วัน 206

เกิดอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ?

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 89:9-13
พันธสัญญาใหม่ โรม 9:1-21
พันธสัญญาเดิม โฮเชยา 11:12-14:9

เกริ่นนำ

ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1974 ผมได้พบกับองค์พระเยซูคริสต์ นั่นเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมอย่างสิ้นเชิง ผมได้เข้าใจว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อผม ผมได้มีประสบการณ์กับความรักของพระองค์ ผมรู้ว่าพระเจ้านั้นมีจริง ผมรู้ถึงพระพรที่ไม่ธรรมดาในการมีความสัมพันธ์กับพระเยซู แต่เกือบจะทันทีหลังจากนั้น ผมมีประสบการณ์กับสิ่งที่อาจารย์เปาโลพูดถึงในข้อนี้ ‘ความโศกเศร้าอย่างหนัก...ความเจ็บปวดมหาศาลในส่วนลึกภายในข้าพเจ้า’ (โรม 9:2 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผมปรารถนาให้ทุกคนมีประสบการณ์และรู้ถึงสิ่งที่ผมพึ่งเจอมานี้ ผมปรารถนาให้ครอบครัวและเพื่อน ๆ ที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียนมารู้จักกับพระคริสต์

อัครสาวกเปาโลใส่ใจคนของเขาอย่างร้อนรน จนกระทั่งเขายอมถูกตัดขาดจากพระเจ้าและคนที่เขารัก เพื่อที่พวกเขาจะได้รับความรอด เปาโลเขียนว่า ‘ข้าพเจ้าพร้อมที่จะถูกสาป และถูกตัดขาดจากพระคริสต์เพราะเห็นแก่พี่น้องของข้าพเจ้า คือเชื้อชาติของข้าพเจ้าตามเนื้อหนัง พวกเขาเป็นคนอิสราเอล’ (ข้อ 3-4ก)

แต่ในเวลาเดียวกันอาจารย์เปาโลวางใจว่าพระเจ้าทรงสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด พระเจ้าทรงมีอธิปไตย พระองค์ทรงปกครองและครอบครองจักรวาลของพระองค์

เราจะให้ความทุกข์ใจและความร้อนรนนี้มีอย่างสมดุลสำหรับคนที่เรารักได้อย่างไร โดยการวางใจในอธิปไตยสูงสุดของพระเจ้า

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 89:9-13

9พระองค์ทรงปกครองการเดือดดาลของทะเล
 เมื่อคลื่นสูงขึ้น พระองค์เองทรงให้สงบ
10พระองค์เองทรงขยี้ราหับเหมือนผู้ถูกฆ่า
 พระองค์ทรงกระจายศัตรูของพระองค์ ด้วยพระกรแข็งแกร่งของพระองค์
11ฟ้าสวรรค์เป็นของพระองค์ แผ่นดินโลกก็เป็นของพระองค์ด้วย
 ส่วนพิภพและบรรดาสิ่งที่อยู่ในนั้น พระองค์ได้ทรงตั้งไว้
12ทิศเหนือและทิศใต้ พระองค์เองได้ทรงสร้างขึ้น
 ภูเขาทาโบร์กับภูเขาเฮอร์โมนร้องเพลงถวายแด่พระนามของพระองค์ด้วยความยินดี
13พระองค์ทรงมีพระกรอันทรงอานุภาพ
 พระหัตถ์ของพระองค์ก็แข็งแรง พระหัตถ์ขวาของพระองค์ก็สูงส่ง

อรรถาธิบาย

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการปกครอง และการครอบครองของพระองค์

เราไม่อาจรู้คำตอบสำหรับคำถามทั้งหมด แต่เรารู้ว่าพระเจ้าทรงควบคุมทุกสรรพสิ่งของพระองค์ นี่คือโลกของพระเจ้า พระองค์ทรงรักคุณ คุณสามารถวางใจพระองค์ไม่ใช่แค่เรื่องอนาคตของคุณ แต่รวมถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนอื่น ๆ ด้วย

‘ฟ้าสวรรค์เป็นของพระองค์ แผ่นดินโลกก็เป็นของพระองค์ด้วย’ (ข้อ 11)

พระเจ้าไม่เพียงสร้างโลกนี้ พระองค์ยังคงทำการในประวัติศาสตร์ ‘พระองค์ทรงปกครองการเดือดดาลของทะเล…พระองค์ทรงมีพระกรอันทรงอานุภาพ พระหัตถ์ของพระองค์ก็แข็งแรง พระหัตถ์ขวาของพระองค์ก็สูงส่ง’ (ข้อ 9ก, 13)

‘เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์’ (โรม 8:28)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระเจ้าผู้ครอบครองสูงสุด พระองค์เป็นผู้สร้างโลกนี้และเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ ขอบคุณที่ข้าพระองค์สามารถวางใจว่า พระองค์ทรงควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างในชีวิตของข้าพระองค์
พันธสัญญาใหม่

โรม 9:1-21

พระเจ้าทรงเลือกชนชาติอิสราเอล

 1ข้าพเจ้าพูดความจริงในพระคริสต์ ข้าพเจ้าไม่ได้โกหก มโนธรรมของข้าพเจ้าเป็นพยานโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า 2ข้าพเจ้ามีความทุกข์หนักและความเจ็บร้อนในใจเสมอ 3พร้อมที่จะถูกสาป และถูกตัดขาดจากพระคริสต์เพราะเห็นแก่พี่น้องของข้าพเจ้า คือเชื้อชาติของข้าพเจ้าตามเนื้อหนัง 4พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ได้รับสิทธิ์เป็นบุตรของพระเจ้า เห็นพระสิริของพระองค์ และเขาได้รับบรรดาพันธสัญญา ทั้งการประทานธรรมบัญญัติ พิธีนมัสการพระเจ้า และพระสัญญาต่างๆ 5ทั้งอัครปิตาก็เป็นของพวกเขาด้วย และพระคริสต์ก็มาจากเขาทางเนื้อหนัง คือพระองค์ผู้ทรงรับการสรรเสริญว่าเป็นพระเจ้าเหนือสารพัดเป็นนิตย์คือพระองค์ผู้ทรงรับการสรรเสริญว่าเป็นพระเจ้าเหนือสารพัดเป็นนิตย์ อาเมน
 6แต่ไม่ใช่ว่าพระวจนะของพระเจ้าได้ล้มเหลวไป เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาจากอิสราเอลนั้น เป็นคนอิสราเอลแท้ 7และไม่ใช่ทุกคนที่เป็นลูกของอับราฮัมเป็นเชื้อสายแท้ของท่าน แต่ว่าเขาจะเรียกเชื้อสายของท่านทางสายอิสอัค 8หมายความว่าคนที่เป็นลูกของพระเจ้านั้นไม่ใช่ลูกของเนื้อหนัง แต่เป็นลูกของพระสัญญา จึงจะถือว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายได้ 9เพราะพระสัญญามีว่าดังนี้“เราจะมาตามฤดูกาล และนางซาราห์จะมีบุตรชาย” 10และไม่ใช่เท่านั้น แต่ว่านางเรเบคาห์ก็ได้มีบุตรสองคนจากสามีคนเดียวคืออิสอัคบรรพบุรุษของพวกเรา 11แม้ก่อนบุตรนั้นเกิดมา และยังไม่ได้ทำดีหรือชั่ว (เพื่อพระประสงค์ของพระเจ้าในการทรงเลือกนั้นจะตั้งมั่นคงอยู่ 12ไม่ใช่ตามการประพฤติ แต่ตามซึ่งพระองค์ทรงเรียก) พระองค์จึงตรัสแก่นางนั้นว่า “พี่จะปรนนิบัติน้อง” 13ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า

“ยาโคบนั้นเรารัก  แต่เอซาวเราชัง”

 14ถ้าอย่างนั้น เราจะว่าอย่างไร? พระเจ้าไม่ทรงยุติธรรมหรือ? เปล่าเลย 15เพราะพระองค์ตรัสกับโมเสสว่า

“เราประสงค์จะกรุณาใคร เราก็จะกรุณาคนนั้น และเราจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตาคนนั้น”

 16เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นกับความตั้งใจหรือความมานะของมนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับพระเมตตาของพระเจ้า 17เพราะมีข้อพระคัมภีร์ที่กล่าวแก่ฟาโรห์ว่า “เพราะเหตุนี้เองเราจึงได้ตั้งเจ้าขึ้น เพื่อเราจะสำแดงฤทธานุภาพของเราให้ปรากฏทางตัวเจ้า และเพื่อให้นามของเราประกาศไปทั่วโลก” 18เพราะฉะนั้นพระองค์จะทรงพระเมตตาใคร ก็จะทรงพระเมตตาคนนั้น และพระองค์จะทรงให้ใครมีใจแข็งกระด้าง ก็จะทรงให้คนนั้นมีใจแข็งกระด้าง

พระพิโรธและพระเมตตาของพระเจ้า

 19แล้วท่านก็จะพูดกับข้าพเจ้าว่า “ถ้าอย่างนั้น ทำไมพระองค์ยังทรงติเตียน? ใครจะขัดขืนพระประสงค์ของพระองค์ได้?” 20มนุษย์เอ๋ย ท่านเป็นใครที่จะโต้ตอบกับพระเจ้า? สิ่งซึ่งถูกปั้นจะกล่าวแก่ผู้ปั้นได้หรือว่า “ทำไมท่านจึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้?” 21ส่วนช่างปั้นหม้อ ไม่มีสิทธิเอาดินก้อนเดียวกัน มาปั้นเป็นภาชนะที่ใช้ในโอกาสพิเศษ และทั่วๆ ไปอีกอันหนึ่งหรือ?

อรรถาธิบาย

วางใจในความเมตตากรุณาของพระองค์

‘ไม่ยุติธรรมเลย’ ไม่ได้เป็นแค่เสียงร้องของเด็ก ๆ เท่านั้น แต่ของผู้ใหญ่มากมายที่เป็นคริสเตียนด้วย

เปาโลไปถึง ‘จุดสูงสุด’ ของจดหมายฝากในตอนท้ายของบทที่ 8 เขาหันมาพูดถึงพงศ์พันธุ์อิสราเอลในบทที่ 8-11 อาจารย์เปาโลไม่ได้มองการเป็นคริสเตียนว่าเป็นการย้ายจากความเชื่อของคนยิว แต่เขามองว่าเป็นส่วนของการเต็มเติมของคนอิสราเอลที่แท้จริงและลูกหลานของอับราฮัมที่แท้จริง สำหรับอาจารย์เปาโลแล้ว มันเป็นมีความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง เขาเรียกอิสราเอลว่า ‘พี่น้องข้าพเจ้า’ (ข้อ 9:3) ซึ่งเขาหมายถึงคนยิวไม่ใช่คริสเตียน พวกเขาเป็นครอบครัว อาจารย์เปาโลเติบโตมาพร้อมกับพวกเขา เขาบอกว่าตน ‘มีความทุกข์หนักและความเจ็บร้อนในใจเสมอ’ (ข้อ 2)

บางคนเหมือนจะชี้แนะว่าจะไม่มีความทุกข์ในชีวิตอีกหลังจากมาเป็นคริสเตียน แต่สำหรับเปาโล ความยินดีที่ยิ่งใหญ่มาหลังจากความทุกข์หนักและความเจ็บปวด มันเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันอย่างประหลาด คุณอาจจะรู้สึกถึงความทุกข์ใหญ่นี้เกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ที่อยู่นอกแผ่นดินของพระเจ้า หรือเมื่อผู้คนนั้นปฏิเสธพระเยซู

เปาโลใส่ใจความรอดของพวกเขามากจนกระทั่งตัวเองเตรียมที่จะ ‘ถูกตัดขาดจากพระคริสต์’ (ข้อ 3) ไม่ใช่แค่ตายไป ซึ่งเป็นความสยดสยองที่สุดของเปาโล

โมเสสได้อธิษฐานคล้ายกัน เมื่อเขาอธิษฐานเผื่อประชาชนที่ทำบาปต่อพระเจ้า ‘แต่บัดนี้ขอพระองค์โปรดยกโทษบาปของพวกเขา มิฉะนั้น ขอพระองค์ทรงลบชื่อของข้าพระองค์เสียจากหนังสือที่พระองค์ทรงจดไว้’ (อพยพ 32:32) แต่พระเจ้าไม่ทรงยอบรับโมเสส (ข้อ 33-34ก) หรือเครื่องถวายบูชาของอาจารย์เปาโลเพราะว่าชีวิตของพวกเขาทั้งสองไม่อาจไถ่ความบาปของประชาชนได้

มีเพียงชีวิตของพระเยซู ผู้ไม่เคยมีบาป สามารถจะทำได้ พระเยซูทรงเต็มใจยอม ‘ถูกสาปและถูกตัดขาด’ (โรม 9:3) เพื่อเรา พระองค์ไม่เพียงแค่เต็มใจทำ แต่การถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา นั้นเป็นที่ยอมรับและก่อให้เกิดผล ไม่มีสิ่งใดที่คุณสามารถเพิ่มเข้าไปได้อีก

แต่ว่าเปาโลโศกเศร้านัก เพราะเขาตระหนักว่าพี่น้องส่วนใหญ่ของเขาได้ปฏิเสธของประทานที่ไม่ธรรมดาแห่งการไถ่ และการอภัยนี้ พระเจ้าได้ประทานทุกสิ่งให้พวกเขาและพวกเรา แต่ว่าพวกเขากลับเลือกที่จะปฏิเสธสิ่งนี้

ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นสำหรับเปาโล คือ พวกเขาเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือก พระเจ้าในอธิปไตยของพระองค์ ได้เลือกชนชาติอิสราเอล ‘พวกเขามีทุกอย่าง ทั้งครอบครัว สง่าราศี พันธสัญญา การเปิดเผยสำแดง การนมัสการ คำสัญญาต่าง ๆ ด้วยการเป็นชนชาติที่ให้กำเนิดพระเมสสิยาห์ คือพระคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเหนือทุกสรรพสิ่งนิจนิรันดร์’ (ข้อ 4ข-5 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ด้วยภูมิหลังนั้น เปาโลเจอกับคำถามร้อนแรงที่คงจะทรมานเขาตลอดการทำพันธกิจ คือ ‘พระสัญญาของพระเจ้าล้มเหลวไหม?’ คำตอบของเปาโลคือ ‘ไม่ ไม่ได้ล้มเหลว’ แล้วคำอธิบายคืออะไร?

คำตอบแรกของเขาคือการพูดว่า ‘พวกท่านเคยสังเกตไหมว่าพระเจ้าไม่เคยสัญญากับลูกหลานทั้งหมดของอับราฮัม’ จากนั้นเขาได้ให้ภาพ 2 ภาพ อันแรกคืออิสอัคเมื่อเทียบกับพี่ชาย (ข้อ 6-9) อันที่สองคือยาโคบต่อเอซาว (ข้อ 10-13) ในทั้ง 2 กรณี พระสัญญาถูกให้กับคนหนึ่ง ไม่ใช่อีกคน

แล้วเป็นธรรมหรือไม่? ‘นั่นเป็นพื้นที่ให้บ่นต่อว่าพระเจ้าว่าทรงไม่ยุติธรรมหรือ?’ (ข้อ 14ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำตอบของเปาโลคือถ้ามีใครพูดว่าพระเจ้าไม่ยุติธรรม นั่นแปลว่าพวกเขาไม่รู้จักพระองค์

หลักของการเลือกสรรคือขึ้นอยู่กับพระเมตตาของพระเจ้า ‘"เราเป็นผู้รับผิดชอบความเมตตา เราเป็นผู้รับผิดชอบความกรุณา” ความกรุณาไม่ได้เริ่มจากหัวใจของเราที่ไหลเป็นเลือดหรือหยาดเหงื่อ แต่จากพระเมตตาของพระเจ้า’ (ข้อ 15-16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำว่า ‘เมตตา’ และ ‘กรุณา’ ปรากฏมา 7 ครั้ง (ข้อ 14-18) คุณสามารถวางใจพระเจ้าเรื่องอนาคตของคุณและคนที่คุณรัก พระเจ้าทรงควบคุมอยู่สูงสุด มันคืออำนาจอธิปไตยของพระองค์

พระคัมภีร์ไม่ได้ให้ตอบคำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้นต่อ โดยพูดถึงทั้งความกรุณาและความยุติธรรมของพระเจ้า ทั้งสองเกี่ยวกับการเลือกสรรและอิสระในการเลือกของเรา อิสระในการเลือกของเราหมายความว่า เราต้องรับผิดชอบต่อการเลือกของเราเอง

บ่อยครั้งที่ความจริงในพระคริสตธรรมคัมภีร์ไม่ได้อยู่บนเสาหนึ่งหรือเสาอีกอัน หรืออยู่ระหว่างกลาง แต่บนเสาทั้ง 2 พร้อมกัน นี่ไม่เป็นปริศนาที่พระคริสตธรรมคัมภีร์เฉลยให้เรา ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่เราต้องสรุปพร้อมกับผู้เขียนสดุดี ‘ความรู้อย่างนี้อัศจรรย์เกินข้าพระองค์ สูงนักจนข้าพระองค์เอื้อมไม่ถึง’ (สดุดี 139:6) เราต้องยึดความจริงของการเลือกสรรและอิสระในการเลือกของเรานี้ไว้ตลอดเวลา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่พระองค์ทรงรักและมีเมตตา ทรงกริ้วช้าและอุดมด้วยความรัก ขอบคุณที่พระองค์สิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อเรา เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์วางใจพระองค์ เมื่อความเข้าใจของข้าพระองค์ล้มเหลว
พันธสัญญาเดิม

โฮเชยา 11:12-14:9

12เอฟราอิมได้กั้นล้อมเราไว้ด้วยการโกหก
 และพงศ์พันธุ์อิสราเอลล้อมเราด้วยเล่ห์ลวง
และยูดาห์ยังเถลไถลไปจากพระเจ้า
 และจากองค์บริสุทธิ์ผู้เที่ยงธรรม

โฮเชยา 12

1เอฟราอิมเลี้ยงตนด้วยลม
 และตามหาลมตะวันออกอยู่วันยังค่ำ
เขาทวีการโกหกและความรุนแรง
 เขาทำพันธสัญญากับอัสซีเรีย
และขนน้ำมันมะกอกไปให้อียิปต์
 ประวัติศาสตร์ยาวนานของการกบฏ
2พระยาห์เวห์ทรงมีคดีกับยูดาห์
 และจะลงโทษยาโคบตามการประพฤติของเขา
 และจะทรงตอบแทนเขาตามการกระทำของเขา
3ในครรภ์ของมารดา เขายึดส้นเท้าพี่ชาย
 และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ เขาก็สู้กับพระเจ้า
4เออ เขาสู้กับทูตสวรรค์และมีชัย
 เขาร้องไห้และขอความเมตตา
เขาพบพระเจ้าที่เบธเอล
 และพระองค์ตรัสกับเขาที่นั่น
5พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพ
 พระยาห์เวห์เป็นพระนามของพระองค์
6“แต่ส่วนเจ้า จงกลับมาหาพระเจ้าของเจ้า
 จงรักษาความเมตตาและความยุติธรรม
 และจงรอคอยพระเจ้าของเจ้าอยู่เสมอ”
7เขาเป็นพ่อค้า ในมือของเขามีตราชูขี้ฉ้อ
 เขารักที่จะกดขี่
8เอฟราอิมกล่าวว่า “แท้จริงข้าเป็นคนมั่งมี
 ข้าหาทรัพย์เพื่อตนเอง
แต่ทั้งหมดที่ข้าหาได้ พวกเขาจะไม่พบความผิด
 ที่เป็นบาป”
9เราเองคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
 ตั้งแต่ครั้งแผ่นดินอียิปต์
เราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในเต็นท์อีก
 เหมือนในสมัยที่มีเทศกาลเลี้ยง 10เราพูดกับบรรดาผู้เผยพระวจนะ
 และเราเองให้เกิดนิมิตมากขึ้น
 และให้อุปมาโดยทางผู้เผยพระวจนะ
11มีความชั่วในกิเลอาดจริง
 เขาทั้งหลายก็เป็นอนิจจัง
เขาเอาวัวผู้มาถวายบูชาในกิลกาล
 เออ แท่นบูชาของเขาก็จะเหมือนกองหิน
 อยู่บนรอยไถในท้องนา
12(ยาโคบหนีไปยังแผ่นดินอารัม  อิสราเอลทำงานเพื่อจะได้ภรรยาที่นั่น
 ท่านเลี้ยงแกะเพื่อให้ได้ภรรยา)
13พระยาห์เวห์ทรงนำคนอิสราเอลขึ้นมาจากอียิปต์ โดยผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง
 พระองค์ทรงรักษาเขาไว้โดยผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง
14เอฟราอิมทำให้พระองค์โทมนัสอย่างขมขื่น
 ดังนั้นพระองค์ทรงให้กรรมของการฆ่าคนติดอยู่กับเขา
 และองค์เจ้านายจะทรงตอบแทนการสบประมาทของเขา

โฮเชยา 14

คำวิงวอนอิสราเอลให้กลับมาหาพระเจ้า

1โอ อิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
 เจ้าสะดุดก็เพราะบาปผิดของเจ้า
2จงนำถ้อยคำมาด้วย
 และกลับมาหาพระยาห์เวห์
จงทูลพระองค์ว่า
 “ขอทรงอภัยบาปผิดทั้งสิ้น
ขอทรงรับสิ่งดี
 และข้าพระองค์ทั้งหลายจะถวายผลแห่งริมฝีปาก
3อัสซีเรียไม่อาจช่วยข้าพระองค์ทั้งหลาย
 ข้าพระองค์ทั้งหลายจะไม่ขี่ม้า
ข้าพระองค์ทั้งหลายจะไม่กล่าวอีกว่า ‘พระเจ้าของเราทั้งหลาย’
 แก่สิ่งที่มือของข้าพระองค์ได้สร้างขึ้น
เพราะว่าในพระองค์ ลูกกำพร้าพบพระเมตตา”
 ความมั่นใจในการอภัยบาป
4เราจะรักษาเขาให้หายจากการกลับสัตย์
 เราจะรักเขาด้วยความเต็มใจ
 เพราะว่าความกริ้วของเราหันไปจากเขาแล้ว
5เราจะเป็นเหมือนน้ำค้างแก่อิสราเอล
 เขาจะเบิกบานอย่างดอกลิลลี่
 เขาจะหยั่งรากเหมือนต้นไม้แห่งเลบานอน
6กิ่งก้านของเขาจะขยายออก
 เขาจะงามเหมือนมะกอก
 และจะมีกลิ่นหอมเหมือนเลบานอน
7เขาทั้งหลายจะกลับมาอยู่ใต้ร่มเงาของเรา
 เขาจะเจริญขึ้นเหมือนข้าว
จะออกดอกเหมือนเถาองุ่น
 และจะมีกลิ่นเหมือนเหล้าองุ่นแห่งเลบานอน
8เอฟราอิมเอ๋ย เราเกี่ยวข้องอะไรกับรูปเคารพเล่า?
 เราเองเป็นผู้ตอบและดูแลเจ้า
เราเป็นเหมือนต้นสนสามใบเขียวสด
 และผลของเจ้าก็ได้มาจากเรา
9ผู้ใดฉลาด ก็ให้เข้าใจสิ่งเหล่านี้เถิด
 ผู้ใดช่างสังเกต ก็ให้เขารู้
เพราะว่าพระมรรคาของพระยาห์เวห์ก็เที่ยงตรง
 ผู้ชอบธรรมเดินในทางนี้
 แต่ผู้ทรยศจะสะดุดในทางนี้

อรรถาธิบาย

หันหนีจากความบาป และหันกลับมาหาพระเจ้า

ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้ามีฤทธิ์ในการอภัยบาปของเรา รักษาบาดแผลของเรา และซ่อมแซมหัวใจที่บอบช้ำของเรา ไม่ใช่เพราะเราคู่ควรได้รับหรือทำอะไรเพื่อให้ได้มา พระองค์ทรงรักคุณด้วยความเต็มใจ (ข้อ 14:4) พระองค์ประสงค์จะเยียวยาความไม่เชื่อของเรา

พระเจ้าทรงเรียกเราให้หันจากบาป กลับมาสู่ความรักของพระองค์ ‘ดังนั้นจงหันกลับมาหาพระเจ้าของเจ้า ยึดมั่นในความรักและความเมตตา ในความชอบธรรมและความยุติธรรม และจงเฝ้ารอคอยพระเจ้าของเจ้าอยู่เสมอ!’ (ข้อ 12:6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ประโยคนี้ได้สรุปถ้อยคำของโฮเชยา

พระเจ้าทรงเรียกประชากรของพระองค์ให้กลับใจ (14:1-2) และทรงสัญญาว่า ‘เราจะรักษาความดื้อรั้นของเขา เราจะรักเขาอย่างมากมายไม่มีขอบเขต... เราจะเริ่มต้นใหม่... ทุกอย่างที่เจ้าต้องการนั้นอยู่ในเรา’ (ข้อ 4-8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความบาปของอิสราเอลไม่ได้แตกต่างจากความบาปในศตวรรษที่ 21 เลย เช่น มีการฉ้อโกงในเมืองหลวง ‘พวกนักธุรกิจร่วมกันโกงในการขายส่ง พวกเขารักที่จะโกงผู้คน!’ (ข้อ 12:7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ประชาชนนั้นแสวงหาความมั่นคงในการเงินของเขา ‘เอฟราอิมกล่าวว่า “แท้จริงข้าเป็นคนมั่งมี ข้าหาทรัพย์เพื่อตนเองแต่ทั้งหมดที่ข้าหาได้ พวกเขาจะไม่พบความผิดที่เป็นบาป”’ (ข้อ 8)

เมื่อพระเจ้าทรงอวยพรเราก็พึงพอใจ (ข้อ 13:6ก) เมื่อเราพึงพอใจเราก็หยิ่งผยอง (ข้อ 6ข) จากนั้นเราก็ลืมพระเจ้าไป (ข้อ 6ค) เราเห็นวัฏจักรนี้ในชนชาติของเราและในชีวิตของเราแต่ละคนเป็นการส่วนตัว

‘เราดูแลเจ้า เราดูแลทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับเจ้า
 ให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ
เจ้าถูกตามใจจนเคย เจ้าคิดว่าเจ้าไม่ต้องการเรา
 เจ้าได้หลงลืมเราไปเสียแล้ว’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ถึงแม้พวกเขาจะมีบาป พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะไถ่เขา ‘ควรที่เราจะไถ่เขาให้พ้นอำนาจแดนคนตายหรือ? ควรที่เราจะไถ่เขาให้พ้นความตายหรือ? โอ มัจจุราชเอ๋ย วิบัติของเจ้าอยู่ที่ไหน? โอ แดนคนตายเอ๋ย ความพินาศของเจ้าอยู่ที่ไหน’ (ข้อ 13:14; ดู 1 โครินธ์ 15:55 เพิ่มเติม) ผ่านทางพระเยซู ความตายได้สูญเสียอำนาจเหนือชีวิตของเรา เมื่อเรากลับมาหาพระเจ้า พระองค์ทรงสัญญาว่าเราจะเจริญและออกดอกและผลของเราได้มาจากพระองค์ (โฮเชยา 14:7,8)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดยกโทษความบาปของข้าพระองค์ โปรดรับข้าพระองค์ไว้อย่างเมตตา โปรดรักษาความดื้อรั้นของข้าพระองค์และรักข้าพระองค์อย่างเต็มใจ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ออกดอกเหมือนเถาองุ่น และเกิดผลด้วยเถิด

เพิ่มเติมโดยพิพพา

โฮเชยา 14:4

‘เราจะรักษาเขาให้หายจากการกลับสัตย์ เราจะรักเขาด้วยความเต็มใจ’ ผลของการถูกรักอย่างเต็มใจนั้นช่างอัศจรรย์ เมื่อเรามีประสบการณ์กับความรักนี้จากพระเจ้ามันจะเปลี่ยนแปลงหัวใจของเรา

ผ่านสิ่งนี้เอง พระเจ้าทรงรักษาความดื้อดึงของฉันไปได้มาก แต่ก็ยังมีอีกนิดที่ต้องจัดการ!

ข้อพระคำประจำวัน

โฮเชยา 14:4

‘เราจะรักษาเขาให้หายจากการกลับสัตย์ เราจะรักเขาด้วยความเต็มใจ…’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม