วัน 195

พระเจ้าแห่งโอกาสครั้งที่สอง

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 85:1-7
พันธสัญญาใหม่ โรม 2:1-16
พันธสัญญาเดิม โยนาห์ 1:1-4:11

เกริ่นนำ

มีคำกล่าวที่ว่า ‘คุณจะไม่ได้รับโอกาสครั้งที่สองจากความประทับใจครั้งแรก’ แต่โปรไฟล์ในโซเชียลมีเดีย ชุมชนออนไลน์และเกมเสมือนจริง เปิดโอกาสให้คนบางคนได้แสวงหาโอกาสครั้งที่สองในชีวิต

‘ชีวิตที่สอง’ เป็นโลกเสมือนจริง ผู้คนกว่ายี่สิบล้านคนได้สร้างตัวละคร ชีวิตที่สอง ซึ่งพวกเขาสามารถอยู่ในโลกใหม่นี้ได้ พวกเขากำลังมองหาโอกาสอีกครั้งในชีวิต

‘ชีวิตที่สอง’ อธิบายตัวมันเองว่าเป็นสถานที่ซึ่งมี ‘เพื่อเชื่อมต่อ... เพื่อเปลี่ยนตัวคุณเอง เพื่อเปลี่ยนความคิดของคุณ เพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของคุณ...ให้แตกต่าง’

โลกเสมือนจริงนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความปรารถนาของหลาย ๆ คนที่ต้องการจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทว่าในความเป็นจริง พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งโอกาสครั้งที่สองและครั้งที่สาม และอีกหลาย ๆ ครั้ง พระองค์ทรงให้โอกาสเรานับไม่ถ้วนที่จะหันกลับมาหาพระองค์และยินดีกับความรักของพระองค์อีกครั้ง พระเจ้าไม่เพียงแค่ให้ ‘ชีวิตที่สอง’ แก่เรา แต่พระองค์เสด็จมาหาเราและเปลี่ยนแปลงชีวิตจริงของเรา

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 85:1-7

คำอธิษฐานขอพระเจ้าทรงพระกรุณาต่ออิสราเอลอีก

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของตระกูลโคราห์

1ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงโปรดปรานแผ่นดินของพระองค์
 พระองค์ทรงให้ยาโคบกลับสู่สภาพดี
2พระองค์ทรงยกโทษประชากรของพระองค์
 พระองค์ทรงอภัยบาปทั้งสิ้นของพวกเขา
3พระองค์ทรงขจัดความเกรี้ยวกราดทั้งสิ้นของพระองค์
 พระองค์ทรงหันจากความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ 4ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้า   พระองค์ทั้งหลายให้กลับคืนอีก
 ขอทรงระงับโทสะที่ทรงมีต่อข้าพระองค์ทั้งหลาย
5พระองค์จะกริ้วข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นนิตย์หรือ?
 พระองค์จะทรงให้ความกริ้วของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์หรือ?
6พระองค์เองจะทรงฟื้นฟูข้าพระองค์ทั้งหลายมิใช่หรือ?
 เพื่อประชากรของพระองค์จะได้ยินดีในพระองค์
7ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสำแดงความรักมั่นคงของพระองค์แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย
 และขอประทานความรอดของพระองค์แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย

อรรถาธิบาย

เริ่มต้นใหม่

เช่นเดียวกับพวกเราหลายคน ผู้เขียนพระธรรมสดุดีต้องการโอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาร้องทูลพระเจ้าว่า ‘โปรดช่วยให้พวกเราเริ่มต้นใหม่’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าไม่ได้อ่อนแอ พระองค์เกลียดชังความบาป มีสิ่งที่เรียกว่าความกริ้วที่ชอบธรรม (ข้อ 5) นี่เป็นความรักด้านหนึ่งของพระเจ้า แต่ผู้เขียนพระธรรมสดุดีรู้ว่า ความโกรธอันชอบธรรมนี้ไม่ได้ขัดกับความรักที่มั่นคงของพระเจ้า และในสดุดีตอนนี้ เราเห็นทั้งสองฝ่ายอยู่เคียงกัน

พระเจ้าให้อภัย ‘พระองค์ยกเมฆแห่งความรู้สึกผิดออกจากประชากรของพระองค์ พระองค์ขจัดความบาปของพวกเขาให้พ้นสายตา ... พระองค์ทำให้ความโกรธที่ร้อนแรงและชอบธรรมของพระองค์บรรเทาลง’ (ข้อ 2–3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เมื่อคุณหันกลับมาหาพระเจ้า พระองค์จะฟื้นฟูและรื้อฟื้นชีวิตของคุณผ่าน ‘ความรักมั่นคง’ ของพระองค์ (ข้อ 7) ผู้เขียนพระธรรมสดุดีอธิษฐานว่า ‘ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้กลับคืนอีก...พระองค์เองจะทรงฟื้นฟูข้าพระองค์ทั้งหลายมิใช่หรือ?’ (ข้อ 4, 6)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ประทานโอกาสแก่ลูกหลายต่อหลายครั้ง โปรดฟื้นฟูและรื้อฟื้นลูกใหม่อีกครั้ง เพื่อลูกจะชื่นชมยินดีในพระองค์
พันธสัญญาใหม่

โรม 2:1-16

การพิพากษาอันยุติธรรมของพระเจ้า

 1เพราะฉะนั้น มนุษย์เอ๋ย ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร เมื่อท่านพิพากษาอีกคนหนึ่งนั้น ท่านไม่มีข้อแก้ตัวเลย เพราะเมื่อพิพากษาเขา ก็ได้ลงโทษตัวเองด้ว เพราะว่าท่านที่ตัดสินเขาก็ยังประพฤติอยู่อย่างเดียวกับเขา 2เรารู้ว่า การที่พระเจ้าทรงลงโทษคนที่ประพฤติเช่นนั้นก็สมควรจริงๆ 3มนุษย์เอ๋ย ท่านที่ตัดสินคนที่ประพฤติเช่นนั้น แต่ยังประพฤติเช่นเดียวกับเขา ท่านคิดว่าจะพ้นจากการลงโทษของพระเจ้าหรือ? 4หรือว่าท่านประมาทพระกรุณาอันอุดม ความอดกลั้นพระทัย และความอดทนของพระองค์ โดยไม่รู้หรือว่าพระกรุณาคุณของพระเจ้านั้น มุ่งจะชักนำท่านให้กลับใจใหม่? 5แต่เพราะท่านใจแข็งกระด้างไม่ยอมกลับใจ ท่านจึงสะสมโทษให้แก่ตัวเอง ในวันที่พระเจ้าทรงพระพิโรธ ซึ่งพระองค์จะทรงสำแดงการพิพากษาที่เที่ยงธรรมให้ประจักษ์ 6เพราะพระองค์จะประทานแก่ทุกคนตามควรแก่การกระทำของเขา7สำหรับคนที่พากเพียรทำความดี แสวงหาศักดิ์ศรี เกียรติ และความเป็นอมตะนั้น พระองค์จะประทานชีวิตนิรันดร์ให้ 8แต่พระองค์จะทรงพระพิโรธ และลงโทษคนที่มักเห็นแก่ตัวและไม่ประพฤติตามสัจจะ แต่ประพฤติชั่ว 9ความทุกขเวทนาจะเกิดแก่ทุกคนที่ประพฤติชั่ว แก่พวกยิวก่อนและแก่พวกกรีกด้วย 10แต่ศักดิ์ศรี เกียรติ และสันติสุข จะมีแก่ทุกคนที่ประพฤติดี แก่พวกยิวก่อนและแก่พวกกรีกด้วย 11เพราะว่าพระเจ้าไม่ทรงเห็นแก่หน้าใครเลย
 12พวกที่ไม่มีธรรมบัญญัติและทำบาป จะต้องพินาศโดยไม่อ้างธรรมบัญญัติ และพวกที่มีธรรมบัญญัติและทำบาป ก็จะต้องถูกพิพากษาตามธรรมบัญญัติ 13เพราะว่าคนที่เพียงแต่ฟังธรรมบัญญัติเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า คนที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติต่างหากที่พระเจ้าทรงทำให้เป็นผู้ชอบธรรม 14เมื่อคนต่างชาติซึ่งไม่มีธรรมบัญญัติได้ประพฤติตามธรรมบัญญัติโดยปกติวิสัย คนเหล่านั้นแม้ไม่มีธรรมบัญญัติก็เป็นธรรมบัญญัติให้ตัวเอง 15เขาแสดงให้เห็นว่าหลักความประพฤติที่เป็นตามธรรมบัญญัติหลักความประพฤติที่เป็นตามธรรมบัญญัตินั้น มีจารึกอยู่ในจิตใจของเขา และมโนธรรมก็เป็นพยานของเขาด้วย ความคิดขัดแย้งต่างๆ ของเขานั้นแหละจะกล่าวโทษตัวเขา หรืออาจจะแก้ตัวให้ก็ได้ 16ในวันที่พระเจ้าทรงพิพากษาความลับของมนุษย์โดยพระเยซูคริสต์ ทั้งนี้ตามข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น

อรรถาธิบาย

ชื่นชมยินดีกับการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างสิ้นเชิง

พระเจ้ารักคุณ พระองค์ต้องการให้ชีวิตของคุณพบสิ่งที่ดีที่สุด พระองค์ไม่ต้องการให้คุณทำให้ชีวิตของตัวเองยุ่งเหยิง ความบาปนำเราไปสู่ ‘ทางวนเวียนที่มืดมิด’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘พระเจ้าทรงใจดี แต่พระองค์ไม่ได้อ่อนแอ ด้วยความเมตตา พระองค์ทรงจับมือเราอย่างมั่นคงและนำเราไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างสิ้นเชิง’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลพูดถึง ‘พระพิโรธ’ ของพระเจ้า (ข้อ 5, 8) นี่คือพระพิโรธอันชอบธรรมของพระเจ้าต่อบาป แต่อาจารย์เปาโลไม่ได้เริ่มต้นด้วย ‘พระพิโรธ’ ของพระเจ้า ท่านเริ่มต้นด้วย ‘พระกรุณาอันอุดม ความอดกลั้นพระทัย และความอดทนของพระองค์’ (ข้อ 4) พระเจ้าคือความรัก พระพิโรธของพระองค์เป็นหนทางสุดท้าย สำหรับผู้ที่ ‘มักเห็นแก่ตัวและไม่ประพฤติตามสัจจะ แต่ประพฤติชั่ว’ (ข้อ 8)

พระเจ้ารักทุกคน พระองค์ ‘ไม่เห็นแก่หน้าใครเลย’ (ข้อ 11) พระองค์รักทั้งชาวยิวและคนต่างชาติเหมือนกัน พระเจ้าไม่ลำเอียง พระองค์เป็นผู้พิพากษาที่ชอบธรรม

เราทุกคนเคยทำบาปและไม่มีข้อแก้ตัว ‘ทุกครั้งที่ท่านวิพากษ์วิจารณ์ใครซักคน ท่านก็ได้ประณามตัวเอง มันต้องใช้เวลาหนึ่งที่จะรู้ การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นเป็นวิธีการที่รู้จักกันดีว่าเป็นการหลบหนีจากการถูกตรวจพบอาชญากรรมและความผิดทางอาญาของตัวท่านเอง’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

มันง่ายมากที่จะตัดสินคนอื่นในสิ่งที่เรากลับทำเสียเอง เรามักจะมองตัวเองโดยเข้าข้างตัวเอง และมองผู้อื่นโดยจับผิดพวกเขา จิตใจที่ช่างตัดสินมักจะมุ่งเน้นไปที่ข้อผิดพลาดของผู้อื่นมากกว่าข้อดีของพวกเขา

พระธรรมห้าเล่มแรกในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมก่อตั้งความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับประชากรของพระองค์และให้คำสั่งสอนเกี่ยวกับวิธีดำเนินชีวิต แต่ ‘การเพียงแต่ฟังกฎเกณฑ์ของพระเจ้าก็เป็นการเสียเวลาถ้าท่านไม่ทำตามที่พระองค์บัญชา’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ดังนั้นเราทุกคนจะถูกตัดสินจากสิ่งที่เรารู้ สำหรับบางคน นั่นจะเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้า สำหรับบางคน อาจจะเป็นจิตสำนึกของพวกเขาเอง ‘บางสิ่งที่อยู่ลึกในจิตใจของพวกเขาซึ่งร้องเรียกสิ่งที่ใช่และไม่ใช่ของพระเจ้า สิ่งที่ถูกและผิด’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เราทุกคนต้องกลับใจ พระเมตตาของพระเจ้ามีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเราไปสู่การกลับใจ ทันทีที่คุณกลับใจและหันมาหาพระเจ้า คุณจะได้รับโอกาสอีกครั้งซึ่งเป็นชีวิตใหม่ การกลับใจไม่ใช่แค่การหันหนีจากบาป แต่เป็นการหันเข้าหาพระเจ้า

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดอภัยให้ข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ตัดสินผู้อื่น ขอบพระคุณที่ทุกวัน คือ โอกาสในการเริ่มต้นใหม่ โอกาสอีกครั้งหนึ่ง
พันธสัญญาเดิม

โยนาห์ 1:1-4:11

โยนาห์พยายามหลบหนีพระเจ้า

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงโยนาห์ บุตรอามิททัยว่า 2“จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และร้องกล่าวโทษชาวเมืองนั้น เพราะความชั่วของเขาทั้งหลายได้ขึ้นมาอยู่ต่อหน้าเราแล้ว” 3แต่โยนาห์ได้ลุกขึ้นหนีไปยังเมืองทารชิชอยู่ไกลจากเมืองนีนะเวห์มากในทิศทางตรงกันข้ามจากพระพักตร์พระยาห์เวห์ ท่านได้ลงไปยังเมืองยัฟฟา และพบเรือกำปั่นเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งลำหนึ่งกำลังไปเมืองทารชิช ดังนั้นท่านจึงชำระค่าโดยสาร และลงเรือเดินทางร่วมกับเขาทั้งหลายไปยังเมืองทารชิช ให้พ้นจากพระพักตร์พระยาห์เวห์
 4แต่พระยาห์เวห์ทรงให้เกิดลมใหญ่ขึ้นเหนือทะเล จึงเกิดพายุใหญ่ในทะเลนั้น จนเรือกำปั่นจะอับปาง 5แล้วบรรดาลูกเรือก็กลัว ต่างก็ร้องขอต่อพระของตน และโยนสินค้าในเรือกำปั่นลงในทะเล เพื่อให้เรือเบาขึ้น แต่โยนาห์ได้ลงไปนอนหลับสนิทอยู่ในท้องเรือ 6นายเรือจึงมาหาท่านและพูดกับท่านว่า “เจ้าหลับทำไม? อะไรกันนี่? ลุกขึ้นซิ จงร้องขอต่อพระของเจ้า บางทีพระนั้นจะทรงระลึกถึงพวกเราบ้าง เพื่อเราจะไม่พินาศ”
 7เขาทั้งหลายก็พูดกันว่า “มาเถอะ ให้เราจับฉลากกัน เพื่อเราจะรู้ว่า ใครเป็นต้นเหตุให้ภัยนี้เกิดขึ้นกับเรา” ดังนั้นเขาก็จับฉลาก ฉลากนั้นตกที่โยนาห์ 8พวกเขาจึงพูดกับท่านว่า “จงบอกเรามาเถิดว่า ภัยซึ่งเกิดขึ้นแก่เรานี้ ใครเป็นต้นเหตุ? เจ้ามีอาชีพอะไร? และเจ้ามาจากไหน? ประเทศของเจ้าชื่ออะไร? เจ้าเป็นคนชาติไหน?” 9แล้วท่านตอบพวกเขาว่า “ข้าเป็นคนฮีบรู และข้าเกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดินแห้ง” 10คนเหล่านั้นก็กลัวกันใหญ่ จึงพูดกับท่านว่า “เจ้าทำอะไรอย่างนี้?” เพราะคนเหล่านั้นทราบแล้วว่า ท่านกำลังหลบหนีจากพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะท่านบอกกับพวกเขาอย่างนั้น
 11พวกเขาจึงพูดกับท่านว่า “เราควรจะทำอย่างไรแก่เจ้า เพื่อทะเลจะได้สงบลงเพื่อเรา?” เพราะทะเลยิ่งกำเริบมากขึ้นทุกที 12ท่านจึงตอบเขาทั้งหลายว่า “จงจับข้าโยนลงทะเลก็แล้วกัน ทะเลก็จะสงบลงเพื่อพวกท่าน เพราะข้ารู้ว่า พายุใหญ่นี้เกิดขึ้นกับพวกท่าน ก็เพราะตัวข้าเอง” 13อย่างไรก็ตาม พวกลูกเรือก็ช่วยกันตีกรรเชียงอย่างแข็งขันเพื่อจะนำเรือกลับเข้าฝั่ง แต่ทำไม่ได้ เพราะทะเลยิ่งกำเริบมากขึ้น ต้านพวกเขาไว้ 14ดังนั้น พวกเขาจึงร้องทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอวิงวอนต่อพระองค์ ขออย่าให้พวกข้าพระองค์พินาศ เพราะชีวิตของชายผู้นี้เลย ขออย่าให้โทษของการทำให้โลหิตที่ไร้ความผิดตกมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทรงทำสิ่งที่พระองค์พอพระทัย” 15พวกเขาจึงจับโยนาห์โยนลงทะเล แล้วทะเลก็เงียบสงบจากความรุนแรง 16คนเหล่านั้นก็เกรงกลัวพระยาห์เวห์ยิ่งนัก พวกเขาจึงได้ถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์และได้บนบานไว้ 17และพระยาห์เวห์ทรงกำหนดให้ปลามหึมาตัวหนึ่งกลืนโยนาห์เข้าไป โยนาห์ก็อยู่ในท้องปลานั้นสามวันสามคืน

โยนาห์ 2

บทเพลงขอบพระคุณพระเจ้า

 1แล้วโยนาห์ก็อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จากภายในท้องปลานั้นว่า
2“ข้าพระองค์ร้องทูลพระยาห์เวห์ในยามยากลำบาก
 และพระองค์ทรงตอบข้าพระองค์
ข้าพระองค์ร้องทูลจากท้องของแดนคนตาย
 และพระองค์ทรงฟังเสียงข้าพระองค์
3เพราะพระองค์ทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ลงไปในที่ลึก
 ในก้นบึ้งแห่งทะเล
และน้ำก็ท่วมล้อมรอบข้าพระองค์ไว้
 บรรดาคลื่นเล็กและใหญ่ของพระองค์
 ท่วมข้าพระองค์แล้ว
4ข้าพระองค์จึงทูลว่า ‘ข้าพระองค์ถูกไล่ให้พ้นจากพระเนตรของพระองค์
 ข้าพระองค์จะเงยหน้าดู
 พระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์อีกได้อย่างไร?
5น้ำก็ท่วมมิดตัวข้าพระองค์
 ที่ลึกก็อยู่รอบตัวข้าพระองค์
 สาหร่ายทะเลก็พันศีรษะข้าพระองค์อยู่
6ที่รากแห่งภูเขาทั้งหลาย
 ข้าพระองค์ลงไปยังแผ่นดิน
ซึ่งกลอนประตูปิดกั้นข้าพระองค์ไว้เป็นนิตย์
 แต่กระนั้นก็ดี ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์
 พระองค์ยังทรงนำชีวิตของข้าพระองค์ขึ้นมาจากหลุมมรณะ
7เมื่อชีวิตของข้าพระองค์กำลังจะหลุดลอย
 ข้าพระองค์ระลึกถึงพระยาห์เวห์
และคำอธิษฐานของข้าพระองค์มาถึงพระองค์
 เข้าสู่พระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์
8คนที่กราบไหว้รูปเคารพไร้สาระ
ย่อมละทิ้งความจงรักภักดีของพวกเขาเสีย
9แต่ข้าพระองค์จะถวายสัตวบูชาแด่พระองค์
 พร้อมด้วยเสียงขอบพระคุณ
ข้าพระองค์บนไว้อย่างไร ข้าพระองค์จะแก้บนอย่างนั้น
 ความรอดนั้นมาจากพระยาห์เวห์”
10แล้วพระยาห์เวห์ตรัสสั่งปลานั้น มันก็สำรอกโยนาห์ออกไว้บนแผ่นดินแห้ง

โยนาห์ 3

คนนีนะเวห์กลับใจ

 1แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงโยนาห์เป็นครั้งที่สองว่า 2“จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และจงประกาศข่าวแก่เมืองนั้นตามที่เราบอกเจ้า” 3ดังนั้น โยนาห์จึงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ นีนะเวห์เป็นนครใหญ่โตมโหฬารมโหฬาร ถ้าจะเดินข้ามเมืองก็กินเวลาสามวัน 4โยนาห์ตั้งต้นเดินเข้าไปในเมืองได้ระยะทางเดินวันหนึ่ง และท่านก็ร้องประกาศว่า “อีกสี่สิบวัน นีนะเวห์จะถูกทำลาย” 5คนนีนะเวห์ได้เชื่อพระเจ้า พวกเขาได้ประกาศให้อดอาหาร และได้สวมผ้ากระสอบ ตั้งแต่ผู้ใหญ่ที่สุดจนถึงผู้น้อยที่สุด
 6เมื่อข่าวนี้ลือไปถึงกษัตริย์แห่งนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพระที่นั่ง และเปลื้องฉลองพระองค์ออก แล้วทรงสวมผ้ากระสอบแทน และประทับบนกองขี้เถ้า 7พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกา ประกาศไปทั่วนครนีนะเวห์ว่า “โดยอำนาจกษัตริย์และขุนนางทั้งหลาย คนหรือสัตว์เลี้ยงไม่ว่าขนาดใหญ่หรือขนาดกลางแปลได้อีกว่า ไม่ว่าวัวควายหรือแพะแกะ อย่าลิ้มรสสิ่งใด อย่ากินอาหาร และอย่าดื่มน้ำ 8ให้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงนุ่งห่มผ้ากระสอบ ให้ร้องทูลต่อพระเจ้าอย่างจริงจัง เออ ให้ทุกคนหันกลับจากการประพฤติชั่ว และเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ 9ใครจะรู้ได้? พระเจ้าอาจจะทรงหันและเปลี่ยนพระทัย พระองค์อาจจะทรงหันจากพระพิโรธอันรุนแรง เพื่อเราจะไม่พินาศ”
 10เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของพวกเขาที่ได้หันจากการประพฤติชั่ว พระเจ้าก็เปลี่ยนพระทัยเรื่องความหายนะที่พระองค์ตรัสว่าจะนำมาสู่พวกเขา พระองค์ไม่ทรงลงโทษเขา

โยนาห์ 4

โยนาห์ไม่พอใจ

 1แต่เหตุการณ์นี้ไม่เป็นที่พอใจโยนาห์อย่างยิ่ง และท่านโกรธ 2ท่านจึงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อข้าพระองค์ยังอยู่ในประเทศของข้าพระองค์ ข้าพระองค์พูดแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ? นี่เป็นเหตุให้ข้าพระองค์รีบหนีไปเมืองทารชิช เพราะข้าพระองค์ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณ และพระกรุณา กริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และเปลี่ยนพระทัยไม่ลงโทษ 3ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะฉะนั้น เวลานี้ ขอพระองค์ทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเสีย เพราะว่าข้าพระองค์ตายเสียก็ดีกว่าอยู่” 4และพระยาห์เวห์ตรัสว่า “การที่เจ้าโกรธเช่นนี้ดีแล้วหรือ?” 5แล้วโยนาห์ก็ออกไปนอกเมือง นั่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองนั้น และท่านทำเพิงไว้สำหรับตัวท่านเองที่นั่น ท่านนั่งอยู่ใต้ร่มเพิงคอยดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเมืองนั้น
 6และพระยาห์เวห์พระเจ้าทรงกำหนดให้ต้นละหุ่งต้นหนึ่งงอกขึ้นมาเหนือโยนาห์ ให้เป็นที่กำบังศีรษะของท่าน เพื่อบรรเทาความร้อนรุ่ม ดังนั้นโยนาห์จึงมีความยินดีอย่างยิ่งเรื่องต้นละหุ่งนั้น 7แต่ในเช้าวันรุ่งขึ้น พระเจ้าทรงกำหนดให้หนอนตัวหนึ่งมากัดกินต้นละหุ่งต้นนั้น จนมันเหี่ยวไป 8เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว พระเจ้าทรงกำหนดให้ลมตะวันออกที่ร้อนผากพัดมา และแสงแดดก็แผดลงบนศีรษะของโยนาห์จนท่านอ่อนเพลียไป และท่านก็ทูลขอว่า ให้ท่านตายเสียเถิด ท่านว่า “ข้าตายเสียก็ดีกว่าอยู่”

โยนาห์ถูกตำหนิ

 9แต่พระเจ้าตรัสกับโยนาห์ว่า “ที่เจ้าโกรธเพราะต้นละหุ่งนั้นดีแล้วหรือ?” ท่านทูลว่า “ที่ข้าพระองค์โกรธถึงอยากตายนี้ดีแล้ว พระเจ้าข้า” 10และพระยาห์เวห์ตรัสว่า “เจ้าหวงต้นไม้ซึ่งเจ้าไม่ได้ลงแรงปลูกและไม่ได้ทำให้มันเจริญ มันงอกเจริญขึ้นในคืนเดียว แล้วก็ตายไปในคืนเดียว 11ไม่สมควรหรือที่เราจะห่วงใยนีนะเวห์นครใหญ่นั้น ซึ่งมีพลเมืองมากกว่า 120,000 คน ผู้ไม่ทราบว่าข้างไหนมือขวาข้างไหนมือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากด้วย”

อรรถาธิบาย

ฉวยโอกาสครั้งที่สอง

โยนาห์แตกต่างจากผู้เผยพระวจนะคนอื่น ๆ ตามที่ยูจีน ปีเตอร์สันเขียนไว้ว่า ‘เราเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่สูงส่งและแข็งแกร่ง เขาไม่ได้ทำอะไรที่ยอดเยี่ยม’

พระธรรมเล่มนี้เริ่มต้นด้วยการที่โยนาห์ไม่เชื่อฟังพระเจ้าและจบลงด้วยการบ่นถึงสิ่งที่พระเจ้าได้กระทำ เขาเป็นคนที่ทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง พระเจ้าทำงานภายในและรอบ ๆ จุดอ่อนของโยนาห์เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของพระองค์

แต่ละบทที่สั้น ๆ ทั้งสี่บทในพระธรรมเล่มนี้ได้บอกเราบางอย่างที่เกี่ยวกับความรักของพระเจ้า:

  1. ความรักของพระเจ้าจะไม่มีวันปล่อยคุณไป (บทที่ 1)
    คุณไม่สามารถหนีจากพระเจ้าหรือการทรงเรียกของพระองค์ได้สำเร็จ โยนาห์เป็นนักเทศน์ที่มีชื่อเสียง (2 พงศ์กษัตริย์ 14:25) เขาได้รับคำสั่งให้ไปที่เมืองนีนะเวห์ (โยนาห์ 1:2) แต่เขากลับหนีไปที่เมืองทารชิช ซึ่งปัจจุบันคือเมืองคอสตา บราวา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสเปน (แต่โยนาห์ไม่ได้อยู่ที่นั่นในช่วงวันหยุด!)

คุณสามารถวิ่งหนีจากพระเจ้าได้ แต่คุณไม่สามารถหลบซ่อนได้ โยนาห์จบลงด้วยความยุ่งเหยิง เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่เราจะคิดไปเองว่า การไม่เชื่อฟังของเราจะไม่ส่งผลกระทบต่อใครนอกจากตัวเรา แต่ในเรื่องราวตอนนี้แสดงให้เห็นว่า การไม่เชื่อฟังของเรามีผลกับคนอื่นด้วย

ในบางครั้งพายุที่เราเผชิญในชีวิตเป็นผลมาจากการไม่เชื่อฟังของเราเอง พายุโหมกระหน่ำและโยนาห์รู้ว่ามันเป็นความผิดของเขา เขาพร้อมที่จะตายและต้องการจะถูกโยนลงในทะเล แต่ ‘พระยาห์เวห์ทรงกำหนดให้ปลามหึมาตัวหนึ่ง’ (ข้อ 17) ความรักของพระเจ้าไม่ยอมปล่อยเขาไป

  1. ความรักของพระเจ้าสามารถไปถึงคุณได้ไม่ว่าคุณจะล้มลงไปไกลแค่ไหน (บทที่ 2)
    ไม่ว่าสถานการณ์ของคุณจะดูสิ้นหวังหรือไร้หนทางเพียงใด แต่นั่นก็ไม่เคยสายเกินไป เมื่อเขาอยู่ในที่ลึกที่สุดในท้องปลา โยนาห์ได้อธิษฐานว่า ‘ข้าพระองค์ร้องทูลพระยาห์เวห์ในยามยากลำบากและพระองค์ทรงฟังเสียงข้าพระองค์' (2:2)

เขารับรู้ถึงสิ่งที่เราพลาดไปเมื่อเราไม่ทำตามพระเจ้า ‘คนที่กราบไหว้รูปเคารพไร้สาระ ย่อมละทิ้งความจงรักภักดีของพวกเขาเสีย’ (ข้อ 8) เป็นเรื่องง่ายมากที่จะวางใจในสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้า เรามักจะไว้วางใจใน ‘รูปเคารพ’ ที่เป็นเงินทอง ความสำเร็จ ชื่อเสียง หรือเรื่องเพศ สิ่งใดที่นำคุณออกจากพระเจ้า สิ่งนั้นจะขัดขวางไม่ให้คุณรับพระคุณที่สามารถเป็นของคุณได้

ไม่มีสถานการณ์ใดที่พระเจ้าไม่สามารถช่วยคุณได้ หากคุณร้องทูลต่อพระองค์

  1. ความรักของพระเจ้าหมายความว่าคุณได้รับโอกาสอีกครั้ง (บทที่ 3)
    พระเจ้ายืนกรานที่จะให้โอกาสครั้งที่สองแก่โยนาห์ และเมื่อโยนาห์รับโอกาสนั้น ผลที่ได้คือผลกระทบชั่วนิรันดร์ต่อชีวิตของผู้คนมากมาย

แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงโยนาห์เป็นครั้งที่สองว่า ‘จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และจงประกาศข่าวแก่เมืองนั้นตามที่เราบอกเจ้า’ (3:2) ในครั้งแรกเขาทำพลาด ในครั้งที่สองพระเจ้าทรงใช้เขาด้วยฤทธิ์เดช

พระเจ้าไม่เพียงให้โอกาสครั้งที่สองแก่โยนาห์เท่านั้น พระองค์ยังประทานโอกาสครั้งที่สองให้กับเมืองนีนะเวห์ด้วย

นีนะเวห์เป็นเมืองใหญ่ (1:2; 3:2) มีผู้คนมากกว่า 120,000 คน (4:11) ด้วยข้อความของโยนาห์ ผู้คนได้กลับใจ พวกเขาได้เชื่อ (3:5) กษัตริย์ได้เชื่อ (ข้อ 7–9) การฟื้นฟูเกิดขึ้นจากการเทศนาของคน ๆ เดียว ผู้คนหลายพันคนได้รับความรอด (ข้อ 10)

4.ความรักของพระเจ้าแผ่ขยายไปยังการทรงสร้างทั้งหมดของพระองค์ (บทที่ 4)
พระเจ้ารักทุกคนและต้องการสำแดงพระเมตตาต่อทุกคน ทุกเมือง และทุกประเทศในโลกนี้

หลังจากประสบความสำเร็จจากการประกาศครั้งใหญ่ โยนาห์ก็ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าอีกครั้งหนึ่ง เขาโกรธพระเจ้า (4:1) โยนาห์โกรธอย่างรวดเร็ว ต่างจากพระเจ้าผู้ทรง 'มีพระคุณและความเมตตาอย่างยิ่ง ไม่โกรธง่าย ทรงเปี่ยมด้วยความรัก และพร้อมที่จะเปลี่ยนแผนการลงโทษท่าน ให้เป็นแผนงานแห่งการให้อภัย!’ (ข้อ 2 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เราเห็นแล้วว่าเหตุใดโยนาห์จึงหนีไปตั้งแต่แรก เขาโกรธที่พวกเขาสำนึกผิดแล้ว ชาวนีนะเวห์เป็นผู้กดขี่ที่โหดร้าย พวกเขาเป็นพวกใช้เวทมนตร์คาถา ชอบทรมานผู้อื่น โลภมาก และค้าประเวณี ถึงกระนั้น พวกเขากลับใจและพระเจ้าให้อภัยพวกเขา แม้กระทั่งในทุกวันนี้ บางคนอาจพบว่าเป็นสิ่งที่ยากเมื่อคนชั่วกลับใจใหม่และพระเจ้าให้อภัยแก่พวกเขา

พระเจ้ามอบสื่อที่ช่วยให้มองเห็นภาพให้กับโยนาห์ พระองค์ประทานต้นไม้ที่ให้ร่มเงาแก่เขา แล้วเขาก็ตื่นเต้นดีใจ แล้วจากนั้นพระเจ้าก็ทำลายต้นไม้นั้นเสีย (ข้อ 7) แต่พระเจ้าได้ทรงชี้ให้เห็นถึง ความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่มีต่อสิ่งสร้างทั้งหมดของพระองค์ (ไม่เหมือนกับความคิดกังวลของโยนาห์ ซึ่งค่อนข้างคับแคบและเห็นแก่ตัว ข้อ 10-11)

คุณลักษณะอันน่าอัศจรรย์ประการหนึ่งของพระเจ้า คือ ความเมตตา ความเมตตาหมายถึงความใจดีและดีต่อคนที่ไม่สมควรได้รับ พระเจ้าได้แสดงความเมตตาต่อคุณและผมผ่านทางพระเยซูคริสต์ และพระเมตตาของพระองค์ไม่เคยหมดไป

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณสำหรับความรักอันยิ่งใหญ่ ขอบพระคุณที่แม้ว่าข้าพระองค์จะทำพลาดไป พระองค์ก็ประทานโอกาสให้ข้าพระองค์อีกครั้ง โปรดช่วยข้าพระองค์ให้นำข่าวดีเรื่องความรักของพระองค์ไปสู่ผู้อื่น เพื่อพวกเขาจะได้หันกลับมาหาความรักของพระองค์ด้วยเช่นกัน

เพิ่มเติมโดยพิพพา

โยนาห์ 1:1–4:11

โยนาห์กังวลเรื่องภาพลักษณ์ตัวเองมากกว่าช่วยชีวิตคนหลายพันคน สิ่งสำคัญคือสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่ว่าเราดูเป็นอย่างไร

ข้อพระคำประจำวัน

โรม 2:4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล

‘พระเจ้าทรงพระกรุณา’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม