับคนยากจน หัวใจของคุณก็จะอยู่ที่นั่น ถ้าพระองค์ทรงเรียกให้สอน พระองค์จะให้คุณมีใจปรารถนาที่จะสอน หากคุณยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์จะนำ ‘พระประสงค์อันดีของพระองค์’ มาสู่ชีวิตของคุณ (ข้อ 13)

พระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของคุณเป็นสิ่งดี แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย คุณไม่สามารถแก้ไขแผนของพระองค์ได้ พระองค์ยังทรงประทานกำลังที่จำเป็นแก่คุณ ‘กำลังนั้นเป็นของพระเจ้า เป็นกำลังที่อยู่ลึกลงไปภายในตัวท่าน พระเจ้าทรงเต็มใจและทรงทำในสิ่งที่พระองค์ชื่นชมยินดีที่สุด’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลรู้จักความชื่นชมยินดีของการเป็น ‘เครื่องมือแห่งการอวยพร’ ท่านเขียนว่า ‘ทำทุกอย่างได้อย่างเรียบง่ายและร่าเริง-ไม่ทะเลาะวิวาท ไม่ลังเล! ออกไปในโลกที่ยังไม่เสื่อมทราม สูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางสังคมที่สกปรกและเสื่อมทราม ให้ผู้คนได้เห็นถึงการมีชีวิตที่ดีและการมีพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ นำเอาข้อความที่เป็นแสงนำทางออกไปในเวลากลางคืน’ (ข้อ 14–16ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คุณมีสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่ที่สามารถให้แก่ผู้อื่นได้มากกว่าแค่เงินทอง นั่นคือ ‘พระวจนะแห่งชีวิต’ (ข้อ 16ก) ไม่มีความชื่นชมยินดีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าการได้เห็นผู้คนที่ตายฝ่ายวิญญาณกลับมีชีวิตใหม่ทางพระเยซู

เปาโลยินดีสละชีวิตด้วยความยินดีสำหรับสิทธิพิเศษนี้ ‘แต่ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าถูกเทดุจเครื่องดื่มบูชาลงบนเครื่องบูชาที่ท่านถวายเพราะความเชื่อ ข้าพเจ้าก็ยินดีและร่วมยินดีกับพวกท่านทุกคน และท่านก็ควรยินดีและร่วมยินดีกับข้าพเจ้าด้วย’ (ข้อ 17–18)

เปาโลจึงยกตัวอย่างบุคคล 2 คน เป็นตัวอย่างแก่เราถึงวิธีเป็น ‘เครื่องมือแห่งการอวยพร’ :

  1. สนใจผู้อื่นอย่างแท้จริง
    ทิโมธีเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของเปาโล และมักถูกกล่าวถึงในจดหมาย ความภักดีและความช่วยเหลือของเขามีมากจนเปาโลอธิบายว่าเป็น ‘เหมือนอย่างบุตรกับบิดา’ (ข้อ 22)

เปาโลแสดงความชื่นชมให้เพื่อนคนนี้ของตน ‘เขาซื่อสัตย์และห่วงใยท่านอย่างแท้จริง (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เปาโลเปรียบเทียบสิ่งนี้กับการทำลายความต้องการของตนเอง โดยกล่าวว่า ‘คนส่วนใหญ่ที่นี่มองแต่ตัวเอง’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ทิโมธีเป็น ‘เครื่องมือแห่งการอวยพร’ เพราะเขาสนใจความเป็นอยู่ของลูกพระเจ้าอย่างแท้จริง (ข้อ 20) ความสนใจของทิโมธีนั้นเป็นเรื่องจริง: ‘ของจริง’ (ข้อ 22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เปาโลกล่าวว่าเขา ‘รับใช้กับข้าพเจ้าในงานข่าวประเสริฐ’ (ข้อ 22)

  1. แสดงความกล้าหาญ เพื่อผู้อื่น
    เอปาโฟรดิทัสเป็นเพื่อนที่ภักดีต่อทั้งเปาโล และพี่น้องชาวฟีลิปปี ตัวตนที่แท้จริงของเขามีทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก บ่อยครั้งมักจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่บอกต่อกันมากที่สุด หลังจากป่วยหนักจนเกือบตาย เอปาโฟรดิทัสเป็นทุกข์ไม่ใช่เพราะเขาป่วยและใกล้ตาย แต่เขาเป็นทุกข์ที่พี่น้องอาจไม่สบายใจ เขาเป็นเหมือนคนที่ไม่กังวลเรื่องความเจ็บป่วยมากนักเพราะกลัวจะเป็นภาระของครอบครัวหรือเพื่อนฝูง

เปาโลบรรยายถึงเอปาโฟรดิทัสว่าเป็น ‘พี่น้อง เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนทหาร’ (ข้อ 25) เอปาโฟรดิทัสเตรียมที่จะ ‘เสี่ยงชีวิต’ เพื่อเห็นแก่เปาโลเพื่อของเขา (ข้อ 30) สำนวนนี้แปลตามตัวอักษรว่า ‘เดิมพันด้วยชีวิตของเขา’

ในคริสตจักรยุคแรก มีสังคมของชายหญิงที่เรียกตนเองว่า ‘นักเดิมพัน’ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยและผู้ที่อยู่ในเรือนจำ ตัวอย่างเช่น ไซเปรียน บิชอปแห่งคาร์เธจแสดงความกล้าหาญที่เด็ดเดี่ยวในช่วงการเกิดโรคระบาด ในปี ค.ศ. 250 ขณะที่ทุกคนละทิ้งผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต ไซเปรียน และพี่น้องคริสเตียนคนอื่น ๆ ช่วยกันฝังศพผู้เสียชีวิต พยาบาลผู้ป่วย และเสี่ยงชีวิตของตนเองเพื่อช่วยชาวเมือง

เอปาโฟรดิทัสเดิมพันชีวิตของเขา ด้วยการร่วมมือกับเปาโลซึ่งถูกคุมขังในข้อหาเสี่ยงตาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีความเสี่ยงในข้อหาเดียวกับเปาโล เอปาโฟรดิทัสแสดงความกล้าหาญอย่างไม่เกรงกลัวเพื่อเปาโล เขาเป็น ‘เครื่องมือแห่งการอวยพร’ เช่นกัน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ทำทุกอย่างโดยไม่บ่น หรือโต้เถียง และแบ่งปันพระวจนะแห่งชีวิตให้ใครสักคนในวันนี้
พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 2:31-4:9

31คนยุคนี้เอ๋ย เจ้าทั้งหลายจงคิดพิจารณาดูพระวจนะของพระยาห์เวห์
 เราเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดารแก่อิสราเอลหรือ
หรือเหมือนแผ่นดินที่มืดทึบ?
 ทำไมประชากรของเราจึงกล่าวว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นอิสระ
 ข้าพระองค์จะไม่มาหาพระองค์อีก’?
32สาวพรหมจารีจะลืมเครื่องประดับของเธอได้หรือ?
 เจ้าสาวจะลืมอาภรณ์ของตนได้หรือ?
แต่ประชากรของเราได้ลืมเรา
 เป็นจำนวนวันที่นับไม่ถ้วน
33“เจ้าหาทางไปพบรักได้อย่างแนบเนียน
 ซ้ำเจ้ายังสอนทางของเจ้าให้หญิงชั่ว
34ที่ชายเสื้อของเจ้ามี
 โลหิตของคนจนที่ไร้ความผิดติดอยู่
ทั้งที่เจ้าไม่ได้จับเขาขณะทำการโจรกรรม
 แต่ถึงจะมีเรื่องต่างๆ เหล่านี้
35เจ้าก็ยังกล่าวว่า ‘ข้าไม่มีความผิดเลย
 พระพิโรธของพระองค์ได้หันกลับจากข้าแล้ว’
นี่แน่ะ เราจะนำเจ้าไปสู่การพิพากษา
 เพราะเจ้ากล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ทำบาป’
36ทำไมเจ้าเร่ร่อนไปอย่างนั้น
 โดยเปลี่ยนเส้นทางของเจ้า?
อียิปต์จะทำให้เจ้าอับอาย
 เหมือนที่อัสซีเรียทำให้เจ้าอับอายมาแล้วนั้น
37เช่นเดียวกันเจ้าจะออกมาจากที่นั่น
 โดยเอามือกุมศีรษะของเจ้าไว้
เพราะพระยาห์เวห์ทรงปฏิเสธคนเหล่านั้นที่เจ้าไว้วางใจ
 เจ้าจะไม่เจริญขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา”

เยเรมีย์ 3

อิสราเอลผู้ไม่ซื่อสัตย์

1“ถ้าชายใดหย่าภรรยาของตน
 และเธอก็ไปจากเขาเสีย
และไปเป็นภรรยาของชายอีกคนหนึ่ง
 เขาจะกลับไปหาเธอหรือ?
แผ่นดินนั้นจะไม่โสโครกมากมายหรือ?
 เจ้าได้เล่นชู้กับคนรักหลายคนแล้ว
และเจ้าจะกลับมาหาเราหรือ?”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
2“จงแหงนหน้าขึ้นสู่บรรดาที่สูงโล่งนั้น และดูสิ
 ที่ไหนบ้างที่เจ้าไม่มีคนมานอนด้วย?
เจ้าได้นั่งคอยคนรักของเจ้าอยู่ริมทาง
 อย่างคนเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร
เจ้าได้ทำให้แผ่นดินโสโครก
 ด้วยการแพศยาอย่างชั่วร้ายของเจ้า
3เพราะฉะนั้น ฝนจึงถูกระงับเสีย
 และฝนปลายฤดูจึงขาดไป
แต่เจ้ามีหน้าผากของหญิงแพศยา
 เจ้าปฏิเสธไม่ยอมอาย
4เจ้าเพิ่งจะเรียกเราไม่ใช่หรือว่า
 ‘พระบิดาของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นสหายในวัยเยาว์ของข้าพระองค์
5พระองค์จะทรงพระพิโรธอยู่เป็นนิตย์หรือ?
 พระองค์จะกริ้วอยู่จนถึงที่สุดปลายหรือ?’
นี่แน่ะ เจ้าลั่นวาจาแล้ว
 แต่เจ้าก็ยังทำความชั่วทุกอย่างซึ่งเจ้าทำได้”
 ทรงเรียกให้กลับใจ
 6พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าในรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์ว่า “เจ้าเห็นอิสราเอลผู้กลับสัตย์ทำอะไร? เธอขึ้นไปบนภูเขาสูงทุกลูก และใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น แล้วก็ไปเล่นชู้อยู่ที่นั่น 7และเราคิดว่า เมื่อเธอทำทุกสิ่งเหล่านี้แล้ว เธอจะกลับมาหาเรา แต่เธอก็ไม่กลับมา และยูดาห์น้องสาวที่ทรยศนั้นก็เห็น 8เราเห็นว่าเพราะการล่วงประเวณีทั้งสิ้นของอิสราเอลผู้กลับสัตย์ เราจึงไล่เธอไปพร้อมกับให้หนังสือหย่า แต่ยูดาห์น้องสาวที่ทรยศนั้นก็ไม่กลัว เธอกลับไปเล่นชู้ด้วย 9เพราะเห็นว่าการแพศยาของเธอยังเบาไป เธอก็ทำให้แผ่นดินโสโครก โดยไปล่วงประเวณีกับศิลาและต้นไม้ 10แม้เป็นอย่างนี้ทั้งสิ้น ยูดาห์น้องสาวที่ทรยศของเธอก็ไม่ได้หันกลับมาหาเราด้วยสุดใจ แต่แสร้งทำเป็นกลับมา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
 11แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลผู้กลับสัตย์ยังสำแดงตัวว่าชอบธรรมยิ่งกว่ายูดาห์ที่ทรยศ 12จงไปประกาศถ้อยคำเหล่านี้ทางทิศเหนือกล่าวว่า
 อิสราเอลผู้กลับสัตย์เอ๋ย กลับมาเถิด
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
 เราจะไม่มองดูพวกเจ้าด้วยความโกรธ เพราะเรามีความรักมั่นคง
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
 เราจะไม่โกรธอยู่เป็นนิตย์
13เพียงแต่ยอมรับความผิดของเจ้า
 ว่าเจ้าได้กบฏต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
และเที่ยวเอาใจบรรดาพระอื่นที่ใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น
 และพวกเจ้าไม่ได้ฟังเสียงของเรา
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
14พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ลูกหลานที่กลับสัตย์เอ๋ย กลับมาเถิด
 เพราะเราเป็นนายเหนือพวกเจ้า
เราจะรับพวกเจ้ามาเมืองละคนและตระกูลละสองคน
 และเราจะนำเจ้ามาถึงศิโยน”
 15“และเราจะให้บรรดาผู้เลี้ยงแกะคนที่เราพอใจแก่พวกเจ้า ผู้ซึ่งจะเลี้ยงเจ้าด้วยความรู้และความเข้าใจ 16และเมื่อพวกเจ้าทวีและเพิ่มขึ้นในแผ่นดินนั้น ในเวลานั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เขาทั้งหลายจะไม่กล่าวอีกว่า ‘หีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์’ เรื่องนี้จะไม่มีขึ้นในใจ ไม่มีใครกล่าวถึง ไม่มีใครนึกถึง จะไม่ทำขึ้นอีกเลย 17ในครั้งนั้นจะเรียกกรุงเยรูซาเล็มว่าเป็นพระที่นั่งของพระยาห์เวห์ และบรรดาประชาชาติจะรวบรวมกันเข้ามายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อพระนามของพระยาห์เวห์ และพวกเขาจะไม่ดื้อรั้นดำเนินตามใจชั่วของเขาอีกต่อไป 18ในเวลานั้นเชื้อสายของยูดาห์จะเดินมากับเชื้อสายของอิสราเอล เขาทั้งสองจะรวมกันมาจากแผ่นดินฝ่ายเหนือมายังแผ่นดินซึ่งเรามอบให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าเป็นมรดก
19“เราคิดว่า
 เราจะตั้งเจ้าไว้ท่ามกลางบุตรทั้งหลายของเราอย่างไรดีหนอ
และให้แผ่นดินที่น่าปรารถนาแก่เจ้า
 เป็นมรดกสวยงามที่สุดในบรรดาประชาชาติ
และเราคิดว่าเจ้าจะเรียกเราว่าพระบิดาของข้าพระองค์
 และจะไม่หันกลับจากการติดตามเรา
20แต่เชื้อสายอิสราเอลเอ๋ย พวกเจ้าได้ทรยศต่อเรา
 เช่นเดียวกับภรรยาทรยศต่อสามี”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
21เขาได้ยินเสียงมาจากที่สูงโล่ง
 เป็นเสียงร้องไห้และเสียงวิงวอนของบุตรทั้งหลายของอิสราเอล
เพราะเขาได้แปรวิถีของเขาเสียแล้ว
 เขาได้ลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา
22“บรรดาบุตรที่กลับสัตย์เอ๋ย จงกลับมาเถิด
 เราจะรักษาการกลับสัตย์ของเจ้าให้หาย”
“นี่แน่ะ ข้าพระองค์ทั้งหลายมาหาพระองค์แล้ว
 เพราะพระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกข้าพระองค์”
23“แท้จริง เนินเขาก็เป็นแต่สิ่งหลอกลวง
 และความสับสนอลหม่านบนภูเขาก็เช่นกัน
แท้จริงความรอดของอิสราเอลนั้น
 อยู่ในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
 24“แต่ว่าสิ่งน่าอายนั้นได้กัดกินสิ่งทั้งปวงที่บรรพบุรุษของเราได้ลงแรงทำไว้ ตั้งแต่เรายังเป็นเด็กอนุชนอยู่ คือฝูงแกะ ฝูงโค บรรดาบุตรชาย และบุตรหญิงของพวกเขา 25ให้เรานอนลงในความอายของเรา และให้ความอัปยศคลุมเราไว้ เพราะเราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ทั้งตัวเราและบรรพบุรุษของเรา ตั้งแต่เราเป็นอนุชนอยู่จนทุกวันนี้ และเราไม่ได้ฟังพระสุรเสียงแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา”

เยเรมีย์ 4

1“อิสราเอลเอ๋ย ถ้าเจ้าจะกลับมา
 เจ้าก็ควรจะกลับมาหาเรา”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
 “ถ้าเจ้ายอมเอาสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนไปให้พ้นหน้าเราเสีย
 ไม่โลเล
2และถ้าเจ้าสาบานอย่างสัตย์จริง อย่างยุติธรรม และอย่างเที่ยงตรงว่า
 ‘พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’
บรรดาประชาชาติจะให้พรกันโดยพระองค์
 และโดยพระองค์เขาทั้งหลายจะได้รับเกียรติ”
3เพราะพระยาห์เวห์ตรัสกับคนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มว่า
 “จงทุบดินที่ไถไว้แล้วนั้น
 และอย่าหว่านลงกลางพงหนาม
4คนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย
 จงเข้าสุหนัตถวายแด่พระยาห์เวห์
จงตัดหนังหุ้มปลายหัวใจของเจ้าเสีย
 เกรงว่าความโกรธของเราจะพลุ่งออกไปอย่างไฟ
และเผาไหม้โดยไม่มีใครจะดับได้
 เนื่องจากการกระทำความชั่วของพวกเจ้า”
 ยูดาห์ได้รับการเตือนเรื่องการบุกรุกและการถูกทิ้งร้าง
5“จงประกาศในยูดาห์และป่าวร้องในกรุงเยรูซาเล็มว่า
 ‘จงเป่าเขาสัตว์ไปทั่วแผ่นดิน’ จงร้องประกาศดังๆ ว่า
‘มารวมกันเถิด ให้เราเข้าไป
 ในบรรดาเมืองที่มีป้อม’
6จงยกธงขึ้นสู่ศิโยน
 จงรีบหนีไปให้ปลอดภัย อย่ารออยู่
เพราะเรานำสิ่งร้ายมาจากทิศเหนือ
 และนำการทำลายอย่างใหญ่หลวงมา
7สิงห์ตัวหนึ่งได้ออกจากซุ้มของมันแล้ว
 และผู้ทำลายประชาชาติได้ยกมาแล้ว
เขาได้ออกไปจากสถานที่ของเขา
 เพื่อทำให้แผ่นดินของเจ้าร้างเปล่า
เมืองต่างๆ ของเจ้าจะถูกทิ้งร้าง
 ปราศจากคนอาศัย
8ด้วยเหตุนี้ เจ้าจงสวมผ้ากระสอบ
 จงคร่ำครวญและร้องไห้ว่า
‘เพราะพระพิโรธร้อนแรงของพระยาห์เวห์
 ไม่ได้หันกลับไปจากเรา’ ”
 9พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ในวันนั้นทั้งกษัตริย์และพวกเจ้านายจะหมดกำลังใจ บรรดาปุโรหิตจะตกตะลึงและผู้เผยพระวจนะก็จะแปลกใจ”

อรรถาธิบาย

อย่าหันหลังจากพระพรของพระเจ้า

หากคุณมีประสบการณ์ในการอวยพรของพระเจ้าขณะดำเนินในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์ คนรอบข้างอาจบอกกับคุณว่า ‘ท่วมท้นอยู่ในพระพร’ (4:2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กระตุ้นให้ผู้คนกลับมาหาพระเจ้า (ข้อ 1) พระเจ้าปรารถนาจะอวยพรคุณ ‘เจ้าต้องกำจัดสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนไปให้พ้นหน้าเราและไม่โลเลอีกต่อไป เมื่อนั้นคุณสามารถพูดได้ว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด...” และให้พวกเขาสาบานอย่างสัตย์จริง ยุติธรรมและเที่ยงตรง และบรรดาประชาชาติที่ไร้พระเจ้าจะท่วมท้นอยู่ในพระพร’ (ข้อ 1ข–2ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าปรารถนาจะอวยพรประชากรของพระองค์ และทุกประชาชาติ แต่พวกเขาหันหลังเสียจากพระพรนี้ เยเรมีย์ตักเตือนประชาชนถึงอันตรายของการหันจากพระเจ้าไปหารูปเคารพ ‘เจ้าทำร้ายผู้คนจำนวนมากเพื่อไปยังที่ที่เจ้าอยู่’ (ข้อ 34, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขานอกใจพระเจ้า (3:1ข)

พระเจ้าทรงเรียกร้องให้พวกเขากลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า ‘อิสราเอลผู้กลับสัตย์เอ๋ย กลับมาเถิด... เพราะเรามีความรักมั่นคง... และเราจะให้บรรดาผู้เลี้ยงแกะคนที่เราพอใจแก่พวกเจ้า ผู้ซึ่งจะเลี้ยงเจ้าด้วยความรู้และความเข้าใจ... เราจะตั้งเจ้าไว้ท่ามกลางบุตรทั้งหลายของเราอย่างไรดีหนอ และให้แผ่นดินที่น่าปรารถนาแก่เจ้า เป็นมรดกสวยงามที่สุดในบรรดาประชาชาติ และเราคิดว่าเจ้าจะเรียกเราว่าพระบิดาของข้าพระองค์ และจะไม่หันกลับจากการติดตามเรา’ (ข้อ 12,15,19)

พระเจ้าสนใจหัวใจของคุณมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก คุณไม่สามารถหลอกพระเจ้าได้ ‘ยูดาห์น้องสาวที่ทรยศของเธอก็ไม่ได้หันกลับมาหาเราด้วยสุดใจ แต่แสร้งทำเป็นกลับมา' (ข้อ 10) พระเจ้าตรัสว่า 'จงเข้าสุหนัตแด่พระเจ้า จงเข้าสุหนัตหัวใจของเจ้า’ (4:4) แม้แต่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมพระเจ้าปรารถนาหัวใจที่เข้าสุหนัต (หัวใจที่อุทิศให้กับพระองค์ทั้งหมด)

ถ้าท่านหันหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าในเรื่องใด จงกลับมาหาพระองค์ในวันนี้ด้วยสุดใจของท่าน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์ขอถวายทุกสิ่งที่มีแก่พระองค์ เวลา เงิน ทรัพย์สิน และทุกสิ่ง ขอบคุณที่พระองค์ปรารถนาที่จะอวยพรข้าพระองค์และอวยพรผู้อื่นผ่านทางข้าพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ในวันนี้ให้เป็น ‘เครื่องมือแห่งการอวยพร’

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ฟิลิปปี 2:14

‘จง​ทำ​ทุกสิ่ง​โดย​ปราศ​จาก​การ​บ่น​และ​การ​ทุ่ม​เถียง​กัน เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ไม่​มี​ที่​ติ​และ​ไร้​ความ​ผิด เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​ที่​ปราศ​จาก​ตำ​หนิ’

ดูเหมือนจะไม่อนุญาตให้บ่นแม้แต่น้อย ส่วนการเป็นคนที่ ‘ปราศ​จาก​ตำ​หนิ’... ดูเหมือนฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ!

ข้อพระคำประจำวัน

ฟีลิปปี 2:14

‘จงทำทุกสิ่งโดยปราศจากการบ่นและการทุ่มเถียงกัน...’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม