วัน 243

จับจ้องไปยังสิ่งที่มองไม่เห็น

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 104:31-35
พันธสัญญาใหม่ 2 โครินธ์ 4:1-18
พันธสัญญาเดิม มีคาห์ 1:1-4:13

เกริ่นนำ

คุณเคยรู้สึกท้อแท้ไหม? คุณเคยถูกล่อลวงให้ ‘ย่อท้อ’ หรือไม่? ถ้าเคย คุณไม่เคยเป็นคนเดียว เปาโลเองถูกล่อลวงจนย่อท้อไปเช่นกัน และท่านจึงเขียนจดหมายถึงคริสเตียนคนอื่น ๆ ที่กำลังถูกล่อลวงเช่นนั้น

เปาโลเขียนว่า ‘เราจึงไม่ย่อท้อ’ (2 โครินธ์ 4:1,16) ‘เราไม่ละทิ้งพันธกิจของเรา’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ทำไมถึงไม่ล่ะ? เปาโลอธิบายว่าเป็นเพราะในพระเยซู เราได้รับ ‘ของล้ำค่า’ (ข้อ 7) ของล้ำค่านี้คือข่าวประเสริฐของพระเยซู เป็นเพราะข่าวประเสริฐที่เปาโลต้องประกาศนั้นน่าทึ่งมากที่เขาเริ่มต้นและจบลงด้วยการพูดว่า ‘ฉะนั้น... เราไม่ย่อท้อ’ (ข้อ 1, 16)

แต่ของล้ำค่านั้นอยู่ภายในและมองไม่เห็น เปาโลอธิบายเสมือนว่าอยู่ใน ‘ภาชนะดิน’ (ข้อ 7) วัฒนธรรมของเราเน้นที่สิ่งภายนอกและสิ่งที่มองเห็น สื่อถูกครอบงำด้วยความงามภายนอก และความสำเร็จภายนอก แต่พระคัมภีร์เน้นถึงความสำคัญของสิ่งที่อยู่ภายใน และสิ่งที่มองไม่เห็น ความเชื่อ ความคิด และทัศนคติที่กำหนดพฤติกรรมภายนอกของเรา ‘เพราะว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นถาวรนิรันดร์’ (ข้อ 18) สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นถาวรนิรันดร์

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 104:31-35

31ขอพระสิริของพระยาห์เวห์ดำรงอยู่เป็นนิตย์
 ขอพระยาห์เวห์ทรงยินดีในบรรดาพระราชกิจของพระองค์
32พระองค์ทอดพระเนตรโลก มันก็สั่นสะท้าน
 พระองค์ทรงแตะต้องภูเขา มันก็มีควันขึ้นมา
33ข้ามีชีวิตอยู่ตราบใด ข้าจะร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์
 ขณะข้ายังเป็นอยู่ ข้าจะร้องเพลงสดุดีถวายพระเจ้าของข้า
34ขอให้การภาวนาของข้าเป็นสิ่งที่พอพระทัย
 ข้ายินดีในพระยาห์เวห์
35ขอให้คนบาปถูกผลาญเสียจากแผ่นดินโลก
 และขออย่าให้มีคนอธรรมอีกเลย

อรรถาธิบาย

ความคิดที่อยู่ภายในและที่มองไม่เห็น

ถ้าคุณรู้วิธีที่จะกังวล คุณก็รู้วิธีที่จะอธิษฐาน! สิ่งที่คุณต้องทำคือเปลี่ยนสิ่งที่คุณคิดและอธิษฐานแบบคริสเตียน

‘การภาวนา’ (ข้อ 34) หมายถึงสิ่งที่คุณคิด สิ่งที่คุณปล่อยให้จิตใจของคุณจดจ่อ การกระทำและคำพูดของคุณมีความสำคัญ แต่ไม่ใช่แค่การกระทำและคำพูดของคุณเท่านั้นที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัยหรือไม่ มันคือการภาวนาที่อยู่ภายในและที่มองไม่เห็นของคุณเช่นกัน

ผู้เขียนสดุดีสรรเสริญพระเจ้าสำหรับการทรงสร้างทั้งหมด เขากล่าวว่า ‘ขณะข้ายังเป็นอยู่ ข้าจะร้องเพลงสดุดีถวายพระเจ้าของข้า’ (ข้อ 33) จากนั้นเขาก็อธิษฐานว่า ‘ขอให้การภาวนาของข้าเป็นสิ่งที่พอพระทัย’ (ข้อ 34)

สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร? อัครสาวกเปาโลมีคำแนะนำที่ดีว่า ‘ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง’ (ฟีลิปปี 4:8)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้การกระทำ คำพูด และความคิดของข้าพระองค์เป็นที่พอพระทัยในวันนี้
พันธสัญญาใหม่

2 โครินธ์ 4:1-18

ของมีค่าในภาชนะดิน

 1เพราะเหตุนี้เมื่อเรามีพันธกิจนี้โดยได้รับพระเมตตา เราจึงไม่ย่อท้อ 2เราได้ละทิ้งการกระทำต่างๆ ที่แอบแฝงและน่าอับอายไปแล้ว เราไม่ใช้อุบายและไม่ได้บิดเบือนพระวจนะของพระเจ้า แต่โดยการเปิดเผยความจริง เราเสนอตัวเราต่อมโนธรรมของทุกคนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า 3แต่ถ้าแม้ข่าวประเสริฐของเรายังถูกปิดบังไว้อีก ก็ถูกปิดบังไว้จากพวกที่กำลังจะพินาศ 4คือในกรณีของพวกเขา พระของยุคนี้ได้ทำให้ความคิดของคนที่ไม่เชื่อมืดมนไป เพื่อไม่ให้เห็นความสว่างของข่าวประเสริฐ คือเรื่องพระสิริของพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้า 5เพราะว่าเราไม่ได้ประกาศตัวเอง แต่ประกาศว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และประกาศว่าตัวเราเองเป็นทาสของท่านทั้งหลายเพราะเห็นแก่พระเยซู 6เพราะว่าพระเจ้าผู้ตรัสว่าให้ความสว่างส่องออกมาจากความมืด ทรงส่องสว่างเข้ามาในใจของเรา เพื่อให้เรามีความสว่างแห่งความรู้ถึงพระสิริของพระเจ้า ที่ปรากฏบนพระพักตร์ของพระคริสต์
 7แต่เรามีของล้ำค่านี้อยู่ในภาชนะดิน เพื่อให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า ไม่ได้มาจากตัวเราเอง 8เราเผชิญความยากลำบากรอบด้าน แต่ก็ไม่ถูกบดขยี้ เราสับสนแต่ก็ไม่หมดหวัง 9เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีให้ล้มลง แต่ก็ไม่ถูกทำลาย 10เราแบกความตายของพระเยซูไว้ในร่างกายเสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะปรากฏในร่างกายของเราด้วย 11เพราะว่าเราที่มีชีวิตอยู่นั้น ถูกมอบไว้กับความตายอยู่เสมอเพราะเห็นแก่พระเยซู เพื่อชีวิตของพระเยซูจะปรากฏในร่างกายเนื้อหนังที่ต้องตายของเรา 12ฉะนั้นความตายจึงกำลังทำการอยู่ในเรา แต่ชีวิตกำลังทำการอยู่ในท่านทั้งหลาย 13และเรามีใจเชื่อเช่นเดียวกับที่เขียนไว้ว่า“ข้าพเจ้าเชื่อฉะนั้นข้าพเจ้าจึงพูด” เราก็เชื่อฉะนั้นเราจึงพูดด้วย 14เรารู้ว่าพระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นขึ้นมานั้น จะทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระเยซูด้วย และจะทรงพาเราเข้าเฝ้าพร้อมกับท่านทั้งหลาย 15เพราะว่าทุกๆ สิ่งก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน เพื่อว่าเมื่อพระคุณมาถึงคนจำนวนมากขึ้น การขอบพระคุณก็จะมีมากยิ่งขึ้น อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

มีชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ

 16ฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่าสภาพภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่สภาพภายในนั้นก็ได้รับการเปลี่ยนใหม่ทุกๆ วัน 17เพราะว่าความยากลำบากชั่วคราวและเล็กน้อยของเรา จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีนิรันดร์มากมายอย่างไม่มีที่เปรียบ 18เราไม่ได้เอาใจใส่ในสิ่งที่มองเห็น แต่เอาใจใส่ในสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นถาวรนิรันดร์

อรรถาธิบาย

ของล้ำค่าที่อยู่ภายในและที่มองไม่เห็น

คุณมีสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในโลก ความเชื่อในพระเยซูเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งโดยสิ้นเชิง ทั้งในปัจจุบันและนิรันดร์ ‘เรารู้ว่าพระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นขึ้นมานั้น จะทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระเยซูด้วย และจะทรงพาเราเข้าเฝ้าพร้อมกับท่านทั้งหลาย’ (ข้อ 14) คุณจะมีชีวิตนิรันดร์

ชีวิตนี้ไม่ใช่จุดจบ เพราะสิ่งที่เห็นอยู่นั้นชั่วคราว แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นเป็นนิรันดร์ ‘สิ่งที่เรามองไม่เห็นในตอนนี้นั้นถาวรนิรันดร์’ (ข้อ 18 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ค่านิยมทางโลกนำไปสู่การมองสิ่งที่มองเห็น และตอนนี้แม้แต่คริสตจักรก็ลืมเกี่ยวกับ ‘นิรันดร์กาล’ เรามุ่งเน้นและให้คุณค่ากับสิ่งที่เรามองเห็นและจัดการได้ แต่ ‘นิรันดร์กาล’ เป็นใจความสำคัญของสาระทั้งหมด

ในข่าวประเสริฐของพระเยซูมีสี่สิ่งที่เราต้องพูดว่า ‘ไม่’

1. ไม่มีการแอบแฝง
‘เราได้ละทิ้งการกระทำต่าง ๆ...ที่แอบแฝง’ (ข้อ 2) ‘เราปฏิเสธที่จะสวมหน้ากาก’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เราต้องเปิดเผยในทุกสิ่งที่เราทำ ‘เราเปิดเผยทุกสิ่งที่เราทำและพูดออกมา ความจริงก็ปรากฏ’ (ข้อ 2ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2. ไม่มีความอับอาย
‘เราได้ละทิ้งการกระทำต่าง ๆ...ที่น่าอับอาย’ (ข้อ 2) เราไม่ควรทำอะไรที่หากพบว่าเรารู้สึกละอายใจ

3. ไม่มีอุบาย
‘เราไม่ใช้อุบาย’ (ข้อ 2) ‘เราไม่ได้วางแผนและจัดการลับหลัง’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

4. ไม่มีการบิดเบือน
‘ไม่ได้บิดเบือนพระวจนะของพระเจ้า’ (ข้อ 2) ‘เราไม่บิดเบือนพระวจนะของพระเจ้าเพื่อให้เหมาะกับตัวเรา’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เราต้องไม่บิดเบือนเนื้อหาเพื่อที่เราจะยอมรับได้มากขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม อาจารย์เปาโลเขียนว่าท่านได้แสดงความจริง ‘เปิดเผย’ (ข้อ 2)

เพราะข่าวประเสริฐนั้นมองไม่เห็นและอยู่ภายใน ไม่ใช่ทุกคนที่มองเห็น ‘แต่ถ้าแม้ข่าวประเสริฐของเรายังถูกปิดบังไว้อีก ก็ถูกปิดบังไว้จากพวกที่กำลังจะพินาศ คือในกรณีของพวกเขา พระของยุคนี้ได้ทำให้ความคิดของคนที่ไม่เชื่อมืดมนไป เพื่อไม่ให้เห็นความสว่างของข่าวประเสริฐ คือเรื่องพระสิริของพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้า’ (ข้อ 3-4) ผมเป็นเช่นนั้น ผมได้ยินข้อความนั้น แต่ผมก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้

เมื่อพระเจ้าส่องแสงของพระองค์เข้ามาในจิตใจของเราเท่านั้นที่เราจะสามารถมองเห็น ‘ความสว่างแห่งความรู้ถึงพระสิริของพระเจ้า ที่ปรากฏบนพระพักตร์ของพระคริสต์’ (ข้อ 6)

ข่าวประเสริฐทั้งหมดเกี่ยวกับพระเยซู ‘พระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระฉายของเจ้าที่ดีที่สุดแก่เราที่เราจะได้รับ’ (ข้อ 4 ,พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘จำไว้ว่าเราไม่ได้ประกาศเกี่ยวกับตัวเราเอง เรากำลังประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 5 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เราทุกคนนั้นเปราะบางและแตกง่ายเหมือน ‘ภาชนะดิน’ (ข้อ 7) แต่ข้างในคือ ‘ของล้ำค่า’ (ข้อ 7) ซึ่งอยู่ภายในและ ‘มองไม่เห็น’ (ข้อ 18) อย่าแปลกใจหากบางครั้งผู้นำคริสเตียนล้มลง พวกเรานั้นอ่อนแอและเปราะบาง หากคุณได้เชื่อพระเจ้าจากคนที่ตอนนี้สูญเสียความเชื่อของพวกเขาไปแล้วหรือล้มเหลวในทางใดทางหนึ่ง จงตระหนักถึงข่าวประเสริฐที่มาถึงคุณในภาชนะดิน ไม่ใช่ภาชนะดินที่มีความสำคัญ แต่เป็นข่าวประเสริฐของพระเยซู ของล้ำค่าคือข่าวประเสริฐของพระเยซู ได้รับโดยความเมตตาของพระเจ้า (ข้อ 1)

พระเจ้าจงใจใส่ของล้ำค่าไว้ในภาชนะดิน ‘เราพกข้อความอันล้ำค่านี้ติดตัวไปในหม้อดินที่ไม่มีการตกแต่งในชีวิตของเรา เพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามมาสับสนระหว่างฤทธิ์เดชอันเลิศของพระเจ้ากับเรา’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

แม้ว่าภาชนะดินของคุณสูญสลายไป และ ‘สภาพภายนอกกำลังทรุดโทรมไป แต่สภาพภายในนั้น พระเจ้ากำลังสร้างชีวิตใหม่ โดยพระคุณของพระเจ้าในทุก ๆ วัน’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณอาจ ‘ถูกกดดัน’ จากแรงกดดันด้านการเงินและด้านอื่น ๆ และสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ คุณอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์และ ‘ข่มเหง’ และบางครั้ง ‘ถูกตีให้ล้มลง’ (ข้อ 8–9)

แต่ ‘เพราะว่าความยากลำบากชั่วคราวและเล็กน้อยของเรา จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีนิรันดร์มากมายอย่างไม่มีที่เปรียบ’ (ข้อ 16–17)

‘ดังนั้น’ เปาโลเขียนว่า ‘เราไม่ได้เอาใจใส่ในสิ่งที่มองเห็น แต่เอาใจใส่ในสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นถาวรนิรันดร์’ (ข้อ 18) ดังที่คุณพ่อรานิเอโร กันตาลาเมสซาเขียนไว้ว่า ‘มีมาตรฐานใหม่ที่ก้าวข้ามการทดลองเพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง นั่นคือ นิรันดร์กาล’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ประทานชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูแก่เรา ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ไม่เพ่งตาอยู่กับสิ่งที่มองเห็น แต่ให้จับตาดูสิ่งที่มองไม่เห็น
พันธสัญญาเดิม

มีคาห์ 1:1-4:13

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งมาถึงมีคาห์ชาวเมืองโมเรเชท ในรัชกาลโยธาม และเฮเซคียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ ซึ่งท่านได้เห็นเกี่ยวกับกรุงสะมาเรียและกรุงเยรูซาเล็ม

การพิพากษาสะมาเรีย

2ชนทุกชาติเอ๋ย จงฟัง
 โอ แผ่นดินโลกและสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในนั้น จงสดับ
และให้พระยาห์เวห์องค์เจ้านายเป็นพยานกล่าวโทษพวกท่าน
 คือองค์เจ้านายจากพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์
3เพราะ ดูเถิด พระยาห์เวห์เสด็จออกจากที่ประทับของพระองค์
 และจะเสด็จลงมาและจะทรงย่างเหยียบบนที่สูงทั้งหลายของพิภพ
4ภูเขาทั้งหลายจะหลอมละลายไปภายใต้พระองค์
 และบรรดาหุบเขาจะถูกแยกออก
เหมือนขี้ผึ้งหน้าไฟ
 เหมือนน้ำที่เทลงมาตามที่ชัน
5เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะการละเมิดของยาโคบ
 และเพราะบาปทั้งหลายของพงศ์พันธุ์อิสราเอล
การละเมิดของยาโคบนั้นคืออะไร?
 สะมาเรียมิใช่หรือ?
ปูชนียสถานสูงของยูดาห์คืออะไร?
 เยรูซาเล็มมิใช่หรือ?
6ฉะนั้นเราจะทำให้สะมาเรียเป็นกองสิ่งปรักหักพังในท้องทุ่ง
 เป็นที่สำหรับปลูกสวนองุ่น
เราจะเทหินของเมืองนั้นลงที่หุบเขา
 เราจะเผยให้เห็นรากฐานของเมือง
7รูปเคารพทั้งสิ้นของเมืองนั้นจะถูกบดขยี้
 สินจ้างทั้งสิ้นจากการแพศยาของเมืองนั้นจะถูกเผาเสียด้วยไฟ
และรูปเคารพทั้งสิ้นของเมืองนั้น เราจะทำให้ร้าง
 เพราะเมืองนั้นรวบรวมรูปเคารพเหล่านี้มาโดยสินจ้างของโสเภณี
และพวกมันจะกลับเป็นสินจ้างของโสเภณีอีก
 ความพินาศของเมืองต่างๆ ในยูดาห์
8เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจะโอดครวญและร่ำไห้
 ข้าพเจ้าจะเดินไปมาเปลือยกายเปลือยเท้า
เสียงโอดครวญของข้าพเจ้าจะให้เหมือนเสียงหมาใน
 และเสียงครวญครางเหมือนลูกนกกระจอกเทศตัวเมีย
9เพราะว่าบาดแผลของเมืองนั้นรักษาไม่หาย
 และได้ลามมาถึงยูดาห์
ได้มาถึงประตูเมืองแห่งประชากรของเรา
 คือถึงเยรูซาเล็ม
10อย่าบอกเรื่องนี้ในเมืองกัท
 อย่าร้องไห้ไปเลย
ในเมืองเบธเลอัฟราห์
 จงเกลือกกลิ้งตัวในฝุ่น
11ชาวเมืองชาฟีร์เอ๋ย
 จงผ่านไปตามทางของพวกเจ้า
ด้วยตัวเปลือยเปล่าและอับอาย
 ชาวเมืองศานันไม่ได้ออกมา
เบธเอเซลกำลังร่ำไห้
 ที่มั่นของมันจะเอาไปจากพวกเจ้า
12เพราะชาวมาโรท
 เฝ้าคอยสิ่งดีให้เกิดขึ้น
เพราะสิ่งร้ายได้ลงมาจากพระยาห์เวห์
 ถึงประตูเมืองเยรูซาเล็ม
13ชาวเมืองลาคีชเอ๋ย
 จงเทียมม้าเข้ากับรถรบ
เจ้าเริ่มสร้างบาปกรรมให้แก่ธิดาของศิโยน
 เพราะได้พบบรรดาการละเมิดของอิสราเอลในเจ้า
14ดังนั้น เจ้าจะมอบของที่ระลึกให้แก่โมเรเชท-กัท
 บรรดาเรือนของอัคซีบจะเป็นสิ่งล่อลวง
 แก่บรรดากษัตริย์อิสราเอล
15ชาวเมืองมาเรชาห์เอ๋ย
 เราจะนำผู้ยึดครองมายังเจ้าอีก
ศักดิ์ศรีของอิสราเอล
 จะมายังอดุลลัม
16จงกล้อนหัวให้โล้นและจงโกนหนวดเคราให้เลี่ยน
 เพื่อไว้ทุกข์แก่ลูกๆ ที่รักของเจ้า
จงทำหัวให้ล้านยิ่งขึ้นเหมือนหัวนกแร้ง
 เพราะพวกเขาจะจากเจ้าไปเป็นเชลย

มีคาห์ 2

การประณามความชั่วต่างๆ ในสังคม

1วิบัติแก่ผู้ที่วางแผนร้าย
 และคิดทำชั่วอยู่บนที่นอนของตน
พอรุ่งเช้าพวกเขาก็ออกไปทำ
 เพราะมีอำนาจในมือที่ทำได้
2พวกเขาโลภที่นา แล้วก็ยึดเอาไป
 พวกเขาโลภบ้านเรือนและก็ริบไปเสีย
พวกเขากดขี่คนและครัวเรือนของเขา
 และกดขี่คนกับทรัพย์สินของเขา
3ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงตรัสดังนี้ว่า
 ดูเถิด เรากำลังวางแผนให้สิ่งเลวร้ายตกกับพงศ์พันธุ์นี้
ซึ่งพวกเจ้าจะหลบคอไม่พ้น
 และพวกเจ้าจะเดินอย่างผึ่งผายไม่ได้
 เพราะมันจะเป็นเวลาเลวร้าย
4ในเวลานั้นจะมีคนยกสุภาษิตเย้ยพวกเจ้า
 และเขาจะร่ำไห้ด้วยการโอดครวญอย่างขมขื่นว่า
“พวกเราถูกทำลายจนป่นปี้
 พระองค์ทรงเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ที่ดินของประชาชนของข้า
พระองค์ทรงยึดไปจากข้าแล้วหนอ
 พระองค์ทรงแบ่งไร่นาของเราแก่บรรดาคนที่จับเราเป็นเชลย”
5ดังนั้น สำหรับเจ้า จะไม่มีใครได้จับฉลากแบ่งที่ดินกัน
 ในชุมชนของพระยาห์เวห์
6พวกเขาเทศนาว่า “อย่าเทศนา
 อย่าให้ใครเทศนาเรื่องเหล่านี้
 ความอัปยศจะไม่กลับมาอีก”
7โอ พงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย ควรจะพูดเช่นนี้หรือ?
 พระยาห์เวห์หมดความอดทนแล้วหรือ?
สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำของพระองค์หรือ?
 ถ้อยคำของเราทำให้เกิดผลดี
 แก่ผู้ดำเนินชีวิตอย่างซื่อตรงมิใช่หรือ?
8แต่เจ้าลุกขึ้นสู้ประชากรของเราอย่างกับเป็นศัตรู
 เจ้าริบเอาเสื้อคลุมจากผู้รักสันติ เจ้าถอดเสื้อคลุมออก
คือจากบรรดาผู้ผ่านไปโดยไว้วางใจ
 ด้วยไม่นึกฝันว่าจะมีสงคราม
9พวกเจ้าขับไล่พวกผู้หญิงในประชากรของเราออกไป
 จากเรือนอันผาสุกของพวกนาง
พวกเจ้าได้เอาศักดิ์ศรีของเราไปเสีย
 จากเด็กๆ ของพวกนางเป็นนิตย์
10จงลุกขึ้นและไปเสีย
 เพราะไม่มีที่พักที่นี่
เพราะมลทินบาปทำลาย
 ด้วยความพินาศอย่างทุกข์ระทม
11หากใครจะเที่ยวไปพูดลมๆ แล้งๆ และพูดโกหกล่อลวง
 ว่า “ข้าจะเทศนาให้ท่านฟังเรื่องเหล้าองุ่นและเมรัย”
เขาคงจะเป็นนักเทศน์สำหรับชนชาตินี้
 พระสัญญาต่อคนอิสราเอลที่เหลืออยู่
12โอ ยาโคบเอ๋ย เราจะรวบเจ้าทั้งหลายอย่างแน่นอน
 เราจะรวมคนอิสราเอลที่เหลืออยู่อย่างแน่นอน
เราจะจัดพวกเขาไว้ด้วยกัน
 เหมือนฝูงแพะแกะอยู่ในคอก
เหมือนฝูงสัตว์อยู่กลางทุ่งหญ้าของมัน
 ส่งเสียงดังพร้อมกับผู้คน
13พระองค์ผู้ทะลวงเปิดทางจะขึ้นหน้าพวกเขา
 พวกเขาจะทะลวงผ่านประตูเมือง
พวกเขาจะออกไปทางนี้
 พระราชาของเขาทั้งหลายจะเสด็จนำหน้าพวกเขา
 คือพระยาห์เวห์จะทรงเป็นหัวแถวของพวกเขา

มีคาห์ 3

ผู้ปกครองและผู้เผยพระวจนะชั่วร้าย

1และข้าพเจ้ากล่าวว่า
 พวกท่านผู้เป็นผู้นำของยาโคบ
คือบรรดาผู้ครอบครองพงศ์พันธุ์อิสราเอล จงฟัง
 พวกท่านควรจะรู้เรื่องความยุติธรรมไม่ใช่หรือ?
2พวกท่านผู้เกลียดชังความดีและรักความชั่ว
 ผู้ฉีกหนังออกจากประชาชนของเรา
 และฉีกเนื้อออกจากกระดูกของเขาทั้งหลาย
3ผู้กินเนื้อประชาชนของเรา
 และถลกหนังออกจากตัวเขาทั้งหลาย
และหักกระดูกของพวกเขาเป็นท่อนๆ
 และสับเป็นชิ้นๆ เหมือนเนื้อในหม้อ
 เหมือนเนื้อในหม้อทะนนหม้อดินเผาขนาดใหญ่
4แล้วพวกเขาจะร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์
 แต่พระองค์จะไม่ทรงตอบพวกเขา
คราวนั้นพระองค์จะซ่อนพระพักตร์เสียจากเขาทั้งหลาย
 เพราะพวกเขาได้ก่อกรรมชั่วไว้หลายอย่าง
5พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ เรื่องผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย
 ผู้ได้นำประชาชนของเราให้หลงไป
ผู้ร้องว่า “สันติภาพ”
 ในเวลาที่มีอะไรรับประทาน
แต่ประกาศสงคราม
 ต่อผู้ไม่ยื่นอะไรใส่ปากของพวกเขา
6ดังนั้น กลางคืนจะปราศจากนิมิตแก่พวกเจ้า
 และความมืดทึบจะบังเกิดแก่พวกเจ้า และพวกเจ้าจะทำนายอะไรไม่ได้
สำหรับพวกผู้เผยพระวจนะนั้น ดวงอาทิตย์จะตกไป
 และสำหรับพวกเขา กลางวันก็จะมืด
7ผู้เห็นนิมิตจะขายหน้า
 ผู้ทำนายจะอับอาย
เขาทุกคนจะปิดหน้า
 เพราะว่าไม่มีคำตอบมาจากพระเจ้า
8แต่สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเต็มด้วยฤทธิ์เดช
 คือด้วยพระวิญญาณของพระยาห์เวห์
ด้วยความยุติธรรมและกำลัง
 ที่จะเปิดโปงการละเมิดของยาโคบแก่ตัวเขา
 และเปิดโปงบาปของอิสราเอลแก่ตัวเขา
9จงฟังข้อความนี้เถิด ท่านทั้งหลายผู้เป็นผู้นำของพงศ์พันธุ์ยาโคบ
 และผู้ครอบครองพงศ์พันธุ์อิสราเอล
คือบรรดาผู้ชังความยุติธรรม
 และผู้บิดเบือนความถูกต้องทั้งสิ้น
10ผู้สร้างศิโยนด้วยโลหิต
 และสร้างเยรูซาเล็มด้วยความอยุติธรรม
11บรรดาผู้นำของเมืองนี้ตัดสินความด้วยเห็นแก่สินบน
 และบรรดาปุโรหิตสั่งสอนด้วยเห็นแก่สินจ้าง
อีกทั้งบรรดาผู้เผยพระวจนะก็ทำนายด้วยเห็นแก่เงิน
 ถึงกระนั้นเขาทั้งหลายยังอิงพระยาห์เวห์และกล่าวว่า
“พระยาห์เวห์สถิตท่ามกลางเราไม่ใช่หรือ?
 ไม่มีความหายนะอะไรเกิดขึ้นแก่เราได้”
12ดังนั้น เพราะพวกเจ้านี่เอง
 ศิโยนจะถูกไถเหมือนไถนา
และเยรูซาเล็มจะกลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง
 และภูเขาแห่งพระนิเวศจะเป็นที่สูงปกคลุมด้วยต้นไม้

มีคาห์ 4

ความสงบสุขมาโดยการเชื่อฟัง

1ในกาลภายหน้าจะเป็นดังนี้คือ
 ภูเขาแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์
จะถูกสถาปนาขึ้นเป็นที่สูงสุดของภูเขาทั้งหลาย
 และจะถูกยกขึ้นอยู่เหนือบรรดาเนินเขา
 และชนชาติทั้งหลายจะหลั่งไหลไปยังภูเขานั้น
2และประชาชาติเป็นอันมากจะมาและกล่าวว่า
 “มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์
และยังพระนิเวศแห่งพระเจ้าของยาโคบ
 แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา
และเพื่อเราจะเดินในพระมรรคาของพระองค์”
 เพราะว่าธรรมบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
 และพระวจนะของพระยาห์เวห์จะออกมาจากเยรูซาเล็ม
3พระองค์จะทรงพิพากษาระหว่างชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก
 และจะทรงตัดสินเพื่อบรรดาประชาชาติอันแข็งแรงที่อยู่ไกลออกไป
และเขาทั้งหลายจะตีดาบของเขาให้เป็นผาลไถนา
 และหอกของเขาให้เป็นขอสำหรับลิดแขนง
ประชาชาติจะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กันอีก
 เขาจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป
4แต่ต่างก็นั่งอยู่ใต้ซุ้มองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของตน
 และจะไม่มีใครมาทำให้เขาสะดุ้งกลัว
 เพราะพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์จอมทัพได้ตรัสอย่างนี้แล้ว
5เพราะว่าชนชาติทั้งหลายต่างก็ดำเนิน
 ในนามแห่งพระต่างๆ ของตน
แต่เราจะดำเนินในพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
 เป็นนิตย์สืบๆ ไป
 พระสัญญาว่าอิสราเอลจะรับการฟื้นฟูหลังจากเป็นเชลย
6พระยาห์เวห์ตรัสว่า ในวันนั้น
 เราจะรวบรวมคนขาพิการ
และจะรวบรวมบรรดาผู้ถูกขับไล่ไป
 และบรรดาผู้ที่เราได้ให้ทุกข์ใจ
7เราจะให้คนขาพิการเป็นคนที่เหลืออยู่
 และให้พวกที่ถูกโยกย้ายไปไกลนั้นเป็นประชาชาติเข้มแข็ง
และพระยาห์เวห์จะทรงปกครองเหนือพวกเขาที่ภูเขาศิโยน
 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเป็นนิตย์
8และเจ้า โอ หอคอยที่เฝ้าฝูงสัตว์เอ๋ย
 เจ้าผู้เป็นเนินเขาแห่งบุตรีศิโยน
ราชอำนาจจะมาสู่เจ้า
 อาณาจักรดั้งเดิมจะกลับมา
 คือราชอาณาจักรแห่งบุตรีเยรูซาเล็ม
9เวลานี้ ทำไมเจ้าร้องไห้เสียงดัง?
 ไม่มีกษัตริย์ปกครองเจ้าหรือ?
ที่ปรึกษาของเจ้าพินาศเสียแล้วหรือ?
 เจ้าจึงเจ็บปวดรวดร้าวอย่างกับหญิงจะคลอดบุตร
10โอ บุตรีศิโยนเอ๋ย จงบิดตัวและจงร้องครวญครางไปเถิด
 อย่างกับหญิงจะคลอดบุตร
เพราะบัดนี้เจ้าจะต้องออกไปจากนคร
 ไปพักอยู่ตามไร่นา
เจ้าจะต้องไปยังบาบิโลน
 ณ ที่นั่น เจ้าจะได้รับการปลดปล่อย
ณ ที่นั่น พระยาห์เวห์จะทรงไถ่เจ้า
 ให้พ้นมือศัตรูทั้งหลายของเจ้า
11บัดนี้ ประชาชาติมากมาย
 ได้ชุมนุมต่อสู้เจ้า
กล่าวว่า “จงย่ำยีเธอให้มัวหมอง
 ให้เราเพ่งดูศิโยนจนอิ่มตา”
12แต่เขาทั้งหลายไม่ทราบ
 ถึงพระดำริของพระยาห์เวห์
เขาทั้งหลายไม่เข้าใจในแผนการของพระองค์
 ที่พระองค์ทรงรวบรวมเขาทั้งหลายเข้ามา
 ดังรวมฟ่อนข้าวไว้ที่ลานนวดข้าว
13จงลุกขึ้นและจงนวดข้าวเถิด
 โอ บุตรีศิโยนเอ๋ย
เพราะว่าเราจะทำเขาของเจ้าให้เป็นเหล็ก
 และทำกีบเท้าของเจ้าให้เป็นทองสัมฤทธิ์
และเจ้าจะบดขยี้ชนชาติมากมายเป็นผุยผง
 และเจ้าจะมอบสิ่งที่พวกเขาได้มาอย่างอธรรมแด่พระยาห์เวห์
 และมอบสมบัติของพวกเขาแด่องค์เจ้านายแห่งสากลโลก

อรรถาธิบาย

กำลังที่อยู่ภายในและที่มองไม่เห็น

พระเจ้าสามารถใช้คุณได้อย่างมาก

สิ่งที่ผู้เผยพระวจนะมีคาห์กล่าวสามารถเป็นจริงได้สำหรับเราทุกคน ‘แต่สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเต็มไปด้วยฤทธิ์เดช คือด้วยพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ ด้วยความยุติธรรมและกำลัง’ (3:8ก) ฤทธิ์เดชมาจากการทำงานภายในที่มองไม่เห็นของพระวิญญาณบริสุทธิ์

มีคาห์พูดด้วยฤทธิ์เดช เขาช่วยเหลือผู้คนที่ด้อยโอกาส เช่นเดียวกับกรณีของโยนาห์ คำเตือนของมีคาห์ได้รับการตอบรับและหลีกเลี่ยงการพิพากษาไปได้ (ดู เยเรมีย์ 26:18)

มีคาห์พูดต่อต้านความอยุติธรรมและความโลภ เช่นเดียวกับบาปส่วนใหญ่ สิ่งเหล่านี้เริ่มต้นจากภายในโดยที่เรามองไม่เห็น ‘วิบัติแก่ผู้ที่วางแผนร้าย และคิดทำชั่วอยู่บนที่นอนของตน!’ (มีคาห์ 2:1ก)

พวกเขาหว่านความคิดและเก็บเกี่ยวการกระทำ ‘พอรุ่งเช้าพวกเขาก็ออกไปทำเพราะมีอำนาจในมือที่ทำได้ พวกเขาโลภที่นา แล้วก็ยึดเอาไป พวกเขาโลภบ้านเรือนและก็ริบไปเสีย พวกเขากดขี่คนและครัวเรือนของเขา’ (ข้อ 1ข–2) (นี่เป็นคำอธิบายเราจะเรียกว่า ‘ริบที่ดิน’)

คำพูดของมีคาห์มุ่งเป้าไปที่ ‘ผู้นำ’ (3:1ก) โดยเฉพาะ ‘พวกท่านควรจะรู้เรื่องความยุติธรรมไม่ใช่หรือ? พวกท่านผู้เกลียดชังความดีและรักความชั่ว' (ข้อ1ข–2ก) มีคาห์กล่าวหาว่าพวกเขาปฏิบัติต่อผู้คนเหมือนสัตว์ (ข้อ 2-3) เขาเตือนพวกเขาว่าถ้าพวกเขาปฏิบัติต่อคนยากจนอย่างไม่ยุติธรรม พระเจ้าจะไม่ตอบคำอธิษฐานของพวกเขา (ข้อ 4)

เงินดูเหมือนจะเป็นรากเหง้าของความอยุติธรรม บ่อยครั้งที่ความโลภนำไปสู่ความอยุติธรรม

‘ผู้พิพากษาขายคำตัดสินให้ผู้เสนอราคาสูงสุด
 ปุโรหิตทำการตลาดตามคำสอน
ผู้เผยพระวจนะสั่งสอนด้วยสินจ้างราคาแพง
 ทุกคนเสแสร้งและทำเป็นพึ่งพาพระเจ้า’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

วันหนึ่ง พระเจ้าจะทรงทำให้ทุกอย่างถูกต้อง พระเจ้า “พระองค์จะทรงพิพากษาระหว่างชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก” (4:3) ที่นั่นจะมีแต่ความสงบสุข ‘ประชาชาติจะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กันอีก เขาจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป’ (ข้อ 3 ข) จะมีความยุติธรรม ทุกคนได้รับการจัดสรรที่ดินอย่างเท่าเทียม ‘แต่ต่างก็นั่งอยู่ใต้ซุ้มองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของตน’ (ข้อ 4ก)

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความคิดภายในและมองไม่เห็นของพระเจ้า ‘แต่เขาทั้งหลายไม่ทราบถึงพระดำริของพระยาห์เวห์ เขาทั้งหลายไม่เข้าใจในแผนการของพระองค์’ (ข้อ 12)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่วันหนึ่งพระองค์จะทรงแก้ไขความผิดทั้งหมดและนำสันติสุขนิรันดร์มาให้ ในระหว่างนี้ขอทรงให้ข้าพระองค์เปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์จับจ้องมองดูพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

2 โครินธ์ 4:7

‘แต่เรามีของล้ำค่านี้อยู่ในภาชนะดิน’

ฉันตระหนักดีว่าฉันเป็น ‘ภาชนะดิน’ และภาชนะของฉันก็ค่อนข้างเก่า บิ่น และมีรอยร้าว!

ฉันอาจมีข้อบกพร่อง แต่ ‘พลังที่ยิ่งใหญ่’ ของพระเจ้ายังคงอยู่ในตัวฉัน

ข้อพระคำประจำวัน

2 โครินธ์ 4:18

‘เราไม่ได้เอาใจใส่ในสิ่งที่มองเห็น แต่เอาใจใส่ในสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นถาวรนิรันดร์’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม