ครอบครัวที่เข้มแข็ง
เกริ่นนำ
คุณพ่อผู้แสนยุ่งกำลังมองหาวิธีที่จะสร้างความบันเทิงให้กับลูกสาวตัวน้อยของเขา เขาพบแผนที่โลกในนิตยสาร และตัดมันออกเป็นชิ้น ๆ เขามอบชิ้นส่วนที่ตัดแล้วให้กับลูกของเขา และแนะนำให้เธอพยายามต่อชิ้นส่วนของแผนที่กลับเข้าด้วยกัน
ไม่นานนักเธอก็บอกว่า ต่อเสร็จแล้ว เขาประหลาดใจมากว่าทำไมเธอถึงทำมันได้เร็วขนาดนี้ เขาถามเธอว่าเธอทำยังไงถึงทำได้เร็วขนาดนี้ เธอตอบกลับไปว่า หนูสังเกตว่าตอนที่พ่อตัดกระดาษด้านหลังของแผนที่โลกมีรูปผู้ชายและผู้หญิงอยู่ หนูคิดว่า ถ้าหนูสามารถนำผู้ชายและผู้หญิงกลับมารวมกันได้ หนูสามารถทำให้โลกกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้'
การแต่งงานและชีวิตครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญมาก พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการทรงสร้างของพระเจ้าและเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างของสังคม สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 เคยเขียนไว้ว่าครอบครัวเป็น ‘รากฐาน’ ของสังคมและ ‘หล่อเลี้ยง’ สังคมอย่างต่อเนื่อง
นิคกี้และซีล่า ลี ได้ทุ่มเททั้งชีวิตของพวกเขาเพื่อเสริมสร้างชีวิตแต่งงานและชีวิตครอบครัว หลักสูตรและหนังสือของพวกเขา เช่น หนังสือคู่สมรส และ หนังสือแด่พ่อแม่ สร้างผลกระทบอย่างเหลือเชื่อกับผู้คนนับพันในคริสตจักรท้องถิ่นของเราและตอนนี้ยังสร้างผลกระทบในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ไม่นานมานี้เจ้าหน้าที่ของรัฐในประเทศหนึ่งพูดกับนิกกี้และซีล่าว่า ‘สังคมที่เข้มแข็งขึ้นอยู่กับครอบครัวที่เข้มแข็ง และครอบครัวที่เข้มแข็งขึ้นอยู่กับการแต่งงานที่เข้มแข็ง นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเราสนใจงานของคุณ’
พระคริสตธรรมคัมภีร์พูดถึงชีวิตครอบครัวอย่างมากมาย ไม่เพียงแต่ครอบครัวตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ในฐานะคริสเตียนเราเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรซึ่งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่มองว่าคริสตจักรเป็น ‘ครอบครัวของพระเจ้า’
สดุดี 102:18-28
18เรื่องนี้จะถูกบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลัง
เพื่อประชาชนที่จะทรงสร้างมานั้นจะได้สรรเสริญพระยาห์เวห์
19บันทึกว่า พระองค์ทอดพระเนตรจากที่สูงอันบริสุทธิ์ของพระองค์
จากฟ้าสวรรค์ พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรแผ่นดินโลก
20เพื่อทรงฟังเสียงคร่ำครวญของเชลย
เพื่อทรงปล่อยคนที่ต้องถึงตายให้เป็นอิสระ
21เพื่อมนุษย์จะประกาศพระนามของพระยาห์เวห์ในศิโยน
และกล่าวสรรเสริญพระองค์ในเยรูซาเล็ม
22ขณะเมื่อชนชาติทั้งหลายมาชุมนุมกัน
ทั้งบรรดาราชอาณาจักร เพื่อนมัสการพระยาห์เวห์
23พระองค์ทรงทำให้กำลังของข้าพเจ้าอ่อนลงกลางทาง
พระองค์ทรงย่นวันเวลาของข้าพเจ้า
24ข้าพเจ้าทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงนำข้าพระองค์ไปเสีย
ในกึ่งกลางแห่งวันเวลาของข้าพระองค์
เพราะปีเดือนของพระองค์
ดำรงอยู่ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์”
25ในกาลก่อนพระองค์ทรงวางรากฐานของแผ่นดินโลก
และฟ้าสวรรค์เป็นผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์
26สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์จะทรงดำรงอยู่
สิ่งเหล่านี้จะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม
พระองค์ทรงเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เหมือนเสื้อผ้า แล้วมันก็สิ้นไป
27แต่พระองค์ทรงเหมือนเดิม และปีเดือนของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุด
28ลูกหลานของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะอยู่อย่างมั่นคง
และพงศ์พันธุ์ของพวกเขาจะได้รับการสถาปนาไว้เฉพาะพระพักตร์พระองค์
อรรถาธิบาย
ลูกหลานและคนรุ่นต่อไป
คนทุกยุคสมัยมีหน้าที่ที่จะต้องคิด และวางแผนเกี่ยวกับอนาคต เราไม่ควรคิดถึงแค่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคของเราแต่ควรคิดถึงคนรุ่นต่อไปด้วย ผู้เขียนสดุดีนั้นเป็นห่วงถึงผู้คนในรุ่นถัดไป: ‘เรื่องนี้จะถูกบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลัง เพื่อประชาชนที่จะทรงสร้างมานั้นจะได้สรรเสริญพระยาห์เวห์’ (ข้อ 18)
พระเยซูทรงเป็นคำตอบสำหรับคนทุกยุคสมัย สิ่งที่หน้าสนใจคือผู้เขียนพระธรรมฮีบรูอ้างถึงข้อ 25-27 ของสดุดีนี้เพื่อเล็งถึงพระเยซูคริสต์ (ฮีบรู 1:10-12): ‘พระเยซูคริสต์ทรงเหมือนเดิมทั้งวานนี้ และวันนี้ และตลอดไปเป็นนิตย์’ (ฮีบรู 13:8) พระองค์ทรง ‘ทรงวางรากฐานของแผ่นดินโลกในกาลก่อนและทรงสร้างฟ้าสวรรค์ด้วยผลงานแห่งฝีพระหัตถ์‘ (สดุดี 102:25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเยซูทรงดำรงอยู่เหมือนเดิม ‘ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีพระองค์ทรงดีเสมอ’ (ข้อ 27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
สดุดีตอนนี้จบลงด้วยความหวังสำหรับคนรุ่นต่อไป ‘ลูกหลานของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะอยู่อย่างมั่นคง และอยู่รวมกับพระองค์’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
นี่คือความหวัง คำอธิษฐาน และพระสัญญา ในขณะที่ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของตน แต่พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อประชากรของพระองค์เสมือนเป็นครอบครัว เราสามารถมีความหวัง อธิษฐาน และเชื่อในลูกหลานและทายาทของเราที่จะอยู่ในการทรงสถิตของพระองค์และได้รับการสถาปนาไว้เฉพาะพระพักตร์พระองค์ (ข้อ 28)
คำอธิษฐาน
1 โครินธ์ 16:5-24
แผนการเดินทาง
5เมื่อข้าพเจ้าข้ามแคว้นมาซิโดเนียแล้ว ข้าพเจ้าจะมาหาท่านทั้งหลาย เพราะว่าข้าพเจ้าจะไปทางมาซิโดเนีย 6และข้าพเจ้าอาจจะพักอยู่กับท่าน และอาจจะอยู่จนถึงสิ้นฤดูหนาว เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าจะไปทางไหน พวกท่านจะได้ส่งข้าพเจ้าไป 7เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ต้องการพบพวกท่านเฉพาะเมื่อผ่านไปเท่านั้น แต่ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้อยู่กับพวกท่านระยะหนึ่ง ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นชอบ ข้าพเจ้าจะค้างอยู่กับท่านนานๆ หน่อย 8และข้าพเจ้าจะอยู่ที่เมืองเอเฟซัสจนถึงเทศกาลเพ็นเทคอสต์ 9เพราะว่าที่นี่มีประตูเปิดให้ข้าพเจ้าอย่างกว้างขวางที่จะทำงานเกิดผล และคนขัดขวางก็มีมากด้วย
10เมื่อทิโมธีมาหาท่าน จงระวังอย่าทำให้เขาไม่สบายใจเมื่ออยู่กับพวกท่าน เพราะว่าเขาทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนข้าพเจ้า 11เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครดูหมิ่นเขา แต่จงส่งเขาเดินทางไปโดยสันติสุข เพื่อเขาจะกลับมาหาข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ากำลังคอยเขากับพวกพี่น้องอยู่
12ส่วนเรื่องอปอลโล ซึ่งเป็นพี่น้องของเรานั้น ข้าพเจ้าขอร้องเขาอย่างมากเพื่อให้ไปเยี่ยมท่านทั้งหลายพร้อมกับพวกพี่น้อง แต่เขายังไม่ค่อยอยากไปในเวลานี้ แต่เมื่อมีโอกาสเขาก็จะไป
คำขอร้องและคำทักทายสุดท้าย
13ท่านทั้งหลายจงระมัดระวัง จงมั่นคงในความเชื่อ จงเป็นคนกล้าหาญ จงเข้มแข็ง 14จงทำทุกสิ่งด้วยความรัก
15พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้ว่าครอบครัวของสเทฟานัส เป็นคริสเตียนพวกแรกในแคว้นอาคายา และพวกเขาได้ถวายตัวในงานปรนนิบัติบรรดาธรรมิกชน ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลาย 16ให้นอบน้อมต่อคนเช่นนี้ และต่อทุกคนที่ร่วมทำงานและตรากตรำ 17ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีที่สเทฟานัส ฟอร์ทูนาทัส และอาคายคัสมาหา เพราะพวกเขาได้ชดเชยการที่พวกท่านไม่ได้มานั้นจนครบถ้วนแปลได้อีกว่า เพราะพวกเขาได้ทำสิ่งที่พวกท่านไม่ได้ทำจนครบถ้วน 18เพราะว่าพวกเขาทำให้จิตใจของข้าพเจ้าและของพวกท่านชื่นบาน เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงยอมรับคนเช่นนี้
19คริสตจักรต่างๆ ในแคว้นเอเชียฝากคำทักทายมายังท่านทั้งหลาย อาควิลลาและนางปริสคา กับคริสตจักรที่อยู่ในบ้านของเขาฝากคำทักทายมายังพวกท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพิเศษ 20พี่น้องทุกคนฝากคำทักทายมายังท่าน จงทักทายกันด้วยธรรมเนียมจูบอันบริสุทธิ์
21คำทักทายนี้เป็นลายมือของข้าพเจ้าเปาโล 22ถ้าใครไม่รักองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็ขอให้คนนั้นเป็นที่แช่งสาป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาเถิด 23ขอพระคุณของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่านทั้งหลาย 24ความรักของข้าพเจ้าอยู่กับพวกท่านทุกคนในพระเยซูคริสต์
อรรถาธิบาย
ครอบครัวและบ้าน
คริสตจักรฮิลซองในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มีป้ายขนาดใหญ่อยู่ด้านนอกเขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับบ้าน’ นิมิตของไบรอันและบ๊อบบี้ ฮูสตัน ศิษยาภิบาลอาวุโส คือทุกคนที่มาที่คริสตจักรจะได้รับการต้อนรับ ได้รับความรักและได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นที่เราจะมอบให้กับแขกในบ้านของเราเอง
เราต้องหวนนึกภาพของคริสตจักรในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่นี้ว่าเป็นบ้าน แน่นอน คริสเตียนยุคแรกไม่มีอาคารโบสถ์ พวกเขาพบกันตามบ้าน (ข้อ 19) อาจารย์เปาโลเขียนถึงชาวโครินธ์ว่า ‘เมื่อทิโมธีมาถึง จงดูแลเขาให้ดี ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่บ้านท่ามกลางท่าน’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คริสตจักรคือครอบครัวของพระเจ้า พระเจ้าเป็นพ่อของเรา อาจารย์เปาโลมองทั้งคริสตจักรเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เขาพูดถึงคริสเตียนคนอื่น ๆ ว่าเป็น ‘พี่น้อง’ ของเขา (ข้อ 15) คริสตจักรไม่ใช่องค์กรที่คุณเข้าร่วม แต่เป็นครอบครัวที่มีที่สำหรับคุณ บ้านที่คุณจะถูกรัก และเป็นโรงพยาบาลที่คุณจะพบการรักษา
เปาโล ซึ่งยังเป็นโสดและไม่มีภรรยาหรือลูก เขารักชาวโครินธ์และมองว่าพวกเขาเป็นครอบครัวของเขา เขาพบความสดชื่นฝ่ายวิญญาณเมื่อได้ใช้เวลากับพวกเขา (ข้อ 17) เขาลงท้ายจดหมายว่า ‘ข้าพเจ้ารักพวกท่าน' (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เปาโลคาดหวังให้พวกเขา ‘รักองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 22) และรักซึ่งกันและกัน พวกเขาควรแสดงความรักนี้ด้วยการทักทายกัน ‘ด้วยธรรมเนียมจูบอันบริสุทธิ์’ (ข้อ 20)
นี่ไม่ใช่แค่ทฤษฎีที่ดี มันเป็นเรื่องส่วนตัวมาก ท่านปรารถนาที่จะเห็นพวกเขา (ข้อ 5) เปาโลรู้ว่าพวกเขาจะ ‘ช่วย’ ท่าน (ข้อ 6) ท่านอยู่กับพวกเขาแค่ระยะหนึ่ง แต่เปาโลต้องการอยู่กับพวกเขานานกว่านั้นมาก ‘ถ้าพระเจ้าทรงเห็นชอบ’ (ข้อ 7) ถ้อยคำของเปาโลมาจากความรักและความห่วงใยต่อผู้คนในคริสตจักร ท่านได้ปฏิบัติในสิ่งที่ท่านเทศนาเมื่อท่านเขียนว่า ‘จงทำทุกสิ่งด้วยความรัก’ (ข้อ 14)
เหตุผลเดียวที่เปาโลไม่มาให้เร็วกว่านี้ก็คือ ‘เพราะว่าที่นี่มีประตูเปิดให้ข้าพเจ้าอย่างกว้างขวางที่จะทำงานเกิดผล และคนขัดขวางก็มีมากด้วย’ (ข้อ 9) (เหมือนว่าเมื่อใดก็ตามที่พระเจ้าเปิด “ประตูแห่งโอกาสที่จะทำงานที่เกิดผล” เราควรคาดหวังว่าจะมี “ผู้ขัดขวาง” ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อย่าปล่อยให้การต่อต้านขัดขวางคุณจากการฉวยโอกาสที่จะทำสิ่งดีเมื่อมันเกิดขึ้น
ท่านพูดต่อไปถึงทิโมธี ผู้ที่เปาโลอธิบายว่าเป็นลูกของท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้า (4:17) ‘อปอลโล ซึ่งเป็นพี่น้อง’ (16:12) และ ‘ครอบครัวของสเตฟานัส’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติที่ทั้งครอบครัวจะกลับใจใหม่ และรับบัพติศมาพร้อมกัน
เรายังเห็นในพระธรรมตอนนี้เป็นตัวอย่างของคู่สมรสที่ทำพันธกิจร่วมกัน อาควิลลาและปริสสิลลาเปิดคริสตจักรในบ้านของพวกเขา (ข้อ 19) ในที่นี้อาควิลลาเป็นผู้ที่ถูกเอ่ยชื่อก่อน อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ปริสสิลลาคือคนที่เปาโลเอ่ยชื่อก่อน (ดูโรม 16:3) เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูแลคริสตจักรด้วยกัน
ครอบครัวของคริสตจักรประกอบด้วยคนโสดอย่างเปาโล คู่สมรสอย่างปริสสิลลาและอาควิลลา และครัวเรือนทั้งหมดเหมือนกับครอบครัวของสเตฟานัส เมื่อมาอยู่ด้วยกันเราร่วมสร้างครอบครัวของพระเจ้าด้วยกัน
สิ่งที่เปาโลเขียนใช้ได้กับเราทุกคน ‘จงระมัดระวัง จงยึดมั่นในความเชื่อ จงอุทิศตัว เด็ดเดี่ยวและรักโดยไม่หยุดยั้ง’ (1 โครินธ์ 16:13–14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
2 พงศาวดาร 24:1-25:28
โยอาชทรงซ่อมแซมพระวิหารแห่งยูดาห์
1โยอาชมีพระชนมายุ 7 พรรษา เมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 40 ปี พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่าศิบียาห์แห่งเมืองเบเออร์เชบา 2และโยอาชทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ตลอดชั่วอายุของเยโฮยาดาปุโรหิต 3เยโฮยาดาหามเหสีให้พระองค์สององค์ และพระองค์ก็ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาหลายองค์
4ต่อมาภายหลังโยอาชตั้งพระทัยที่จะซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 5พระองค์ทรงประชุมบรรดาปุโรหิตและพวกคนเลวี แล้วตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงออกไปยังเมืองต่างๆ ของยูดาห์และเก็บเงินเป็นรายปีจากอิสราเอลทั้งหมด เพื่อซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้าของพวกเจ้า และจงรีบเร่งทำงานนั้น” แต่คนเลวีไม่ได้รีบเร่ง 6พระราชาจึงตรัสเรียกเยโฮยาดาผู้เป็นหัวหน้า และตรัสกับท่านว่า “ทำไมท่านไม่เรียกร้องพวกคนเลวีให้นำค่าบำรุงเข้ามาจากยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม? คือค่าบำรุงที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์กำหนดให้ชุมนุมชนอิสราเอลนำมาเพื่อเต็นท์แห่งสักขีพยาน” 7เพราะพระนางอาธาลิยาห์ หญิงชั่วร้ายคนนั้นและพวกผู้ใกล้ชิดได้ปล้นพระนิเวศของพระเจ้า และใช้สิ่งของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์สำหรับพระบาอัล
8พระราชาจึงทรงบัญชา และเขาทั้งหลายทำหีบใบหนึ่งวางไว้นอกประตูพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 9และมีคำประกาศไปทั่วยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม ให้นำค่าบำรุงซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้ากำหนดแก่อิสราเอลในถิ่นทุรกันดารนั้น เข้ามาถวายพระยาห์เวห์ 10แล้วเจ้านายทั้งหมดและประชาชนทุกคนก็เปรมปรีดิ์ และเขาทั้งหลายนำค่าบำรุงมาหย่อนลงในหีบจนเต็ม 11แล้วคนเลวีนำหีบเข้ามาให้เจ้าหน้าที่ของพระราชา และเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาเห็นว่ามีเงินมาก ราชเลขาและเจ้าหน้าที่ของมหาปุโรหิตจะเข้ามาเทหีบออก แล้วนำหีบกลับไปไว้ที่เดิม เขาทั้งหลายทำอย่างนี้วันแล้ววันเล่า จนเก็บเงินได้เป็นจำนวนมาก 12พระราชาและเยโฮยาดาก็มอบให้กับบรรดาผู้ดูแลกิจการแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เขาทั้งหลายก็จ้างช่างก่อสร้างและช่างไม้ให้ซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์ รวมทั้งช่างเหล็กและช่างทองสัมฤทธิ์ ให้บูรณะพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 13พวกคนงานที่รับจ้างก็ทำงาน และงานบูรณะฟื้นฟูก็ก้าวหน้าในมือของพวกเขา เขาทั้งหลายซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้าตามขนาดเดิม และเสริมให้แข็งแรงขึ้น 14เมื่อทำเสร็จแล้ว พวกเขาก็นำเงินส่วนที่เหลืออยู่มาวางเฉพาะพระพักตร์พระราชาและต่อหน้าเยโฮยาดา แล้วพวกเขาใช้เงินนั้นทำเครื่องใช้สำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เครื่องใช้สำหรับการปรนนิบัติและสำหรับเครื่องบูชาเผาทั้งตัว รวมทั้งชามเล็ก หม้อ หรือทัพพีและภาชนะทองคำและเงินต่างๆ แล้วเขาทั้งหลายถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวในพระนิเวศของพระยาห์เวห์อยู่เสมอ ตลอดชั่วอายุของเยโฮยาดา
15แต่เยโฮยาดาก็ชราลงและแก่หง่อมแล้วก็สิ้นชีวิต เมื่อสิ้นชีวิตท่านมีอายุ 130 ปี 16เขาก็ฝังศพท่านไว้ในนครของดาวิดกับบรรดาพระราชา เพราะท่านทำการดีในอิสราเอลเพื่อพระเจ้าและพระนิเวศของพระองค์
17หลังจากที่เยโฮยาดาสิ้นชีวิตแล้ว บรรดาเจ้านายแห่งยูดาห์เข้ามาถวายบังคมต่อพระราชา แล้วพระราชาก็ทรงฟังคำทูลของพวกเขา 18และเขาทั้งหลายทอดทิ้งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา และปรนนิบัติบรรดาพระอาเช-ราห์และรูปเคารพ แล้วพระพิโรธก็ลงมาเหนือยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม เพราะความชั่วนี้ของพวกเขา 19แต่พระยาห์เวห์ยังทรงใช้ผู้เผยพระวจนะมานำพวกเขาให้กลับมายังพระองค์ ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้เป็นพยานกล่าวโทษเขา แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง
20แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสวมทับเศคาริยาห์ บุตรเยโฮยาดาปุโรหิต และเศคาริยาห์ยืนอยู่เหนือประชาชน แล้วกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘ทำไมพวกเจ้าจึงละเมิดพระบัญญัติของพระยาห์เวห์ ซึ่งทำให้พวกเจ้าไม่เจริญ เนื่องจากเจ้าทั้งหลายละทิ้งพระยาห์เวห์ พระองค์จึงทรงละทิ้งพวกเจ้า’ ” 21แต่พวกเขาปองร้ายเศคาริยาห์ และพวกเขาขว้างเขาตายด้วยหินในลานพระนิเวศของพระยาห์เวห์โดยพระบัญชาของพระราชา 22พระราชาโยอาชไม่ได้ทรงระลึกถึงความกรุณา ที่เยโฮยาดาบิดาของเศคาริยาห์สำแดงต่อพระองค์ แต่ทรงสังหารบุตรชายของท่าน และเมื่อเขากำลังจะตาย เขาพูดว่า “ขอพระยาห์เวห์ทอดพระเนตรและแก้แค้น”
23พอปลายปีกองทัพของคนซีเรียก็มาต่อสู้กับโยอาช พวกเขามาถึงยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม แล้วทำลายพวกเจ้านายของประชาชนจากประชาชน และส่งของริบที่ได้ทั้งหมดไปยังพระราชาแห่งดามัสกัส 24แม้ว่ากองทัพซีเรียที่มานั้นมีจำนวนน้อย พระยาห์เวห์ทรงมอบกองทัพใหญ่ไว้ในมือของเขา เพราะเขาทั้งหลายได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา ดังนี้แหละ คนซีเรียก็ลงโทษโยอาช
25เมื่อพวกเขาจากพระองค์ไป (พวกเขาละพระองค์ที่บาดเจ็บสาหัสไว้) ข้าราชการของพระองค์ก็ปองร้ายพระองค์ เพราะโลหิตของบุตรชายของเยโฮยาดาปุโรหิต และพวกเขาปลงพระชนม์พระองค์บนแท่นบรรทม พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ และเขาฝังพระศพไว้ในนครดาวิด แต่ไม่ได้ฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพของบรรดาพระราชา 26คนที่ปองร้ายพระองค์ คือศาบาดบุตรนางชิเมอัทคนอัมโมน และเยโฮศาบาดบุตรนางชิมริทคนโมอับ 27เรื่องราวของบรรดาพระราชโอรสของพระองค์และครุวาทมากมายที่กล่าวโทษพระองค์ รวมทั้งการซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้า ดูสิ บันทึกไว้ในหนังสืออรรถาธิบายเกี่ยวกับพงศ์กษัตริย์ และอามาซิยาห์พระราชโอรสของพระองค์ทรงครองราชย์แทนพระองค์
2 พงศาวดาร 25
รัชกาลอามาซิยาห์
1อามาซิยาห์มีพระชนมายุ 25 พรรษา เมื่อทรงครองราชย์ และพระองค์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเล็ม 29 ปี พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่า เยโฮอัดดาน ชาวกรุงเยรูซาเล็ม 2และพระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ แต่ไม่ได้ทำด้วยพระทัยที่แท้จริง 3ต่อมาเมื่อราชอาณาจักรอยู่ในอำนาจของพระองค์อย่างมั่นคงแล้ว พระองค์ทรงสังหารพวกข้าราชการผู้ที่ปลงพระชนม์พระราชบิดาของพระองค์ 4แต่พระองค์ไม่ได้ทรงประหารลูกหลานของเขาทั้งหลาย เพราะทรงทำตามที่บันทึกไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้ว่า “อย่าประหารบิดาเพราะการกระทำของลูกหลาน หรืออย่าประหารลูกหลานเพราะการกระทำของบิดา เพราะแต่ละคนจะต้องถูกประหารเพราะบาปของตัวเอง”
การฆ่าฟันคนเอโดม
5แล้วอามาซิยาห์ประชุมพวกยูดาห์ และทรงให้เขาทั้งหลายอยู่ใต้ผู้บังคับกองพันและกองร้อยตามครอบครัวบรรพบุรุษ คือยูดาห์และเบนยามินทั้งหมด พระองค์ทรงนับคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และทรงเห็นว่ามีนักรบที่คัดเลือกแล้ว 300,000 คน ผู้ซึ่งสามารถเข้าทำสงคราม ทั้งสามารถถือหอกและโล่ 6นอกจากนั้นพระองค์ทรงจ้างนักรบผู้กล้าหาญจากอิสราเอล 100,000 คนด้วยเงิน 100 ตะลันต์มีค่าเท่ากับเงินหนัก 3,400 กิโลกรัม 7แต่คนของพระเจ้าคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ทูลว่า “ข้าแต่พระราชา โปรดอย่าให้กองทัพอิสราเอลไปกับพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์ไม่ได้สถิตกับอิสราเอล คือคนเอฟราอิมทั้งหมด 8แต่ถ้าพระองค์จะไปและทรงทำตัวให้เข้มแข็งในสงคราม พระเจ้าจะทรงเหวี่ยงพระองค์ลงต่อหน้าศัตรู เพราะว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์ที่จะช่วยเหลือหรือเหวี่ยงลงได้” 9และอามาซิยาห์ตรัสถามคนของพระเจ้าว่า “แต่เราจะทำอย่างไรกับเงิน 100 ตะลันต์มีค่าเท่ากับเงินหนัก 3,400 กิโลกรัม ที่เราให้แก่กองทัพอิสราเอลไปแล้ว” แล้วคนของพระเจ้าทูลตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงสามารถประทานแก่พระองค์มากยิ่งกว่านี้อีก” 10อามาซิยาห์ก็ทรงปล่อยกองทหารจากเอฟราอิมที่มาหาพระองค์ให้กลับบ้านไปอีก เขาทั้งหลายจึงโกรธยูดาห์อย่างยิ่งและกลับบ้านด้วยความโกรธเป็นอย่างยิ่ง 11แต่อามาซิยาห์ทรงกล้าแข็งขึ้น และทรงนำไพร่พลของพระองค์ออกไปยังหุบเขาเกลือ แล้วโจมตีชาวเสอีร์ 10,000 คน 12คนยูดาห์จับเป็นอีก 10,000 คน และพาพวกเขาไปที่ยอดผา และโยนพวกเขาลงมาจากยอดผานั้น พวกเขาก็ตกลงมาแหลกเหลวไป 13แต่คนจากกองทหารที่อามาซิยาห์ทรงปล่อยให้กลับไป และไม่ให้ไปรบด้วยนั้นเข้าโจมตีเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ตั้งแต่สะมาเรียถึงเบธโฮโรนพวกเขาฆ่าฟันประชาชน 3,000 คน และริบข้าวของไปเป็นอันมาก
14ต่อมาเมื่ออามาซิยาห์เสด็จกลับจากการฆ่าฟันคนเอโดม พระองค์ทรงนำรูปเคารพต่างๆ ของคนเสอีร์มาตั้งไว้เป็นพระของพระองค์ และทรงกราบไหว้พระเหล่านั้น ทั้งเผาเครื่องหอมถวาย 15และพระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธต่ออามาซิยาห์ และทรงใช้ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งไปหาแล้วทูลพระองค์ว่า “ทำไมเจ้าจึงแสวงหาพระของชนชาติที่ไม่สามารถช่วยชนชาติของตัวเองจากมือของเจ้า?” 16ขณะที่เขากำลังทูลอยู่ พระราชาตรัสกับเขาว่า “เราแต่งตั้งเจ้าให้เป็นที่ปรึกษาของพระราชาหรือ? หยุดพูดเสีย ทำไมเจ้าจะต้องถูกฆ่าเล่า?” ผู้เผยพระวจนะนั้นจึงหยุด แต่ทูลว่า “ข้าพระบาททราบว่าพระเจ้าตั้งพระทัยจะทำลายฝ่าพระบาท เพราะฝ่าพระบาททรงทำเช่นนี้และไม่ทรงฟังคำแนะนำของข้าพระบาท”
อิสราเอลพิชิตยูดาห์
17แล้วอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ทรงให้มีการหารือกัน และทรงส่งคนไปเฝ้าเยโฮอาช พระราชโอรสของเยโฮอาหาส พระราชโอรสของเยฮู พระราชาแห่งอิสราเอลและทูลว่า “มาเถิด ให้เราทั้งสองมาเผชิญหน้ากัน” 18และเยโฮอาช พระราชาแห่งอิสราเอลทรงส่งข่าวไปยังอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ว่า “ต้นหนามบนภูเขาเลบานอนส่งข่าวให้ต้นสนสีดาร์บนภูเขาเลบานอนว่า ‘จงยกลูกสาวของเจ้าให้เป็นภรรยาลูกชายของเรา’ และสัตว์ป่าตัวหนึ่งบนภูเขาเลบานอนผ่านมาและย่ำต้นหนามลงเสีย 19ท่านกล่าวว่า ‘ดูสิ ข้าพเจ้าได้โจมตีเอโดม’ และจิตใจของท่านก็ผยองขึ้นในความโอ้อวด แต่จงอยู่กับบ้านเถิด เพราะทำไมท่านจึงเร้าใจตนเองให้เกิดเหตุร้าย ซึ่งทำให้ท่านล้มลง คือทั้งท่านและยูดาห์พร้อมกับท่าน?”
20แต่อามาซิยาห์ไม่ทรงฟังเพราะเป็นมาจากพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะทรงมอบเขาทั้งหลายไว้ในมือเยโฮอาช เพราะเขาทั้งหลายแสวงหาพระแห่งเอโดม 21เยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอลจึงทรงขึ้นไป และพระองค์กับอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ก็ทรงเผชิญหน้ากันที่เมืองเบธเชเมชซึ่งเป็นของยูดาห์ 22และยูดาห์ก็พ่ายแพ้อิสราเอล และแต่ละคนก็หนีกลับบ้านของตน 23เยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอลก็ทรงจับอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์พระราชโอรสของโยอาช พระราชโอรสของอาหัสยาห์ที่เมืองเบธเชเมช และทรงนำพระองค์เข้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และทรงพังกำแพงกรุงเยรูซาเล็มลงประมาณ 200 เมตร ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมถึงประตูมุม 24และพระองค์ทรงริบทองคำ เงิน และของใช้ทั้งหมดที่พบในพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งอยู่กับโอเบดเอโดม และที่พบในคลังของพระราชวัง พร้อมกับจับตัวประกันด้วย แล้วพระองค์เสด็จกลับไปยังกรุงสะมาเรีย
อามาซิยาห์สิ้นพระชนม์
25อามาซิยาห์พระราชโอรสของโยอาชพระราชาแห่งยูดาห์ทรงพระชนม์อยู่อีกสิบห้าปี หลังจากที่เยโฮอาช พระราชโอรสของเยโฮอาหาส พระราชาแห่งอิสราเอลสิ้นพระชนม์ 26ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของอามาซิยาห์ ตั้งแต่ต้นจนจบนั้น ไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอลหรือ? 27นับแต่เวลาที่อามาซิยาห์ทรงหันไปจากการติดตามพระยาห์เวห์ พวกเขาก็ร่วมกันกบฏต่อพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงหนีไปยังเมืองลาคีช แต่เขาทั้งหลายส่งคนตามพระองค์ไปที่เมืองลาคีช และฆ่าพระองค์ที่นั่น 28และพวกเขานำพระศพบรรทุกม้ากลับมา และฝังไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในยูดาห์
อรรถาธิบาย
พ่อแม่และลูกหลาน
การเลี้ยงลูกที่ดีเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากในชีวิต บิดาของโยอาชสิ้นพระชนม์เมื่อยังทรงพระเยาว์ และเขาทรงเป็นกษัตริย์เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ มารดาของเขามั่นใจว่าเขาได้รับการ ‘อบรบสั่งสอนโดยปุโรหิตเยโฮยาดา’ (24:2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับการอบรมที่ดีและ ‘ทำในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยตลอดชีวิตของเยโฮยาดา’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) โยอาชมีครอบครัวของตนเอง มีทั้ง ‘พระราชโอรสและพระราชธิดา’ (ข้อ 3 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะอวยพรดาวิดและครอบครัวของเขา พระองค์จะทรงตั้งกษัตริย์ในเชื้อสายของดาวิด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความรักของพระเจ้านั้นไม่มีเงื่อนไข แต่ละคนก็ต้องรับผิดชอบว่าพวกเขาควรตอบสนองต่อความรักนี้อย่างไร ‘หนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส’ (อาจเป็นวิธีในการอ้างอิงถึง ‘ธรรมบัญญัติ’ หนังสือห้าเล่มแรกของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม) ถูกยกมาเพื่อสนับสนุนความจริงที่ว่า ‘อย่าประหารบิดาเพราะการกระทำของลูกหลาน หรืออย่าประหารลูกหลานเพราะการกระทำของบิดา เพราะแต่ละคนจะต้องถูกประหารเพราะบาปของตัวเอง’ (25:4) (‘เราแต่ละคนต้องจ่ายราคาสำหรับบาปของเรา’ พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เราเห็นหลักการนี้ได้ผลที่นี่ โยอาชนั้นเริ่มต้นได้ดี เขา ‘ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรพระยาห์เวห์’ (24:2) เขา ‘ตั้งพระทัยที่จะซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 4) ทุกคนมีส่วนร่วม ‘แล้วเจ้านายทั้งหมดและประชาชนทุกคนก็เปรมปรีดิ์ และเขาทั้งหลายนำค่าบำรุงมาหย่อนลงในหีบจนเต็ม’ (ข้อ 10) ‘เขาทั้งหลายซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้าตามขนาดเดิม และเสริมให้แข็งแรงขึ้น’ (ข้อ 13) (พระวิหารสำหรับการนมัสการนั้นมีความสำคัญและสามารถถูกซ่อมแซมได้เมื่อทุกคนมีส่วนร่วม)
น่าเศร้าที่การปกครองของโยอาชจบลงไม่ดี (ข้อ 17–27) มันสำคัญมากที่จะไม่ใช่แค่เริ่มต้นได้ดี แต่ยังต้องจบด้วยดีอีกด้วย
น่าเศร้าที่รูปแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในชีวิตของอามาซิยาห์บุตรชายของเขา เขาเริ่มต้นได้ดี (25:2) แต่จบได้ไม่ดี เขากลายเป็นคน‘ผยองขึ้นในความโอ้อวด’ (ข้อ 19) และ ‘หันไปจากการติดตามพระยาห์เวห์’ (ข้อ 27)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
2 พงศาวดาร 24:1-25:28
ด้วยคำแนะนำที่ดี เด็ก ๆ ก็สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ เราต้องไม่ประเมินพวกเขาต่ำเกินไป
โยอาชขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ ด้วยความช่วยเหลือของเยโฮยาดาปุโรหิตในฐานะที่ปรึกษา โยอาชได้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่ ในขณะที่เขามีที่ปรึกษาที่ดี คนอิสราเอลก็นมัสการพระเจ้า น่าเศร้า เมื่อที่ปรึกษาของเขาเสียชีวิต เขาก็ออกนอกลู่นอกทาง เป็นสิ่งสำคัญที่จะแสวงหาคำแนะนำที่ชาญฉลาดต่อไป และเราทุกคนจำเป็นต้องให้หนุนใจคนรุ่นต่อไป
ข้อพระคำประจำวัน
1 โครินธ์ 16:13-14
‘จงเป็นคนกล้าหาญจงเข้มแข็ง จงทำทุกสิ่งด้วยความรัก’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)