เครื่องบูชา 4 อย่างที่พระเจ้าพอพระทัย
เกริ่นนำ
เมื่อมองย้อนกลับไปดูชีวิตของผม ผมตระหนักถึงการเสียสละของพ่อแม่ที่มาจากความรักที่มีต่อผมและพี่สาว ผมหวังว่าผมจะซาบซึ่งมันมากกว่านี้ในเวลานั้น พ่อแม่ของผมมาจากชนรุ่นที่คุ้นเคยกับแนวคิดของการเสียสละ พวกเขาทั้งคู่รับใช้ในสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อนร่วมรุ่นของพวกเขาหลายคนได้สละชีวิตให้เพื่อนมนุษย์และประเทศชาติของพวกเขา แต่แนวคิดของการเสียสละ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ดูเหมือนจะแปลกประหลาดสำหรับชนรุ่นของเรา
คำว่า ‘เครื่องเผาบูชา’ ส่วนใหญ่นั้นถูกระบุในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ข้อพระคำเหล่านี้บอกล่วงหน้าถึงการเสียสละพระชนม์ของพระเยซูเป็นเครื่องบูชาบนไม้กางเขนที่ปรากฎในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เกือบทุกข้ออ้างอิงถึงการสละพระองค์เป็นเครื่องบูชา การตายของพระเยซูเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเพียงหนึ่งเดียวและสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้การจัดเตรียมและคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนั้นสำเร็จเป็นจริง เราไม่ต้องนำเครื่องเผาบูชาใด ๆ มาถวายเพื่อไถ่บาปของเรา แต่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่บอกกับเราว่ามีเครื่องบูชา 4 อย่างที่เราสามารถถวายเพื่อทำให้พระเจ้าพอพระทัย
สดุดี 89:30-37
30ถ้าลูกหลานของเขาทิ้งธรรมบัญญัติของเรา
และไม่ดำเนินตามกฎหมายของเรา
31ถ้าพวกเขาฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของเรา
และมิได้รักษาบัญญัติของเรา
32แล้วเราจะลงโทษการละเมิดของพวกเขาด้วยไม้เรียว
และลงโทษความชั่วของเขาด้วยการเฆี่ยน
33แต่จะไม่ถอนความรักมั่นคงของเราไปจากเขา
และจะไม่ทรยศต่อความซื่อสัตย์ของเรา
34เราจะไม่ละเมิดพันธสัญญาของเรา
หรือพลิกแพลงถ้อยคำที่ออกไปจากริมฝีปากของเรา
35เราปฏิญาณโดยความบริสุทธิ์ของเราครั้งเดียวเป็นพอ
เราจะไม่มุสาต่อดาวิด
36พงศ์พันธุ์ของเขาจะดำรงอยู่เป็นนิตย์
บัลลังก์ของเขาจะยืนนานอย่างดวงอาทิตย์ต่อหน้าเรา
37บัลลังก์จะตั้งอยู่เป็นนิตย์อย่างดวงจันทร์
และสักขีพยานบนท้องฟ้าก็แน่นอน”
อรรถาธิบาย
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระเยซู ผู้เป็นเครื่องเผาบูชา
พระเจ้าทรงบริสุทธิ์ (ข้อ 35) และเปี่ยมด้วยรัก พระเจ้าทรงรักดาวิด พระองค์ตรัสว่า ‘แต่จะไม่ถอนความรักมั่นคงของเราไปจากเขา’ (ข้อ 33)
พระเจ้าทำพันธสัญญากับดาวิดและคนของพระองค์ด้วยความรัก นั่นคือพันธสัญญาแห่งพระคุณ แต่ก็เรียกร้องการตอบสนองคือให้เชื่อฟังธรรมบัญญัติ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาไม่รักษาธรรมบัญญัตินั้น? ‘ถ้าลูกหลานของเขาทิ้งธรรมบัญญัติของเรา และไม่ดำเนินตามกฎหมายของเรา ถ้าพวกเขาฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของเรา และมิได้รักษาบัญญัติของเรา’ (ข้อ 30-31) จะต้องมีการจ่ายค่าปรับโทษ (ข้อ 32)
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่บอกกับเราว่าพระเจ้าเสด็จมาด้วยพระองค์เองผ่านทางพระเยซูพระบุตร เพื่อรับโทษทัณฑ์นั้นโดยการถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป โดยการถวายนั้น ทั้งความรักและความบริสุทธิ์ของพระเจ้าถูกสำแดงออกอย่างสมบูรณ์และเสร็จสิ้น คุณไม่จำเป็นต้องถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีก
คำอธิษฐาน
โรม 11:33-12:21
33โอ พระปัญญาและความรอบรู้ของพระเจ้านั้น ล้ำลึกเท่าใด ข้อตัดสินของพระองค์นั้นเหลือที่จะหยั่งรู้ได้ และทางของพระองค์ก็เหลือที่จะสืบเสาะได้
34 “เพราะว่า ใครเล่ารู้พระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า?
หรือใครเป็นที่ปรึกษาของพระองค์?
35 หรือใครได้ถวายสิ่งหนึ่งสิ่งใดแก่พระองค์
ที่พระองค์จะต้องตอบแทนเขา?”
36เพราะสิ่งสารพัดมาจากพระองค์ โดยพระองค์ และเพื่อพระองค์ ขอพระเกียรติจงมีแด่พระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน
โรม 12
ชีวิตใหม่ในพระคริสต์
1ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน 2อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม 3ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่ท่านทุกคนโดยพระคุณซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า อย่าคิดถือตัวเกินที่ตนควรจะคิดนั้น แต่จงคิดอย่างสุขุมสมกับขนาดความเชื่อที่พระเจ้าประทานแก่ท่าน 4เพราะว่าในร่างกายเดียวนั้น เรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆ มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร 5เราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายเดียวในพระคริสต์ และเป็นอวัยวะแก่กันและกันอย่างนั้น 6และเราทุกคนมีของประทานต่างกัน ตามพระคุณที่ประทานแก่เรา คือถ้าของประทานเป็นการเผยพระวจนะ ก็จงเผยตามกำลังของความเชื่อ 7ถ้าเป็นการปรนนิบัติก็จงปรนนิบัติ ถ้าเป็นผู้สั่งสอนก็จงสั่งสอน 8ถ้าเป็นผู้เตือนสติก็จงเตือนสติ ผู้ที่ให้ ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง ผู้ที่ครอบครอง ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา ก็จงแสดงด้วยใจยินดี
ข้อปฏิบัติในการดำเนินชีวิตคริสเตียน
9ขอให้ความรักมาจากใจจริง จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี 10จงรักกันฉันพี่น้อง จงขวนขวายในการให้เกียรติกันและกัน 11อย่าอ่อนระอา จงมีจิตใจกระตือรือร้นด้วยพระวิญญาณ จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า 12จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงสู้ทนต่อความยากลำบาก จงขะมักเขม้นอธิษฐาน 13จงเห็นอกเห็นใจช่วยธรรมิกชนเมื่อเขาขัดสน จงอุตส่าห์ต้อนรับแขกแปลกหน้า
14จงอวยพรแก่คนที่เคี่ยวเข็ญท่าน จงอวยพร อย่าแช่งด่าเลย 15จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้ 16จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าใฝ่สูง แต่ยอมสมาคมกับคนต่ำต้อยยอมสมาคมกับคนต่ำต้อย แปลได้อีกว่า จงถ่อมใจลงยอมทำการต่ำ อย่าถือว่าตัวฉลาด 17อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ใครเลย แต่จงมุ่งทำสิ่งที่ใครๆ ก็เห็นว่าดี 18ถ้าเป็นได้ เท่าที่เรื่องขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน 19นี่แน่ะ ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าหมายถึง พระเจ้าตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน” 20แต่ว่า “ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำเช่นนั้น จะทำให้เขารู้สึกตัวและกลับมาคืนดี”จะทำให้เขารู้สึกตัวและกลับมาคืนดี ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า จะเป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา 21อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี
อรรถาธิบาย
ถวายเครื่องบูชาที่พระเจ้าพอพระทัย
ในเนื้อหาตอนนี้ เราจะได้เห็นเครื่องบูชา 4 อย่างที่คุณสามารถถวายเพื่อตอบสนองต่อการที่พระเยซูเป็นเครื่องบูชาเพื่อคุณได้:
1. ถวายเครื่องบูชาด้วยปากของคุณ
ผู้เขียนฮีบรูกล่าวว่า ‘เพราะฉะนั้น ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไปโดยทางพระองค์นั้น คือถวายผลจากปากที่ยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์... เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า’ (ฮีบรู 13:15-16)
เนื้อหาส่วนใหญ่ของพระธรรมโรม 11 บทแรกพูดถึงการที่พระเยซูทรงสละพระองค์เพื่อเรา อาจารย์เปาโลบรรยายให้เราได้ทราบถึงทั้งสิ้นที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อเรา ให้เราตอบสนองด้วยการถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชา (โรม 11:33-36)
2. ถวายเครื่องบูชาด้วยชีวิตของคุณ
อาจารย์เปาโลกล่าวต่อไปว่า ‘ดังนั้น ข้าพเจ้าเร้าพวกท่าน พี่น้องของข้าพเจ้า ให้มองดูพระเมตตาของพระเจ้า (เพราะทุกสิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อท่านโดยการสละพระองค์เองบนกางเขน) ให้ถวายร่างกายของท่านเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต บริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า นี่เป็นการแสดงออกถึงการนมัสการด้วยจิตวิญญาณ’ (ข้อ 12:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)
พระเจ้าปรารถนาให้คุณถวายทั้งหมดที่คุณมี และหมดทั้งชีวิตของคุณ ทั้งเวลา ความไฝ่ฝัน ทรัพย์สิน หู ปาก และเรื่องเพศของคุณ รวมทั้งความคิด อารมณ์ และทัศนคติของคุณ การบรรยายถึงเครื่องเผาบูชาที่มีชีวิตของเปาโลนั้น ย้ำเตือนเราว่าคุณจะต้องถวายชีวิตของคุณเป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าต่อไป โดยการถวายทั้งชีวิตของคุณ
เหมือนที่ยูจีน ปีเตอร์สันแปลในพระคัมภีร์ฉบับ The Message ว่า ‘นำชีวิตประจำวันของคุณ คือชีวิตธรรมดานั้น การนอน การกิน การทำงาน และการใช้ชีวิต วางลงต่อหน้าพระเจ้าเป็นเครื่องเผาบูชา’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ในยุคพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม “เครื่องเผาบูชาที่มีชีวิต” เป็นคำที่ขัดแย้งกัน จุดหลักของเครื่องเผาบูชาคือจะต้องถูกฆ่า จาโก้ ไวน์ บรรยายไว้ว่า “การแสดงออกถึงการนมัสการพระเจ้าของเราไม่ใช่การถวายเครื่องเผาบูชาอีกต่อไป แต่เป็นการที่ตัวเราเองเป็นเครื่องเผาบูชาที่มีชีวิต ให้ชีวิตเราทุกคนคือสิ่งที่ถูกมอบถวาย การนมัสการที่แท้จริงนั่นคือสิ่งที่คำพูดออกมาจากปาก สิ่งที่ดู... สิ่งที่คิด...สถานที่ที่ไป”
3. ถวายเครื่องบูชาด้วย ‘ทรัพย์สิ่งของ’ ของคุณ การให้ด้วยใจกว้างขวางเป็นเครื่องบูชาอีกอย่างในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ อาจารย์เปาโลหนุนใจให้ถวายเครื่องบูชาแห่งความเอื้อเฟื้อต่อความเดือดร้อนของผู้อื่น (ข้อ 8) ‘จงเห็นอกเห็นใจช่วยธรรมิกชนเมื่อเขาขัดสน’ (ข้อ 13) มีเครื่องบูชาอีกอย่างที่ผู้เขียนฮีบรูบอกว่าพระเจ้าพอพระทัย คือ ‘แบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน’ (ฮีบรู 13:16)
เราจะต้องให้ด้วยใจกว้างขวางกับศัตรูของเรา “พระคริสตธรรมคัมภีร์บอกเราว่าถ้าท่านเห็นศัตรูหิวโหย ให้ไปซื้อข้าวกลางวันให้คน ๆ นั้น หรือถ้าเขาหิวน้ำ ก็ไปหาน้ำให้เขาดื่ม ความใจกว้างของท่านจะทำให้เขาประหลาดใจเพราะความดีนั้น’ (โรม 12:20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
4. ถวายเครื่องบูชาด้วยความรักของคุณ
ในพระคัมภีร์ตอนนี้ อาจารย์เปาโลได้ให้ตัวอย่างมากมายของการถวายเครื่องบูชาแห่งการปรนนิบัติด้วยความรัก (ข้อ 9-21)
ผู้เขียนฮีบรูกล่าวว่า ‘อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า’ (ฮีบรู 13:16)
‘ทำความดี’ หมายถึงการละทิ้งสิ่งที่ไม่ดี ‘อย่าให้โลกรอบตัวคุณบีบให้คุณเป็นอย่างแม่พิมพ์ของมัน’ ( โรม12:2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Phillips New Testament in Modern English โดยผู้แปล) ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะขอให้เราละทิ้งสิ่งไม่ดีในชีวิตของเรา แต่มันอาจจะรู้สึกเหมือนการทำเช่นนั้นต้องจ่ายราคา เพราะสิ่งเหล่านั้นดูผิวเผินแล้วน่าหลงไหล การกลับใจเป็นคำที่เป็นแง่บวก แต่บางครั้งก็ดูเหมือนว่าเราต้องจ่ายราคา
ความรักที่เสียสละต้องมีการยอมให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงเราอย่างสิ้นเชิง ความรักของเราจะต้องจริงใจ (ข้อ 9) คำว่า ‘จริงใจ’ ในภาษากรีกแปลว่า ‘ปราศจากการเสแสร้ง’ หรือตรงตัวคือ ‘ไม่มีการเล่นละคร’ และ ‘ไม่สวมหน้ากาก’
บ่อยครั้งที่ความสัมพันธ์ในโลกจะค่อนข้างผิวเผิน เราทุกคนปั้นหน้าหรือสวมหน้ากากใส่กัน เมื่อเราเห็นรัฐบาลทำแบบนั้น เราเรียกมันว่า ‘ปั่น’ เมื่อเราทำอย่างนั้น เราเรียกว่า ‘ภาพ’ ที่เราฉายบางสิ่งออกมาให้คนอื่นเห็น แต่ที่จริงเรากำลังพูดว่า ‘ฉันไม่ค่อยชอบที่ตัวเองเป็นอยู่ข้างใน ดังนั้นฉันจะแสร้งทำเป็นคนอื่น’
ถ้าอีกฝ่ายทำแบบเดียวกัน มันก็เหมือนตีสอง ‘หน้า’ ‘ใส่หน้ากาก’ เข้าหากัน ผลลัพธ์ที่น่าเศร้าคือทั้งสองฝ่าย ต่างไม่เคยเข้าหากันด้วย ‘ความรักที่จริงใจ’ ความรักที่จริงใจหมายถึงการถอดหน้ากากและกล้าที่จะเปิดเผยตัวตนของคุณ เมื่อคุณรู้ว่าพระเจ้าทรงรักคุณอย่างที่คุณเป็น คุณก็มีอิสระที่จะถอดหน้ากากของคุณ
นั่นหมายความว่ามีความล้ำลึกใหม่และความมั่นคงในความสัมพันธ์ของคุณ แทนที่คุณจะพยายามทำให้คนอื่นพอใจด้วยหน้ากากนั้น เมื่อเราเปิดเผยตัวตนของเราพร้อมกับข้อบกพร่องทั้งหมดที่มี เราได้เชื่อมต่อกันผ่านความอ่อนแอเหล่านั้น
เปาโลปลุกเร้าคริสเตียนให้มีชีวิตในสันติต่อกันและกันและมีใจที่กว้างขวาง (ข้อ 13) ต้อนรับด้วยไมตรี (ข้อ 13) ให้อภัยกัน (ข้อ 14) เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น (ข้อ 15) และอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน (ข้อ 18) มันเป็นภาพที่สง่างามของครอบครัวคริสเตียนซึ่งพระเจ้าทรงเรียกเราให้เข้ามา โบกมือเรียกเราให้เข้าไปในบรรยากาศของความรัก ความชื่นชมยินดี ความอดทน ความสัตย์ซื่อ เห็นอกเห็นใจ ต้อนรับ การอวยพร ความเปรมปรีดิ์ ความน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความถ่อมใจ และสันติสุข ที่ซึ่งความดีไม่ได้ถูกเอาชนะด้วยความชั่วร้าย แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี (ข้อ 9-21)
คำอธิษฐาน
1 พงศาวดาร 6:1-81
เชื้อสายของเลวี
1บุตรของเลวีคือเกอร์โชม โคฮาท และเมรารี 2บุตรของโคฮาทคืออัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล 3บุตรของอัมรามคืออาโรน โมเสส และนางมิเรียม บุตรอาโรนคือนาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ 4เอเลอาซาร์เป็นบิดาของฟีเนหัส ฟีเนหัสเป็นบิดาของอาบีชูวา 5อาบีชูวาเป็นบิดาของบุคคี บุคคีเป็นบิดาของอุสซี 6อุสซีเป็นบิดาของเศ-ราหิยาห์ เศ-ราหิยาห์เป็นบิดาของเมราโยท 7เมราโยทเป็นบิดาของอามาริยาห์ อามาริยาห์เป็นบิดาของอาหิทูบ 8อาหิทูบเป็นบิดาของศาโดก ศาโดกเป็นบิดาของอาหิมาอัส 9อาหิมาอัสเป็นบิดาของอาซาริยาห์ อาซาริยาห์เป็นบิดาของโยฮานัน 10และโยฮานันเป็นบิดาของอาซาริยาห์ (ท่านผู้นี้เป็นปุโรหิตอยู่ในพระวิหาร ซึ่งซาโลมอนทรงสร้างในเยรูซาเล็ม) 11อาซาริยาห์เป็นบิดาของอามาริยาห์ อามาริยาห์เป็นบิดาของอาหิทูบ 12อาหิทูบเป็นบิดาของศาโดก ศาโดกเป็นบิดาของชัลลูม 13ชัลลูมเป็นบิดาของฮิลคียาห์ ฮิลคียาห์เป็นบิดาของอาซาริยาห์ 14อาซาริยาห์เป็นบิดาของเสไรยาห์ เสไรยาห์เป็นบิดาของเยโฮซาดัก 15และเยโฮซาดักถูกจับไปเป็นเชลย เมื่อพระยาห์เวห์ทรงมอบยูดาห์ และเยรูซาเล็มในหัตถ์ของเนบูคัดเนสซาร์
16บุตรของเลวีคือเกอร์โชม โคฮาท และเมรารี 17ต่อไปนี้เป็นชื่อบุตรของเกอร์โชมคือลิบนี และชิเมอี 18บุตรของโคฮาทคืออัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล 19บุตรของเมรารีคือมาห์ลี และมูชี เหล่านี้เป็นบรรดาตระกูลของคนเลวีตามบรรพบุรุษของพวกเขา 20บุตรของเกอร์โชมคือลิบนี บุตรของลิบนีคือยาหาท บุตรยาหาทคือศิมมาห์ 21บุตรศิมมาห์คือโยอาห์ บุตรโยอาห์คืออิดโด บุตรอิดโดคือเศ-ราห์ บุตรเศ-ราห์คือเยอาเธรัย 22บุตรของโคฮาทคืออัมมีนาดับ บุตรอัมมีนาดับคือโคราห์ บุตรโคราห์คืออัสสีร์ 23บุตรอัสสีร์คือเอลคานาห์ บุตรเอลคานาห์คือเอบียาสาฟ บุตรเอบียาสาฟคืออัสสีร์ 24บุตรอัสสีร์คือทาหัท บุตรทาหัทคืออุรีเอล บุตรอุรีเอลคืออุสซียาห์ บุตรอุสซียาห์คือชาอูล 25บุตรของเอลคานาห์คืออามาสัย และอาหิโมท 26เอลคานาห์ โศฟัย และนาหัท 27บุตรนาหัทคือเอลีอับ บุตรเอลีอับคือเยโรฮัม บุตรเยโรฮัมคือเอลคานาห์ 28บุตรของซามูเอลคือโยเอล บุตรหัวปีของเขา คนที่สองอาบียาห์ 29บุตรของเมรารีคือมาห์ลี บุตรมาห์ลีคือลิบนี บุตรลิบนีคือชิเมอี บุตรชิเมอีคืออุสซาห์ 30บุตรอุสซาห์คือชิเมอี บุตรชิเมอีคือฮักกียาห์ บุตรฮักกียาห์คืออาสายาห์
ดาวิดทรงแต่งตั้งนักร้องประจำพระนิเวศ
31ต่อไปนี้เป็นคนที่ดาวิดทรงแต่งตั้งให้ดูแลเรื่องเพลงในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ หลังจากที่หีบพันธสัญญามาตั้งอยู่ที่นั่นแล้ว 32เขาทั้งหลายปรนนิบัติด้วยเพลง ข้างหน้าพลับพลาเต็นท์นัดพบ จนซาโลมอนทรงสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์ในเยรูซาเล็ม และพวกเขาปฏิบัติตามหน้าที่ตามที่กำหนด 33ต่อไปนี้เป็นคนที่ปฏิบัติงานและบุตรของพวกเขา จากบุตรคนโคฮาทคือเฮมาน นักร้องผู้เป็นบุตรโยเอล ผู้เป็นบุตรซามูเอล 34ผู้เป็นบุตรเอลคานาห์ ผู้เป็นบุตรเยโรฮัม ผู้เป็นบุตรเอลีเอล ผู้เป็นบุตรโทอาห์ 35ผู้เป็นบุตรศูฟ ผู้เป็นบุตรเอลคานาห์ ผู้เป็นบุตรมาฮาท ผู้เป็นบุตรอามาสัย 36ผู้เป็นบุตรเอลคานาห์ ผู้เป็นบุตรโยเอล ผู้เป็นบุตรอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรเศฟันยาห์ 37ผู้เป็นบุตรทาหัท ผู้เป็นบุตรอัสสีร์ ผู้เป็นบุตรเอบียาสาฟ ผู้เป็นบุตรโคราห์ 38ผู้เป็นบุตรอิสฮาร์ ผู้เป็นบุตรโคฮาท ผู้เป็นบุตรเลวี ผู้เป็นบุตรอิสราเอล 39กับอาสาฟญาติของเขา ผู้ยืนอยู่ข้างขวาของเขา อาสาฟเป็นบุตรเบเรคิยาห์ ผู้เป็นบุตรชิเมอา 40ผู้เป็นบุตรมีคาเอล ผู้เป็นบุตรของบาอาเสยาห์ ผู้เป็นบุตรมัลคิยาห์ 41ผู้เป็นบุตรเอทนี ผู้เป็นบุตรเศ-ราห์ ผู้เป็นบุตรอาดายาห์ 42ผู้เป็นบุตรเอธาน ผู้เป็นบุตรศิมมาห์ ผู้เป็นบุตรชิเมอี 43ผู้เป็นบุตรยาหาท ผู้เป็นบุตรเกอร์โชม ผู้เป็นบุตรเลวี 44ที่ข้างซ้ายมีบุตรของเมรารี ญาติพี่น้องของพวกเขาคือเอธานผู้เป็นบุตรคีชี ผู้เป็นบุตรอับดี ผู้เป็นบุตรมัลลูค 45ผู้เป็นบุตรฮาชาบิยาห์ ผู้เป็นบุตรอามาซิยาห์ ผู้เป็นบุตรฮิลคียาห์ 46ผู้เป็นบุตรอัมซี ผู้เป็นบุตรบานี ผู้เป็นบุตรเชเมอร์ 47ผู้เป็นบุตรมาห์ลี ผู้เป็นบุตรมูชี ผู้เป็นบุตรเมรารี ผู้เป็นบุตรเลวี 48และคนเลวีญาติพี่น้องของพวกเขา ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานทุกอย่างของพลับพลา ซึ่งก็คือพระนิเวศของพระเจ้า
เชื้อสายของอาโรน
49แต่อาโรนกับบุตรชายของท่านถวายเครื่องบูชาบนแท่นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และบนแท่นเครื่องหอม เพื่อปฏิบัติงานทุกอย่างในอภิสุทธิสถาน และทำการลบบาปเพื่ออิสราเอล ตามทุกอย่างที่โมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าบัญชาไว้ 50ต่อไปนี้เป็นบุตรหลานของอาโรนคือเอเลอาซาร์ บุตรของเอเลอาซาร์คือฟีเนหัส บุตรของฟีเนหัสคืออาบีชูวา 51บุตรอาบีชูวาคือบุคคี บุตรของบุคคีคืออุสซี บุตรของอุสซีคือเศ-ราหิยาห์ 52บุตรของเศ-ราหิยาห์คือเมราโยท บุตรของเมราโยทคืออามาริยาห์ บุตรอามาริยาห์คืออาหิทูบ 53บุตรอาหิทูบคือศาโดก บุตรศาโดกคืออาหิมาอัส
ที่ตั้งถิ่นฐานของคนเลวี
54ต่อไปนี้เป็นที่อยู่ที่ตั้งถิ่นฐานในเขตแดนของพวกเขาคือบุตรหลานของอาโรนตระกูลคนโคฮาท (เพราะฉลากตกเป็นของพวกเขาก่อน) 55พวกเขาได้เมืองเฮโบรนในแผ่นดินยูดาห์ และหมู่บ้านรอบๆ 56แต่ทุ่งนา และหมู่บ้านของเมืองนั้น พวกเขายกให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์ 57พวกเขาให้เมืองลี้ภัยแก่บุตรหลานของอาโรนด้วยคือเมืองเฮโบรน เมืองลิบนาห์กับชานเมือง เมืองยาททีร์ เมืองเอชเทโมอากับชานเมือง 58ฮีเลนพร้อมกับชานเมือง เดบีร์พร้อมกับชานเมือง 59อาชานพร้อมกับชานเมือง และเบธเชเมชพร้อมกับชานเมือง 60และจากเผ่าเบนยามินก็ได้เมืองเกบาพร้อมกับชานเมือง อาเลเมทพร้อมกับชานเมือง และอานาโธทพร้อมกับชานเมือง เมืองทั้งสิ้นตามบรรดาตระกูลของพวกเขาเป็น 13 เมืองด้วยกัน
61ส่วนบุตรหลานของโคฮาทที่เหลือได้รับจากเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า โดยฉลากตามตระกูลของเผ่า มี 10 เมือง 62บุตรหลานเกอร์โชมตามตระกูลของพวกเขาได้ 13 เมืองจากเผ่าอิสสาคาร์ เผ่าอาเชอร์ เผ่านัฟทาลี และจากเผ่ามนัสเสห์ในบาชาน 63บุตรหลานของเมรารีตามตระกูลของพวกเขาได้ตามฉลากคือ 12 เมืองจากเผ่ารูเบน เผ่ากาด และเผ่าเศบูลุน 64ดังนั้นบุตรหลานของอิสราเอลได้มอบเมืองต่างๆ กับชานเมืองให้แก่คนเลวี 65และพวกเขาให้เมืองต่างๆ ตามฉลากจากเผ่ายูดาห์ เผ่าสิเมโอน และเผ่าเบนยามิน ดังที่ได้กล่าวชื่อไว้
66และบุตรหลานของโคฮาทบางตระกูลได้เมืองที่เป็นดินแดนของพวกเขาจากเผ่าเอฟราอิม 67พวกเขาให้ตระกูลบุตรหลานโคฮาทที่เหลืออยู่ดังนี้ เมืองลี้ภัย คือเมืองเชเคมกับชานเมืองในถิ่นภูเขาเอฟราอิม เมืองเกเซอร์พร้อมกับชานเมือง 68เมืองโยกเมอัมกับชานเมือง เมืองเบธโฮโรนกับชานเมือง 69เมืองอัยยาโลนกับชานเมือง เมืองกัทริมโมนกับชานเมือง 70และมอบเมืองจากเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าคือ เมืองอาเนอร์กับชานเมือง เมืองบิเลอัมกับชานเมืองให้แก่ตระกูลคนโคฮาทที่เหลืออยู่
71บุตรหลานของเกอร์โชมรับจากตระกูลเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าดังนี้ โกลานในบาชานกับชานเมือง และอัชทาโรทกับชานเมือง 72และจากเผ่าอิสสาคาร์คือเมืองเคเดชกับชานเมือง เมืองดาเบรัทกับชานเมือง 73และราโมทพร้อมกับทุ่งหญ้า และอาเนมกับชานเมือง 74จากเผ่าอาเชอร์คือ มาชาลกับชานเมือง ฮับโดนกับชานเมือง 75หุ-กอกกับชานเมือง และเรโหบกับชานเมือง 76และจากเผ่านัฟทาลีคือเคเดชในกาลิลีกับชานเมือง ฮัมโมนกับชานเมือง คีริยาธาอิมพร้อมกับชานเมือง 77ส่วนบุตรหลานเมรารีที่เหลืออยู่นั้นรับจากเผ่าเศบูลุนคือริมโมโนกับชานเมือง ทาโบร์กับชานเมือง 78และฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้นตรงข้ามเยรีโคคือฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนนั้น จากเผ่ารูเบนคือเบเซอร์ในทะเลทรายกับชานเมือง ยาซาห์กับชานเมือง 79เคเดโมทกับชานเมือง และเมฟาอาทกับชานเมือง 80และจากเผ่ากาดคือราโมทในกิเลอาดกับชานเมือง มาหะนาอิมกับชานเมือง 81เฮสโบนกับชานเมือง ยาเซอร์กับชานเมือง
อรรถาธิบาย
เข้าใจเกี่ยวกับเครื่องบูชาในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ปุโรหิตคือคนกลางระหว่างพระเจ้ากับประชาชน 'อาโรนและบุตรของเขาถวายเครื่องบูชาบนแท่น.... พวกเขาลบมลทินให้อิสราเอล’ (ข้อ 49, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ฐานะปุโรหิตนั้นได้รับการตกทอดกันมา เหล่าปุโรหิตเป็นลูกหลานของคนเลวี ผู้เขียนพงศาวดารระบุว่า ‘บุตรของเลวี’ (ข้อ 1, 16, 46) เราได้เห็นว่าทุกคนที่รับใช้ในพลับพลา (ซึ่งภายหลังกลายเป็นพระวิหาร) ถูกเรียกว่า ‘เชื้อสายเลวี’ (ข้อ 1-30)
ผู้เขียนพงศาวดารเน้นความสำคัญของพระวิหาร พระวิหารเป็นสถานที่แห่งการนมัสการ ที่ซึ่งพระวิญญาณของพระเจ้าประทับ ดาวิดวางคนเลวีบางคนให้รับผิดชอบด้านเสียงดนตรีในพระนิเวศของพระเจ้า ‘ต่อไปนี้คือคนที่ดาวิดแต่งตั้งให้นำการร้องเพลงในพระนิเวศของพระเจ้า... พวกเขาคือผู้รับใช้ด้านดนตรีในสถานนมัสการ’ (ข้อ 31-32, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เลวีคนอื่น ๆ จะต้องเตรียมถวายเครื่องบูชาบนแท่นบูชา เพื่อ ‘ทำการลบบาป’ (ข้อ 49) อย่างที่เราเห็นก่อนหน้านี้ คำอธิบายง่าย ๆ ของการลบบาปคือ ‘เป็นหนึ่งเดียว’ พระเจ้าได้เตรียมหนทางที่คนของพระองค์จะสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
นี่เป็นรูปแบบที่เห็นตลอดทั้งพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ความจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาลบบาป เป็นการบอกล่วงหน้าถึงการที่พระเยซูได้ถวายพระองค์เองเป็นเครื่องเผาบูชาในตอนท้าย ซึ่งครบบริบูรณ์และเพียงพอ ข้อพระคริสตธรรมคัมภีร์เหล่านี้ย้ำเตือนเราว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหนที่การถวายเครื่องบูชาลบบาปไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะว่า เครื่องบูชาเพียงหนึ่งเดียวที่แท้จริงและสมบูรณ์แบบ คือ พระเยซู
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
โรม 12:21
‘อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี’
การทำความดีเป็นวิธีที่ทรงพลังในการหยุดความชั่วร้ายไม่ให้แพร่กระจาย
ข้อพระคำประจำวัน
โรม 12:21
‘อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)