‘พระเจ้าทรงมีพระประสงค์เพื่อสิ่งดี’
เกริ่นนำ
ในปี ค.ศ.1947 หนุ่มชาวนิวยอร์กชื่อ เกล็น แชมเบอร์ส มีความใฝ่ฝันที่จะทำงานรับใช้พระเจ้าในเอกวาดอร์ชั่วชีวิต ในวันเดินทางขณะที่เขาอยู่ในอาคารผู้โดยสารของสนามบิน เขาต้องการส่งโปสการ์ดถึงคุณแม่แต่เขาไม่มีเวลาจะซื้อโปสการ์ด เขาสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งตกอยู่ที่พื้นและหยิบมันขึ้นมา มันเป็นใบปลิวโฆษณาเขียนด้วยคำว่า ‘ทำไม?’ ขนาดเต็มแผ่น เขาจึงเขียนข้อความถึงคุณแม่ของเขารอบ ๆ คำว่า ‘ทำไม?’ แล้วใส่ในตู้ไปรษณีย์ ในคืนนั้นเครื่องบินที่เขาโดยสารเกิดระเบิดขณะชนยอดเขา เดอ ทาเบรโซ ในประเทศโคลัมเบียที่มีความสูง 14,000 ฟุต เมื่อคุณแม่ของเขาได้รับโปสการ์ดหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชาย คำถามที่คุกรุ่นภายในใจของเธอคือ ‘ทำไม?’
ทำไมพระเจ้าอนุญาตให้เกิดความทุกข์เช่นนั้น คำถามนี้เป็นสิ่งท้าทายความเชื่อคริสเตียนเป็นอย่างยิ่ง ปริมาณของความทุกข์และการเกิดของมันดูเหมือนการสุ่มและไม่ยุติธรรม มันทำให้จิตใจของเราบอบช้ำและสับสนได้
นักเทววิทยาและนักปรัชญาได้โต้แย้งกันมานานหลายศตวรรษในเรื่องลี้ลับของความทุกข์ใจที่ไม่สมควรได้รับ และไม่เคยมีใครคิดวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและสมบูรณ์แบบได้ เนื้อหาในวันนี้และวันพรุ่งนี้เป็นเพียงคำตอบส่วนหนึ่ง ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกแก่เราในแต่ละวัน
แม้เราจะยอมรับว่าความทุกข์นั้นไม่เคยมีผลดีในตัวเอง แต่พระเจ้าทรงสามารถใช้ความทุกข์ยากให้เกิดประโยชน์ได้ในหลายวิธี พระเจ้าทรงรักคุณ ความทุกข์ของคุณเป็นความทุกข์ของพระองค์ด้วย พระองค์ทรงทนทุกข์อยู่เคียงข้างคุณ พระองค์ไม่เพียงแต่ขจัดความทุกข์ยากออกไปจากชีวิตคุณ บางครั้งพระองค์ทรงอนุญาตให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นเพื่อนำเรามาถึงพระประสงค์ที่ดีของพระองค์
สดุดี 15:1-5
ผู้ใดจะอาศัยอยู่ในพลับพลาของพระเจ้า?
เพลงสดุดีของดาวิด
1ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ใดจะอาศัยอยู่ในพลับพลาของพระองค์?
ผู้ใดจะอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์?
2คือผู้ดำเนินชีวิตอย่างหาที่ติมิได้และทำสิ่งที่ชอบธรรม
และพูดความจริงจากใจของตน
3ผู้ไม่ใช้ลิ้นของตนในการนินทาว่าร้าย
ไม่ทำชั่วต่อเพื่อน
และไม่เยาะเย้ยเพื่อนบ้านของตน
4ในสายตาของเขา คนถ่อยเป็นผู้ที่น่าดูหมิ่นเหยียดหยาม
แต่เขายกย่องผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์
ถึงสาบานแล้ว และต้องเสียประโยชน์ เขาก็ไม่กลับคำ
5เขามิได้ให้คนอื่นกู้เงินโดยคิดดอกเบี้ย
และไม่ยอมรับสินบนต่อสู้ผู้ไร้ความผิด
ผู้ทำสิ่งเหล่านี้จะไม่หวั่นไหวเป็นนิตย์
อรรถาธิบาย
พระเจ้าทรงใช้ความทุกข์ยากเพื่อเปลี่ยนแปลงคุณ
มีสักครั้งในชีวิตไหมที่คุณรู้สึกหวั่นไหวเพราะสถานการณ์รอบๆตัว? มีกี่ครั้งที่คุณหมดแล้วซึ่งความอดทนและรู้สึกอยากจะยอมแพ้เต็มที?
พระธรรมสดุดีวันนี้ย้ำเตือนว่าคุณต้อง ‘ไม่หวั่นไหว’ (ข้อ 5) แม้ในยามทุกข์ยาก ดาวิดอธิบายถึงชีวิตที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้คุณเป็นผู้นำ แนวทางที่พระองค์ให้คือสิ่งที่คุณสามารถยึดถือได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก:
1.\tทำสิ่งที่ถูกต้อง
พยายามเดินอย่างไร้ตำหนิและทำในสิ่งที่ถูกต้อง (ข้อ 2ก)
2.\tเล่าความจริง
'… พูดความจริง’ จากใจคุณ (ข้อ 2ข)
3.\tอย่านินทา
อย่าให้ ‘การนินทาว่าร้าย’ ออกจากลิ้นของคุณ (ข้อ 3)
4.\tอย่าทำร้ายเพื่อนบ้าน
ไม่ควร ‘เยาะเย้ยเพื่อนบ้านของตน’ (ข้อ 3)
5.\tรักษาคำพูดของคุณไว้
รักษาสัญญาของคุณแม้ว่า ‘ต้องเสียประโยชน์’ (ข้อ 4ข) สิ่งนี้มีความหมายเดียวกับการทำสิ่งที่คุณมุ่งมั่นที่จะทำแม้ว่ามันจะไม่เหมาะกับตัวคุณก็ตาม (เป็นความท้าทายเฉพาะสำหรับคนรุ่นเรา เมื่อข้อความในมือถือสามารถยกเลิกการจัดการทุกอย่างได้ทุกเมื่อทุกเวลา)
6.\tใจกว้าง
หากคุณให้ยืมเงินอย่าคิดดอกเบี้ยมากเกินไป (ข้อ 5ก)
7.\tซื่อสัตย์
อย่ารับ ‘สินบน’ (ข้อ 5ข)
เมื่ออุปนิสัยของเราเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางเหล่านี้ สถานการณ์ที่ยากลำบากและความทุกข์ยากจะส่งผลกระทบต่อเราน้อยลง เช่นเดียวกับที่ดาวิดกล่าวว่า ‘ผู้ทำสิ่งเหล่านี้จะไม่หวั่นไหวเป็นนิตย์’ (ข้อ 5ค) และคุณจะได้อาศัยอยู่ในสถานบริสุทธิ์ของพระเจ้า (ข้อ 1ก)
เมื่อช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานนำไปสู่การสร้างอุปนิสัย ดังนั้นการสร้างอุปนิสัยจึงนำไปสู่ความรู้เกี่ยวกับความหวังที่มั่นคงและประสบการณ์ความรักของพระเจ้า (โรม 5:3–5) ความหวังและความรักเป็นพลังที่มั่นคงที่สุดที่คุณสามารถรู้ได้เมื่อเผชิญกับความทุกข์ยากและความไม่แน่นอน
คำอธิษฐาน
มัทธิว 17:14-18:9
การทรงรักษาเด็กที่มีผีสิง
14เมื่อพระเยซูกับพวกสาวกเสด็จมาถึงฝูงชนแล้ว มีชายคนหนึ่งมาหาพระองค์คุกเข่าลง ทูลว่า 15“องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงพระเมตตาลูกของข้าพระองค์เถิด เพราะเขาเป็นโรคลมบ้าหมู มีความทุกข์ทรมานมาก เคยตกไฟตกน้ำบ่อยๆ 16ข้าพระองค์พาเขามาหาพวกสาวกของพระองค์ แต่สาวกรักษาเขาไม่ได้” 17พระเยซูตรัสตอบว่า “โอ นี่เป็นยุคที่ขาดความเชื่อและวิปลาส เราจะต้องอดกลั้นกับพวกท่านนานเพียงไร? จงพาเด็กคนนั้นมาหาเราที่นี่เถิด” 18พระเยซูจึงตรัสสำทับผีนั้น มันก็ออกจากตัวเด็ก ในทันใดนั้นเด็กก็หายเป็นปกติ 19ภายหลังสาวกทั้งหลายของพระเยซูมาหาพระองค์เป็นการส่วนตัว ทูลถามว่า “ทำไมพวกข้าพระองค์ขับผีนั้นออกไม่ได้?” 20พระเยซูตรัสตอบว่า “เพราะว่าพวกท่านมีความเชื่อน้อย เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง พวกท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงเคลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น’ มันก็จะเคลื่อนไป และสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย” 21แต่ผีชนิดนี้จะขับไม่ออกนอกจากโดยการอธิษฐานและการอดอาหาร
การทรงพยากรณ์อีกครั้ง ถึงการสิ้นพระชนม์ และการคืนพระชนม์ของพระองค์
22เมื่อพระองค์กับบรรดาสาวกชุมนุมกันอยู่ในแคว้นกาลิลี พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือคนทั้งหลาย 23และเขาทั้งหลายจะประหารชีวิตท่านเสีย ในวันที่สามพระเจ้าจะโปรดให้ท่านเป็นขึ้นมาใหม่” บรรดาสาวกก็พากันเป็นทุกข์ยิ่งนัก
พระเยซูและค่าบำรุงพระวิหาร
24เมื่อเขาทั้งหลายมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมแล้ว ผู้เก็บค่าบำรุงพระวิหารมาหาเปโตรถามว่า “อาจารย์ของท่านไม่เสียค่าบำรุงพระวิหารหรือ?” 25เปโตรตอบว่า “เสีย” เมื่อเปโตรเข้าไปในบ้าน พระเยซูตรัสกับเขาก่อนว่า “ซีโมนเอ๋ย ท่านคิดอย่างไร? กษัตริย์ของโลกเก็บภาษีและส่วยจากใคร? จากโอรสหรือจากคนอื่น?” 26เปโตรทูลตอบว่า “เก็บจากคนอื่น” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ถ้าเช่นนั้นโอรสก็ไม่ต้องเสีย 27แต่เพื่อไม่ให้พวกเขาสะดุด ท่านจงไปตกเบ็ดที่ทะเล เมื่อได้ปลาตัวแรกขึ้นมาก็ให้เปิดปากมัน แล้วท่านจะพบเหรียญอันหนึ่ง จงเอาไปชำระค่าบำรุงพระวิหารสำหรับเรากับท่านเถิด”
มัทธิว 18
คนที่เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสวรรค์
1ในเวลานั้นสาวกทั้งหลายมาเฝ้าพระเยซูทูลว่า “ใครเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสวรรค์?” 2พระเยซูจึงทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมา และให้มายืนท่ามกลางเขาทั้งหลาย 3แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านไม่กลับใจและเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ก็จะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้เลย 4เพราะฉะนั้น ถ้าใครถ่อมจิตใจลงเหมือนเด็กเล็กๆ คนนี้ คนนั้นจะเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสวรรค์
5“และถ้าใครจะยอมรับเด็กเล็กๆ อย่างนี้สักคนหนึ่งในนามของเรา คนนั้นก็ยอมรับเราด้วย
การทดลองให้ทำบาป
6“แต่ถ้าใครทำให้ผู้เล็กน้อยเหล่านี้คนหนึ่งที่วางใจในเราหลงผิดไป เอาหินโม่ก้อนใหญ่ผูกคอคนนั้นแล้วถ่วงเขาเสียที่ทะเลลึกก็จะดีกว่า 7วิบัติแก่โลกนี้ที่ทำให้มีการหลงผิด การหลงผิดย่อมจะต้องมี แต่วิบัติจงมีแก่คนที่ทำให้เกิดการหลงผิด 8ถ้ามือหรือเท้าของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดทิ้งเสีย การเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ด้วยมือและเท้าด้วนหรือพิการ ยังดีกว่ามีสองมือสองเท้า แต่ต้องถูกทิ้งในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ 9ถ้าตาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักออกทิ้งเสีย การเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ด้วยตาข้างเดียว ยังดีกว่ามีสองตาแต่ต้องถูกทิ้งในไฟนรก
อรรถาธิบาย
พระเจ้าทรงใช้ความทุกข์ยากเพื่อช่วยคุณให้รอด
พระเยซูเสด็จมาเพื่อจัดการกับความทุกข์ทรมาน (17:22–23) ในท้ายที่สุดเพื่อขจัดความทุกข์ทรมานทั้งหมดผ่านไม้กางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์
หัวใจของทุกสรรพสิ่งคือความทุกข์ทรมานของพระเจ้าบนไม้กางเขน ‘"บุตรมนุษย์กำลังจะถูกทรยศโดยผู้คนที่ไม่ต้องการพระเจ้า พวกเขาจะฆ่าพระองค์ และสามวันต่อมาพระองค์จะทรงฟื้นขึ้นมา” พวกสาวกรู้สึกแย่มาก’ (ข้อ 22–23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่มนุษย์เป็น (และอำนาจของมารทั้งหมด) ที่มีเจตนาชั่วร้าย พระเจ้าทรงประสงค์เพื่อสิ่งดี คือการช่วยชีวิตคนจำนวนมาก
พระองค์สามารถแบกรับความชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยกระทำมา (การสังหารพระบุตรของพระเจ้า) และใช้มันเพื่อประโยชน์สูงสุด (ความรอดของมนุษยชาติ)
การรักษาเด็กชายที่เป็นโรคลมบ้าหมู (ข้อ 18) เป็นการได้ลิ้มลองถึงช่วงเวลาที่จะไม่มีความเจ็บป่วยหรือความทุกข์ทรมาน การสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูหมายความว่าไม่จำเป็นต้องมีใคร ‘ถูกทิ้งในไฟนรก’ (18:9)
คุณควรตอบสนองอย่างไร?
1.\tมีความเชื่อ
ในข้อนี้เราจะเห็นความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัส (17:15 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ของเด็กที่เจ็บป่วยและความทุกข์ทรมานของพ่อแม่ ในกรณีนี้การที่สาวกไม่สามารถรักษาได้นั้นมาจากการขาดความเชื่อของพวกเขา (แม้ว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป บางคนอธิษฐานขอการรักษาด้วยความเชื่อมหาศาล แต่ไม่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจน) พระเยซูตรัสว่าถ้าคุณมีความเชื่อเพียงเล็กน้อย คุณก็สามารถเคลื่อนภูเขาได้ ‘สิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย' (ข้อ 20)
2.\tอย่าก่อความผิดโดยไม่จำเป็น
พระเยซูทรงอธิบายว่าแม้ว่าพระองค์จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีสำหรับพระวิหาร (บ้านของพระเจ้า) เพราะพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า แต่พระองค์ทรงจ่ายราคาอย่างอัศจรรย์ให้ทั้งตัวพระองค์เองและเปโตร ‘เพื่อไม่ให้พวกเขาสะดุด’ (ข้อ 27) ถึงแม้พระเยซูเต็มใจที่จะสร้างความขุ่นเคืองหากจำเป็น แต่พระองค์ก็ไม่ต้องการก่อความผิดโดยไม่จำเป็น
3.\tจงถ่อมตัวลง
ความยิ่งใหญ่ในอาณาจักรแห่งสวรรค์ไม่เกี่ยวกับความสำเร็จ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการถ่อมตัวเหมือนเด็ก (18:4)
4.\tเป็นคนเด็ดขาด
พระเยซูทรงเรียกให้เราเป็นคนเด็ดขาดในการตัดบาปออกจากชีวิต (ข้อ 7–9)
คำอธิษฐาน
ปฐมกาล 49:1-50:26
ถ้อยคำสุดท้ายของยาโคบ ต่อบรรดาบุตรชาย
1ยาโคบเรียกบรรดาบุตรชายของท่านมา สั่งว่า “พวกเจ้ามารวมกันแล้วเราจะบอกสิ่งที่จะบังเกิดแก่พวกเจ้าภายหน้า
2“บรรดาบุตรชายของยาโคบเอ๋ย จงมารวมกันฟัง
จงฟังอิสราเอลบิดาของพวกเจ้า
3“รูเบนเอ๋ย เจ้าเป็นบุตรหัวปีของเรา
เป็นกำลังและเป็นผลแรกแห่งเรี่ยวแรงของเรา
เป็นสูงสุดของเกียรติและสูงสุดของพลัง
4เจ้าเชี่ยวกรากอย่างน้ำจึงสูงสุดไม่ได้
เพราะเจ้าขึ้นไปบนเตียงบิดาของเจ้า
เจ้าทำให้เป็นมลทิน เจ้าขึ้นไปนอนที่ของเรา
5“สิเมโอนกับเลวีเป็นพี่น้องกัน
กระบี่ของพวกเขาเป็นอาวุธร้ายแรง
6จิตใจของเราเอ๋ย อย่าเข้าไปในที่ชุมนุมของพวกเขา
ศักดิ์ศรีของเราเอ๋ย อย่าเข้าร่วมในที่ประชุมของพวกเขา
เพราะพวกเขาฆ่าคนด้วยความโกรธ
เขาตัดเอ็นโคตัวผู้ตามอำเภอใจพวกเขา
7ให้ความโกรธของพวกเขาถูกแช่งเพราะรุนแรง
ให้ความโมโหของพวกเขาถูกแช่งเพราะดุร้าย
เราจะให้พวกเขาแตกแยกกันในยาโคบ
จะให้พวกเขาพลัดพรากกันไปในอิสราเอล
8ยูดาห์เอ๋ย พวกพี่น้องจะสรรเสริญเจ้า
มือของเจ้าจะจับคอเหล่าศัตรูของเจ้า
บรรดาบุตรชายของบิดาจะน้อมลงคำนับเจ้า
9“ยูดาห์เป็นลูกสิงห์
ลูกเอ๋ย เจ้าขึ้นไปจากเหยื่อ
เขาก้มลง เขาหมอบลงเหมือนสิงห์ตัวผู้
และเหมือนสิงห์ ใครจะกล้าแหย่เขาให้ลุกขึ้น
10คทาจะไม่ขาดไปจากยูดาห์
ทั้งไม้ถือของผู้ปกครองจะไม่ขาดไปจากหว่างเท้าของเขา
จนกว่าชีโลห์จะมา
และชนชาติทั้งหลายจะเชื่อฟังเขา
11ผูกลาผู้ของเขาไว้ที่เถาองุ่น
ผูกลูกลาไว้ที่เถาองุ่นผลแดง
เขาซักเสื้อผ้าของเขาด้วยเหล้าองุ่น
ซักเสื้อคลุมของเขาด้วยน้ำองุ่นสีเลือด
12ตาเขาแดงด้วยเหล้าองุ่น
ฟันขาวกว่าน้ำนม
13“เศบูลุนจะอาศัยอยู่ที่ท่าเรือริมทะเล
เขาจะเป็นท่าจอดเรือ
เขตแดนของเขาจะไปถึงไซดอน
14“ฝ่ายอิสสาคาร์เป็นตัวลามีกำลังมาก
หมอบลงกลางอานสองข้างของมัน
15เขาเห็นว่าที่พักดี
และแผ่นดินสบาย
จึงย่อบ่าของเขาลงรับไว้
กลายเป็นทาสแรงงาน
16“ส่วนดานจะพิพากษาประชาชนของเขา
เป็นเผ่าหนึ่งในอิสราเอล
17ดานจะเป็นงูอยู่กลางทาง
เป็นงูพิษที่อยู่ในหนทางที่กัดส้นเท้าม้า
ให้คนขี่ตกหงายลง
18ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์รอคอยความรอดของพระองค์
19“ฝ่ายกาดนั้นจะถูกพวกปล้น ไล่ปล้นเขา
แต่เขาจะกลับไล่ปล้นติดส้นพวกนั้น
20“อาหารของอาเชอร์จะบริบูรณ์
และเขาจะผลิตเครื่องเสวยสำหรับกษัตริย์
21“นัฟทาลีเป็นกวางตัวเมียที่ถูกปล่อย
ผู้ให้กำเนิดลูกกวางงดงาม
22“โยเซฟเป็นกิ่งที่เกิดผล
เป็นกิ่งที่เกิดผลอยู่ริมบ่อน้ำ
มีกิ่งเลื้อยบนกำแพง
23พวกทหารธนูโจมตีเขาอย่างโหดร้าย
ทั้งยิงและข่มขู่เขา
24แต่ธนูของเขาเองยืนหยัด
ลำแขนของเขามีกำลังขึ้น
โดยพระหัตถ์ของผู้ทรงฤทธิ์ของยาโคบ
โดยพระนามของผู้เลี้ยงแกะคือศิลาแห่งอิสราเอล
25โดยพระเจ้าของบิดาเจ้าผู้ทรงช่วยเจ้า
โดยพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ผู้ทรงอวยพรแก่เจ้า
ด้วยพรที่มาจากฟ้าเบื้องบน
พรที่มาจากที่ลึกเบื้องล่าง
พรที่มาจากนมและครรภ์
26ส่วนพรจากบิดาของเจ้า
ยิ่งใหญ่กว่าพรของภูเขา
จนถึงความบริบูรณ์ของเนินเขานิรันดร์
ขอพรเหล่านั้นอยู่บนศีรษะของโยเซฟ
และอยู่บนหน้าผากของผู้ที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางพี่น้อง
27“ฝ่ายเบนยามินเป็นสุนัขป่าที่ล่าเหยื่อ
เวลาเช้าก็กินเหยื่อเสีย
เวลาเย็นก็แบ่งปันของที่ยึดได้”
28ทั้งหมดนี้เป็นเผ่าทั้งสิบสองของอิสราเอล นี่เป็นถ้อยคำที่บิดาของพวกเขากล่าวไว้เมื่ออวยพรพวกเขา ยาโคบให้พรแก่พวกเขาทุกคนตามพรของแต่ละคน
มรณกรรมและการฝังศพยาโคบ
29ยาโคบสั่งพวกเขาว่า “พ่อจะถูกรวมไปอยู่กับคนของพ่อ จงฝังพ่อไว้กับบรรพบุรุษของพ่อ ในถ้ำที่นาของเอโฟรนคนฮิตไทต์ 30ในถ้ำที่อยู่ในนาชื่อมัคเป-ลาห์ หน้ามัมเรในดินแดนคานาอัน ถ้ำกับนานี้อับราฮัมซื้อจากเอโฟรนคนฮิตไทต์ไว้เป็นสุสาน 31ณ ที่นั่น พวกเขาฝังศพอับราฮัม และซาราห์ภรรยา ที่นั่นพวกเขาฝังศพอิสอัค และเรเบคาห์ภรรยา และที่นั่นเราฝังศพเลอาห์ 32นากับถ้ำที่อยู่ในนานั้นซื้อมาจากคนฮิตไทต์” 33เมื่อยาโคบสั่งพวกบุตรชายของท่านเสร็จแล้ว ก็ยกเท้าขึ้นบนที่นอน แล้วก็สิ้นใจ และถูกรวมไปอยู่กับบรรพบุรุษของท่าน
ปฐมกาล 50
1โยเซฟซบหน้าลงที่หน้าบิดาแล้วร้องไห้และจูบท่าน 2โยเซฟบัญชาพวกหมอที่เป็นข้าราชการของท่าน ให้อาบยารักษาศพบิดาไว้ พวกหมอก็อาบยารักษาศพอิสราเอล 3การอาบยารักษาศพใช้เวลาสี่สิบวันตามจำนวนวันในการอาบยารักษาศพ ชาวอียิปต์ก็ไว้ทุกข์ให้อิสราเอลถึงเจ็ดสิบวัน 4เมื่อเวลาไว้ทุกข์ล่วงไปแล้ว โยเซฟก็แจ้งคนในราชสำนักฟาโรห์ว่า “ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน ขอทูลฟาโรห์ดังนี้ว่า 5บิดาให้ข้าพระบาทสาบานว่า ‘พ่อจวนจะตายแล้ว เมื่อตายแล้วจงเอาศพพ่อไปฝังไว้ในสุสานที่พ่อได้ขุดไว้สำหรับพ่อ ณ ดินแดนคานาอัน’ ดังนั้น ขอโปรดให้ข้าพระบาทไปฝังศพบิดาแล้วข้าพระบาทจะกลับมาอีก” 6ฟาโรห์ก็รับสั่งว่า “ไปฝังศพบิดาของท่านตามที่บิดาให้ท่านสาบานไว้” 7โยเซฟจึงไปฝังศพบิดา ส่วนพวกข้าราชการของฟาโรห์ ผู้ใหญ่ในราชสำนักและบรรดาผู้ใหญ่ทั่วแผ่นดินอียิปต์ก็ไปกับท่าน 8พร้อมกับครอบครัวทั้งหมดของโยเซฟ พวกพี่น้องและครอบครัวของบิดาท่านก็ไปด้วยเช่นกัน เว้นแต่เด็กเล็กๆ และฝูงแพะแกะฝูงโคเท่านั้น เขาให้อยู่ในดินแดนโกเชน 9มีขบวนรถรบ ขบวนม้าไปกับท่านเป็นขบวนใหญ่โตมาก 10เมื่อเขาพากันมาถึงลานนวดข้าวแห่งหนึ่งที่อาทาด ซึ่งอยู่ใกล้แม่น้ำจอร์แดน พวกเขาคร่ำครวญและร้องไห้มากยิ่งนัก โยเซฟก็ไว้ทุกข์ให้บิดาเจ็ดวัน 11เมื่อชาวดินแดนนั้นคือคนคานาอันเห็นการไว้ทุกข์ที่ลานอาทาด จึงพูดกันว่า “นี่เป็นการไว้ทุกข์ใหญ่ของชาวอียิปต์” ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกชื่อที่นั่นว่า อาเบลมิสราอิม ที่นั้นอยู่ใกล้แม่น้ำจอร์แดน 12พวกบุตรของยาโคบก็ทำให้บิดาตามคำที่ท่านสั่งไว้ 13คือบรรดาบุตรนำศพไปยังดินแดนคานาอัน แล้วฝังไว้ในถ้ำที่อยู่ในนาชื่อ มัคเป-ลาห์ เป็นนาซึ่งอับราฮัมซื้อไว้จากเอโฟรนคนฮิตไทต์เป็นสุสาน อยู่หน้ามัมเรก14เมื่อฝังศพบิดาแล้ว โยเซฟก็กลับมาอียิปต์ ทั้งท่านกับพวกพี่น้องและคนทั้งปวงที่ขึ้นไปฝังศพบิดาพร้อมกับท่าน
โยเซฟยกโทษให้พวกพี่ชาย
15เมื่อพวกพี่ชายของโยเซฟเห็นว่าบิดาสิ้นชีวิตแล้ว จึงพูดว่า “น่ากลัวโยเซฟจะชังพวกเรา และจะแก้แค้นพวกเราแน่ๆ เพราะการร้ายทั้งหมดที่พวกเราเคยทำแก่เขา” 16พวกพี่ก็สั่งให้คนไปหาโยเซฟกล่าวว่า “บิดาท่านเมื่อก่อนตายสั่งไว้ว่า 17‘พวกเจ้าจงพูดกับโยเซฟอย่างนี้ว่า พ่อขอให้เจ้ายกโทษบาปของพวกพี่ชายและความผิดเนื่องจากการร้ายที่พวกเขาทำต่อเจ้า’ บัดนี้ขอท่านโปรดยกโทษบาปของพวกผู้รับใช้ของพระเจ้าของบิดาท่าน” โยเซฟร้องไห้เมื่อพวกพี่ชายพูด 18พวกพี่ชายก็พากันมาค้อมตัวลงต่อหน้าโยเซฟแล้วว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพวกผู้รับใช้ของท่าน” 19โยเซฟจึงบอกพวกเขาว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นดังพระเจ้าหรือ? 20พวกท่านคิดร้ายต่อเราก็จริง แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดีดังที่เป็นอยู่วันนี้ คือช่วยชีวิตคนเป็นอันมาก 21ดังนั้นเวลานี้พวกพี่อย่ากลัวเลย เราจะบำรุงเลี้ยงพวกพี่ทั้งพวกลูกๆ ของพวกพี่ด้วย” โยเซฟพูดปลอบโยนพวกพี่และพูดให้พวกเขาอุ่นใจ
มรณกรรมของโยเซฟ
22โยเซฟอาศัยอยู่ในอียิปต์กับครอบครัวบิดาของท่าน โยเซฟมีอายุ 110 ปี 23โยเซฟเห็นพวกลูกๆ ของเอฟราอิมจนถึงชนรุ่นที่สาม บรรดาบุตรของมาคีร์ผู้เป็นบุตรของมนัสเสห์ก็เกิดมาบนเข่าของโยเซฟ 24โยเซฟบอกพวกพี่น้องว่า “เราจะตายแล้ว แต่พระเจ้าจะเสด็จมาเยี่ยมเยียนพวกท่านแน่ๆ และจะพาออกไปจากดินแดนนี้ ไปสู่ดินแดนที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ” 25โยเซฟให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลสาบานว่า “พระเจ้าจะเสด็จมาเยี่ยมเยียนพวกท่านแน่ๆ แล้วท่านทั้งหลายต้องนำกระดูกของเราไปจากที่นี่” 26โยเซฟตายเมื่ออายุได้ 110 ปี พวกเขาก็อาบยารักษาศพ แล้วบรรจุโลงไว้ในอียิปต์
อรรถาธิบาย
พระเจ้าทรงใช้ความทุกข์ทรมานเพื่อพระประสงค์ที่ดีของพระองค์
ไม่ว่าคนที่ชั่วร้ายหรือแม้แต่มารวางแผนต่อต้านคุณ พระเจ้าก็สามารถใช้มันเพื่อพระประสงค์ที่ดีของพระองค์เอง นั่นคือเพื่อผลดีของคุณเองและประโยชน์ของผู้อื่นที่จะได้รับพรผ่านชีวิตและพันธกิจของคุณ
เมื่อยาโคบมาถึงจุดจบของชีวิตเขาก็อวยพรบุตรชายของเขา เขาอวยพรยูดาห์ด้วยชัยชนะความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นผู้นำ ยูดาห์จะกลายเป็นเผ่าทางใต้ที่มีอำนาจมากที่สุดของอิสราเอล ผ่านทางดาวิด กษัตริย์ของคนทั้งชาติ
เราเห็นภาพลาง ๆ ของพระเยซูที่นี่ 'คทาจะไม่ขาดไปจากยูดาห์ ทั้งไม้ถือของผู้ปกครองจะไม่ขาดไปจากหว่างเท้าของเขา’ (49:10) ต่อไปเราจะเห็นว่า ‘ดาวดวงหนึ่งจะออกมาจากยาโคบ และพระคทาอันหนึ่งจะมาจากอิสราเอล’ (กันดารวิถี 24:17) ยาโคบใช้ภาพของสิงห์ (ปฐมกาล 49:9) พระเยซูถูกอธิบายว่าเป็น ‘สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์ ซึ่งเป็นรากเหง้าของดาวิด’ (วิวรณ์ 5:5)
ยาโคบได้อวยพรโยเซฟซึ่งเป็น ‘กิ่งที่เกิดผล' (ปฐมกาล 49:22) เขาเคยผ่านความยากลำบากและการโจมตี แต่พระเจ้าทรงใช้ทุกอย่างให้เป็นประโยชน์ โยเซฟประสบความสำเร็จเพราะพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เหนือเขา และทรงเปลี่ยนความชั่วร้ายให้เป็นพระพร (50:20)
เมื่อยาโคบเสียชีวิตพี่ ๆ ของโยเซฟกังวลว่าโยเซฟจะแก้แค้นความผิดทั้งหมดที่พวกเขาทำกับเขา (ข้อ 15) แต่โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า ‘“อย่ากลัวเลย เราเป็นดังพระเจ้าหรือ? พวกท่านคิดร้ายต่อเราก็จริง แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดีดังที่เป็นอยู่วันนี้ คือช่วยชีวิตคนเป็นอันมาก ดังนั้นเวลานี้พวกพี่อย่ากลัวเลย เราจะบำรุงเลี้ยงพวกพี่ทั้งพวกลูกๆ ของพวกพี่ด้วย” โยเซฟพูดปลอบโยนพวกพี่และพูดให้พวกเขาอุ่นใจ’ (ข้อ 19–21)
อาร์ ที เคนดอลล์ เขียนว่า ‘สำหรับโยเซฟการแก้แค้นพี่น้องอย่างตรงไปตรงมาอาจทำบางอย่างเพื่อตัวเขาเองในช่วงเวลานั้น แต่จะไม่เกิดประโยชน์อะไรต่ออาณาจักรของพระเจ้า เมื่อเราถูกทำร้ายยังไงก็ตาม เราต้องตระหนักว่าความทุกข์ทรมานของเรามีความหมายที่ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่สำหรับอาณาจักรของพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่า มีเหตุผลที่มองไม่เห็นสำหรับความทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่อง ใครจะรู้ว่าพระเจ้าจะทำอะไรกับชีวิตของคุณ หากคุณปฏิบัติอย่างไม่ให้เกียรติ?”
จงมองดูพระหัตถ์ของพระเจ้าในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณทั้งดีและไม่ดี จงดูทั้งหมดด้วยสายตาแห่งความเชื่อ ทำความเข้าใจว่าทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของพระเจ้าที่จะนำความดีออกมาจากความชั่วร้าย (เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงทำผ่านการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูบนไม้กางเขน)
คำสัญญาของพันธสัญญาใหม่คือพระเจ้าจะทรงใช้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณให้เป็นประโยชน์ ในขณะที่คุณเผชิญกับการทดลอง การล่อลวง การดิ้นรน และความยากลำบาก พันธสัญญาใหม่รับรองกับคุณว่า 'เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์’ (โรม 8:28)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
มัทธิว 17:20
‘…ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง พวกท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า “จงเคลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น…”’
เมล็ดมัสตาร์ดฟังดูไม่มาก มันต้องเป็นไปได้ ยังมีภูเขาลูกใหญ่บางลูกในรายการอธิษฐานของฉันที่ดูเหมือนจะไม่เคลื่อนไหว นี่เป็นกำลังใจให้อธิษฐานต่อไปแม้เรื่องใหญ่ ๆ
ข้อพระคำประจำวัน
มัทธิว 17:20–21
‘… ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด…สิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย” (มัทธิว 17:20–21)‘
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)