ถูกเจิมโดยพระเจ้า
เกริ่นนำ
คุณทราบหรือไม่ว่าตอนนี้คุณ ‘ได้รับการเจิม’ จากพระเจ้าแล้ว ‘การเจิม’ ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้นำคริสเตียน หรือ นักพูดคริสเตียนเท่านั้น แต่การเจิมเป็นของพวกเราทุกคน คุณรู้หรือไม่ว่าการเจิมนี้ทำให้คุณมีอำนาจเหนือความบาป การทดลอง และมารร้าย คุณรู้หรือไม่ว่าการเจิมนี้ทำให้คุณเข้าถึงพระเจ้าผ่านการอธิษฐานและการนมัสการ คุณรู้หรือไม่ว่าการเจิมนี้ทำให้คุณสามารถประกาศพระวจนะของพระเจ้าแก่ผู้อื่นได้?
ทั้งหมดนี้เป็นไปได้เพราะพระเจ้าได้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่คุณ พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เพียงแต่รับประกันอนาคตของคุณเท่านั้น พระองค์เป็นเหมือนเงินมัดจำที่จ่ายไว้ล่วงหน้า ‘ผู้ทรงให้เรากับท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ในพระคริสต์ และผู้ที่ทรงเจิมเรานั้นคือพระเจ้า และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย’ (2 โครินธ์ 1:21–22)
เมื่อคุณทำสัญญาซื้อขายบ้าน ปกติก็ต้องมีการวางเงินมัดจำ ซึ่งไม่เพียงแต่รับประกันสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ยังเป็นการชำระเงินบางส่วนล่วงหน้าด้วย พระเจ้า ‘โดยพระวิญญาณของพระองค์ได้ประทับตราเราด้วยคำมั่นสัญญานิรันดร์ เป็นจุดเริ่มต้นที่แน่นอนของสิ่งที่พระองค์ถูกกำหนดไว้ให้สำเร็จ’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) โดยการให้พระวิญญาณบริสุทธิ์แก่คุณ พระเจ้าได้ทรงมอบเงินมัดจำนี้ล่วงหน้าแก่คุณแล้ว ซึ่งวันหนึ่งคุณจะได้รับเต็มจำนวน แล้วการเจิมของพระวิญญาณบริสุทธิ์หมายความว่าอย่างไรในทางปฏิบัติ?
สดุดี 103:13-22
13บิดาสงสารบุตรของตนฉันใด
พระยาห์เวห์ทรงสงสารคนที่ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น
14เพราะพระองค์เองทรงรู้จักโครงร่างของเรา
พระองค์ทรงระลึกว่าเราเป็นแต่ผงคลี
15ส่วนมนุษย์นั้น วันเวลาของเขาเหมือนหญ้า
เขาเจริญขึ้นเหมือนดอกไม้ในทุ่งนา
16เมื่อลมพัดผ่าน มันก็หายไป
และสถานที่ของมันไม่รู้จักมันอีก
17แต่ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์นั้นดำรงอยู่ ตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์
กาลต่อผู้ที่ยำเกรงพระองค์
และความชอบธรรมของพระองค์ต่อหลานเหลน
18ต่อผู้ที่รักษาพันธสัญญาของพระองค์
และต่อผู้ที่ระลึกถึงข้อบังคับของพระองค์เพื่อจะทำตาม
19พระยาห์เวห์ทรงสถาปนาบัลลังก์ของพระองค์ไว้ในฟ้าสวรรค์
และราชอาณาจักรของพระองค์ครอบครองทุกสิ่งอยู่
20ท่านทั้งหลายผู้เป็นทูตสวรรค์ของพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
ท่านผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ผู้ทำตามพระวจนะของพระองค์
ผู้เชื่อฟังพระวจนะของพระองค์
21กองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
คือบรรดาผู้รับใช้ที่ทำตามพระทัยพระองค์
22พระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์เอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
ในทุกสถานที่ ที่พระองค์ทรงครอบครองอยู่
จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
อรรถาธิบาย
มีประสบการณ์กับความรักของพระเจ้าในความเป็นพ่อแม่
ช่วงเวลาที่ลูก ๆ ของเราเกิด พิพพากับผมรู้สึกถึงความรักอันล้นเหลือที่เรามีสำหรับพวกเขา ซึ่งยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ นี่คือสัญชาตญาณตามธรรมชาติของพ่อแม่ทุกคน เรารู้สึกถึงความรักที่ลึกซึ้งต่อลูก ๆ ของเรา ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลงานหรือความสำเร็จ แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าพวกเขาเป็นใคร
นี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงรักคุณและยิ่งมากกว่านั้น ‘บิดามารดารู้สึกต่อบุตรอย่างไร พระเจ้าทรงรู้สึกต่อคนที่ยำเกรงพระองค์เช่นนั้น’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คุณเคยรู้สึกถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อคุณหรือไม่? คุณรู้หรือไม่ว่าพระเจ้ารักคุณมากกว่าที่พ่อแม่รักลูก คุณเคยมีประสบการณ์ความรักนี้ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เทลงในหัวใจของคุณหรือไม่ พระเจ้าต้องการให้คุณสัมผัสประสบการณ์ความรักในความเป็นพ่อแม่ตอนนี้และรู้ว่าความรักนั้นจะคงอยู่ตลอดไป
ดูเหมือนดาวิดจะเข้าใจความจริงที่ว่าไม่ใช่เพียงเพื่อชีวิตนี้เท่านั้น ‘แต่ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์นั้นดำรงอยู่ ตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาลต่อผู้ที่ยำเกรงพระองค์ และความชอบธรรมของพระองค์ต่อหลานเหลน ต่อผู้ที่รักษาพันธสัญญาของพระองค์ และต่อผู้ที่ระลึกถึงข้อบังคับของพระองค์เพื่อจะทำตาม’ (ข้อ 17–18)
คำอธิษฐาน
2 โครินธ์ 1:12-22
เปาโลเลื่อนกำหนดการแวะเยี่ยม
12นี่เป็นสิ่งที่เราอวด คือมโนธรรมของเราเป็นพยานว่า เราประพฤติตัวในโลกด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยความจริงใจที่มาจากพระเจ้า ไม่ใช่ประพฤติโดยปัญญาของมนุษย์แต่โดยพระคุณของพระเจ้า และต่อพวกท่านเราประพฤติยิ่งกว่านั้นเสียอีก 13เพราะว่าเราไม่ได้เขียนเรื่องอื่นถึงท่าน นอกจากเรื่องที่พวกท่านสามารถอ่านและเข้าใจได้ ข้าพเจ้าหวังว่าพวกท่านจะเข้าใจเราเป็นอย่างดี 14เหมือนที่ท่านเข้าใจบ้างแล้ว คือในวันของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พวกท่านจะภูมิใจในเราเช่นเดียวกับที่เราจะภูมิใจในท่าน
15และด้วยความแน่ใจในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจึงอยากไปเยี่ยมพวกท่านก่อนเพื่อน เพื่อท่านจะได้รับพรสองเท่า 16ข้าพเจ้าจะแวะเยี่ยมพวกท่านระหว่างที่เดินทางไปยังแคว้นมาซิโดเนีย และเมื่อกลับจากแคว้นมาซิโดเนีย ก็จะแวะเยี่ยมพวกท่านอีก แล้วขอท่านอุปการะข้าพเจ้า ให้เดินทางต่อไปยังแคว้นยูเดีย 17เมื่อข้าพเจ้าตั้งใจเช่นนี้ ข้าพเจ้าทำด้วยความโลเลหรือ? และข้าพเจ้าวางแผนการตามอย่างมนุษย์ที่จะพูดว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” แบบส่งๆ หรือ? 18พระเจ้าทรงสัตย์จริงอย่างไร คำของเราที่กล่าวกับพวกท่านก็ไม่ใช่เป็นคำรับ หรือปฏิเสธแบบส่งๆ อย่างนั้น 19เพราะว่าพระบุตรของพระเจ้าคือพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งข้าพเจ้ากับสิลวานัสและทิโมธี ประกาศแก่พวกท่านนั้นไม่ใช่ “จริง” หรือ “ไม่จริง” แบบส่งๆ แต่ในพระองค์ทุกอย่างล้วนแต่เป็นจริง 20เพราะว่าพระสัญญาต่างๆ ของพระเจ้าล้วนแต่เป็นจริงโดยพระเยซู เพราะเหตุนี้เราจึงพูดว่าอาเมนโดยพระองค์ ซึ่งเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า 21ผู้ทรงให้เรากับท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ในพระคริสต์ และผู้ที่ทรงเจิมเรานั้นคือพระเจ้า 22และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย
อรรถาธิบาย
มีประสบการณ์กับพระสัญญาของพระเจ้า
คุณตระหนักหรือไม่ว่าพระสัญญาทั้งหมดของพระเจ้ามีไว้สำหรับคุณ? ‘พระสัญญาต่าง ๆ ของพระเจ้าล้วนแต่เป็นจริงโดยพระเยซู’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าได้ทรงใส่ ‘คำว่าอาเมน’ ไว้ในตัวเรา โดยพระวิญญาณของพระองค์ ‘ผู้ทรงให้เรากับท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ในพระคริสต์ และผู้ที่ทรงเจิมเรานั้นคือพระเจ้า และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย’ (2 โครินธ์ 1:21–22)
ตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ‘พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ จงมีความเชื่อในสิ่งนั้น มีความหวังและรอคอยสิ่งนั้น ความอดทนเพื่อสิ่งนั้น’
พระสัญญาของพระเจ้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมได้รับการเน้นย้ำและยืนยันอีกครั้งในพระเยซู เปาโลอธิบายไว้ว่า ‘เพราะว่าพระสัญญาต่าง ๆ ของพระเจ้าล้วนแต่เป็นจริงโดยพระเยซู’ (ข้อ 20) เราเห็นการแสดงออกถึงความรักของพระเจ้าที่บนไม้กางเขน และมีประสบการณ์ความรักของพระเจ้าผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์
สิ่งที่ซ่อนอยู่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมถูกเปิดเผยในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ในพระคริสต์ คุณจะมีความรักนิรันดร์ของพระเจ้าเป็นนิตย์ เปาโลกล่าวว่า 'ผู้ทรงให้เรากับท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ในพระคริสต์ และผู้ที่ทรงเจิมเรานั้นคือพระเจ้า และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย’ (ข้อ 21–22) เป็นพระเจ้าองค์เดียวกันที่เจิมทั้งเปาโลและชาวโครินธ์
ไม่ใช่เฉพาะคริสเตียนบางคนเท่านั้นที่ได้รับการเจิม เรารู้ว่า ‘พระเจ้าทรงเจิมพระเยซูชาวนาซาเร็ธด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยฤทธานุภาพอย่างไร’ (กิจการ 10:38) สิ่งที่น่าทึ่งมากคือพระวิญญาณองค์เดียวกันกับที่เจิมพระเยซูได้เจิมคุณด้วย คุณได้รับ ‘การเจิม’ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และผมเองก็เช่นกัน พระวิญญาณของพระเจ้าที่สถิตอยู่ในตัวคุณผู้ ‘เป็นมัดจำ’ ก็เป็นผู้ให้ ‘การเจิม’ ของพระเจ้าแก่คุณเช่นกัน เพื่อที่จะเข้าใจว่าพระสัญญานี้เต็มขนาดและงดงามเพียงใด เราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจเบื้องหลังเสียก่อน ซึ่งบางข้อที่เราจะได้เห็นในข้อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมวันนี้
คำอธิษฐาน
2 พงศาวดาร 29:1-31:1
การปกครองของเฮเซคียาห์
1เฮเซคียาห์มีพระชนมายุ 25 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่าอาบียาห์ บุตรหญิงของเศคาริยาห์ 2และพระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ ตามทุกอย่างที่ดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ทรงกระทำ
พระวิหารได้รับการชำระ
3ในเดือนแรกของปีแรกที่พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงเปิดประตูพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และทรงซ่อมแซมประตูเหล่านั้น 4พระองค์ทรงนำบรรดาปุโรหิตและพวกคนเลวีเข้ามา แล้วทรงให้ชุมนุมกันที่ลานด้านตะวันออก 5และตรัสกับพวกเขาว่า “คนเลวีทั้งหลาย ขอให้ฟังเรา จงชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ และชำระพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านให้บริสุทธิ์ และเอาสิ่งที่เป็นมลทินออกจากสถานบริสุทธิ์ 6เพราะบรรพบุรุษทั้งหลายของพวกเราไม่ซื่อสัตย์ และทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา พวกเขาละทิ้งพระองค์ แล้วหันหน้าของพวกเขาจากที่ประทับของพระยาห์เวห์ และหันหลังให้ 7เขาทั้งหลายยังปิดประตูหน้ามุขพระนิเวศและดับดวงประทีปด้วย ทั้งไม่ได้เผาเครื่องหอมหรือถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวในสถานบริสุทธิ์ของพระเจ้าแห่งอิสราเอล 8เพราะฉะนั้นพระพิโรธของพระยาห์เวห์จึงมาเหนือยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงทำให้พวกเขาเป็นเหมือนสิ่งที่น่ากลัว สิ่งที่น่าสยดสยอง และสิ่งที่น่าเยาะเย้ยดังที่ท่านทั้งหลายได้เห็นกับตาของท่านแล้ว 9และดูสิ บรรพบุรุษของพวกเราล้มลงด้วยดาบ บุตรชายบุตรหญิงและภรรยาของพวกเราตกเป็นเชลยเพราะเหตุนี้ 10บัดนี้เราตั้งใจจะทำพันธสัญญากับพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อว่าพระพิโรธที่รุนแรงจะหันไปจากพวกเรา 11บุตรทั้งหลายของข้าพเจ้า อย่าเพิกเฉยในเวลานี้ เพราะพระยาห์เวห์ทรงเลือกพวกท่านให้ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ เพื่อปรนนิบัติพระองค์ และเป็นผู้ปรนนิบัติของพระองค์และเพื่อเผาเครื่องหอม”
12แล้วบรรดาคนเลวีก็เริ่มต้นทำงาน ได้แก่มาฮาทบุตรอามาสัย และโยเอลบุตรอาซาริยาห์ ผู้มาจากพงศ์พันธุ์ของโคฮาท และที่มาจากพงศ์พันธุ์ของเมรารี มีคีช คือ บุตรอับดี และอาซาริยาห์ บุตรเฮฮาลเลเลล ที่มาจากพงศ์พันธุ์ของเกอร์โชน คือโยอาห์บุตรศิมมาห์และเอเดนบุตรโยอาห์ 13ที่มาจากพงศ์พันธุ์ของเอลีซาฟาน คือ ชิมรีและเยอูเอล ที่มาจากพงศ์พันธุ์ของอาสาฟคือเศคาริยาห์และมัทธานิยาห์ 14ที่มาจากพงศ์พันธุ์ของเฮมานคือเยฮูเอลและชิเมอี และที่มาจากพงศ์พันธุ์ของเยดูธูนคือเชไมยาห์และอุสซีเอล 15เขาทั้งหลายรวบรวมพี่น้องของเขา และชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ พวกเขาก็เข้าไปตามพระบัญชาของพระราชาโดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ เพื่อชำระพระนิเวศของพระยาห์เวห์ให้บริสุทธิ์ 16บรรดาปุโรหิตเข้าไปยังด้านในของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เพื่อชำระให้บริสุทธิ์ และพวกเขานำสิ่งที่เป็นมลทินซึ่งพบในพระวิหารของพระยาห์เวห์ออกมาที่ลานพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และคนเลวีก็มารับแล้วขนออกไปยังหุบเขาขิดโรน 17เขาทั้งหลายเริ่มชำระในวันแรกของเดือนแรก และในวันที่แปดของเดือนนั้นพวกเขามายังหน้ามุขของพระยาห์เวห์ เขาทั้งหลายชำระพระนิเวศของพระยาห์เวห์อยู่แปดวัน และในวันที่สิบหกของเดือนแรกก็เสร็จงาน 18แล้วเขาทั้งหลายเข้าไปเฝ้าเฮเซคียาห์พระราชาและทูลว่า “พวกข้าพระบาทได้ชำระพระนิเวศของพระยาห์เวห์เสร็จแล้ว ทั้งแท่นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องใช้ทั้งหมดของแท่นนั้น รวมทั้งโต๊ะขนมตั้งถวาย และเครื่องใช้ทั้งหมดของโต๊ะนั้น 19เครื่องใช้ทั้งหมดที่กษัตริย์อาหัสทิ้งไปในรัชสมัยของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงไม่ซื่อสัตย์นั้น พวกข้าพระบาทจัดเตรียมไว้พร้อม และได้ชำระแล้ว ดูสิ ของเหล่านั้นอยู่ที่หน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์”
การฟื้นฟูการนมัสการ
20แล้วพระราชาเฮเซคียาห์ทรงลุกขึ้นแต่เช้า และรวบรวมบรรดาเจ้านายของกรุง แล้วเสด็จไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 21เขาทั้งหลายนำวัวผู้เจ็ดตัว แกะผู้เจ็ดตัว ลูกแกะเจ็ดตัว และแพะผู้เจ็ดตัว มาเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปสำหรับอาณาจักร สถานนมัสการและยูดาห์ พระองค์ทรงบัญชาบรรดาปุโรหิตที่เป็นเชื้อสายของอาโรน ให้ถวายสัตว์เหล่านั้นบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ 22เขาทั้งหลายจึงฆ่าวัวผู้ แล้วปุโรหิตก็มาเอาเลือดไปประพรมที่แท่นบูชา เขาทั้งหลายยังฆ่าแกะผู้ แล้วเอาเลือดของมันพรมที่แท่นบูชา รวมทั้งฆ่าลูกแกะแล้วเอาเลือดของมันพรมที่แท่นบูชา 23ส่วนแพะผู้สำหรับเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปนั้น ถูกนำมายังพระราชาและมายังชุมนุมชน และเขาทั้งหลายก็วางมือของเขาบนแพะเหล่านั้น 24จากนั้นปุโรหิตก็ฆ่าแพะ แล้วเอาเลือดของพวกมันมาทำเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปบนแท่นนั้น เพื่อลบมลทินบาปให้อิสราเอลทั้งหมด เพราะพระราชาทรงบัญชาว่า ให้ทำเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องบูชาลบล้างบาปสำหรับอิสราเอลทั้งหมด
25แล้วพระองค์ทรงให้คนเลวีประจำอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ โดยถือฉาบ พิณใหญ่ และพิณเขาคู่ ตามบัญญัติของดาวิด ของกาดผู้ทำนายของพระราชา และของนาธันผู้เผยพระวจนะ เพราะว่าบัญญัตินั้นมาจากพระยาห์เวห์ผ่านบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ 26คนเลวีก็ยืนอยู่โดยถือเครื่องดนตรีของดาวิด ส่วนปุโรหิตถือแตร 27แล้วเฮเซคียาห์ทรงบัญชา ให้ถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวบนแท่น เมื่อเครื่องบูชาเผาทั้งตัวเริ่มถวาย เพลงที่ถวายแด่พระยาห์เวห์พร้อมกับแตรและเครื่องดนตรีต่างๆ ของดาวิดพระราชาของอิสราเอลก็เริ่มขึ้นด้วย 28ชุมนุมชนทั้งหมดก็นมัสการ นักร้องก็ร้องเพลง และแตรก็เป่า ทำทุกอย่างนี้อยู่จนถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวเสร็จ 29เมื่อถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวเสร็จแล้ว พระราชาและทุกคนที่อยู่กับพระองค์ก็กราบลงนมัสการ 30แล้วเฮเซคียาห์พระราชาและบรรดาเจ้านายก็บัญชาพวกคนเลวีให้ร้องเพลงสรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วยถ้อยคำของดาวิดและของอาสาฟผู้ทำนาย และเขาทั้งหลายร้องเพลงสรรเสริญด้วยความยินดี แล้วพวกเขาก็กราบลงนมัสการ
31และเฮเซคียาห์ตรัสว่า “บัดนี้ท่านทั้งหลายได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์ต่อพระยาห์เวห์แล้ว จงเข้ามาใกล้แล้วนำเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาขอบพระคุณมายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์” ชุมนุมชนก็นำเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาขอบพระคุณมา และทุกคนที่มีความสมัครใจก็นำเครื่องบูชาเผาทั้งตัวมา 32จำนวนเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ชุมนุมชนนำมา คือวัวผู้ 70 ตัว แกะผู้ 100 ตัวและลูกแกะ 200 ตัว ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ 33สิ่งที่มอบถวายไว้นั้น มีวัวผู้ 600 ตัว และแกะ 3,000 ตัว 34แต่มีปุโรหิตน้อยเกินไปที่จะถลกหนังของเครื่องบูชาเผาทั้งตัวได้หมด คนเลวีพี่น้องของพวกเขาก็ช่วยจนเสร็จงาน และจนกว่าพวกปุโรหิตอื่นๆ จะชำระตัวเสร็จ เพราะพวกคนเลวีจริงจังกว่าพวกปุโรหิตในการชำระตัว 35นอกจากเครื่องบูชาเผาทั้งตัวจำนวนมากมายแล้ว ยังมีไขมันของเครื่องศานติบูชา และเครื่องดื่มบูชาที่คู่กับเครื่องบูชาเผาทั้งตัวด้วย ดังนี้แหละงานปรนนิบัติในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ก็กลับคืนมาอีก 36เฮเซคียาห์กับประชาชนทั้งหมดก็เปรมปรีดิ์ ในสิ่งที่พระเจ้าทรงทำให้กับประชาชน เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน
2 พงศาวดาร 30
เทศกาลปัสกาที่ยิ่งใหญ่
1เฮเซคียาห์ทรงส่งคนไปถึงอิสราเอลและยูดาห์ทั้งหมด และทรงพระอักษรคำราชาศัพท์หมายถึง เขียนจดหมายถึงเอฟราอิมกับมนัสเสห์ด้วย ว่าเขาทั้งหลายควรจะมายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อถือเทศกาลปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล 2เพราะว่าพระราชา พวกเจ้านายของพระองค์และชุมนุมชนทั้งหมดในกรุงเยรูซาเล็มได้ปรึกษากัน ที่จะถือเทศกาลปัสกาในเดือนที่สอง 3เนื่องจากเขาทั้งหลายไม่สามารถถือปัสกาได้ตามกำหนด เพราะพวกปุโรหิตยังไม่สามารถชำระตัวให้บริสุทธิ์จนได้จำนวนพอเพียง และประชาชนก็ไม่ได้ชุมนุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม 4แผนงานนี้จึงเป็นสิ่งที่พระราชาและชุมนุมชนทั้งหมดเห็นว่าถูกต้อง 5เขาทั้งหลายจึงจัดทำคำประกาศออกไปทั่วอิสราเอล ตั้งแต่เบเออร์เชบาถึงดาน เรียกร้องประชาชนให้มาถือปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลที่กรุงเยรูซาเล็ม เพราะพวกเขาไม่ได้ถือกันด้วยจำนวนคนมากๆ ตามที่เขียนไว้ 6คนเดินหนังสือจึงออกไปทั่วอิสราเอลและยูดาห์ ตามพระบัญชาของพระราชา และถือหนังสือจากพระราชาและพวกเจ้านายของพระองค์ที่ว่า “โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล เพื่อพระองค์จะทรงหันกลับมายังคนที่เหลืออยู่ของพวกท่าน ซึ่งรอดจากพระหัตถ์ของบรรดาพระราชาแห่งอัสซีเรีย 7อย่าเป็นเหมือนบรรพบุรุษและพี่น้องของพวกท่านผู้ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเขา พระองค์จึงทรงทำให้พวกเขาเป็นสิ่งที่น่าสยดสยองตามที่พวกท่านเห็นอยู่ 8บัดนี้อย่าหัวแข็งเหมือนอย่างบรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย แต่จงมอบตัวท่านแด่พระยาห์เวห์ จงมายังสถานนมัสการของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงชำระให้บริสุทธิ์เป็นนิตย์ และจงปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพื่อพระพิโรธรุนแรงของพระองค์จะหันไปจากท่านทั้งหลาย 9เพราะถ้าท่านทั้งหลายกลับมาหาพระยาห์เวห์ พี่น้องและลูกหลานของพวกท่านจะได้รับความกรุณาจากพวกที่จับเขาไปเป็นเชลย และจะได้กลับมายังแผ่นดินนี้อีก เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมีพระคุณและพระกรุณา ถ้าพวกท่านกลับมาหาพระองค์ พระองค์จะไม่หันพระพักตร์ไปจากพวกท่าน”
10คนเดินหนังสือจึงไปตามเมืองต่างๆ ทั่วแผ่นดินเอฟราอิม และมนัสเสห์ ไกลไปจนถึงเศบูลุน แต่คนทั้งหลายต่างก็หัวเราะเยาะและเย้ยหยันพวกเขา 11มีเพียงบางคนจากเผ่าอาเชอร์ มนัสเสห์และเศบูลุนที่ถ่อมตัวลงและมายังกรุงเยรูซาเล็ม 12พระหัตถ์ของพระเจ้าก็ทรงอยู่เหนือยูดาห์ด้วย เพื่อทำให้พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่จะทำตามสิ่งที่พระราชาและพวกเจ้านายได้บัญชาไว้ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์
13ประชาชนจำนวนมากมาประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อในเดือนที่สอง เป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่มาก 14เขาทั้งหลายลงมือกำจัดแท่นบูชาที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม รวมทั้งแท่นสำหรับเผาเครื่องหอมทั้งหมด และขนไปทิ้งในหุบเขาขิดโรน 15และเขาทั้งหลายฆ่าแกะปัสกาในวันที่สิบสี่ของเดือนที่สอง บรรดาปุโรหิตและคนเลวีรู้สึกละอายใจ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และนำเครื่องบูชาเผาทั้งตัวมาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 16เขาทั้งหลายเข้าประจำตำแหน่งที่เคยอยู่ ตามบทบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า ปุโรหิตก็เอาเลือดซึ่งรับมาจากมือของคนเลวีมาประพรม 17เพราะคนจำนวนมากในชุมนุมชนนั้นยังไม่ได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์ ฉะนั้นคนเลวีจึงต้องฆ่าแกะปัสกาแทนทุกคนที่ไม่บริสุทธิ์ เพื่อถวายเป็นสิ่งบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์ 18เพราะว่าในคนจำนวนมากมายนั้น มีคนมากซึ่งมาจากเอฟราอิม มนัสเสห์ อิสสาคาร์ และเศบูลุนที่ยังไม่ได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็รับประทานปัสกาแม้ขัดต่อข้อบัญญัติ ดังนั้นเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานเผื่อพวกเขาว่า “ขอพระยาห์เวห์ผู้ประเสริฐทรงให้อภัยแก่ทุกๆ คน 19ผู้ตั้งใจแสวงหาพระเจ้า คือพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเขา ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นไปตามกฎของความบริสุทธิ์แห่งสถานนมัสการนี้” 20พระยาห์เวห์ทรงฟังเฮเซคียาห์และทรงรักษาประชาชน 21แล้วประชาชนอิสราเอลที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม ถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ 7 วันด้วยความยินดีอย่างยิ่ง และคนเลวีกับปุโรหิตสรรเสริญพระยาห์เวห์ทุกทุกวัน ด้วยเครื่องดนตรีที่ให้เสียงดังถวายแด่พระยาห์เวห์ 22เฮเซคียาห์ทรงกล่าวหนุนใจคนเลวีทุกคนที่แสดงฝีมือดี ในการปรนนิบัติพระยาห์เวห์ ประชาชนจึงรับประทานอาหารในเทศกาลเลี้ยงนั้นเจ็ดวัน และถวายเครื่องบูชาเป็นเครื่องศานติบูชา ทั้งขอบพระคุณพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเขา
23แล้วชุมนุมชนทั้งหมดก็ตกลงกันที่จะถือเทศกาลเลี้ยงต่ออีกเจ็ดวัน พวกเขาจึงถือเทศกาลเลี้ยงต่ออีกเจ็ดวันด้วยความยินดี 24เพราะเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ประทานวัวผู้ 1,000 ตัว และแกะ 7,000 ตัวแก่ชุมนุมชนให้เป็นเครื่องบูชา และพวกเจ้านายก็ให้วัวผู้ 1,000 ตัว และแกะ 10,000 ตัวแก่ชุมนุมชน ปุโรหิตจำนวนมากมายก็ชำระตัวให้บริสุทธิ์ 25ชุมนุมชนทั้งหมดของยูดาห์กับบรรดาปุโรหิตทั้งคนเลวี และชุมนุมชนทั้งหมดซึ่งมาจากอิสราเอล รวมทั้งคนต่างด้าวที่มาจากอิสราเอลและที่อยู่ในยูดาห์ต่างก็เปรมปรีดิ์กัน 26จึงมีความยินดีอย่างยิ่งในกรุงเยรูซาเล็ม เพราะตั้งแต่สมัยของซาโลมอนพระราชโอรสของดาวิดพระราชาแห่งอิสราเอล ไม่เคยมีอย่างนี้ในกรุงเยรูซาเล็มเลย 27แล้วบรรดาปุโรหิตและคนเลวีลุกขึ้นอวยพรประชาชน เสียงของพวกเขาก็ไปถึงพระกรรณ และคำอธิษฐานก็ไปยังที่ประทับบริสุทธิ์ของพระองค์ในฟ้าสวรรค์
2 พงศาวดาร 31
การทำลายแท่นบูชาพระต่างด้าว
1เมื่อทำสิ่งทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว อิสราเอลทั้งสิ้นซึ่งอยู่ที่นั่นก็ออกไปยังเมืองต่างๆ ของยูดาห์ แล้วทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์เป็นชิ้นๆ โค่นบรรดาเสาอาเช-ราห์ลง รื้อปูชนียสถานสูง และแท่นบูชาทั่วยูดาห์ ทั่วเบนยามินทั่วเอฟราอิมและทั่วมนัสเสห์ พวกเขาทำลายจนหมด แล้วคนอิสราเอลทั้งหมดต่างก็กลับไปยังเมืองของตน ต่างกลับไปยังที่ดินของตน
อรรถาธิบาย
มีประสบการณ์กับการเจิมของพระเจ้าในชีวิตของคุณ
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม มีคนอยู่สามกลุ่มที่ได้รับการเจิม กษัตริย์ ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ โดยผ่านการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในตัวเรา ขณะนี้เราทุกคนได้รับการเจิมด้วยการเจิมของกษัตริย์ การเจิมของปุโรหิต และการเจิมของผู้เผยพระวจนะ สิ่งนี้หมายความว่าในทางปฏิบัติ?
1. การเจิมของกษัตริย์
คุณได้รับการเจิมของกษัตริย์เพื่อต่อสู้กับการทดลอง บาป และมารร้าย
เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์ผู้ถูกเจิม กษัตริย์จะต้องนำประชาชนในอุปสรรคและการสู้รบทั้งหมด เฮเซคียาห์ ‘เป็นกษัตริย์ที่ดี’ (29:2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ ‘ทรงงาน และรวบรวมบรรดาเจ้านายของกรุง’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขารื้อฟื้นพระวิหารและฉลองปัสกาและกำจัดรูปเคารพทั้งหมด (31:1)
เฮเซคียาห์กล่าวกับพวกเขาว่า ‘อย่าทำบาปอย่างบรรพบุรุษของท่านที่หันหลังให้กับพระเจ้า… จงมอบตัวท่านแด่พระยาห์เวห์ จงมายังสถานนมัสการอันบริสุทธิ์ของพระองค์ … พระเจ้าของท่านทรงมีพระคุณและพระกรุณาและเมตตา จะไม่หันไปจากท่าน จงกลับมาหาพระองค์แล้วพระองค์จะต้อนรับท่าน’ (30:7–10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
หลวงพ่อ รานิเอโร กันตาลาเมซซา เขียนว่าการเจิมของกษัตริย์หมายความว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ ‘เรียกร้องให้พระเยซูและคริสตจักรในการต่อสู้กับซาตาน’ พวกเราทุกคนได้รับการเจิมของกษัตริย์ พระวิญญาณบริสุทธิ์เรียกร้องเราแต่ละคนในการต่อสู้กับการทดลอง บาป และความชั่วร้าย คุณสามารถเรียกหาพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อช่วยคุณเมื่อคุณถูกทดลอง โดยรู้ว่าพระองค์จะเสด็จมาเคียงข้างคุณและประทานกำลังให้คุณมีชัยชนะ
2. การเจิมของปุโรหิต
คุณมีการเจิมของปุโรหิตเพื่ออธิษฐานและนมัสการ
ปุโรหิตในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม โดยเฉพาะในพระธรรมตอนนี้ ได้รับการเจิมให้เป็นผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ เราเห็นในที่นี่ว่าพวกเขาได้ถวายวัวผู้ ลูกแกะ แพะ และอื่น ๆ (29:20 เป็นต้นไป) พวกเขาประพรมเลือดวัวผู้และลูกแกะบนแท่นบูชา พวกเขาวางมือบนแพะและถวายบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
‘คนเลวีและปุโรหิตสรรเสริญพระเจ้าวันแล้ววันเล่า บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงสรรเสริญของเครื่องเคาะและเครื่องทองเหลือง เฮเซคียาห์ชมเชยคนเลวีที่แสดงฝีมือดีซึ่งพวกเขาได้นำผู้คนไปนมัสการพระเจ้า’ (30:22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเยซูทรงทำให้การเจิมของปุโรหิตสำเร็จโดยการสิ้นพระชนม์ในฐานะลูกแกะของพระเจ้าที่หลั่งโลหิตเพื่อลบล้างบาปของเรา นี่เป็นการถวายเครื่องบูชาครั้งสุดท้ายสำหรับความบาป
มีอีกความหมายหนึ่งที่การเจิมของปุโรหิตมาถึงเรา นั่นคือคริสตจักร เรามีส่วนร่วมในการเจิมของปุโรหิตของพระเยซู ‘ท่านเป็น...ปุโรหิตหลวง’ (1 เปโตร 2:9) พระวิญญาณเรียกร้องพระเยซูและคริสตจักรให้อธิษฐาน ในคำอธิษฐานของคุณ คุณมีพันธกิจของปุโรหิตในฐานะผู้วิงวอนเพื่อผู้อื่นต่อพระพักตร์พระเจ้า
3. การเจิมของผู้เผยพระวจนะ
คุณมีการเจิมของผู้เผยพระวจนะเพื่อประกาศข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซู
พงศาวดารกล่าวถึง ‘นาธันผู้เผยพระวจนะ' (2 พงศาวดาร 29:25) และกล่าวว่า ‘เพราะว่าบัญญัตินั้นมาจากพระยาห์เวห์ผ่านบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์’ (ข้อ 26) ผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมได้รับการเจิมให้กล่าวพระวจนะของพระเจ้า พระวิญญาณเจิมพระเยซูเมื่อรับบัพติศมาเพื่อประกาศข่าวดีแก่คนยากจน พระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกันนี้เจิมให้คุณพูดคำของพระเจ้าในวันนี้ คุณมีการเจิมของผู้เผยพระวจนะนี้
คริสตจักรเป็นตัวแทนของพระเจ้าที่จะนำข่าวดีของพระเยซูมาสู่โลก ทุกครั้งที่คุณบอกเพื่อนเกี่ยวกับพระเยซู เชิญพวกเขามาที่อัลฟ่า หรือพูดถึงชีวิตของพวกเขาในทางใดทางหนึ่ง คุณก็กำลังแสดงการทรงเรียกนี้
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สดุดี 103:16
‘...ลมพัดผ่าน มันก็หายไป และสถานที่ของมันไม่รู้จักมันอีก’
ชีวิตนั้นผ่านไปเร็ว เหมือนดังวันหยุด อีกไม่นานก็จะไม่ถูกจดจำ แต่ขอบคุณที่พระเจ้าทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ (ข้อ 17)
ข้อพระคำประจำวัน
ดัดแปลงจาก 2 โครินธ์ 1:21
‘พระองค์ทรงเจิมท่าน
ประทับตราแสดงความเป็นเจ้าของกับท่าน
ใส่พระวิญญาณของพระองค์ไว้ในหัวใจของท่านเป็นมัดจำค้ำประกันสิ่งที่จะเกิดขึ้น’

App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)