วัน 226

ค่ำคืนแห่งยุง

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 96:1-13
พันธสัญญาใหม่ 1 โครินธ์ 9:1-18
พันธสัญญาเดิม ปัญญาจารย์ 9:13-12:14

เกริ่นนำ

ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องราวที่มีอิทธิพลในหลายด้าน การเป็นผู้นำเป็นเรื่องของการที่มีอิทธิพล ทุกคนมีอิทธิพลต่อคนอื่น ๆ รอบข้าง ดังนั้น ในแง่หนึ่ง ทุกคนเป็นผู้นำ นักสังคมวิทยาบอกเราว่า แม้กระทั่งคนที่เก็บตัวที่สุดก็ยังมีอิทธิพลเหนือคนอื่น ๆ 10,000 คน ตลอดชั่วชีวิตของเขาหรือเธอ เราทุกคนล้วนมีอิทธิพลต่อกันและกันในทุกด้าน ไม่ว่าจะมาจากสิ่งที่เราเลือกทานในมื้อกลางวัน และหนังที่เราเลือกดู ไปจนถึงสิ่งที่สำคัญกว่าในเรื่องความจริงและศีลธรรม

ชีวิตของผมได้รับอิทธิพลจากคนมากมาย ทั้งพ่อแม่ ครู เพื่อนฝูง และครอบครัวของผม เหมือนกับที่ผมมีอิทธิพลต่อคนอื่น ๆ สิ่งที่ผมทำหรือพูดจะส่งผลต่อคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังที่สุภาษิตแอฟริกันว่าไว้ ‘ถ้าคุณคิดว่าตัวเองเล็กน้อยเกินกว่าจะสร้างความแตกต่างใด ๆ นั่นแปลว่าคุณยังไม่เคยนอนให้ยุงหามมาก่อน’ ยุงสามารถสร้างความแตกต่างในแบบที่น่ารำคาญได้ แต่หลักการยังคงเหมือนเดิม คน ๆ หนึ่งสามารถหยุดความอยุติธรรมที่ยิ่งใหญ่ได้ คน ๆ หนึ่งสามารถเป็นเสียงแห่งความจริงได้ ความใจดีของคน ๆ หนึ่งสามารถช่วยชีวิตได้ แต่ละคนมีความสำคัญ

คุณจะสามารถขยายอิทธิพลของคุณไปจนถึงขีดสุด และใช้อิทธิพลนั้นในทางที่ดีได้อย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 96:1-13

สรรเสริญพระเจ้าผู้เสด็จมาพิพากษา

1จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระยาห์เวห์
 แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงร้องเพลงถวายแด่พระยาห์เวห์
2จงร้องเพลงถวายแด่พระยาห์เวห์ จงถวายสาธุการแด่พระนามของพระองค์
 จงประกาศการช่วยกู้ของพระองค์ทุกๆ วัน
3จงเล่าถึงพระสิริของพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
 และการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ท่ามกลางชนทุกชาติ
4เพราะพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่ และทรงสมควรรับการสรรเสริญอย่างยิ่ง
 พระองค์ทรงเป็นที่เกรงกลัวเหนือพระทั้งปวง
5เพราะพระทั้งปวงของชนชาติทั้งหลายเป็นรูปเคารพ
 แต่พระยาห์เวห์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์
6พระสิริและความสง่างามอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์
 พระกำลังและความงามอยู่ในสถานนมัสการของพระองค์
7โอ ตระกูลของชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงถวายแด่พระยาห์เวห์
 จงถวายพระเกียรติและพระกำลังแด่พระยาห์เวห์
8จงถวายพระเกียรติซึ่งควรแก่พระนามของพระองค์แด่พระยาห์เวห์
 จงนำของถวายมายังบริเวณพระนิเวศของพระองค์
9จงนมัสการพระยาห์เวห์ผู้ทรงงดงามในความบริสุทธิ์
 แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์พระองค์
10จงกล่าวท่ามกลางบรรดาประชาชาติว่า “พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง
 เออ พิภพถูกสถาปนาแล้ว จะไม่สั่นคลอนเลย
 พระองค์จะทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลายด้วยความเที่ยงธรรม”
11จงให้ฟ้าสวรรค์ยินดี และแผ่นดินโลกเปรมปรีดิ์
 ให้ทะเลกับทุกอย่างที่อยู่ในนั้นคำราม
12ให้ทุ่งนากับทุกอย่างที่อยู่ในนั้นลิงโลด
 แล้วต้นไม้ทั้งสิ้นของป่าไม้จะร้องเพลงด้วยความยินดี
13เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์เสด็จมา
 เพราะพระองค์เสด็จมาพิพากษาโลก
พระองค์จะทรงพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม
 และจะทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลายด้วยความซื่อสัตย์ของพระองค์

อรรถาธิบาย

เพื่อผลดีแก่ทุกคน

พระเจ้าทรงเลือกอิสราเอล พระองค์ทรงอวยพรชนชาติอิสราเอลในแบบที่พิเศษ พระประสงค์ของพระองค์ ไม่ใช่เพื่อให้พวกเขารู้สึกหยิ่งผยองและเหนือกว่าคนอื่น ๆ แต่เพื่อให้พวกเขาเป็นพรต่อทั้งโลกนี้ (ปฐมกาล 12:3) พวกเขาได้รับพรเพื่อเป็นพร พวกเขาถูกเรียกเพื่อใช้อิทธิพลของพวกเขาเพื่อเป็นผลดีสำหรับทุกชนชาติ

ตอนนี้พระเจ้าทรงเลือกเรา คริสตจักร เพื่อเป็นพรแก่คนทุกคน คุณถูกเรียกให้ได้รับพระพรเพื่อเป็นพร

สดุดีบทนี้เน้นที่หลายชนชาติ ประกาศถึงความอัศจรรย์และพระพร ของพระเจ้าต่อทุกคน คุณถูกเรียกเพื่ออวยพรผ่านทาง

1. การนมัสการ
เป็นเรื่องน่าสนใจที่จะสังเกตว่า ในการส่งต่อ การนมัสการควรสร้างสรรค์และรวมเอานวัตกรรมไว้ด้วย: พวกเขาร้อง ‘เพลงบทใหม่’ (สดุดี 96:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2. การเป็นพยาน
'ประกาศข่าวแห่งชัยชนะของพระองค์จากทะเลถึงทะเล
นำเอาข่าวแห่งพระสิริของพระองค์ไปยังคนหลงหาย
และข่าวแห่งการอัศจรรย์ของพระองค์ไปยังทุกชนชาติ...
ประกาศออกไปว่า– พระเจ้าทรงครอบครอง!’ (ข้อ 2–3,10ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล

คำอธิษฐาน

ขอทรงช่วยพวกเราด้วย พระองค์เจ้าข้า ที่พวกเราจะไม่โฟกัสแต่ตัวเอง หรือตามใจตัวเอง ขอให้ทุกสิ่งที่พวกเราทำในฐานะบุคคลหรือชุมชนจะขยายออกไป เพื่อนำเอาพระพรออกไปสู่โลกนี้ ประกาศ ความรอดของพระองค์วันแล้ววันเล่า
พันธสัญญาใหม่

1 โครินธ์ 9:1-18

สิทธิของอัครทูต

 1ข้าพเจ้ามีเสรีภาพไม่ใช่หรือ? ข้าพเจ้าเป็นอัครทูตไม่ใช่หรือ? ข้าพเจ้าเห็นพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้วไม่ใช่หรือ? ท่านทั้งหลายเป็นผลงานของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่หรือ? 2ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นอัครทูตในสายตาของคนอื่น ก็ต้องเป็นอัครทูตในสายตาของท่านทั้งหลาย เพราะพวกท่านคือตราแห่งอัครทูตของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้า
 3ถ้าใครไต่สวนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะขอกล่าวแก้ว่า 4เรามีสิทธิ์กินและดื่มไม่ใช่หรือ? 5เรามีสิทธิ์พาพี่น้องซึ่งเป็นภรรยาไปด้วยเหมือนอย่างบรรดาอัครทูตอื่นๆ น้องๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเคฟาสไม่ใช่หรือ? 6เฉพาะข้าพเจ้าและบารนาบัสเท่านั้นที่ไม่มีสิทธิ์เลิกทำงานหาเลี้ยงชีพหรือ? 7ใครบ้างที่เป็นทหารด้วยค่าจ้างของตัวเอง? ใครบ้างที่ทำสวนองุ่นและไม่กินผลองุ่นในสวนนั้น? ใครบ้างที่เลี้ยงฝูงแกะและไม่กินน้ำนมของฝูงแกะนั้น?
 8ข้าพเจ้ากล่าวอย่างนี้ตามวิสัยของมนุษย์หรือ? ธรรมบัญญัติก็กล่าวอย่างนี้ด้วยไม่ใช่หรือ? 9เพราะว่าในธรรมบัญญัติของโมเสสมีเขียนไว้ว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัวเมื่อมันกำลังนวดข้าวอยู่” พระเจ้าทรงเป็นห่วงวัวหรือ? 10พระองค์ตรัสเพื่อเราโดยเฉพาะไม่ใช่หรือ? ข้อความนั้นเขียนไว้เพื่อเรา แสดงว่าคนที่ไถนาสมควรจะไถด้วยความหวัง และคนที่นวดข้าวก็สมควรจะนวดด้วยความหวังว่าจะได้รับประโยชน์ 11ถ้าเราหว่านปัจจัยฝ่ายจิตวิญญาณให้แก่พวกท่าน แล้วจะมากไปหรือที่เราจะเกี่ยวปัจจัยฝ่ายกายภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ฝ่ายเนื้อหนังจากท่าน 12ถ้าคนอื่นมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์จากท่านทั้งหลาย เราก็มีสิทธิ์ยิ่งกว่านั้นอีกไม่ใช่หรือ?
 แต่ถึงกระนั้น เราก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์นี้เลย แต่เรายอมทนทุกอย่างเพื่อเราจะไม่วางสิ่งกีดขวางใดๆ ต่อข่าวประเสริฐของพระคริสต์ 13ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่ทำงานต่างๆ ของพระวิหารก็กินอาหารของพระวิหาร และพวกรับใช้ที่แท่นบูชาก็รับส่วนแบ่งจากเครื่องบูชานั้น 14ทำนองเดียวกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสั่งไว้ว่า คนที่ประกาศข่าวประเสริฐควรได้รับการเลี้ยงชีพด้วยข่าวประเสริฐ
 15แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ใช้สิทธิ์เหล่านี้เลย และข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเช่นนี้เพื่อให้เขาทำอย่างนั้นกับข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ายอมตายดีกว่าที่จะให้ใครทำลายเหตุแห่งการอวดของข้าพเจ้า 16เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าก็ไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะว่าข้าพเจ้าจำต้องทำ และถ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดกับข้าพเจ้า 17เพราะถ้าข้าพเจ้าประกาศด้วยความสมัครใจ ก็จะได้บำเหน็จ แต่ถ้าไม่สมัครใจ ภารกิจนี้ก็ทรงมอบให้แล้ว 18แล้วบำเหน็จของข้าพเจ้าคืออะไร? ก็คือว่าในการประกาศข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าประกาศโดยไม่คิดค่าจ้าง เพื่อจะไม่ต้องใช้สิทธิ์ในข่าวประเสริฐเต็มที่

อรรถาธิบาย

การเผยแพร่ข่าวประเสริฐ

เปาโลคำนึงถึงอิทธิพลของเขาในฐานะคริสเตียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะอัครทูต ท่านตั้งใจแน่วแน่ที่จะขยายอิทธิพลของตนเองไปให้ได้มากที่สุดเพื่อสิ่งดี และเพื่อ ‘จะไม่วางสิ่งกีดขวางใด ต่อข่าวประเสริฐของพระคริสต์’ (ข้อ 12ข)

ท่านเห็นการทรงเรียกของตัวเองต่อการเป็นโสดว่า เป็นวิธีหนึ่งที่ท่านสามารถขยายอิทธิพล เปาโลไม่ได้กล่าวว่าการแต่งงานเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อัครสาวกคนอื่น ๆ รวมทั้ง ‘น้อง ๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเคฟาส (เปโตร)’ ล้วนแต่งงาน (ข้อ 5)

อีกวิธีหนึ่งที่เปาโลใช้เพื่อขยายอิทธิพล คือ การมีงานที่สองหรือการทำงานหาเลี้ยงชีพ ท่านฉลาดหลักแหลมมากที่จะชี้ให้เห็นว่า ตนเองไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสั่งไว้ว่า คนที่ประกาศข่าวประเสริฐควรได้รับการเลี้ยงชีพด้วยข่าวประเสริฐ’ (ข้อ 14) หรือตามที่ยูจีน ปีเตอร์สัน แปลไว้ว่า ‘… คนที่ประกาศข่าวประเสริฐควรได้รับการสนับสนุนจากคนที่เชื่อในข่าวประเสริฐนั้น’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พูดอีกอย่างก็คือ ในฐานะคริสเตียนเราควรสนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ที่ประกาศข่าวประเสริฐเต็มเวลา

ประเด็นของเปาโลคือ แม้ว่าจะมีสิทธิ์ แต่ท่านก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์นี้เลย ‘การตัดสินใจของเราตลอดมาคือสู้ทนมากกว่าจะกีดขวางหรือเบี่ยงเบนไปจากข่าวประเสริฐของพระคริสต์’ (ข้อ 12ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลร้อนรนใจแน่นอนเรื่องการเทศนาข่าวประเสริฐ ท่านไม่ได้อยากให้อะไรเป็นสิ่งกีดขวางผลกระทบสูงสุดของข่าวประเสริฐ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงไม่ได้ใช้สิทธิ์ใด ๆ เลย พันธกิจของท่านนั้นยิ่งใหญ่มาก (ข้อ 15ก) ท่าน ‘จำเป็นต้องเทศนา’ (ข้อ 16ก) เปาโลเขียนว่า ‘ถ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดกับข้าพเจ้า!’ (ข้อ 16ข) ท่านเพียงแค่ทำตามภาระผูกพันที่ท่านรู้สึก

สิ่งที่ท่านต้องการมากกว่าสิ่งอื่นใดคือการที่ผู้คนมีโอกาสได้ยินข่าวประเสริฐ “โดยไม่คิดค่าจ้าง” (ข้อ 18) “ข้าพเจ้ายอมตายดีกว่าจะให้อาวุธใครมาทำลายความน่าเชื่อถือของข้าพเจ้า หรือกล่าวหาแรงจูงใจของพระเจ้า” (ข้อ 15 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เราตัดสินใจว่าจะไม่จ้างใครให้ทำอัลฟ่า และนี่คือเหตุผลที่เราต้องต่อต้านทุกความพยายามในการชักชวนให้เราระดมทุนจากผู้ที่เข้าร่วมทันทีที่พวกเขาจบหลักสูตรอัลฟ่าเสร็จ เราไม่ต้องการให้ผู้คนจ่ายโดยตรงหรือโดยอ้อมเพื่อรับสิทธิพิเศษในการฟังพระกิตติคุณ เปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้ายอมตายดีกว่า…” (ข้อ 15ข)

ผมจำได้ว่าตอนที่บิลลี่ เกรแฮมมาประกาศพระกิตติคุณในลอนดอนในปี 1989 มีข้อเสนอแนะอยู่ช่วงหนึ่งว่าเพื่อไม่ให้เสียบัตรเข้าชมเปล่า ๆ (ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ) เราควรขายบัตรเหล่านี้ในราคาใบละ 1 ปอนด์ ข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธ เพราะบิลลี่ เกรแฮมตั้งใจไว้ว่าเขาจะเทศนาพระกิตติคุณโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเท่านั้น

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยเราให้ติดตามตัวอย่างของอัครทูตเปาโล และขยายอิทธิพลของเราในการเทศนาข่าวประเสริฐโดยการทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ และยอมทนกับทุกสิ่งแทนที่จะขัดขวางข่าวประเสริฐของพระคริสต์
พันธสัญญาเดิม

ปัญญาจารย์ 9:13-12:14

ปัญญาดีกว่าความเขลา

 13ข้าพเจ้าเห็นเรื่องปัญญาภายใต้ดวงอาทิตย์ และเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่โตดังต่อไปนี้ 14ยังมีเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง มีคนอยู่ในเมืองนั้นน้อยคน แล้วมีมหาราชามาตีเมืองนั้น และล้อมเมืองนั้นไว้ และสร้างเครื่องล้อมโจมตีไว้รอบเมือง 15อย่างไรก็ดีในเมืองนั้นมีชายยากจนแต่มีปัญญาอยู่คนหนึ่ง และชายคนนี้ช่วยเมืองนั้นไว้ให้รอดด้วยปัญญาของตน แต่ไม่มีใครระลึกถึงชายยากจนคนนี้ 16แต่ข้าพเจ้าว่า ปัญญาก็ดีกว่ากำลัง ถึงปัญญาของชายคนนั้นถูกดูหมิ่น และถ้อยคำของเขาไม่มีใครฟังก็ตามที

17ถ้อยคำอ่อนโยนของคนมีปัญญาก็น่าฟัง
 กว่าเสียงตะโกนของผู้ครอบครองท่ามกลางคนเขลา
18ปัญญาดีกว่าอาวุธสงคราม
 แต่คนบาปคนเดียวย่อมทำลายความดีเป็นอย่างมากได้

ปัญญาจารย์ 10

ข้อสังเกตทั่วไป

1แมลงวันตาย ย่อมทำให้น้ำมันหอมบูดเหม็นไป
 ความเขลาเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำลายปัญญาและเกียรติยศ
2จิตใจของคนมีปัญญา ย่อมนำไปทางขวามือของเขา
 แต่จิตใจของคนเขลา ย่อมนำไปทางซ้ายมือของเขา
3แม้เมื่อคนเขลากำลังเดินไปตามทาง เขาก็ขาดสติ
 และมักแสดงแก่ทุกคนว่า ตนเป็นคนเขลา
4ถ้าอารมณ์โกรธของผู้ครอบครองพลุ่งขึ้นต่อท่าน อย่าลุกจากที่ของท่าน
 เพราะว่าอารมณ์เย็นย่อมระงับความผิดใหญ่หลวงไว้ได้

 5มีสิ่งสามานย์ที่ข้าพเจ้าเห็นภายใต้ดวงอาทิตย์ ประหนึ่งว่าเป็นความผิดซึ่งมาจากผู้มีอำนาจ 6คือคนเขลาถูกแต่งตั้งไว้ในตำแหน่งสูงใหญ่ และคนมั่งคั่งรับตำแหน่งต่ำต้อย 7ข้าพเจ้าเห็นทาสขี่ม้า และเจ้านายเดินที่พื้นดินอย่างทาส

8ผู้ใดขุดบ่อไว้ ผู้นั้นจะตกลงในบ่อนั้น
 ผู้ใดพังกำแพงทะลุเข้าไป งูจะขบกัดผู้นั้น
9ผู้ใดสกัดหิน ผู้นั้นอาจเจ็บเพราะหินนั้น
 ผู้ใดผ่าขอนไม้ ผู้นั้นจะประสบอันตรายเพราะขอนไม้นั้นได้
10ถ้าขวานทื่อแล้ว และเขาไม่ลับให้คม
 เขาก็ต้องออกแรงมาก
 แต่ประโยชน์ของปัญญาคือการนำมาซึ่งความสำเร็จ
11ถ้างูขบเสียก่อนที่ทำให้มันเชื่อง
 หมองูก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว
12ถ้อยคำจากปากของผู้มีปัญญาทำให้เขาเป็นที่โปรดปราน
 แต่ริมฝีปากของคนเขลาจะเผาผลาญตัวเขาเสีย
13ถ้อยคำจากปากของเขาเป็นความเขลาตั้งแต่เริ่มปริปาก
 ตอนจบของคำพูดก็เป็นความบ้าบออย่างร้าย
14คนเขลาพูดมากซ้ำซาก
 มนุษย์ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
 ใครจะบอกเขาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาจากไป?
15การตรากตรำของคนเขลาทำให้เขาเหน็ดเหนื่อย
 เพราะว่าเขาไม่รู้จักทางเข้าเมือง
16โอ แผ่นดินเอ๋ย วิบัติแก่เจ้าเมื่อกษัตริย์ของเจ้าเป็นเพียงคนรับใช้
 และเจ้านายทั้งหลายของเจ้ามีการเลี้ยงกันสนุกสนานแต่เช้า
17โอ แผ่นดินเอ๋ย เจ้าจะเป็นสุข เมื่อกษัตริย์ของเจ้ามาจากตระกูลของขุนนาง
 และเจ้านายของเจ้ามีการเลี้ยงตามกาลเทศะ
 เพื่อจะมีกำลังวังชา มิใช่จะดื่มให้มึนเมา
18เพราะความขี้เกียจ หลังคาจึงทรุดพังลง
 และเพราะความเกียจคร้าน เรือนจึงรั่วเฉอะแฉะ
19อาหารทำให้คนหัวเราะ
 และเหล้าองุ่นทำให้ชีวิตชื่นบาน
 และเงินก็จัดให้ได้ทุกอย่าง
20อย่าแช่งด่าพระราชา เออ แม้แต่ในความคิดก็อย่าเลย
 และอย่าแช่งคนมั่งมี แม้เจ้าอยู่ในห้องนอนของเจ้า
เพราะนกในอากาศจะคาบเสียงของเจ้าไป
 หรือตัวที่มีปีกจะเล่าเรื่องนั้น

ปัญญาจารย์ 11

คุณค่าของความขยัน

1จงโยนขนมปังของเจ้าลงบนน้ำ
 เพราะอีกหลายวันเจ้าจะพบมันได้
2จงปันส่วนของเจ้าออกเป็นเจ็ดส่วน เออ ถึงแปดส่วนก็ดี
 เพราะเจ้าไม่ทราบว่า สิ่งเลวร้ายอะไรจะเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก
3เมื่อเมฆเต็มด้วยน้ำ
 มันก็จะเทฝนลงมาบนแผ่นดินโลก
และเมื่อต้นไม้ล้มลงทางใต้หรือทางเหนือ
 มันล้มลงตรงไหนมันก็นอนอยู่ตรงนั้น
4ผู้ใดมัวสังเกตลมก็จะไม่หว่านพืช
 และผู้ใดมัวจ้องมองเมฆก็จะไม่เกี่ยวข้าว

 5เจ้าไม่ทราบว่าลมหายใจเข้าไปในโครงร่างที่อยู่ในมดลูกหญิงมีครรภ์อย่างไร เจ้าก็จะไม่ทราบถึงพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงกระทำสิ่งสารพัดอย่างนั้น 6เวลาเช้าเจ้าจงหว่านพืชของเจ้า และพอเวลาเย็นก็อย่าหดมือเจ้าเลย เพราะเจ้าไม่รู้ว่าการไหนจะเจริญ การนี้หรือการนั้น หรือการทั้งสองจะเจริญดีเหมือนกัน

วัยหนุ่มสาวและวัยชรา

 7แสงสว่างทำให้สดชื่น และการที่นัยน์ตาเห็นดวงตะวันก็เป็นที่ชื่นบาน
 8เออ ถ้าคนใดมีชีวิตอยู่ได้ตั้งหลายปี จงให้เขาเปรมปรีดิ์ตลอดปีเหล่านั้น แต่ให้เขาระลึกด้วยว่า วันมืดก็จะมีมาก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมานั้นก็อนิจจัง
 9โอ เยาวชน จงเปรมปรีดิ์ในวัยหนุ่มสาวของเจ้า และให้จิตใจของเจ้าทำตัวเจ้าให้ร่าเริงในวัยหนุ่มสาวของเจ้า เจ้าจงดำเนินชีวิตตามจิตใจของเจ้าและตามที่ตาของเจ้าเห็นควร แต่จงรู้เถิดว่าเพราะทุกอย่างเหล่านี้พระเจ้าจะทรงนำเจ้าเข้ามาถึงการพิพากษา
 10จงขจัดความเศร้าหมองเสียจากใจของเจ้า และจงสลัดความเจ็บปวดเสียจากเนื้อหนังของเจ้า เพราะวัยหนุ่มสาวและวัยฉกรรจ์นั้นเป็นอนิจจัง

ปัญญาจารย์ 12

 1จงระลึกถึงพระผู้เนรมิตสร้างเจ้า เมื่อเจ้ายังหนุ่มยังสาว ก่อนที่วันเลวร้ายจะมาถึง และปีที่ใกล้เข้ามา เมื่อเจ้าจะกล่าวว่า “ข้าไม่มีความเพลิดเพลินในปีเหล่านั้นเลย” 2ก่อนที่ดวงอาทิตย์ แสงสว่าง ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งหลายอับแสง และก่อนที่เมฆจะกลับมาภายหลังฝน 3ในกาลเมื่อคนยามเฝ้าเรือนจะตัวสั่น และชายแข็งแรงจะเป็นคนหลังโกง และหญิงโม่แป้งจะเลิกโม่ เพราะจำนวนลดน้อยลง และบรรดาผู้ที่มองผ่านหน้าต่างจะมืดมัว 4และประตูคู่ที่เปิดออกถนนจะถูกปิด เมื่อเสียงโม่อ่อยลง และเขาก็ลุกขึ้นเมื่อมีเสียงนกเสียงกา และเสียงเพลงก็เพลาลง 5เออ เขาทั้งหลายกลัวความสูง และสิ่งน่าสยดสยองที่อยู่ในหนทาง ต้นอัลมอนด์มีดอกอัลมอนด์มีดอกสีขาว และออกดอกในฤดูหนาว และตั๊กแตนก็อุ้ยอ้าย ไฟปรารถนาก็มอดไป เพราะมนุษย์กำลังไปบ้านถาวรของเขา ส่วนผู้ไว้ทุกข์ก็เวียนไปมาตามถนน 6ก่อนที่สายเงินจะขาด หรือชามทองคำจะบุบสลาย หรือเหยือกน้ำจะแตกกระจายเสียที่น้ำพุ หรือรอกที่บ่อน้ำหักเสีย 7และผงคลีกลับสู่พื้นดินตามเดิม และจิตวิญญาณกลับไปสู่พระเจ้าผู้ประทานให้มานั้น 8ปัญญาจารย์ว่า อนิจจัง อนิจจัง สารพัดก็อนิจจัง

บทสรุป

 9นอกจากท่านเป็นคนมีปัญญาแล้ว ปัญญาจารย์ยังสอนความรู้ให้ประชาชนอีกด้วย เออ ท่านพิเคราะห์ ท่านค้นคว้า และท่านเรียบเรียงสุภาษิตไว้มากมาย 10ปัญญาจารย์เสาะหาถ้อยคำที่เพราะหู และท่านเขียนถ้อยคำแห่งความจริงไว้อย่างเที่ยงตรง
 11ถ้อยคำของคนมีปัญญาเปรียบเหมือนปฏัก และถ้อยคำที่ถูกรวบรวมไว้ก็ตรึงแน่นอย่างตะปู ถ้อยคำเหล่านี้เมษบาลผู้หนึ่งมอบไว้ 12และยิ่งกว่านั้นอีก บุตรชายของข้าพเจ้าเอ๋ย จงรับคำตักเตือนเถิด ซึ่งจะทำหนังสือมากก็ไม่มีสิ้นสุด และเรียนมากก็เหนื่อยเนื้อหนัง
 13จบเรื่องแล้ว ได้ฟังกันทั้งสิ้นแล้ว จงยำเกรงพระเจ้า และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ เพราะสิ่งนี้เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทั้งปวง 14เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเอาการงานทุกอย่างเข้าสู่การพิพากษาพร้อมด้วยสิ่งเร้นลับทุกอย่าง ไม่ว่าดีหรือชั่ว

อรรถาธิบาย

การหว่านเมล็ดที่ดี

ซาโลมอนตระหนักดีถึงพลังแห่งอิทธิพล อิทธิพลนี้อาจเป็นสิ่งที่ดีหรือร้ายก็ได้

คนมีปัญญาคนหนึ่งสามารถช่วยเมืองให้รอดได้ (9:13–18ก) อีกด้านหนึ่ง ‘แต่​คน​บาป​คน​เดียว​ย่อม​ทำ​ลาย​ความ​ดี​เป็น​อย่าง​มาก​ได้’ (ข้อ 18ข) ฮิตเลอร์ สตาลิน และโพล พอท เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของหลักการนี้ มนุษย์คนหนึ่งสามารถใช้อิทธิพลของเขาทำสิ่งร้ายกาจและเป็นเหตุให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงได้

แต่อิทธิพลไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่เท่าเผด็จการเหล่านี้ก็ก่อให้เกิดผลร้ายได้ ‘แมลง​วัน​ตาย ย่อม​ทำ​ให้​น้ำ​มัน​หอม​บูด​เหม็น​ไป ความ​เขลา​เพียง​เล็ก​น้อย​ก็​สา​มารถ​ทำ​ลาย​ปัญ​ญา​ได้’ (10:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แม้แต่แมลงวันที่ตายแล้วยังสามารถมีอิทธิพลเลวร้ายได้ มนุษย์ที่ทรงอิทธิพลน้อยที่สุดยังสามารถมีอิทธิพลได้ทั้งร้ายหรือดี เราทุกคนล้วนสามารถเป็นแมลงวันในน้ำมันหอมได้!

ผู้เขียนกล่าวต่อไปอีกมากเรื่องวิธีที่จะเป็นผู้อิทธิพลที่ดีแทนที่จะเป็นแบบเลวร้าย:

1. ระวังถ้อยคำของคุณ
ซาโลมอนเตือนเราว่า ‘ถ้อย​คำ​จาก​ปาก​ของ​ผู้​มี​ปัญ​ญา​ทำ​ให้​เขา​เป็น​ที่​โปรด​ปราน’ (ข้อ 12ก) จงตอบสนองต่อถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความโกรธด้วยความสงบ (ข้อ 4)

หลีกเลี่ยงการนินทาและพูดไม่ดีต่อผู้นำของคุณ จงระวังสิ่งที่คุณพูดหรือแม้กระทั่งคิด อย่าประนามผู้คน ‘แม้กระทั่งในความคิดของคุณ’ หรือแช่งด่าพวกเขา ‘แม้​เจ้า​อยู่​ใน​ห้อง​นอน​ของ​เจ้า เพราะ​นก​ใน​อา​กาศ​จะ​คาบ​เสียง​ของ​เจ้า​ไป หรือ​ตัว​ที่​มี​ปีก​จะ​เล่า​เรื่อง​นั้น’ (ข้อ 20)

2. ลองรับความเสี่ยง
เพื่อขยายอิทธิพลของคุณเพื่อสิ่งที่ดี คุณจำเป็นต้องรับความเสี่ยง ‘จงใจกว้าง: ลงทุนในการทำการแบ่งปัน การแบ่งปันให้ผลตอบแทนสูง อย่าสะสมสิ่งดีไว้เพื่อตัวเอง จงแจกจ่ายออกไป จงเป็นพระพรให้แก่ผู้อื่น’ (11:1–2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พูดอีกอย่างก็คือ เขากำลังพูดว่า 'ไม่เสี่ยง ก็ไม่ได้' การรัก คือการเสี่ยงที่จะไม่ได้รับความรักตอบแทนกลับมา การลองทำดูคือการเสี่ยงที่จะล้มเหลว แต่เราต้องลองเสี่ยงดู เพราะว่าอันตรายที่สุดในชีวิตคือการไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย

หากเราระมัดระวังเกินไป เราจะไม่มีวันบรรลุสิ่งใด '​ผู้ใด​มัว​สัง​เกต​ลม​ก็​จะ​ไม่​หว่าน​พืช และ​ผู้​ใด​มัว​จ้อง​มอง​เมฆ​ก็​จะ​ไม่​เกี่ยว​ข้าว’ (ข้อ 4) เราควรประยุกต์หลักการนี้ในการบุกเบิกคริสตจักร ซึ่งจะต้องใช้ความเสี่ยงและการมุ่งมั่น เราต้องไม่หวั่นไหวกับอุปสรรคที่ดูเหมือนไม่สามารถเอาชนะได้ เราจะต้องไม่เลื่อนออกไปเนื่องจาก ‘ลม’ และ ‘เมฆ’

3. กระจายความพยายามของคุณ
เพื่อขยายอิทธิพลออกไป คุณอาจต้องสับเปลี่ยนโอกาสยาก ๆ หลายอย่างกลับไปกลับมาในชีวิตของคุณ ‘เวลา​เช้า​เจ้า​จง​หว่าน​พืช​ของ​เจ้า และ​พอ​เวลา​เย็น​ก็​อย่า​หด​มือ​เจ้า​เลย เพราะ​เจ้า​ไม่​รู้​ว่า​การ​ไหน​จะ​เจริญ การ​นี้​หรือ​การ​นั้น หรือ​การ​ทั้ง​สอง​จะ​เจริญ​ดี​เหมือน​กัน’ (ข้อ 6)

อย่าใส่ไข่ทั้งหมดของคุณไว้ในตระกร้าใบเดียว (อย่าทุ่มความเสี่ยงไปที่เดียว - ผู้แปล) เดินหน้าต่อไปและทำทุกโอกาสให้ดีที่สุด นี่เป็นเหตุว่าทำไมในฐานะคริสตจักร เราพยายามหว่านเมล็ดในทุกทิศทาง ผ่านทางการนมัสการ การอธิษฐาน การเป็นผู้นำ การสร้างสาวก การอบรมด้านศาสนศาสตร์ การประกาศ การต่อสู้ความอยุติธรรม การทำงานในเรือนจำ และกับคนยากจน และกับคนด้อยโอกาส

คว้าโอกาสต่าง ๆ ของคุณ ชีวิตช่างแสนสั้น อย่าเปลืองเวลากับการกังวลใจ ‘…ขจัดความเศร้าหมองเสียจากใจ…’ (11:10) โอกาสต่าง ๆ ของคุณมีจำกัด ‘แม้ว่าเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน อย่าไม่เห็นคุณค่าของวันใด จงปีติยินดีในทุกชั่วโมงที่สว่างไสว...ผู้ที่ยังเยาว์วัย ใช้วัยเยาว์ของเจ้าให้เต็มที่’ (ข้อ 8ก,9 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระธรรมนี้จบลงด้วยบทสรุปต่อทุกการค้นหาและตั้งคำถาม ความหมายของชีวิตที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า จง​ยำ​เกรง​พระ​เจ้า และ​รักษา​พระ​บัญ​ญัติ​ของ​พระ​องค์ เพราะ​สิ่ง​นี้​เป็น​หน้า​ที่​ของ​มนุษย์​ทั้ง​ปวง (12:13ข)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ยำเกรงพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ใช้อิทธิพลของข้าพระองค์เพื่อสิ่งดีไม่ใช่เพื่อสิ่งที่ชั่วร้าย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ใช้ทุกโอกาสที่พระองค์ทรงวางไว้ต่อหน้าข้าพระองค์ให้ดีที่สุด

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ปัญญาจารย์ 12:12

‘ซึ่ง​จะ​ทำ​หนัง​สือ​มาก​ก็​ไม่​มี​สิ้น​สุดและเรียน​มาก​ก็​เหนื่อย​เนื้อ​หนัง’

ช่างเป็นถ้อยคำที่แม่นยำจริง ๆ ซาโลมอนจะรู้ไหมว่า มีหนังสือกี่เล่มที่ถูกเขียนขึ้นในทุก ๆ หัวข้อในปีนี้ มีหนังสือมากมายที่งดงาม ให้แรงบันดาลใจ แต่ก็มีหนังสือมากมายที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อหลายปีก่อนฉันรู้สึกเห็นใจขณะช่วยลูกคนหนึ่งของเราทำการบ้านในการอ่านหนังสือ พวกเขาบ่นว่า ‘หนูไม่ชอบหนังสือ มีตัวหนังสืออยู่ในนั้นเต็มเลย’

ข้อพระคำประจำวัน

ปัญญาจารย์ 11:10)

‘…ขจัดความเศร้าหมองเสียจากใจ…’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม