วัน 240

แค่รัก

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 21:5-16
พันธสัญญาใหม่ 2 โครินธ์ 1:23-2:11
พันธสัญญาเดิม 2 พงศาวดาร 31:2-33:20

เกริ่นนำ

ผู้ว่าการเรือนจำเป็นผู้หญิงชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่น่าประทับใจ มีพลัง มีคารมคมคาย ชื่อว่า ‘ผู้ว่าการเจนนิเฟอร์’

ทีมงานของเรารวมตัวกันพร้อมกับพวกที่ถูกคุมขัง ผู้ว่าการเจนนิเฟอร์ ต้อนรับเราด้วยการกล่าวว่า ‘สวัสดีในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา’

เธอบอกเราว่ามีคนติดคุก 2.5 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา แต่ละคนต้องเสียค่าภาษี 24,000 ดอลลาร์ต่อปี มีเพียง 3% เท่านั้นที่จะอยู่ในคุกตลอดชีวิต 97% ของผู้ต้องขังในปัจจุบันจะได้รับการปล่อยตัวกลับคืนสู่สังคม ด้วยเหตุผลดังกล่าว เธอกล่าวต่อว่าเธอมีแรงจูงใจทางโลกที่ดีที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของพวกเขา นอกเหนือจากความปรารถนาในฐานะที่เป็นคริสเตียน เพื่อให้พวกเขาได้มีประสบการณ์ในการไถ่

เรือนจำไม่เพียงดำเนินการด้วยความยุติธรรมเท่านั้นแต่ด้วยความรัก ทัศนคติและการกระทำที่ผิดทั้งหมดถูกรับมือด้วยท่าทีแห่งความรัก ไม่มีการใช้ภาษาที่ไม่ดี ไม่มีรูปกราฟิตี และมีการการประพฤติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ เราใช้เวลากับชายกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งจบหลักสูตรอัลฟ่าที่นั่นและได้ยินคำพยานของพวกเขาเกี่ยวกับชีวิตที่เปลี่ยนไป

พระเจ้าทรงเป็นความรัก ในหนังสือ Justice in Love ของนิโคลัส โวล์เตอร์สตอร์ฟ ชี้ให้เห็นว่าความยุติธรรมเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นของแนวความคิดเรื่องความรักอย่างเหมาะสม

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 21:5-16

5แผนงานของคนขยันนำไปสู่กำไรแน่นอน
 แต่ทุกคนที่ผลีผลามก็มาสู่ความขาดแคลนแน่แท้
6การได้ทรัพย์มาด้วยลิ้นมุสา
 ก็คือหมอกที่จางหายและกับดักแห่งความตาย
7ความทารุณของคนอธรรมจะกวาดพวกเขาไป
 เพราะพวกเขาไม่ยอมทำสิ่งที่ยุติธรรม
8ทางของคนบาปหนานั้นคด
 แต่ความประพฤติของคนบริสุทธิ์นั้นเที่ยงตรง
9อยู่ที่มุมบนหลังคา
 ดีกว่าอยู่ร่วมบ้านกับหญิงขี้ทะเลาะ
10คนอธรรมย่อมปรารถนาความชั่ว
 เพื่อนบ้านของเขาไม่ได้รับความเมตตาจากเขา
11เมื่อคนชอบเยาะเย้ยถูกลงโทษ คนรู้น้อยจึงมีปัญญา
 เมื่อคนมีปัญญาได้รับการสั่งสอน เขาก็ได้ความรู้
12พระเจ้าผู้ชอบธรรมทรงพิเคราะห์ดูบ้านของคนอธรรม
 พระองค์ทรงทำให้บรรดาคนอธรรมพินาศ
13คนที่ปิดหูไม่ฟังเสียงร้องทุกข์ของคนจน
 ตัวเขาเองจะร้องตะโกนแต่ไม่มีใครตอบ
14ของกำนัลซึ่งให้ในที่ลับตาย่อมขจัดโทสะ
 และสินบนลับๆ ก็กำจัดความโกรธเกรี้ยวได้
15เมื่อมีการปฏิบัติอย่างยุติธรรม คนชอบธรรมก็ยินดี
 แต่คนประพฤติชั่วหวาดผวา
16มนุษย์ที่หลงไปจากทางแห่งความเข้าใจ
 จะพักอยู่ในที่ประชุมของคนตาย

อรรถาธิบาย

ความยุติธรรมและผู้ยากไร้

สังคมที่ปราศจากความยุติธรรม และหลักนิติธรรมเป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่จะอยู่ เป็นที่ที่มีแต่ความชั่วร้าย โดยเฉพาะคนจนต้องทนทุกข์ เราเห็นผลที่น่ากลัวของการขาดความยุติธรรมในหลายสังคมทั่วโลก

เมื่อหลักนิติธรรมดำเนินไป ย่อมมีประโยชน์สองประการ เมื่อมีการปฏิบัติอย่างยุติธรรมจะทำให้ ‘คน​ชอบ​ธรรม​ก็​ยินดี’ (ข้อ 15 ก) ยังยับยั้งผู้กระทำผิด ทำให้ ‘คน​ประ​พฤติ​ชั่ว​หวาด​ผวา’ (ข้อ 15 ค) ‘คนชอบธรรมเฉลิมฉลองเมื่อความยุติธรรมมีชัย แต่สำหรับคนอธรรม มันคือวันที่แย่’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความยุติธรรมนำไปสู่สังคมที่ผู้คนรู้สึกถึงความมั่นคงและได้รับการปกป้อง โดยเฉพาะคนยากจน เหตุผลหนึ่งที่คำอธิษฐานของเราไม่ได้รับคำตอบก็คือ เราไม่ได้ยินเสียงร้องของคนยากจน: ‘คน​ที่​ปิด​หู​ไม่​ฟัง​เสียง​ร้อง​ทุกข์​ของ​คน​จน ตัว​เขา​เอง​จะ​ร้อง​ตะ​โกน​แต่​ไม่​มี​ใคร​ตอบ’ (ข้อ 13)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานขอความยุติธรรมในโลกของเรา ข้าพเจ้าอธิษฐานเผื่อผู้ที่ขวนขวายที่จะนำความยุติธรรมมาสู่ส่วนต่าง ๆ ของโลกที่มีแต่ความอยุติธรรม
พันธสัญญาใหม่

2 โครินธ์ 1:23-2:11

 23ขอพระเจ้าเป็นพยานฝ่ายจิตใจของข้าพเจ้าว่า ที่ข้าพเจ้ายังไม่ไปเมืองโครินธ์นั้น ก็เพื่อจะงดโทษพวกท่านไว้ก่อน 24เราไม่ได้เป็นนายบังคับความเชื่อของท่าน แต่เป็นผู้ร่วมงานกับพวกท่าน เพื่อให้ท่านได้รับความชื่นชมยินดี เพราะว่าพวกท่านตั้งมั่นอยู่ในความเชื่อแล้ว

2 โครินธ์ 2

 1เพราะสำเนาโบราณบางฉบับว่า ดังนั้นข้าพเจ้าตั้งใจไว้ว่าจะไม่มาทำให้พวกท่านเกิดความทุกข์โศกอีก 2เพราะถ้าข้าพเจ้าทำให้พวกท่านทุกข์โศก ใครเล่าจะทำให้ข้าพเจ้ายินดี ถ้าไม่ใช่คนที่ข้าพเจ้าทำให้ทุกข์โศก? 3ข้าพเจ้าเขียนข้อความนั้นเพื่อว่า เมื่อมาถึงแล้วข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความทุกข์โศกจากคนเหล่านั้นที่ควรจะทำให้ข้าพเจ้าชื่นชมยินดี ข้าพเจ้ามั่นใจในท่านทุกคนว่า เมื่อข้าพเจ้ายินดี พวกท่านทุกคนก็จะยินดีด้วย 4เพราะว่าข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงพวกท่านด้วยความยากลำบากและระทมใจอย่างยิ่งรวมทั้งน้ำตาไหลมากมาย ไม่ใช่เพื่อจะทำให้พวกท่านทุกข์โศก แต่เพื่อให้ท่านรู้จักความรักมากมายที่ข้าพเจ้ามีต่อท่านทั้งหลาย

การให้อภัยแก่ผู้ที่ทำให้เกิดทุกข์โศก

 5ถ้าคนไหนทำให้เกิดความทุกข์โศก คนนั้นก็ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าทุกข์โศกเพียงคนเดียว แต่ยังทำให้พวกท่านเป็นทุกข์ด้วยบ้าง (ที่ว่า “บ้าง” นั้นก็เพื่อจะไม่พูดแรงเกินไป) 6การที่คนส่วนมากได้ลงโทษคนนั้นก็พอแล้ว 7ฉะนั้นท่านทั้งหลายควรจะยกโทษและปลอบใจคนนั้นมากกว่า เพื่อว่าเขาจะไม่จมลงในความทุกข์มากมาย 8ดังนั้นข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้ยืนยันความรักต่อคนนั้นใหม่ 9นี่คือเหตุที่ข้าพเจ้าได้เขียนถึงพวกท่านก่อนหน้านี้ คือจะทดสอบพวกท่านดูว่าท่านจะยอมเชื่อฟังในทุกเรื่องหรือไม่ 10ถ้าพวกท่านยกโทษให้ใคร ข้าพเจ้าก็จะยกโทษให้เขาด้วย และถ้าข้าพเจ้ายกโทษเรื่องอะไรไป (ถ้ามีเรื่องใดที่ข้าพเจ้าจะต้องยกโทษให้) ข้าพเจ้าก็ทำเฉพาะพระพักตร์พระคริสต์เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย 11เพื่อไม่ให้ซาตานได้เปรียบเรา เพราะเรารู้กลอุบายของมันแล้ว

อรรถาธิบาย

ความยุติธรรมและการให้อภัย

พวกเราหลายคนมักจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ผมคิดว่ามันยาก ไม่ใช่แค่ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธหรือไม่เป็นที่ชื่นชอบเท่านั้น แต่ยังเป็นความกลัวว่าฉันจะทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วยการจุดไฟแห่งความโกรธและความขุ่นเคือง

บางคนดูเหมือนจะพอใจกับการเผชิญหน้า หากเราตั้งตารอที่จะเผชิญหน้า หากเราพบว่าการทำให้ผู้อื่นถูกต้อง การแก้ไขและวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องง่าย ๆ ก็เป็นไปได้ว่าเราไม่ได้แสดงออกมาด้วยความรักเสมอไป

เปาโลรักชาวโครินธ์อย่างสุดซึ้ง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อายที่จะเผชิญหน้า ความรักของเขาทำให้เขาต้องเผชิญหน้า แม้ว่ามันจะทำให้เขา ‘ยากลำบาก’, ‘ระทมใจ’ และ ‘น้ำตาไหลมากมาย’ (2:4) ‘แต่ข้าพเจ้าไม่​ได้เขียนถึง​เพื่อ​จะ​ทำ​ให้​พวก​ท่าน​ทุกข์​โศก แต่​เพื่อ​ให้​ท่าน​รู้​ว่าข้าพเจ้าใส่ใจพวกท่านมากเท่าใด โอ มากกว่าใส่ใจเสียอีก แต่คือความรัก’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

การเผชิญหน้ากับผู้คนด้วยความจริงอาจเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก ความจริงก็เหมือนการผ่าตัด อาจจะเจ็บ แต่ก็รักษาได้ ปฏิบัติการแบบนี้ต้องทำด้วยใจรัก เราไม่รู้แน่ชัดว่าเปาโลกำลังพูดถึงอะไรหรือพูดถึงใคร อย่างไรก็ตาม อาจเป็นคนที่เปาโลประณามใน 1 โครินธ์ 5:1–5 (ซึ่งเคยอาศัยอยู่กับภรรยาของบิดาของเขา)

เปาโลยืนยันว่าเขาคนนั้นถูกขับไล่ออกจากคริสตจักร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขากำลังบอกว่าชายคนนี้ได้รับโทษเพียงพอแล้ว อาจารย์เปาโลเรียกร้องให้พวกเขาให้อภัยและปลอบโยนชายคนนี้ และยืนยันความรักที่พวกเขามีต่อคนนั้น (2 โครินธ์ 2:7–8) เมื่อมีการปฏิบัติอย่างยุติธรรม ตอนนี้เป็นเวลาแห่งความเมตตา พระคุณ และการให้อภัย

เปาโลให้อภัยอย่างรวดเร็ว ‘ถ้า​พวก​ท่าน​ยก​โทษ​ให้​ใคร ข้าพเจ้า​ก็​จะ​ยก​โทษ​ให้​เขา​ด้วย และ​ถ้า​ข้าพ​เจ้า​ยก​โทษ​เรื่อง​อะไร​ไป ข้าพ​เจ้า​ก็​ทำ​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​คริสต์​เพราะ​เห็น​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย’ (ข้อ 10) เมื่อเปาโลให้อภัย เขาลืมไปแล้วจนเขาแทบจะจำไม่ได้ว่ามีอะไรให้อภัยหรือไม่

คลาร่า บาร์ตัน ผู้ก่อตั้งสภากาชาดอเมริกัน เคยถูกเพื่อนคนหนึ่งเตือนถึงเรื่องโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อหลายปีก่อน ดูเหมือนคลาร่าจะจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้

‘คุณจำความผิดที่ทำกับคุณไม่ได้เหรอ?’ เพื่อนคนนั้นถามอย่างยืนกราน

‘ไม่’ คลาร่าตอบอย่างใจเย็น ‘ฉันจำได้อย่างชัดเจนว่าฉันลืมไปแล้ว’

การให้อภัยมีความสำคัญอย่างยิ่งในคริสตจักร การขาดการให้อภัยเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้มารสามารถเข้ามาได้ มันเปิดประตูสำหรับอุบายของมาร แต่การให้อภัยปิดประตูนั้น ‘เพื่อ​ไม่​ให้​ซา​ตาน​ได้​เปรียบ​เรา เพราะ​เรา​รู้​กล​อุบาย​ของ​มัน​แล้ว' (ข้อ 11)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นพระเจ้า ขอทรงช่วยเราให้มองเห็นอุบายของมาร ช่วยเราให้เร็วที่จะให้อภัยและรักกันและกัน และขับไล่ซาตานออกจากคริสตจักร
พันธสัญญาเดิม

2 พงศาวดาร 31:2-33:20

 2เฮเซคียาห์ทรงแบ่งกองให้กับพวกปุโรหิตและคนเลวีโดยจัดเป็นกองๆ ตามหน้าที่ของแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นปุโรหิตหรือคนเลวี เพื่อให้ถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องศานติบูชา ให้ปรนนิบัติ ให้ถวายการขอบพระคุณและให้สรรเสริญที่ประตูพระวิหารของพระยาห์เวห์ 3ส่วนของบริจาคจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ของพระราชานั้นให้เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว คือเครื่องบูชาเผาทั้งตัวสำหรับเวลาเช้าและเวลาเย็น และเครื่องบูชาเผาทั้งตัวสำหรับวันสะบาโต วันขึ้นหนึ่งค่ำและเทศกาลเลี้ยงตามกำหนด ดังที่บันทึกไว้ในธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ 4และพระองค์ทรงบัญชาประชาชนผู้อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มให้บริจาคส่วนที่เป็นของปุโรหิตและของคนเลวี เพื่อเขาทั้งหลายจะได้อุทิศตัวเพื่อธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ 5พอพระบัญชากระจายออกไป ประชาชนอิสราเอลก็บริจาคกันอย่างมากมาย มีผลรุ่นแรกของข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมันมะกอกสด น้ำผึ้ง และผลผลิตทุกอย่างจากไร่นา และพวกเขานำทศางค์คือ ร้อยละสิบของสิ่งของทุกชนิดมาอย่างมากมาย 6ประชาชนอิสราเอลและยูดาห์ผู้อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ก็นำทศางค์ของวัวของแกะและของสิ่งบริสุทธิ์ที่มอบถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเขามา แล้ววางสุมไว้เป็นกองๆ 7พวกเขาเริ่มต้นกองสุมในเดือนที่สามและทำเสร็จในเดือนที่เจ็ด 8เมื่อเฮเซคียาห์และพวกเจ้านายมาเห็นกองเหล่านั้น ก็สรรเสริญพระยาห์เวห์และอวยพรอิสราเอลประชากรของพระองค์ 9เฮเซคียาห์ทรงไต่ถามปุโรหิตและคนเลวีเกี่ยวกับกองเหล่านั้น 10อาซาริยาห์มหาปุโรหิต ซึ่งเป็นเชื้อสายของศาโดกทูลตอบพระองค์ว่า “ตั้งแต่เขาทั้งหลายเริ่มต้นนำเครื่องถวายเข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พวกข้าพระบาทได้รับประทานอย่างพอเพียงและมีเหลืออีกมากมาย เพราะพระยาห์เวห์ทรงอวยพรประชากรของพระองค์ จึงมีสิ่งที่เหลืออยู่มากอย่างนี้”

การจัดแบ่งปุโรหิตและเลวีใหม่

 11แล้วเฮเซคียาห์ทรงบัญชาพวกเขาให้จัดห้องเก็บของในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และเขาทั้งหลายก็จัดไว้ 12และพวกเขานำเครื่องถวาย นำทศางค์ และนำสิ่งที่บริสุทธิ์ที่มอบถวายเข้ามาอย่างซื่อสัตย์ โคนานิยาห์คนเลวีเป็นหัวหน้าดูแลและชิเมอีน้องชายเป็นรองหัวหน้า 13เยฮีเอล อาซาซิยาห์ นาหัท อาสาเฮล เยรีโมท โยซาบาด เอลีเอล อิสมาคิยาห์ มาฮาท และเบไนยาห์ เป็นผู้ควบคุมภายใต้โคนานิยาห์และชิเมอีน้องชายของเขา โดยการแต่งตั้งของเฮเซคียาห์พระราชา และอาซาริยาห์หัวหน้าพระนิเวศของพระเจ้า 14โคเร บุตรอิมนาห์คนเลวี ผู้เฝ้าประตูตะวันออก เป็นผู้ดูแลของบูชาที่ถวายแด่พระเจ้าด้วยความสมัครใจ ทั้งแจกเครื่องถวายที่ถวายแด่พระยาห์เวห์และเครื่องบูชาบริสุทธิ์ที่สุด 15เอเดน มินยามิน เยชูอา เชไมยาห์ อามาริยาห์ เชคานิยาห์ได้ช่วยเขาอย่างซื่อสัตย์ตามเมืองต่างๆ ของปุโรหิต ในการแจกให้กับพี่น้องของพวกเขาตามกองเวรโดยให้เหมือนกันทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย 16ไม่เจาะจงว่าต้องเป็นพวกที่ขึ้นทะเบียนไว้ตามพงศ์พันธุ์ แต่ให้กับผู้ชายตั้งแต่สามขวบขึ้นไป ทุกคนที่เข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ตามหน้าที่ประจำวัน เพื่อทำงานตามการปรนนิบัติในกองเวรของพวกเขา 17ทั้งให้กับปุโรหิตที่ขึ้นทะเบียนตามสกุลบรรพบุรุษของพวกเขา และคนเลวีที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปตามการปรนนิบัติของเขา และตามกองเวรของเขาทั้งหลาย 18การขึ้นทะเบียนนั้นครอบคลุมไปถึงลูกเล็กๆ ภรรยา และบุตรชายบุตรหญิงทั้งหมดของพวกเขา คือทั้งชุมชน เพราะพวกเขาซื่อสัตย์ในการชำระตัวเขาทั้งหลายให้บริสุทธิ์ 19สำหรับลูกหลานของอาโรนคือพวกปุโรหิตที่อยู่ในทุ่งนารวมรอบๆ ตัวเมืองของพวกเขานั้น จะมีพวกผู้ชายที่ถูกระบุชื่อช่วยแจกจ่ายส่วนแบ่งแก่ผู้ชายทุกคนในพวกของปุโรหิต และแก่ทุกคนในพวกเลวีที่ขึ้นทะเบียนไว้
 20เฮเซคียาห์ทรงทำดังนี้ทั่วยูดาห์ และพระองค์ทรงทำสิ่งที่ดี ที่ถูกต้องและที่ซื่อสัตย์เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ 21และการทุกอย่างที่พระองค์ทรงเริ่มต้นทั้งการปรนนิบัติ ในพระนิเวศของพระเจ้า และการทำตามธรรมบัญญัติและพระบัญญัติ เพื่อแสวงหาพระเจ้าของพระองค์ พระองค์ทรงทำด้วยเต็มพระทัย และพระองค์ทรงเจริญขึ้น

2 พงศาวดาร 32

การรุกรานของเซนนาเคอริบ

 1ภายหลังเหตุการณ์และความซื่อสัตย์ที่กล่าวมาภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ซื่อสัตย์เหล่านี้ เซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียยกมาและบุกรุกยูดาห์ ตั้งค่ายล้อมเมืองป้อมต่างๆ ไว้ และทรงตั้งใจจะยึดเอาไว้ 2และเมื่อเฮเซคียาห์ทรงเห็นว่าเซนนาเคอริบยกมาด้วยเจตนาจะสู้รบกับกรุงเยรูซาเล็ม 3พระองค์ทรงวางแผนกับบรรดาเจ้านายและนายทหารของพระองค์ ที่จะอุดน้ำตามน้ำพุต่างๆ ที่อยู่นอกเมือง และพวกเขาก็ช่วยเหลือพระองค์ 4ประชาชนจำนวนมากมารวมกัน และพวกเขาอุดน้ำพุและปิดกั้นลำธารทั้งหมดที่ไหลผ่านแผ่นดินโดยกล่าวว่า “จะปล่อยให้พวกกษัตริย์อัสซีเรียมาพบน้ำมากมายทำไม?” 5พระองค์ทรงทำการอย่างกล้าหาญในการสร้างกำแพงทั้งหมดที่พังลงนั้นขึ้นใหม่ และสร้างหอคอยขึ้นรวมทั้งสร้างกำแพงชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง พระองค์ยังทรงเสริมกำแพงป้อมมิลโลที่นครดาวิด ทรงสร้างอาวุธและโล่จำนวนมาก 6และพระองค์ทรงตั้งผู้บัญชาการรบเหนือประชาชน และทรงรวบรวมพวกเขาเข้ามาด้วยกัน ณ ลานที่ประตูนคร แล้วตรัสหนุนใจเขาทั้งหลายว่า 7“จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรือท้อแท้เพราะพระราชาอัสซีเรีย และกองทัพทั้งหมดที่อยู่กับเขา เพราะว่าผู้ที่อยู่กับพวกเรานั้นใหญ่กว่าผู้ที่อยู่กับเขา 8ฝ่ายเขามีแต่กำลังของเนื้อหนัง แต่พวกเรามีพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราที่จะทรงช่วยเราและสู้ศึกของพวกเรา” ประชาชนก็วางใจในพระดำรัสของเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์
 9หลังจากนั้น ในขณะที่ล้อมเมืองลาคีชอยู่ด้วยกำลังรบทั้งหมดของพระองค์ เซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียมีรับสั่งให้ข้าราชการของพระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็มไปหาเฮเซคียาห์พระราชาของยูดาห์ และไปหาประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มแล้วกล่าวว่า 10“เซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า ‘เจ้าทั้งหลายพึ่งอะไร? พวกเจ้าจึงยืนหยัดให้เราล้อมอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 11เฮเซคียาห์ชักจูงเจ้าให้หลงเพื่อจะให้พวกเจ้าตาย ด้วยความอดอยากและกระหายไม่ใช่หรือ? เมื่อเขาบอกเจ้าว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราจะทรงช่วยกู้เราจากมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย” 12เฮเซคียาห์คนนี้ไม่ใช่หรือที่ขจัดปูชนียสถานสูง และแท่นบูชาทั้งหลายของพระยาห์เวห์ภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ของเขา และบัญชายูดาห์กับเยรูซาเล็มว่า “เจ้าทั้งหลายจงนมัสการที่หน้าแท่นบูชา และเผาเครื่องบูชาบนแท่นบูชาเพียงแท่นเดียว?” 13เจ้าทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเราและบรรพบุรุษของเราทำอะไรกับชนชาติทั้งหมดบนแผ่นดินโลก? พระทั้งหลายของประชาชาติแห่งแผ่นดินโลกสามารถช่วยกู้แผ่นดินของพวกเขาให้พ้นจากมือของเราหรือ? 14ในพวกพระทั้งหมดของประชาชาติเหล่านั้นซึ่งบรรพบุรุษของเราทำลายอย่างราบคาบนั้น มีองค์ไหนที่สามารถช่วยกู้ประชากรของตนจากมือของเราหรือ? แล้วพระเจ้าของพวกเจ้าจะสามารถช่วยกู้เจ้าจากมือของเราหรือ? 15เพราะฉะนั้นในเวลานี้ อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวง หรือชักจูงพวกเจ้าให้หลงในทำนองนี้ อย่าเชื่อเขา เพราะพระทั้งหมดของทุกประชาชาติหรือทุกอาณาจักร ไม่มีองค์ไหนที่สามารถช่วยกู้ประชากรของตนจากมือของเราหรือจากมือบรรพบุรุษของเรา พระเจ้าของพวกเจ้าก็จะช่วยกู้เจ้าจากมือของเราได้น้อยยิ่งกว่านั้นสักเพียงไร’ ”
 16และข้าราชการของพระราชาอัสซีเรียภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ของเขา ก็กล่าวทับถมพระยาห์เวห์พระเจ้าและเฮเซคียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์มากยิ่งกว่านั้นอีก 17และพระองค์ยังทรงพระอักษรคำราชาศัพท์หมายถึงเขียนจดหมายเยาะเย้ยพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล และทรงกล่าวทับถมพระเจ้าว่า “พระทั้งหลายของประชาชาติแห่งแผ่นดินโลก ไม่อาจช่วยกู้ประชากรของพวกเขาจากมือของเราอย่างไร พระเจ้าของเฮเซคียาห์ก็ไม่อาจช่วยกู้ประชากรของตน จากมือของเราอย่างนั้น” 18และเขาทั้งหลายร้องตะโกนข้อความนี้เป็นภาษายูดาห์ด้วยเสียงดังมากให้ชาวเยรูซาเล็มผู้อยู่บนกำแพงได้ยิน เพื่อให้พวกเขาตกใจและหวาดหวั่น เพื่อจะได้ยึดเมืองนั้น 19พวกเขาพูดถึงพระเจ้าแห่งกรุงเยรูซาเล็ม ราวกับพระของชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลก ซึ่งเป็นผลงานของมือมนุษย์

เซนนาเคอริบพ่ายแพ้และสิ้นพระชนม์

 20แล้วเฮเซคียาห์พระราชาและอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะบุตรอามอสอธิษฐานเพื่อเรื่องนี้และร้องทูลต่อฟ้าสวรรค์ 21แล้วพระยาห์เวห์ทรงใช้ทูตสวรรค์องค์หนึ่งไปทำลายนักรบกล้าหาญ ผู้บังคับกองและเจ้านายทั้งหมดในค่ายของพระราชาแห่งอัสซีเรีย ฉะนั้นพระองค์จึงเสด็จกลับไปยังแผ่นดินของพระองค์ด้วยความอับอายขายพระพักตร์ เมื่อพระองค์เสด็จเข้าในวิหารของพระของพระองค์ พระราชโอรสบางองค์ของพระองค์เองสังหารพระองค์ตรงนั้นด้วยดาบ 22ดังนั้นพระยาห์เวห์ทรงช่วยเฮเซคียาห์ และชาวกรุงเยรูซาเล็มจากพระหัตถ์ของเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรีย และจากมือของศัตรูทั้งหมด และพระองค์ทรงดูแลเขาทั้งหลายในทุกด้านฉบับกรีกว่า ทรงให้เขาทั้งหลายพักสงบอยู่ทุกด้าน 23และคนมากมายนำของถวายมาถวายพระยาห์เวห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม และนำของมีค่าต่างๆ มาถวายเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ และพระองค์จึงทรงเป็นที่ยกย่องในสายตาของประชาชาติต่างๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เฮเซคียาห์ประชวร

 24ครั้งหนึ่งเฮเซคียาห์ประชวรใกล้จะสิ้นพระชนม์ และเฮเซคียาห์อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์และทูลต่อพระองค์ แล้วพระองค์ทรงตอบและประทานหมายสำคัญอย่างหนึ่งแก่เฮเซคียาห์ 25แต่เฮเซคียาห์ไม่ได้ทรงตอบแทนตามพระคุณที่มีต่อพระองค์ เพราะพระทัยของพระองค์หยิ่งผยองขึ้น เพราะฉะนั้นพระพิโรธจึงมาเหนือพระองค์ เหนือยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม 26เฮเซคียาห์จึงถ่อมพระทัยที่หยิ่งผยองนั้นลง ทั้งพระองค์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม พระพิโรธของพระยาห์เวห์จึงไม่ได้มาเหนือเขาทั้งหลายในรัชสมัยของเฮเซคียาห์

ความรุ่งเรืองและความสำเร็จของเฮเซคียาห์

 27เฮเซคียาห์ทรงมีราชทรัพย์และเกียรติยศมากยิ่งนัก และพระองค์ทรงสร้างคลังสำหรับพระองค์เองเพื่อเก็บเงิน ทองคำ อัญมณี เครื่องเทศ โล่ และของมีค่าทุกชนิด 28ทั้งยุ้งฉางเพื่อเก็บข้าว เหล้าองุ่น และน้ำมันที่ผลิตมา ทั้งคอกสัตว์สำหรับสัตว์เลี้ยงทุกชนิด และคอกสำหรับแกะ 29พระองค์ทรงจัดหาเมืองต่างๆ สำหรับพระองค์เอง รวมทั้งฝูงปศุสัตว์และฝูงวัวมากมาย เพราะพระเจ้าประทานทรัพย์สมบัติให้พระองค์มากอย่างยิ่ง 30เฮเซคียาห์องค์นี้ที่ทรงปิดกั้นทางน้ำออกด้านบนของน้ำพุกีโฮน แล้วบังคับให้ไหลลงไปยังด้านตะวันตกของนครดาวิด เฮเซคียาห์ทรงเจริญรุ่งเรืองในพระราชกิจทั้งหมดของพระองค์ 31ฉะนั้นในเรื่องทูตที่เจ้านายเมืองบาบิโลนส่งมาไต่ถามถึงหมายสำคัญที่เกิดขึ้นในแผ่นดิน พระเจ้าทรงปล่อยพระองค์ไว้ตามอำเภอใจ เพื่อทดสอบพระองค์ และเพื่อรู้พระดำริทุกอย่างในพระทัยของพระองค์
 32ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเฮเซคียาห์ และกิจการอันดีงามของพระองค์นั้น ดูสิ มีบันทึกในนิมิตของอิสยาห์บุตรอามอสผู้เผยพระวจนะในหนังสือพงศ์กษัตริย์ของยูดาห์และอิสราเอล 33แล้วเฮเซคียาห์ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาทั้งหลายฝังพระศพไว้ที่ทางขึ้นอุโมงค์ของบรรดาพระราชโอรสของดาวิด แล้วคนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งหมดถวายพระเกียรติเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ และมนัสเสห์พระราชโอรสของพระองค์ก็ทรงขึ้นครองราชย์แทนพระองค์

2 พงศาวดาร 33

รัชกาลมนัสเสห์

 1มนัสเสห์มีพระชนมายุ 12 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 55 ปี 2พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ ตามการกระทำที่น่าเกลียดน่าชังของประชาชาติ ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงขับไล่ไปให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล 3พระองค์ทรงสร้างปูชนียสถานสูงขึ้นใหม่ ซึ่งเฮเซคียาห์พระราชบิดาของพระองค์ทรงพังลงแล้วนั้น และทรงตั้งแท่นบูชาต่างๆ แก่พระบาอัล ทรงสร้างบรรดาเสาอาเช-ราห์และทรงนมัสการบริวารทั้งหมดของฟ้าสวรรค์และปรนนิบัติสิ่งเหล่านั้น 4และพระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสว่า “นามของเราจะอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นนิตย์” 5และพระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาต่างๆ แก่บริวารทั้งหมดของฟ้าสวรรค์ ในลานทั้งสองแห่งของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 6และพระองค์ทรงเผาพระราชโอรสด้วยไฟ เป็นเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม ทรงถือฤกษ์ยาม ทรงทำนาย ทรงทำวิทยาคม และทรงติดต่อกับคนทรงและพ่อมด พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายมากมายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ทำให้พระเจ้าทรงพระพิโรธ 7และพระองค์ทรงตั้งรูปเคารพสลักที่พระองค์ทรงสร้างนั้นไว้ในพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้าตรัสกับดาวิดและซาโลมอนพระราชโอรสของดาวิดว่า “ในนิเวศนี้และในกรุงเยรูซาเล็มซึ่งเราเลือกออกจากเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล เราจะใส่นามของเราไว้เป็นนิตย์ 8และเราจะไม่ให้เท้าของอิสราเอลออกจากแผ่นดินที่เราให้กับบรรพบุรุษของพวกเจ้าอีก ถ้าเพียงแต่พวกเขาจะระมัดระวังที่จะทำตามทุกอย่างซึ่งเราได้บัญชาเขา คือธรรมบัญญัติ กฎเกณฑ์ และกฎหมายทั้งหมดซึ่งให้ไว้โดยโมเสส” 9มนัสเสห์ทรงชักนำยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มให้หลงทำชั่วยิ่งกว่าประชาชาติ ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงทำลายให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล

มนัสเสห์กลับใจและได้รับการแต่งตั้งใหม่

 10พระยาห์เวห์ตรัสกับมนัสเสห์และประชาชน แต่เขาทั้งหลายไม่ฟัง 11เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ทรงให้บรรดาผู้บังคับกองทหารของพระราชาแห่งอัสซีเรียมาต่อสู้กับเขาทั้งหลาย พวกเขาเอาขอเกี่ยวมนัสเสห์และจำจองด้วยตรวนทองสัมฤทธิ์ แล้วนำพระองค์มายังกรุงบาบิโลน 12เมื่อทรงทุกข์ยาก พระองค์ทรงวิงวอนขอพระกรุณาต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ และถ่อมพระทัยลงอย่างมากต่อพระเจ้าของบรรพบุรุษของพระองค์ 13พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าและพระเจ้าทรงฟังคำวิงวอน และคำอ้อนวอนของพระองค์ และทรงให้พระองค์กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มในราชอาณาจักรของพระองค์อีก แล้วมนัสเสห์ทรงทราบว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า
 14ภายหลังพระองค์ทรงสร้างกำแพงเมืองชั้นนอกให้นครดาวิด ทางตะวันตกของน้ำพุกีโฮนในหุบเขา ไปจนถึงทางเข้าประตูปลา โดยล้อมรอบเนินเขาโอเฟล ทั้งยังก่อให้สูงขึ้นมากๆ และพระองค์ทรงตั้งผู้บังคับการกองทหารในเมืองป้อมทุกแห่งในยูดาห์ 15พระองค์ทรงขจัดพระต่างด้าวและรูปเคารพจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ส่วนแท่นบูชาทั้งหมดที่พระองค์ทรงสร้างไว้บนภูเขาแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระองค์ทรงทิ้งออกนอกเมืองไป 16และพระองค์ทรงซ่อมแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ แล้วทรงถวายสัตวบูชาเป็นเครื่องศานติบูชา และเครื่องบูชาขอบพระคุณบนแท่นนั้น พระองค์ทรงบัญชายูดาห์ให้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 17อย่างไรก็ดี ประชาชนยังคงถวายสัตวบูชาบนปูชนียสถานสูง แต่ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาเท่านั้น

การสิ้นพระชนม์ของมนัสเสห์

 18ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของมนัสเสห์ คำอธิษฐานของพระองค์ต่อพระเจ้า และถ้อยคำของผู้ทำนายผู้ทูลพระองค์ในพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ดูสิ มีบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของกษัตริย์แห่งอิสราเอล 19ทั้งคำอธิษฐานของพระองค์ เรื่องที่พระเจ้าทรงฟังคำวิงวอนของพระองค์ ความบาปและความไม่ซื่อสัตย์ทั้งหมดของพระองค์ บรรดาสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงใช้สร้างปูชนียสถานสูง และใช้ตั้งพวกพระอาเช-ราห์และรูปเคารพ ก่อนที่พระองค์จะถ่อมพระทัยลงนั้น ดูสิ มีบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของผู้ทำนาย 20มนัสเสห์ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และพวกเขาฝังพระศพไว้ในพระราชวังของพระองค์ แล้วอาโมนพระราชโอรสของพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์แทนพระองค์

อรรถาธิบาย

ความยุติธรรมและการเผชิญหน้า

พระเจ้าไม่กลัวการเผชิญหน้า ในพระธรรมตอนนี้เราเห็นว่าในความรักของพระองค์ พระเจ้าได้ทรงเผชิญหน้าทั้งผู้นำที่ดีซึ่งกลายเป็นคนหยิ่งผยองและผู้นำที่ชั่วร้ายที่ยอมกลับใจ

เป็นความโล่งใจที่ได้อ่านเกี่ยวกับกษัตริย์ที่ดี เฮเซคียาห์ฟื้นฟูพระวิหาร เขานำโดยเป็นแบบอย่าง เขาบริจาคจากทรัพย์สินของเขาเอง (31:3) ประชาชนก็บริจาคกันอย่างมากมาย (ข้อ 5) พระเจ้าทรงอวยพรพวกเขาและพวกเขาก็มีอาหารรับประทานอย่างพอเพียงและมีเหลืออีกมากมาย (ข้อ 10)

‘ทุกสิ่งที่ (เฮเซคียาห์) ทำ... พระองค์ทรงทำสิ่งที่ดีด้วยจิตวิญญาณแห่งการนมัสการพระเจ้า พระองค์ทรงเจริญขึ้น’ (ข้อ 20–21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘พระ​องค์​ทรง​ทำ​ด้วย​เต็ม​พระ​ทัย’ (32:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ทั้งหมดนี้ไม่ได้ช่วยเฮเซคียาห์จากการถูกทำร้าย แต่เมื่อการโจมตีมาจากเซนนาเคอริบ เฮเซคียาห์ได้สร้างขวัญให้กับประชาชนว่า “จง​เข้ม​แข็ง​และ​กล้า​หาญ​เถิด อย่ากลัว... ฝ่าย​เขา​มี​แต่​กำ​ลัง​ของ​เนื้อ​หนัง แต่​พวก​เรา​มี​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​เรา​ที่​จะ​ทรง​ช่วย​เรา​และ​สู้​ศึก​ของ​พวก​เรา! จงเข้มแข็งขึ้น ประ​ชา​ชน​ก็​วาง​ใจ​ใน​พระ​ดำ​รัส​ของ​เฮ​เซ​คี​ยาห์​‘ (32:7–8 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ในชีวิตเราเอง บางครั้งเราประสบปัญหาที่ดูเหมือนท่วมท้นอยู่ เช่น คริสเตียนในสหราชอาณาจักรดูเหมือนจะเป็นชนกลุ่มน้อยที่ต้องเผชิญกับคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อและมีความเกลียดชังต่อพระเจ้า แต่ข่าวดีก็คือเรามีอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่า สำหรับพวกเขาแล้ว มีเพียง ‘กำลังของเนื้อหนัง’ แต่กับพวกเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราที่จะ ‘ทรง​ช่วย​เรา​และ​สู้​ศึก​ของ​พวก​เรา’ (ข้อ 8)

มีอันตรายอยู่เสมอที่ความสำเร็จจะนำไปสู่ความหยิ่งผยอง ผู้คนต่างชื่นชมผู้นำ ที่จริงเราควรให้เกียรติผู้นำของเรา แต่ผู้นำทุกคนต้องตระหนักว่าเกียรตินี้มีอันตรายอยู่เต็มไปหมด หากความหยิ่งคืบคลานเข้ามา ให้กลับใจโดยเร็วและถ่อมตัวลง

ทันทีที่เฮเซคียาห์ประสบความสำเร็จ ความเย่อหยิ่งก็พุ่งเข้ามา เมื่อพระเจ้าเผชิญหน้าเขา ต้องขอบคุณที่เขา 'ถ่อม​พระ​ทัย​ความหยิ่ง​ผยอง​นั้น​ลง’ (ข้อ 26) และพระเจ้าอวยพรเขาอีกครั้งด้วยความมั่งคั่งและเกียรติยศ (ข้อ 27) เขาประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่เขาทำ (ข้อ 30)

จากนั้น…น่าประหลาดใจ ‘พระ​เจ้า​ทรง​ปล่อย​พระ​องค์​ไว้​ตาม​อำ​เภอ​ใจ เพื่อทดสอบพระองค์ และเพื่อ​รู้​พระ​ดำริ​ทุก​อย่าง​ใน​พระ​ทัย​ของ’ (ข้อ 31) ช่างเป็นช่วงที่จิตวิญญาณมืดมนยิ่งนัก พระองค์

อย่าท้อใจหากมีบางครั้งที่คุณไม่รู้สึกว่าพระเจ้าทรงอยู่ด้วย บางครั้งพระเจ้าก็นิ่งเงียบและมองไม่เห็น จงซื่อสัตย์ต่อไปเมื่อพระเจ้าทดสอบหัวใจของคุณ เฮเซคียาห์มีจิตใจที่ดี ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการอุทิศตน (ข้อ 32) และได้รับเกียรติเมื่อสิ้นพระชนม์ (ข้อ 33)

ชีวิตของลูกชายของเขาดูเหมือนตรงข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิง มนัสเสห์เริ่มทำชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า (33:2) อันที่จริง เป็นการยากที่จะนึกถึงใครก็ตามที่ทำชั่วมากกว่ามนัสเสห์ ‘พระองค์ทรง​เผา​พระ​ราช​โอรส​ด้วย​ไฟ เป็น​เครื่อง​บูชา​ … ทรง​ถือ​ฤกษ์​ยาม ทรง​ทำ​นาย ทรง​ทำ​วิท​ยา​คม และ​ทรง​ติด​ต่อ​กับ​คน​ทรง​และ​พ่อ​มด สิ่งที่ทำนั้นชั่วร้ายมากในสายพระเนตรของพระเจ้า ทำ​ให้​พระ​เจ้า​ทรง​พระ​พิโรธ’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

แต่ไม่มีใครอยู่เหนือการไถ่ ไม่ว่าเราจะล้มลงมากเพียงใด หากเรากลับใจและหันกลับมาหาพระเจ้าเช่นเดียวกับมนัสเสห์ เราก็จะได้รับการให้อภัย

พระเจ้าเผชิญหน้ากับมนัสเสห์ ‘เมื่อ​ทรง​ทุกข์​ยาก พระองค์ทรง​วิง​วอน​ขอ​พระ​กรุ​ณา​ การกลับใจทั้งหมดต่อพระพักตร์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา เมื่อพระองค์อธิษฐาน พระองค์ทรง​อธิษ​ฐาน​ต่อ​พระ​เจ้า​และ​พระ​เจ้า​ทรง​ฟัง​คำ​วิง​วอน และ​คำ​อ้อน​วอน​ของพระองค์ และ​ทรง​ให้พระองค์กลับ​มา​ยัง​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​ใน​ราช​อา​ณา​จักร​ของพระองค์อีก’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมชอบไปเรือนจำ ไม่มีใครอยู่เหนือการไถ่ พระเยซูทรงทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ผ่านการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ในคำพูดของจอห์น เอ็ดดิสัน ‘ความรักและความยุติธรรมผสมผสานกัน ความจริง และความเมตตามาบรรจบกัน’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่กางเขน เราเห็นทั้งความรักและความยุติธรรมของพระอง ขอบคุณที่พระองค์ทรงเมตตาข้าพระองค์ ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์สำแดงความรักของพระองค์ และนำความยุติธรรมของพระองค์มาสู่โลกใบนี้ในนามพระเยซู

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สุภาษิต 21:9

‘อยู่​ที่​มุม​บน​หลัง​คา ดี​กว่า​อยู่​ร่วม​บ้าน​กับ​หญิง​ขี้​ทะ​เลาะ’

... หรืออาจจะเป็นสามีที่ขี้ทะเลาะ!

ข้อพระคำประจำวัน

2 พงศาวดาร 32:8

‘จง​เข้ม​แข็ง​และ​กล้า​หาญ​เถิด อย่า​กลัว​หรือ​ท้อ​แท้​...พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​เรา​ที่​จะ​ทรง​ช่วย​เรา​และ​สู้​ศึก​ของ​พวก​เรา’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม