วัน 222

การพิพากษาที่ดี

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 94:1-11
พันธสัญญาใหม่ 1 โครินธ์ 6:1-20
พันธสัญญาเดิม 2 พงศาวดาร 1:1-17

เกริ่นนำ

ตอนผมเป็นทนายความ ผู้พิพากษาส่วนใหญ่ที่ผมเคยทำคดีด้วยนั้นเป็นคนดีมาก อย่างไรก็ตาม ผมจำได้ครั้งหนึ่งเมื่อผมปรากฎตัวต่อหน้าผู้พิพากษาที่ไม่ดี ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก

ผมเป็นทนายจำเลยในคดีอาญา เป็นคดีที่สองที่ผมทำที่มายืนต่อหน้าคณะลูกขุน ผมยังหนุ่มและไม่มีประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม สำหรับผมแล้ว ดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติอย่างมากกับวิธีการที่ผู้พิพากษาดำเนินการคดีนี้ ผู้พิพากษาคอยขัดจังหวะผมทุกครั้งที่ผมพูด ผู้พิพากษาเข้ามาแทรกแซงครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยคำถามของเธอเอง ผมลงเอยด้วยสิ่งที่ศาลนำอธิบายว่าเป็นการ ‘ขัดแย้งกับผู้พิพากษา’

การสรุปของผู้พิพากษาเป็นเหมือนการดำเนินคดีครั้งที่สอง ลูกความของผมถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกส่งตัวเข้าคุก เรายื่นอุทธรณ์โดยอ้างว่า จำเลยมีสิทธิได้รับการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรม และเขาไม่ได้รับการพิจารณา

เมื่อผมยืนต่อหน้าผู้พิพากษาอาวุโสสามคนในศาลอุทธรณ์ ผมรู้สึกประหม่าอย่างยิ่งที่พวกเขาอาจไม่เห็นด้วยกับผมในส่วนที่ ‘ขัดแย้งต่อผู้พิพากษา’ เพื่อให้ผมโล่งใจ ผู้พิพากษาเหล่านั้นรู้สึกตกใจกับที่ผมเจอในการพิจารณาคดีของผู้พิพากษาหญิงคนนั้น ผู้พิพากษาอาวุโสเปลี่ยนคำตัดสินเดิม และความเชื่อมั่นของผมต่อระบบกฎหมายของอังกฤษก็กลับคืนมา

ผู้พิพากษาที่ดีนั้นหายาก มีหลายแห่งในโลกที่ผู้พิพากษารับสินบนและทุจริต ไม่มีหลักนิติธรรม ผลที่ได้คือความอยุติธรรมเลวร้าย โดยเฉพาะคนยากจนที่มักจะตกเป็นเหยื่อ

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 94:1-11

พระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นให้คนชอบธรรม

1ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งการแก้แค้น
 พระเจ้าแห่งการแก้แค้น ขอทรงทอแสงเถิด
2ข้าแต่พระผู้ทรงพิพากษาโลก ขอทรงลุกขึ้น
 ให้คนโอหังได้รับผลตอบแทนของพวกเขา
3ข้าแต่พระยาห์เวห์ อีกนานเท่าใดที่คนอธรรม
 อีกนานเท่าใดที่คนอธรรมจะลิงโลด?
4พวกเขาพล่าม พวกเขาพูดอย่างจองหอง
 ผู้ทำความชั่วทุกคนโอ้อวดตัวเอง
5ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเขาขยี้ประชากรของพระองค์
 และทำให้มรดกของพระองค์ทุกข์ยาก
6พวกเขาสังหารแม่ม่ายและคนต่างด้าว
 และฆ่าลูกกำพร้า
7และพวกเขากล่าวว่า “พระยาห์เวห์ไม่แลเห็น
 พระเจ้าของยาโคบไม่หยั่งรู้”
8คนเขลาที่สุดของประชาชนเอ๋ย จงหยั่งรู้เถิด
 คนโง่ทั้งหลายเอ๋ย เมื่อไรพวกเจ้าจะฉลาด?
9พระองค์ผู้ทรงปลูกหู พระองค์จะไม่ทรงได้ยินหรือ?
 พระองค์ผู้ทรงปั้นตา พระองค์จะไม่ทรงเห็นหรือ?
10พระองค์ผู้ทรงตีสอนบรรดาประชาชาติ พระองค์จะไม่ทรงดุว่าหรือ?
 คือพระองค์ผู้ทรงสอนความรู้ให้มนุษย์
11พระยาห์เวห์ทรงทราบความคิดของมนุษย์
 ว่าเป็นแต่เพียงลมหายใจ

อรรถาธิบาย

ผู้พิพากษาโลก

พระเจ้าทรงเป็น ‘ผู้พิพากษาโลก’ (ข้อ 2) ตอนนี้เราอาจไม่ค่อยเห็นความยุติธรรม เราเห็นความชั่วร้าย (ข้อ 3) ความจองหองและการโอ้อวด (ข้อ 4) เราเห็นผู้คนถูกกดขี่ข่มเหง (ข้อ 5) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราเห็นคนจน หญิงม่าย คนต่างด้าว และกำพร้าพ่อ (ข้อ 6) ความทุกข์ยาก

ผู้เขียนพระธรรมสดุดีร้องทูลขอความยุติธรรม พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม พระองค์ ‘แก้แค้น’ (ข้อ 1) นี่ไม่ใช่การพยาบาท แต่เป็นการตอบสนองที่เหมาะสมและยุติธรรมต่อความชั่วและความชั่วร้าย พระองค์จะ ‘ให้คนโอหังได้รับผลตอบแทนของพวกเขา’ (ข้อ 2ข) คนชั่วจะไม่รอดพ้นอีกต่อไป คนยากจนจะไม่ถูกกดขี่อีกต่อไป

การพิพากษาของพระเจ้าเป็นมุมหนึ่งของความรักของพระองค์ ทรงรักคนด้อยโอกาส ดังนั้นพระองค์จึงทรงกระทำการแทนพวกเขาเพื่อพิพากษาผู้กดขี่ของพวกเขา

ความอยุติธรรมเป็นต้นเหตุของความทุกข์มากมายในโลกนี้ เพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ ตัวอย่างเช่น การแสดงความรักโดยนำผู้ที่ค้ามนุษย์เพื่อค้าประเวณีมาสู่ความยุติธรรม

บางครั้งเราอาจถูกล่อลวงให้คิดว่า ‘พระเจ้าไม่ทรงสังเกต’ หรือ ‘พระเจ้าไม่ทรงสนใจ’ อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือพระเจ้า ‘พระองค์ผู้ทรงปลูกหู พระองค์จะไม่ทรงได้ยินหรือ? พระองค์ผู้ทรงปั้นตา พระองค์จะไม่ทรงเห็นหรือ?’ (ข้อ 9) สิ่งนี้หมายความว่าการพิพากษาของพระเจ้าจะเต็มไปด้วยความรักและความสมบูรณ์แบบ พระเจ้าทรงรู้ทั้งหมดเพราะ ‘พระยาห์เวห์ทรงทราบความคิดของมนุษย์’ (ข้อ 11ก) ดังนั้นพระองค์ทรงสามารถที่จะทำ พระองค์จะทรงทำ และจะทรงปกครองด้วยความยุติธรรมที่สมบูรณ์แบบ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่วันหนึ่งเราจะได้เห็นความยุติธรรมอันสมบูรณ์แบบที่ใช้โดยผู้พิพากษาที่สมบูรณ์แบบ ในระหว่างนี้ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยเราให้แสวงหาความยุติธรรมบนแผ่นดินโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ด้อยโอกาส
พันธสัญญาใหม่

1 โครินธ์ 6:1-20

การว่าความกันต่อหน้าคนที่ไม่เชื่อ

1เมื่อมีใครในพวกท่านเป็นความกัน เขากล้าไปรับการพิพากษาจากคนไม่ชอบธรรม แทนที่จะรับจากธรรมิกชนหรือ? 2ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าธรรมิกชนจะพิพากษาโลก? และถ้าพวกท่านจะพิพากษาโลก ท่านไม่เหมาะจะพิพากษาเรื่องเล็กน้อยหรือ? 3พวกท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์? ถ้าเช่นนั้นก็ยิ่งควรจะพิพากษาเรื่องของชีวิตนี้ 4เมื่อเป็นความกันในเรื่องชีวิตนี้ พวกท่านจะตั้งคนที่คริสตจักรไม่ยอมรับให้ตัดสินหรือ? 5ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อให้ท่านละอายใจ ในพวกท่านไม่มีสักคนหนึ่งที่มีสติปัญญาสามารถวินิจฉัยเรื่องระหว่างพี่น้องหรือ? 6แต่พี่น้องกับพี่น้องต้องถูกพิพากษาต่อหน้าคนที่ไม่มีความเชื่ออย่างนั้นหรือ?
 7อันที่จริง เมื่อไปเป็นความกันพวกท่านก็ตกจากระดับที่ควร ทำไมท่านจึงไม่ยอมทนต่อการร้ายเสียดีกว่า? ทำไมท่านจึงไม่ยอมถูกโกงเสียดีกว่า? 8แต่พวกท่านกลับทำร้ายกัน และโกงกันแม้กระทั่งพี่น้อง
 9ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าคนไม่ชอบธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า? อย่าหลงผิดเลย พวกที่ล่วงประเวณี พวกไหว้รูปเคารพ พวกผิดผัวผิดเมีย พวกโสเภณีชาย พวกรักร่วมเพศ 10พวกขโมย พวกที่โลภ พวกขี้เมา พวกชอบกล่าวร้าย พวกฉ้อโกง จะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า 11มีบางคนในพวกท่านเคยเป็นอย่างนี้ แต่ท่านทั้งหลายได้รับการล้างชำระแล้ว ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว และได้รับการชำระให้ชอบธรรมแล้วโดยพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและโดยพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเรา

ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยกายของตน

 12“ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้” แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้” แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย 13“อาหารมีไว้สำหรับท้อง และท้องก็สำหรับอาหาร” แต่พระเจ้าจะทรงให้ทั้งท้องและอาหารสูญสิ้นไป ร่างกายนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับการล่วงประเวณี แต่มีไว้สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า และองค์พระผู้เป็นเจ้ามีไว้สำหรับร่างกาย 14พระเจ้าทรงทำให้องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นขึ้นมา และพระองค์จะทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาโดยฤทธานุภาพของพระองค์ 15พวกท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าร่างกายของท่านเป็นอวัยวะของพระคริสต์? เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะเอาอวัยวะของพระคริสต์ มาทำเป็นอวัยวะของหญิงโสเภณีได้หรือ? อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย 16ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าคนที่ผูกพันกับหญิงโสเภณีก็เป็นร่างกายเดียวกับนาง? เพราะว่ามีคำกล่าวไว้ว่า “เขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” 17แต่คนที่ผูกพันกับองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็เป็นจิตวิญญาณเดียวกับพระองค์ 18จงหลีกหนีจากการล่วงประเวณี บาปอย่างอื่นที่มนุษย์ทำนั้นเป็นบาปนอกกาย แต่คนที่ล่วงประเวณีนั้น ทำผิดต่อร่างกายของตนเอง 19ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่า ร่างกายของพวกท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในท่าน ผู้ซึ่งพวกท่านได้รับจากพระเจ้า และท่านทั้งหลายไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง? 20เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด

อรรถาธิบาย

การตัดสินในคริสตจักร

กฎโดยทั่วไปในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่คือ คริสเตียนไม่ควรฟ้องร้องกันจนต้องขึ้นศาล

อัครสาวกเปาโลตกใจมากที่ผู้เชื่อในเมืองโครินธ์ฟ้องร้องกันจนขึ้นศาล (ข้อ 1ก) ท่านเขียนว่า ‘พวกท่านกล้าดียังไงฟ้องร้องกันจนขึ้นศาล!’ (ข้อ 1ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นคำพยานที่แย่จริง ๆสำหรับคริสตจักร ผู้เชื่อกำลังต่อสู้กันเองต่อหน้า ‘คนไม่ชอบธรรม’ (ข้อ 1) ‘เป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่ที่จะไปขึ้นศาลที่ไม่รู้วิธีการของพระเจ้า แทนที่จะไปหาครอบครัวคริสเตียน?’ (ข้อ 1ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เป็นคนผิดหรือถูกโกง ดีกว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีความ (ข้อ 7–8) อย่างไรก็ตาม เปาโลขอร้องพวกเขาว่าหากพวกเขาเข้าไปพัวพันกับข้อพิพาท พวกเขาควรยุติเรื่องระหว่างกัน (ข้อ 4–6)

หากจำเป็นต้องระงับข้อพิพาทจริง ๆ พวกเขาควรแต่งตั้งผู้พิพากษาจากคริสตจักร เปาโลชี้ให้เห็นว่าวันหนึ่ง ‘ธรรมิกชนจะพิพากษาโลก’ (ข้อ 2) ‘วันนั้นจะมาถึงเมื่อโลกจะยืนอยู่ต่อหน้าคณะลูกขุนที่แต่งตั้งจากผู้ติดตามพระเยซู’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อาจารย์เปาโลแนะนำว่าการพิพากษานี้จะรวมถึงการพิพากษาของทูตสวรรค์ที่ร่วงลงสู่บาปด้วย (ข้อ 3)

ข้อโต้แย้งของเปาโลคือถ้าวันหนึ่งเราต้องมีส่วนร่วมในวันแห่งการพิพากษาที่ยิ่งใหญ่นี้ เราสามารถตัดสินคดีที่ค่อนข้างไม่สำคัญในตอนนี้ได้แน่นอน(ข้อ 2-3) จงทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยง ‘การฟ้องร้อง’ ต่อหน้า ‘ผู้ไม่เชื่อ’ (ข้อ 6)

จะมีการพิพากษาครั้งสุดท้าย: ‘คนไม่ชอบธรรมจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า’ (ข้อ 9) เปาโลเขียนรายการลักษณะต่าง ๆ ของบาป คือ ‘ผู้ที่หลอกใช้กันและกันและล่วงละเมิดซึ่งกันและกัน การหลอกใช้และล่วงละเมิดทางเพศ การหลอกใช้และทารุณกรรมคนในโลกและทุกสิ่งในโลก นั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพลเมืองในอาณาจักรของพระเจ้า’ (ข้อ 9–10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

หลายคนที่เปาโลเขียนถึงจะมีส่วนร่วมในวิถีชีวิตแบบนี้ในอดีตที่ผ่านมาและอยู่ในรายการของอาจารย์เปาโล แต่เขาเขียนว่า ‘ตั้งแต่นั้นมา ท่านได้รับการชำระและได้เริ่มต้นใหม่โดยพระเยซู องค์เจ้านายของเรา พระเมสสิยาห์ของเรา และโดยพระเจ้าที่ทรงอยู่ในเรา คือองค์พระวิญญาณ’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พวกเราทุกคนสมควรที่จะถูกประณามในการตัดสินครั้งสุดท้าย เราไม่มีเหตุให้เกิดความชอบธรรมในตนเองหรือการโอ้อวด คุณได้รับการชำระ ชำระให้บริสุทธิ์ และเป็นคนชอบธรรม ผ่านการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเพื่อคุณ การเป็นคนชอบธรรมหมายถึงการพ้นผิดต่อหน้าศาลอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า การตัดสินถูกยกขึ้นและจงรับคำตัดสินตอนนี้เลย

คุณสามารถมีความมั่นใจมากเกี่ยวกับอนาคต ความตายไม่ใช่จุดจบ ‘พระเจ้าทรงทำให้องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นขึ้นมา และพระองค์จะทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาโดยฤทธานุภาพของพระองค์’ (ข้อ 14) ไม่เพียงแต่คุณจะแน่ใจได้ว่าวันหนึ่งคุณจะถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นสู่ชีวิตนิรันดร์ แต่โดยทางพระเยซู คุณยังมั่นใจได้ด้วยว่าคุณสามารถปรากฎตัวด้วยความมั่นใจต่อหน้าผู้พิพากษาของทั้งโลก ‘ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์’ และ ‘ได้รับการชำระให้ชอบธรรม’ (ข้อ 11)

นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถออกไปทำอะไรก็ได้ที่คุณชอบ ตรงกันข้าม ตอนนี้ร่างกายของคุณเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ข้อ 19) ‘ซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง’ (ข้อ 20) ดังนั้น ‘จงหลีกหนีจากการล่วงประเวณี’ (ข้อ 18) ‘เราต้องไม่แสวงหาการมีเพศสัมพันธ์แบบที่หลีกเลี่ยงความผูกพันและความใกล้ชิดที่ทำให้เราเหงามากกว่าที่เดิม’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ร่างกายของท่านเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (ข้อ19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

จง ‘ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย’ (ข้อ 12) ร่างกายของคุณเป็นของพระเจ้า จงใช้ร่างกายเพื่อถวายเกียรติพระเจ้า (ข้อ 20)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่โดยพระโลหิตของพระเยซู ข้าพระองค์ได้รับการชำระล้างให้สะอาด ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์ได้พ้นผิดไปแล้ว โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีชีวิตที่เป็นอิสระและถวายเกียรติพระองค์ในทุกสิ่งที่ข้าพระองค์ทำ
พันธสัญญาเดิม

2 พงศาวดาร 1:1-17

ซาโลมอนทูลขอสติปัญญา

 1ซาโลมอนพระราชโอรสของดาวิดได้ทรงสถาปนาราชอาณาจักรของพระองค์ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์สถิตกับพระองค์ และทรงทำให้พระองค์ยิ่งใหญ่มาก 2ซาโลมอนตรัสกับอิสราเอลทั้งหมดกับบรรดานายพันนายร้อย และผู้พิพากษาทั้งกับเจ้านายทุกคนของอิสราเอลทั้งหมด ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆ 3แล้วซาโลมอนกับชุมนุมชนทั้งหมดที่อยู่กับพระองค์ขึ้นไปที่ปูชนียสถานสูง ซึ่งอยู่ที่กิเบโอนเพราะเต็นท์นัดพบของพระเจ้า ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์สร้างขึ้นในถิ่นทุรกันดารอยู่ที่นั่น 4(แต่ดาวิดทรงนำหีบของพระเจ้ามาจากคีริยาทเยอาริมถึงสถานที่ซึ่งดาวิดทรงเตรียมไว้แล้ว เพราะพระองค์ทรงตั้งเต็นท์ไว้ให้ในกรุงเยรูซาเล็ม) 5ยิ่งกว่านั้น แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ ซึ่งเบซาเลลบุตรอุรีผู้เป็นบุตรเฮอร์ได้สร้างนั้นก็อยู่ที่หน้าพลับพลาของพระยาห์เวห์ และซาโลมอนกับชุมนุมชนก็ได้แสวงหาพระเจ้า 6ซาโลมอนเสด็จขึ้นไปที่นั่นยังแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ซึ่งอยู่ที่เต็นท์นัดพบ และถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวหนึ่งพันตัวบนแท่นนั้น
 7ในคืนนั้น พระเจ้าทรงปรากฏแก่ซาโลมอน และตรัสกับพระองค์ว่า “เจ้าอยากให้เราให้อะไรแก่เจ้า ก็จงขอเถิด” 8ซาโลมอนก็ทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ได้ทรงสำแดงความรักมั่นคงที่ยิ่งใหญ่แก่ดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์ และทรงทำให้ข้าพระองค์เป็นกษัตริย์แทน 9ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้า ขอให้พระสัญญาของพระองค์ ที่มีต่อดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์เป็นจริง ณ บัดนี้ เพราะพระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพระองค์เป็นกษัตริย์เหนือชนชาติที่มากมายเหมือนผงคลีของแผ่นดินโลก 10ขอประทานสติปัญญาและความรู้แก่ข้าพระองค์ที่จะปกครองต่อหน้าชนชาตินี้ เพราะใครเล่าจะพิพากษาประชากรอันมากมายนี้ของพระองค์ได้” 11พระเจ้าตรัสตอบซาโลมอนว่า “เพราะว่าสิ่งนี้อยู่ในจิตใจของเจ้า และเจ้าไม่ได้ขอทรัพย์สมบัติ ความมั่งคั่ง เกียรติหรือชีวิตของพวกคนที่เกลียดชังเจ้า และทั้งไม่ได้ขอชีวิตยืนยาว แต่ได้ขอสติปัญญาและความรู้เพื่อตัวเจ้าเอง เพื่อเจ้าจะพิพากษาประชากรของเรา ผู้ซึ่งเราได้ตั้งเจ้าให้เป็นพระราชาเหนือเขาทั้งหลายนั้น 12เราจะให้สติปัญญาและความรู้แก่เจ้า เราจะให้ทรัพย์สมบัติ ความมั่งคั่ง และเกียรติแก่เจ้าด้วยอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดผู้อยู่ก่อนเจ้า หรืออยู่ภายหลังเจ้าจะมีเหมือน” 13ซาโลมอนจึงเสด็จไปจากปูชนียสถานสูงที่กิเบโอน และไปจากหน้าเต็นท์นัดพบมายังกรุงเยรูซาเล็ม แล้วพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล

พระราชกรณียกิจด้านการทหารและการค้าของซาโลมอน

 14ซาโลมอนทรงสะสมรถรบ และทหารม้า พระองค์ทรงมีรถรบ 1,400 คัน และทหารม้า 12,000 คน ซึ่งพระองค์ทรงให้ประจำอยู่ที่บรรดาเมืองรถรบ และอยู่กับพระราชาในกรุงเยรูซาเล็ม 15และพระองค์ทรงทำให้เงินและทองคำในกรุงเยรูซาเล็มมีมากราวกับก้อนหิน และทรงทำให้ไม้สนสีดาร์มีมากราวกับไม้มะเดื่อแห่งเนินเชเฟลาห์ 16ม้าทั้งหลายของซาโลมอนนำเข้ามาจากอียิปต์และเมืองคูเอ พวกพ่อค้าของพระราชานำมาจากเมืองคูเอตามราคา 17พวกเขานำรถรบเข้ามาจากอียิปต์ราคาคันละเท่ากับเงิน 600 เชเขล และม้าตัวละ 150 เชเขล แล้วพวกเขาก็ส่งออกไปยังบรรดากษัตริย์ของคนฮิตไทต์ และบรรดากษัตริย์ของคนซีเรีย

อรรถาธิบาย

การตัดสินใจของซาโลมอน

คุณเคยรู้สึกว่าสิ่งที่คุณควรจะทำท่วมท้นเข้ามาหรือไม่? แน่นอนผมเคย ซาโลมอนก็ต้องเผชิญกับ ‘งานที่สั่นคลอน’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อาณาจักรของซาโลมอนได้รับการสถาปนาอย่างมั่นคง (ข้อ 1) พระองค์ตรัสกับอิสราเอลทั้งปวง รวมทั้ง ‘ผู้พิพากษา’ (ข้อ 2)

พระองค์เองยังต้องทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษา ที่จริงตลอดประวัติศาสตร์ซาโลมอนเป็นที่รู้จักในเรื่องวิจารณญาณที่ดี ผู้คนต่างพากัน ‘เกรงกลัวพระราชา เพราะเขาเห็นว่าพระปัญญาของพระเจ้าอยู่ในพระองค์ ที่จะทรงวินิจฉัยให้ความยุติธรรม’ (1 พงศ์กษัตริย์ 3:28)

ปัญญานี้มาจากไหน? มันเป็นคำตอบสำหรับคำอธิษฐานของซาโลมอน พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘เจ้าอยากให้เราให้อะไรแก่เจ้า ก็จงขอเถิด’ (2 พงศาวดาร 1:7) ซาโลมอนได้อธิษฐานเหมือนอย่างที่ผมทำอยู่บ่อย ๆ ว่า ‘ขอประทานสติปัญญาและความรู้แก่ข้าพระองค์ในขณะที่ข้าพระองค์ไปอยู่ท่ามกลางชนชาตินี้ เพราะใครเล่าสามารถเป็นผู้นำสิ่งเหล่านี้ได้ คือประชากรที่รุ่งเรืองของพระองค์’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าตอบซาโลมอนว่า ‘นี่คือสิ่งที่ออกมาจากใจของเจ้า เจ้าไม่ได้ต้องการเงิน ความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และความพินาศของศัตรูของเจ้า เจ้าไม่ได้ขอชีวิตที่ยืนยาว เจ้าขอปัญญาและความรู้เพื่อเจ้าจะได้ปกครองประชากรของเราอย่างดีซึ่งเราได้ตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์ ด้วยเหตุนี้ เจ้าจะได้รับสิ่งที่เจ้าขอ คือปัญญาและความรู้ และเราจะให้ส่วนที่เหลือให้เจ้าเป็นโบนัส คือ เงิน ความมั่งคั่ง และชื่อเสียงเหนือกษัตริย์ที่มีมาก่อนและจะมาภายหลังเจ้า’ (ข้อ 11–12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูตรัสว่า ‘แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้’ (มัทธิว 6:33) และดังที่ยากอบกล่าวว่า 'แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ’ (ยากอบ 1:5)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานขอวิจารณญาณ สติปัญญา และความรู้ที่ดีสำหรับตัวข้าพระองค์เองและเพื่อทุกคนที่ต้องเป็นผู้นำและปกครอง ข้าพระองค์อธิษฐานด้วยว่า พระองค์จะแต่งตั้งผู้พิพากษาที่ดี และจะมีการเปลี่ยนแปลงในระบบยุติธรรมทั่วโลก

เพิ่มเติมโดยพิพพา

2 พงศาวดาร 1:10

'ขอประทานสติปัญญาและความรู้ ...’

ฉันต้องการสติปัญญาอยู่ตลอดเวลา มีการตัดสินใจมากมายที่ต้องทำในวันเดียว เช่น จะทำอย่างไรในสถานการณ์นั้น จะพูดอะไรกับใครซักคน ไม่ว่าจะไปร่วมงานใดงานหนึ่งหรือไม่… โปรดเถิดพระเจ้า โปรดประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในวันนี้

ข้อพระคำประจำวัน

1 โครินธ์ 6:19

‘ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่า ร่างกายของพวกท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในท่าน ผู้ซึ่งพวกท่านได้รับจากพระเจ้า และท่านทั้งหลายไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม