วัน 227

ไม่ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 97:1-12
พันธสัญญาใหม่ 1 โครินธ์ 9:19-10:13
พันธสัญญาเดิม 2 พงศาวดาร 2:1-5:1

เกริ่นนำ

ผมชอบเล่นกีฬา แม้ผมไม่เคยเล่นอะไรเก่งเป็นพิเศษ แต่ผมสนุกกับมันเป็นอย่างมาก มีผู้ชายไม่กี่คนที่ผมเล่นสควอชด้วย ซึ่งเล่นในมาตรฐานที่สูงมาก เป็นแบบฉันท์มิตร และผ่อนคลาย และเราก็แข่งขันกันอย่างมากด้วย! แม้ว่าระดับที่เราเล่นจะเรียกร้องให้ต้อง ‘ฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด’ ผมก็ซ้อมและเล่นเป็นประจำ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมพยายามระวังสิ่งที่ผมกินเข้าไป และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

อัครสาวกเปาโลเขียนว่า ‘ท่าน​ทั้ง​หลาย​เคยไปที่อัฒจันทร์และเห็นลู่วิ่งของนักกีฬา ทุก​คนก็วิ่ง แต่​คน​ที่​ได้​ราง​วัล​นั้น​มี​เพียง​คน​เดียว? จง​วิ่ง​เพื่อชิงชัย ​นัก​กีฬาที่ดี​ทุก​คน​ก็ฝึกซ้อมอย่างหนัก พวก​เขา​ทำ​เพื่อ​จะ​ได้​เหรียญทองซึ่งจะหม่นหมองและซีดจางไป ท่านกำลังวิ่งตามสิ่งมีค่าดั่งทองไปชั่วนิรันดร์’ (1 โครินธ์ 9:24–25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

หากคนที่ลงแข่งขันเกมกีฬา ผ่านการฝึกซ้อมที่เข้มงวดเพื่อบรรลุบางสิ่งซึ่ง ‘ไม่คงทนถาวร’ เราควรเข้าสู่ ‘การฝึกซ้อมที่เข้มงวด’ มากเพียงใดในเรื่องชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และศีลธรรมของเรา เพื่อให้ ‘มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรย’ (ข้อ 25)

เปาโลเขียนว่า ‘ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าท่านเป็นอย่างไร แต่ข้าพเจ้าวิ่งอย่างเต็มกำลังเพื่อไปถึงเส้นชัย ข้าพเจ้าทุ่มเททุกสิ่งที่ข้าพเจ้ามี สำหรับข้าพเจ้าไม่มีการใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย! ข้าพเจ้าตื่นตัว และอยู่ในสภาพดีเยี่ยม’ (ข้อ 26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การนมัสการและการรับใช้พระเจ้าคือสิ่งที่เป็นเป้าหมายและความทะเยอทะยานในชีวิตของเปาโล ท่านต้องการจะทำให้ดีที่สุดตามกำลังความสามารถ ท่านต้องการจะทุ่มเททุกสิ่งที่ท่านมี ท่านกำลังมุ่งไปสู่เหรียญทอง

การนมัสการและการรับใช้นั้นเกี่ยวพันใกล้ชิดกันมาก (คำกรีกคำเดียวกันว่า ลาทรูโอ (latreuo) ถูกใช้สำหรับทั้งสองความหมาย) มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นผู้นมัสการ คุณนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้พระองค์เดียว หรือไม่ก็บางคนหรือบางสิ่ง มนุษย์ทุกคนล้วนรับใช้พระเจ้า รับใช้ตัวเอง หรือรับใช้บางคน หรือรับใช้บางสิ่ง

ในพระธรรมสำหรับวันนี้ เราได้เห็นความสำคัญของการนมัสการและการรับใช้พระเจ้าเที่ยงแท้พระองค์เดียว ด้วยหมดใจและชีวิตของเรา ทุ่มเททุกสิ่งที่เรามี ไม่ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 97:1-12

อำนาจปกครองของพระเจ้า

1พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง จงให้แผ่นดินโลกเปรมปรีดิ์
 ให้แผ่นดินชายทะเลมากมายนั้นยินดี
2เมฆและความมืดทึบอยู่รอบพระองค์
 ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานแห่งพระบัลลังก์ของพระองค์
3ไฟลุกอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์
 และเผาคู่อริของพระองค์รอบข้างเสีย
4ฟ้าแลบของพระองค์ทำให้พิภพสว่าง
 แผ่นดินโลกเห็นและสั่นสะท้าน
5ภูเขาละลายอย่างขี้ผึ้ง เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์
 เฉพาะพระพักตร์องค์เจ้านายแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
6ฟ้าสวรรค์ป่าวร้องความชอบธรรมของพระองค์
 และชนชาติทั้งสิ้นเห็นพระสิริของพระองค์
7ทุกคนที่นมัสการรูปเคารพ ที่อวดในพระเท็จได้อับอาย
 พระทั้งสิ้นก็กราบลงต่อพระองค์
8ศิโยนได้ยินและยินดี
 และเมืองทั้งหลายของยูดาห์ก็เปรมปรีดิ์
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะคำพิพากษาของพระองค์
9ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์ผู้สูงสุดเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
 พระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องอย่างสูงเหนือพระทั้งปวง
10บรรดาผู้รักพระยาห์เวห์เอ๋ย จงเกลียดชังความชั่ว
 พระองค์ทรงอารักขาชีวิตผู้จงรักภักดีของพระองค์
 พระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขาให้พ้นจากมือคนอธรรม
11ความสว่างถูกหว่านแก่คนชอบธรรม
 และความชื่นบานถูกหว่านแก่คนใจเที่ยงธรรม
12ท่านทั้งหลายผู้ชอบธรรมจงยินดีในพระยาห์เวห์
 และจงยกย่องพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์

อรรถาธิบาย

ทำไมคุณจึงต้องนมัสการและรับใช้พระเจ้า?

พระเจ้าทรงควบคุมทุกสรรพสิ่งของพระองค์ ‘พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ครอบ​ครอง’ (ข้อ 1) หากองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ครอบครอง ก็จะไม่มีจุดหมายใดต่อชีวิต แต่พระองค์ทรงครอบครอง และนั่นเป็นเหตุผลให้เปรมปรีดิ์ (ข้อ 1)

ผู้เขียนสดุดีเรียกให้ทุกสรรพสิ่งแห่งการทรงสร้างนมัสการ ‘จงกราบลง...นมัสการพระองค์!’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เขาเริ่มต้นลำดับแรกด้วยการสรรเสริญพระเจ้าสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงเป็น และลำดับสอง สำหรับสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ เพราะสิ่งที่พระเจ้าทรงเป็นคือ พระองค์ทรงกระทำสิ่งซึ่งนำเอาการปกป้องคุ้มครอง การช่วยกู้ การทรงนำ และความชื่นบานมายังประชากรของพระองค์ (ข้อ 10–12)

  • พระเจ้าทรงเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองคุณ
    พระองค์ทรงอารักขาชีวิตคุณ ‘พระองค์ทรงทำให้ผู้ที่รักพระองค์ปลอดภัย’ (ข้อ 10ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  • พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยกู้ของคุณ
    พระ​องค์​ทรง​ช่วย​กู้​พวก​เขา​ให้​พ้น​จาก​มือ​คน​อธรรม (ข้อ 10ค) พระองค์ทรงฉวยคุณไว้จากเงื้อมมือของพวกเขา (ข้อ 10ค, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  • พระเจ้าทรงเป็นผู้ชี้ทางคุณ
    พระองค์ทรงฉายแสงมาที่คุณ พระองค์ทรงนำและพิพากษา เปิดตาของคุณ (ข้อ 11ก)

  • พระเจ้าทรงเป็นความชื่นบานของคุณ
    พระองค์ทรงประทานความชื่นบาน เพื่อคุณสามารถชื่นบานในพระองค์ และสรรเสริญพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ได้ (ข้อ 11ข,12) ‘ความชื่นบานที่ไม่อาจระงับได้ มาจากการสำนึกในความโปรดปรานและความคุ้มครองของพระองค์' (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

‘ดังนั้น’ เขาสรุป ‘ประชากรของพระเจ้าเอ๋ย จงโห่ร้องสรรเสริญพระเจ้า จงขอบพระคุณแก่องค์พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ของเรา!’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงเป็นผู้ปกป้องคุ้มครอง ผู้ช่วยกู้ ผู้นำทาง และความชื่นบานของข้าพระองค์
พันธสัญญาใหม่

1 โครินธ์ 9:19-10:13

 19แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นไทโดยไม่ได้อยู่ใต้ใคร ข้าพเจ้าก็ยังยอมเป็นทาสของทุกคน เพื่อจะได้คนมามากยิ่งขึ้น 20ต่อพวกยิวข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนยิว เพื่อจะได้พวกยิวมา ต่อพวกที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ (แต่ตัวข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ) เพื่อจะได้พวกที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัตินั้นมา 21ต่อพวกที่อยู่นอกธรรมบัญญัติข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนนอกธรรมบัญญัติ (ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่นอกพระบัญญัติของพระเจ้า แต่อยู่ใต้พระบัญญัติแห่งพระคริสต์) เพื่อจะได้พวกที่อยู่นอกธรรมบัญญัตินั้นมา 22ต่อพวกคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้พวกคนอ่อนแอมา ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกแบบต่อทุกคน เพื่อช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทาง 23ข้าพเจ้าทำทุกอย่าง เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น
 24ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่วิ่งแข่งนั้นก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รางวัลนั้นมีเพียงคนเดียว? จงวิ่งเหมือนผู้ที่จะชิงรางวัลให้ได้ 25ส่วนนักกีฬาทุกคนก็ควบคุมตัวเองในทุกด้าน พวกเขาทำเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้ แต่มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรยเลย 26ดังนั้นข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งแข่งโดยไม่มีเป้าหมาย ข้าพเจ้าไม่ได้ต่อสู้เหมือนอย่างนักมวยที่ชกลม 27แต่ข้าพเจ้าทุบตีร่างกายและควบคุมมันไว้ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวเองกลับเป็นคนที่ใช้การไม่ได้

1 โครินธ์ 10

ตักเตือนไม่ให้นับถือรูปเคารพ

 1พี่น้องทั้งหลาย เพราะว่าข้าพเจ้าต้องการให้ท่านทั้งหลายเข้าใจว่า บรรพบุรุษของเราทั้งหมดได้อยู่ใต้เมฆ และได้ผ่านทะเลไปทุกคน 2ได้รับบัพติศมาในเมฆและในทะเลเข้าสนิทกับโมเสสทุกคน 3ได้รับประทานอาหารฝ่ายจิตวิญญาณเดียวกันทุกคน 4และได้ดื่มน้ำฝ่ายจิตวิญญาณเดียวกันทุกคน เพราะว่าพวกเขาได้ดื่มจากพระศิลาฝ่ายจิตวิญญาณที่ติดตามเขาไป พระศิลานั้นคือพระคริสต์ 5แต่ถึงกระนั้นก็ดีมีคนส่วนมากในพวกนั้นที่พระเจ้าไม่พอพระทัย เราทราบได้จากที่เขาล้มตายกันเกลื่อนกลาดในถิ่นทุรกันดาร
 6เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจเราไม่ให้ปรารถนาสิ่งชั่วเหมือนเขาทั้งหลาย 7พวกท่านอย่านับถือรูปเคารพเหมือนบางคนในพวกเขาได้ทำ ดังที่มีเขียนไว้ว่า “ประชาชนก็นั่งลงกินและดื่ม แล้วก็ลุกขึ้นเล่นสนุกสนาน” 8อย่าให้เราล่วงประเวณีเหมือนบางคนในพวกเขาได้ทำ แล้วก็ล้มลงตายในวันเดียวสองหมื่นสามพันคน 9อย่าให้เราลองดีพระคริสต์สำเนาโบราณบางฉบับว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า เหมือนบางคนในพวกเขาได้ทำ แล้วต้องพินาศด้วยงูร้าย 10อย่าให้เราบ่นเหมือนบางคนในพวกเขาได้ทำ แล้วต้องพินาศด้วยองค์เพชฌฆาต 11เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกเขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้เขียนไว้เพื่อเตือนสติเราผู้ซึ่งมาถึงวาระสุดท้ายของยุคนี้แล้ว 12เพราะเหตุนี้คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง 13ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้

อรรถาธิบาย

คุณนมัสการและรับใช้ใคร?

จนกว่าความรักของพระเจ้าจะเปลี่ยนมุมมองของเรา พวกเราส่วนมากเป็นทาสตัวเราเอง (และความหิวกระหายทางกายของเรา)เปาโลนั้นตรงกันข้าม เพราะว่าพระเยซูคริสต์ เปาโลทำให้ร่างกายของตนเองเป็นทาส และ ‘ยอม​เป็น​ทาส​ของ​ทุก​คน’ (9:19ก)

เปาโลกล่าวว่า ‘ข้าพ​เจ้า​ยอม​เป็น​คน​ทุก​แบบ​ต่อ​ทุก​คน เพื่อ​ช่วย​บาง​คน​ให้​รอด​โดย​ทุก​วิถี​ทาง’ (ข้อ 22ข) นี่ไม่ได้หมายความว่า ท่านหน้าซื่อใจคดหรือไม่สบายใจที่จะเป็นตัวของตัวเอง หรือไม่สามารถเป็นตัวเองได้ หรือไม่ได้หมายความว่า ท่านเปลี่ยนสาระของพระกิตติคุณเพื่อให้เหมาะกับผู้ฟัง ร้อนรนที่จะเทศนาข่าวประเสริฐ และวัตถุประสงค์ของท่านก็คือ ‘เพื่อจะได้คนมามากยิ่งขึ้น’ (ข้อ 19ข)

ตามที่ศาสตราจารย์กอร์ดอน ฟี เขียนไว้ว่า ‘ในขณะที่ (เปาโล) ไม่ประนีประนอมกับเรื่องที่กระทบต่อพระกิตติคุณ ไม่ว่าจะเป็นด้านศาสนศาสตร์หรือพฤติกรรม ความกังวลเดียวกันในเรื่องฤทธิ์เดชของพระกิตติคุณในเรื่องการช่วยกู้ คือสิ่งที่ทำให้ท่านกลายเป็นทุกสิ่งในเรื่องที่ไม่สลักสำคัญสำหรับทุกคน”

เปาโลเขียนว่า ‘ข้าพเจ้าเข้าไปสู่โลกของพวกเขา และพยายามมีประสบการณ์ในสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของพวกเขา’ (ข้อ 22. พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นการประยุกต์ใช้ที่กว้าง บางทีอาจเกินขอบเขตที่เปาโลตั้งใจไว้ เพื่อเป็นตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่อาจจะส่งผลกระทบต่อเสื้อผ้าที่คุณสวมใส่ เพื่อไม่ให้คนที่คุณกำลังพูดถึงอยู่ด้วยรู้สึกถูกผลักออก และควรจะสามารถระบุตัวตนของคุณได้

ในขณะที่เปาโลเต็มใจจะเป็นทาสต่อทุกคน ท่านไม่ได้เต็มใจที่จะเป็นตกเป็นทาสต่อความหิวกระหายทางกายของตนเอง โดยอ้างถึงชีวิตว่าเหมือนกับลู่วิ่งแข่ง (ข้อ 24, เห็นตัวเองในฐานะนักวิ่งผู้ซึ่งจำเป็นต้องผ่านการ ‘ควบคุมตัวเองในทุกด้าน’ (ข้อ 25) เหมือนกับนักกีฬา เขาจำเป็นต้องไม่ปรานีกับร่างกายของตนเอง เพื่อให้มันเป็นทาส เพื่อที่การเทศนากับคนอื่น ๆ เขาเองจะไม่ได้กลายเป็นผู้ที่ ‘ใช้การไม่ได้’ (ข้อ 27) การฝึกวินัยตนเองเป็นสิ่งสำคัญ ให้เรานำเอาร่างกาย ความคิด ริมฝีปาก และอารมณ์ของคุณให้อยู่ในการควบคุม

เปาโลรู้ว่ามีการทดลองมากมายรอบตัว เขาเห็นสิ่งนี้จากประวัติศาสตร์แห่งชนชาติของตนเอง ‘มี​คน​ส่วน​มาก​ใน​พวก​นั้นที่พ่ายแพ้ต่อการทดลองใจในช่วงยากลำบากในทะเลทราย และ​พระ​เจ้า​ไม่​พอ​พระ​ทัย’ (10:5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พวกเขาปรารถนา ‘สิ่งชั่ว’ (ข้อ 6) พวกเขา ‘ล่วง​ประ​เวณี​‘ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 9) พวกเขาบ่นว่า (ข้อ 10) ‘เราควรระวังที่จะไม่ปลุกปั่นความไม่พอใจ ความไม่พอใจทำลายพวกเขา’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

‘นี่ล้วนเป็นคำเตือน อันตราย! ในหนังสือประวัติศาสตร์ของเรา จดไว้เพื่อเราจะไม่ทำพลาดซ้ำเหมือนพวกเขา ตำแหน่งของเราในเรื่องนี้คู่ขนานกัน พวกเขาอยู่ในจุดเริ่มต้น พวกเราอยู่ที่ปลายทาง และเราก็มีโอกาสจะทำพลาดได้เหมือนที่พวกเขาทำ อย่าใสซื่อหรือมั่นใจในตัวเองจนเกินไป คุณไม่ใช่ข้อยกเว้น คุณอาจล้มคว่ำลงได้ง่ายพอ ๆ กับคนอื่น จงลืมเรื่องความมั่นใจในตัวเองไปเสีย มันใช้การไม่ได้ จงบ่มเพาะความมั่นใจในพระเจ้า’ (ข้อ 11–12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คุณจะถูกล่อลวงได้เหมือนกับพวกเขา กระนั้นเปาโลกล่าวว่า ‘ไม่มีการทดลอง หรือการล่อลวงใจใด ๆ ที่เข้ามาถึงท่านนอกเหนือไปจากที่คนอื่น ๆ เคยพบเจอ ทั้งหมดที่ท่านต้องจำไว้ก็คือ พระเจ้าไม่ได้หักหลังท่าน พระองค์ไม่เคยให้ท่านต้องทนเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ พระองค์จะทรงอยู่ที่นั่นเสมอเพื่อช่วยท่านให้พ้นผ่านมาได้’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ลองถามตัวเองด้วยคำถามสองข้อนี้:

  • ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ฉันไม่ได้ตกเป็นทาสแห่งความปรารถนาของตัวเอง?
  • ฉันสามารถรับใช้ทุกคนที่ฉันพบเจอในวันนี้ได้อย่างไร?

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้เข้าสู่การฝึกซ้อมอย่างเข้มงวดเพื่อได้รับ ‘มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรย’ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้หลีกเลี่ยงการล้มลงในการทดลอง ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้นมัสการและรับใช้พระองค์ พระองค์แต่เพียงผู้เดียว
พันธสัญญาเดิม

2 พงศาวดาร 2:1-5:1

การเตรียมสร้างพระนิเวศ

 1ซาโลมอนตั้งพระทัยที่จะสร้างพระนิเวศเพื่อพระนามของพระยาห์เวห์ และสร้างราชวังเพื่อพระองค์เอง 2และซาโลมอนทรงกำหนดให้ 70,000 คนเป็นแรงงานขนของ และให้ 80,000 คนสกัดหินที่บริเวณเทือกเขา และให้ 3,600 คนเป็นผู้ควบคุมเขาทั้งหลาย 3และซาโลมอนทรงส่งราชสารคำว่าราชสาร ฮีราม กษัตริย์เมืองไทระว่า “ท่านได้ทำกิจการกับดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้าคือ ได้ส่งไม้สนสีดาร์ให้พระองค์ท่าน เพื่อสร้างวังให้พระองค์ท่านประทับอย่างไร ขอท่านได้ทำกับข้าพเจ้าอย่างนั้นด้วย 4ขณะนี้ ข้าพเจ้ากำลังจะสร้างพระนิเวศ เพื่อพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า และมอบถวายแด่พระองค์เพื่อเผาเครื่องหอมเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เพื่อตั้งขนมปังที่ถวายเป็นประจำ และเพื่อถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวทั้งเช้าและเย็นในวันสะบาโต วันข้างขึ้น และวันเทศกาลเลี้ยงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ซึ่งเป็นกฎสำหรับอิสราเอลตลอดไป 5พระนิเวศซึ่งข้าพเจ้าจะสร้างนั้นใหญ่โต เพราะว่าพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่กว่าพระทั้งหมด 6แต่ใครเล่าที่จะสามารถสร้างพระนิเวศสำหรับพระองค์ได้? ในเมื่อฟ้าสวรรค์หรือแม้แต่ฟ้าสวรรค์ที่สูงที่สุดก็ยังรับรองพระองค์ไว้ไม่ได้ และข้าพเจ้าเป็นใครที่จะสร้างพระนิเวศสำหรับพระองค์ นอกจากให้เป็นที่เผาเครื่องหอมถวายเฉพาะพระพักตร์พระองค์เท่านั้น? 7เพราะฉะนั้น บัดนี้ขอส่งชายคนหนึ่งที่ชำนาญงานช่างด้านทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก และชำนาญในเรื่องผ้าสีม่วง ผ้าสีแดงเข้ม และผ้าสีฟ้า ทั้งชำนาญในการแกะสลัก เพื่อจะทำงานกับบรรดาช่างฝีมือที่อยู่กับข้าพเจ้าในยูดาห์และในเยรูซาเล็ม ซึ่งดาวิดพระราชบิดาของข้าพเจ้าจัดหาไว้ 8ขอท่านส่งไม้สนสีดาร์ ไม้สนสามใบ และไม้ประดู่จากเลบานอนให้ข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้าเข้าใจว่าข้าราชการของท่านเชี่ยวชาญการตัดไม้ในเลบานอน นี่แน่ะ ข้าราชการของข้าพเจ้าจะทำงานกับข้าราชการของท่าน 9เพื่อจัดเตรียมไม้ให้ข้าพเจ้ามากๆ เพราะว่าพระนิเวศที่ข้าพเจ้าจะสร้างนี้จะใหญ่โตและวิจิตรตระการตา 10นี่แน่ะ ข้าพเจ้าจะให้ข้าวสาลีนวดแล้ว 2,000 ตัน ข้าวบาร์เลย์ 2,000 ตัน เหล้าองุ่น 400,000 ลิตร และน้ำมัน 400,000 ลิตรแก่พวกข้าราชการของท่านที่ตัดไม้นั้น”
 11แล้วฮีรามพระราชาแห่งเมืองไทระทรงตอบเป็นลายพระหัตถ์ ซึ่งพระองค์ทรงส่งไปถึงซาโลมอนว่า “เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงรักประชากรของพระองค์ พระองค์จึงประทานตัวท่านเป็นพระราชาเหนือเขาทั้งหลาย” 12ฮีรามตรัสอีกว่า “สาธุการแด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก พระองค์ประทานโอรสที่ฉลาดคนหนึ่งแก่ดาวิด ที่เปี่ยมด้วยความเฉลียวฉลาดและความเข้าใจ ผู้ซึ่งจะสร้างพระนิเวศถวายพระยาห์เวห์ และจะสร้างพระราชวังเพื่อท่านเอง
 13“บัดนี้ข้าพเจ้าส่งช่างฝีมือคนหนึ่ง ที่เปี่ยมด้วยความเข้าใจ คือฮูรามอับบี 14บุตรชายของหญิงเผ่าดาน บิดาของเขาเป็นคนไทระ เขาเชี่ยวชาญงานช่างด้านทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก หินและไม้ และงานช่างผ้าสีม่วง ผ้าสีฟ้า ผ้าป่าน และผ้าสีแดงเข้ม ทั้งทำงานแกะสลักทุกชนิด และสร้างตามแบบลวดลายใดๆ ที่กำหนดให้เขา เขาจะทำงานกับช่างฝีมือของท่าน คือช่างฝีมือของดาวิดพระราชบิดาของท่านผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า 15เพราะฉะนั้น เรื่องข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำมัน และเหล้าองุ่น ซึ่งเจ้านายของข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ขอท่านได้ส่งไปให้เราผู้รับใช้ของท่าน 16และเราจะตัดไม้ตามที่ท่านต้องการจากเลบานอน แล้วนำมาให้ท่านด้วยแพในทางทะเลถึงเมืองยัฟฟาเพื่อท่านจะได้นำขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม”
 17แล้วซาโลมอนทรงทำบัญชีสำมะโนครัวคนต่างด้าวทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอล ต่อจากบัญชีสำมะโนครัวซึ่งดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงทำไว้ และปรากฏว่ามีจำนวน 153,600 คน 18พระองค์ทรงกำหนดให้ 70,000 คนจากพวกเขาเป็นแรงงานขนของ 80,000 คนสกัดหินที่บริเวณเทือกเขา และ 3,600 คนเป็นผู้ควบคุมให้ประชาชนทำงาน

2 พงศาวดาร 3

ซาโลมอนทรงสร้างพระนิเวศของพระเจ้า

 1แล้วซาโลมอนทรงเริ่มสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ที่กรุงเยรูซาเล็มบนภูเขาโมริยาห์ (ที่ซึ่งพระเจ้าทรงปรากฏแก่ดาวิดพระราชบิดาของพระองค์) ตรงที่ดาวิดทรงกำหนดไว้คือลานนวดข้าวของโอรนันคนเยบุส 2พระองค์ทรงเริ่มสร้างในวันที่สองเดือนที่สองของปีที่สี่ แห่งรัชกาลของพระองค์ 3และนี่เป็นขนาดรากฐานซึ่งซาโลมอนทรงวางเพื่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า คือยาว 27 เมตร และกว้าง 9 เมตรในภาษาฮีบรูมีข้อความว่า โดยวัดตามมาตราการวัดแบบเก่า 4มุขด้านหน้าของพระนิเวศนั้นกว้าง 9 เมตร เท่ากับด้านกว้างของพระนิเวศ และสูง 54 เมตร พระองค์ทรงบุด้านในด้วยทองคำบริสุทธิ์ 5พระองค์ทรงบุห้องโถงด้วยไม้สนสามใบ และบุทับด้วยทองคำเนื้อดี และทรงทำต้นอินทผลัมและลูกโซ่ประดับไว้บนนั้น 6พระองค์ทรงแต่งพระนิเวศด้วยการฝังเพชรพลอย ทองคำนั้นเป็นทองคำเมืองพารวายิม 7พระองค์ทรงบุพระนิเวศนั้นด้วยทองคำคือบนคาน บนธรณีประตู บนผนัง และบนประตู ทั้งยังทรงสลักรูปเครูบทั้งหลายไว้บนผนัง
 8และพระองค์ทรงสร้างอภิสุทธิสถาน มีความยาวเท่าความกว้างของพระนิเวศ คือ 9 เมตร และความกว้างเท่ากับ 9 เมตร พระองค์ทรงบุด้วยทองคำเนื้อดีหนักประมาณ 20 ตัน 9ตะปูทองคำต่างๆ หนัก 570 กรัม และพระองค์ทรงบุห้องชั้นบนด้วยทองคำ
 10ในอภิสุทธิสถานนั้น พระองค์ทรงสร้างเครูบไว้สองรูปด้วยไม้บุทองคำ 11ปีกของเครูบทั้งสองนั้นกางออกยาวรวมกันประมาณ 9 เมตร ปีกข้างหนึ่งของเครูบรูปหนึ่งจดผนังพระนิเวศและยาว 2.2 เมตร และปีกอีกข้างหนึ่งจดปีกของเครูบอีกรูปหนึ่งและยาว 2.2 เมตร 12ส่วนอีกรูปนั้น ปีกข้างหนึ่งจดผนังพระนิเวศและยาว 2.2 เมตร และปีกอีกข้างหนึ่งจดปีกของเครูบรูปแรกยาว 2.2 เมตร 13ปีกของเครูบทั้งสองนี้กางออกยาวรวมกันประมาณ 9 เมตร เครูบทั้งสองนั้นยืนบนเท้าของเขาเองและหันหน้าไปทางห้องโถง 14และพระองค์ทรงทำม่านอพย.26:31ด้วยด้ายสีฟ้า สีม่วง สีแดงเข้ม และด้วยผ้าป่าน แล้วปักรูปเครูบไว้บนนั้น 15ข้างหน้าพระนิเวศ พระองค์ทรงสร้างเสาสองต้น สูงต้นละ 15.5 เมตร มีบัวหัวเสาสูง 2.2 เมตรอยู่บนยอดเสาแต่ละต้น 16พระองค์ทรงทำโซ่ไว้ที่อภิสุทธิสถานและที่ยอดเสาแปลได้อีกว่า ทรงทำโซ่ที่ถักไว้ที่ยอดเสา แล้วพระองค์ทรงทำทับทิมหนึ่งร้อยลูกแขวนไว้ที่โซ่ 17พระองค์ทรงตั้งเสาทั้งสองไว้หน้าพระวิหาร ข้างขวาต้นหนึ่ง และข้างซ้ายอีกต้นหนึ่ง พระองค์ทรงขนานนามต้นข้างขวานั้นว่ายาคีน และต้นข้างซ้ายว่า โบอาส

2 พงศาวดาร 4

เครื่องใช้ต่างๆ ในพระนิเวศ

 1พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาด้วยทองสัมฤทธิ์ ยาว 9 เมตร และกว้าง 9 เมตร สูง 4.5 เมตร 2แล้วพระองค์ทรงหล่ออ่างสาคร เป็นทรงกลม วัดจากขอบหนึ่งไปถึงอีกขอบหนึ่งได้ 4.5 เมตร สูง 2.25 เมตร และวัดโดยรอบอ่างได้ 13.5 เมตร 3ใต้อ่างสาครมีรูปคล้ายวัวอยู่รอบ โดยมีจำนวนสิบรูปทุกระยะ 40 เซนติเมตรรอบอ่าง วัวเหล่านี้มีสองแถวหล่อเป็นชิ้นเดียวกับอ่าง 4อ่างสาครนี้ตั้งอยู่บนวัว 12 ตัว สามตัวหันหน้าไปทางทิศเหนือ สามตัวหันหน้าไปทางทิศตะวันตก สามตัวหันหน้าไปทางทิศใต้ และสามตัวหันหน้าไปทางทิศตะวันออก อ่างนี้ตั้งอยู่บนวัวเหล่านี้ และส่วนหลังของวัวทุกตัวอยู่ด้านใน 5อ่างหนา 7.5 เซนติเมตร ขอบของมันทำเหมือนขอบถ้วย และเหมือนดอกพลับพลึงกำลังบาน อ่างนี้บรรจุได้ประมาณ 60,000 ลิตร 6พระองค์ยังทรงทำอ่างเล็กสิบใบ วางอยู่ด้านขวาห้าใบ และด้านซ้ายห้าใบ เพื่อใช้ล้างของในนั้น คือจะล้างของที่ใช้เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวในอ่างเล็กนี้ ส่วนอ่างสาครนั้นให้พวกปุโรหิตใช้ล้างตัวในนั้น
 7แล้วพระองค์ทรงสร้างคันประทีปทองคำสิบคันตามที่กำหนดไว้ และทรงตั้งไว้ในพระวิหาร ด้านขวาห้าคันและด้านซ้ายห้าคัน 8พระองค์ทรงสร้างโต๊ะอพย.25:23-30สิบตัวด้วย และตั้งไว้ในพระวิหาร ด้านขวาห้าตัว และด้านซ้ายห้าตัว และพระองค์ทรงทำชามทองคำหนึ่งร้อยใบ 9พระองค์ทรงสร้างลานของปุโรหิต ลานใหญ่และประตูลาน และทรงบุประตูเหล่านั้นด้วยทองสัมฤทธิ์ 10พระองค์ทรงตั้งอ่างสาครไว้ด้านขวาพระนิเวศ ในทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
 11และฮูรามได้สร้างหม้อ ทัพพี และชาม ดังนั้นฮูรามจึงทำงาน ที่เขาทำให้กษัตริย์ซาโลมอนเกี่ยวกับพระนิเวศของพระเจ้าสำเร็จ 12คือ เสาสองต้น คิ้ว และบัวหัวเสาซึ่งอยู่บนยอดเสาทั้งสอง และตาข่ายสองผืนที่คลุมคิ้วทั้งสองของบัวหัวเสา ซึ่งอยู่บนยอดเสา 13และลูกทับทิม 400 ลูกสำหรับตาข่ายทั้งสองผืน แต่ละผืนมีลูกทับทิมสองแถว เพื่อคลุมคิ้วทั้งสองของบัวหัวเสา ซึ่งอยู่บนยอดเสา 14เขาทำแท่นต่างๆ และทำอ่างเล็กไว้บนแท่นเหล่านั้น 15ทั้งยังทำอ่างสาครใบหนึ่ง ซึ่งมีรูปวัวสิบสองตัวรองรับอยู่ใต้อ่าง 16หม้อ ทัพพี และสามง่าม ฮูรามอับบีทำเครื่องใช้ทั้งหมดนี้จากทองสัมฤทธิ์ ถวายกษัตริย์ซาโลมอน สำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 17พระราชาทรงหล่อสิ่งเหล่านี้ในที่ราบแม่น้ำจอร์แดน ณ ที่ดินเหนียวระหว่างสุคคทกับศาเรธาน 18ซาโลมอนทรงสร้างสิ่งเหล่านี้เป็นจำนวนมาก จนไม่ได้หาน้ำหนักของทองสัมฤทธิ์
 19และซาโลมอนจึงทรงทำเครื่องใช้ทั้งหมดที่อยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าคือ แท่นบูชาทองคำ โต๊ะขนมปังเฉพาะพระพักตร์ 20คันประทีปและตะเกียงที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์เพื่อใช้จุดที่หน้าอภิสุทธิสถานตามที่กำหนดไว้ 21ดอกไม้ ตะเกียง และคีมทำด้วยทองคำคือทองคำบริสุทธิ์ที่สุด 22ตะไกรตัดไส้ตะเกียง ชาม ถ้วย และกระถางไฟที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ส่วนทางเข้าพระนิเวศนั้น ประตูชั้นในของอภิสุทธิสถานและประตูพระนิเวศคือประตูห้องโถงล้วนด้วยทองคำ

2 พงศาวดาร 5

 1บรรดากิจการซึ่งซาโลมอนทรงทำสำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ก็สำเร็จดังนี้ แล้วซาโลมอนทรงนำบรรดาสิ่งของที่ดาวิดพระราชบิดาทรงถวายไว้เข้ามา คือเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องใช้ต่างๆ และเก็บไว้ในคลังพระนิเวศของพระเจ้า

อรรถาธิบาย

คุณจะนมัสการและรับใช้พระเจ้าอย่างไร?

หนึ่งในสิ่งที่ผมรักและหลงใหลเกี่ยวกับคริสตจักรฮิลล์ซองก็คือ รูปแบบที่พวกเขาตั้งขึ้นในแง่ของความเป็นเลิศในการนมัสการของพวกเขา เราพยายามเลียนแบบความใส่ใจในทุกรายละเอียดของดนตรีของพวกเขา การต้อนรับ การจัดเตรียม และการฝึกอบรมอาสาสมัครเพื่อให้มั่นใจว่าการนมัสการของเราเป็นเลิศ

ผมรักความหลากหลายแห่งการนมัสการซึ่งพบในหลายด้านในคริสตจักร ที่สุดแล้ว สไตล์ไม่ใช่สิ่งสำคัญ การนมัสการของเราควรเป็นเลิศ ควรเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงในแง่ของการใช้แหล่งทรัพยากรของเรา เพราะว่าเรานมัสการเพื่อถวายเกียรติพระเจ้า

ดังที่ซาโลมอนเริ่มต้นสร้าง ‘พระ​นิเวศ​เพื่อถวายเกียรติพระเจ้า’ (2:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาตรัสว่า ‘พระ​นิเวศ​ซึ่ง​ข้าพ​เจ้า​จะ​สร้าง​นั้นดีที่สุด เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ของ​เรา​ดีที่สุด ​พระ​นิเวศ​ที่​ข้าพ​เจ้า​จะ​สร้าง​นี้​จะ​ใหญ่​โต​ เป็นวิหารที่​วิจิตร​ตระ​การ​ตา’ (ข้อ 5,9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

การบรรลุความเป็นเลิศต้องใช้ทั้งอุปกรณ์ เวลา และความพยายามมหาศาล นี่ต้องมีความใส่ใจรายละเอียดเป็นพิเศษ (บทที่ 2–4) รายละเอียดเล็กน้อยที่สุดก็ยังต้องมีคุณภาพดีที่สุดในการรับใช้พระเจ้า

นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมพวกเขาจึงใช้ทองคำมากมายนัก (4:21–22) ผู้ชนะในการแข่งขันกีฬาจะได้รับเหรียญทอง เพราะว่าทองเป็นตัวแทนของสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นเมื่อคุณนมัสการและรับใช้พระเจ้า ให้ถวายสิ่งที่ดีที่สุดของคุณ

ตามที่เปาโลเขียนถึงชาวโคโลสีว่า ‘ไม่​ว่า​พวก​ท่าน​จะ​ทำ​สิ่ง​ใด ก็​จง​ทำ​ด้วย​ความ​เต็ม​ใจ​เหมือน​ทำ​ถวาย​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ไม่​ใช่​เหมือน​ทำ​ต่อ​มนุษย์...เพราะ​ท่าน​กำ​ลัง​รับใช้​พระ​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​อยู่’ (โคโลสี 3:23–24)

ชาร์ลส์ สเปอร์เจียน นักเทศนา เคยพูดไว้ครั้งหนึ่งกับคนทำความสะอาดที่เพิ่งมาเป็นคริสเตียน สเปอร์เจียนถามเธอว่าพระเยซูทรงสร้างความแตกต่างอะไรบ้าง เธอตอบอย่างถ่อมตัวว่า 'ท่านคะ ตอนนี้ดิฉันกวาดใต้พรมเช็ดเท้าแล้วค่ะ’ เธอรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังรับใช้และนมัสการพระเยซูผ่านการงานของเธอ ไม่ได้ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ในการนมัสการและรับใช้พระองค์ ที่จะใส่ใจในทุกรายละเอียดและแน่ใจว่าทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ทำนั้นมีคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุด

เพิ่มเติมโดยพิพพา

1 โครินธ์ 10:12

‘เพราะ​เหตุ​นี้​คน​ที่​คิด​ว่า​ตัว​เอง​มั่น​คง​ดี​แล้ว ก็​จง​ระวัง​ไม่​ให้​ล้ม​ลง!’

เป็นปรกติที่เมื่อสิ่งต่างๆ กำลังไปได้สวย จะมีบางอย่างผิดพลาดไป หรือฉันตระหนักถึงความล้มเหลวบางอย่าง เราจำเป็นต้องดำเนินชีวิต ‘อย่างระมัดระวัง’ ไม่ใช่ด้วยการถูกจำกัดไว้ด้วยความกลัว แต่โดยการทำให้ดีที่สุดในทุกโอกาส และหยั่งรากลงในความเชื่อ และเต็มไปด้วยความหวังและความกล้าหาญ

ข้อพระคำประจำวัน

ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล

‘ไม่มีการทดลอง หรือการล่อลวงใจใด ๆ ที่เข้ามาถึงท่านนอกเหนือไปจากที่คนอื่น ๆ เคยพบเจอ ทั้งหมดที่ท่านต้องจำไว้ก็คือ พระเจ้าไม่ได้หักหลังท่าน พระองค์ไม่เคยให้ท่านต้องทนเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ พระองค์จะทรงอยู่ที่นั่นเสมอเพื่อช่วยท่านให้พ้นผ่านมาได้’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม