วัน 176

พลังแห่งการอธิษฐาน

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 15:21-30
พันธสัญญาใหม่ กิจการอัครทูต 16:16-40
พันธสัญญาเดิม 1 พงศ์กษัตริย์ 14:21-16:7

เกริ่นนำ

ห้าปีก่อน อาร์คบิชอป จัสติน เวลบี้ และพีท เกร็ก (ผู้ก่อตั้งกลุ่มอธิษฐาน 24-7) ได้ริเริ่มโครงการเรียกคริสเตียนหลายแสนคนจากหลายคริสตจักรและคณะนิกายมา เพื่อเป็นคลื่นใหญ่ในการอธิษฐานเพื่อการประกาศในประเทศระหว่างสัปดาห์ก่อนวันอาทิตย์ที่เป็นวันเพ็นเทคอสต์ ในช่วงหลายปีก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 มีปิดท้ายสัปดาห์นั้นด้วยการจัดงานเพื่อเตือนใจในมหาวิหารและคริสตจักรทั่วโลกที่คับคั่งไปด้วยผู้คนในช่วงสุดสัปดาห์วันเพ็นเทคอสต์ จัสติน เวลบี้ อาร์คบิชอปแห่งแคนเทอเบอรี่ จะขอให้ผู้คนอธิษฐานเผื่อสามสิ่ง: ‘คือที่คริสเตียนทุกคนพบชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์…คือที่ทุกคนที่คุณพบ…ได้เห็นบางสิ่งเรื่องพระเยซู…ให้คริสตจักรไหลล้นด้วยความเป็นจริงเรื่องการทรงสถิตของพระเยซู’

พีท เกร็ก ได้อธิบายว่า นี่เป็นเหมือน ‘พื้นดิน: การเคลื่อนไหวจากระดับรากหญ้าขึ้นไป’ เขากล่าวว่า เขาเคยถูกเคลื่อนใจอย่างมากเมื่อได้ยินเด็กชายคนหนึ่งอธิษฐานเผื่อเพื่อน ๆ ห้าคน จากนั้น สามคนได้กลายเป็นคริสเตียน!

คำอธิษฐานเป็นการหล่อเลี้ยงฝ่ายวิญญาณ เหมือนกับร่างกายต้องการอาหารทางกายภาพ จิตวิญญาณก็ต้องการอาหารฝ่ายวิญญาณ คำอธิษฐานเปลี่ยนแปลงเรา อย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์ก็ไปไกลยิ่งกว่านั้น คำอธิษฐานนั้นทรงพลัง มันทรงพลัง ดังที่ชาร์ลส แฮดดอน สเปอร์เจียนว่าไว้ ‘เส้นประสาทที่เรียวเล็กเป็นสิ่งที่เคลื่อนกล้ามเนื้ออันทรงมหิทธิฤทธิ์’ การอธิษฐานเป็นพลังที่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ คนอื่น ๆ และแม้แต่เรื่องราวในประวัติศาสตร์

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 15:21-30

21ความโง่เป็นความยินดีแก่ผู้ที่ขาดสามัญสำนึก
 แต่คนที่มีความเข้าใจจะดำเนินในทางซื่อตรง
22ปราศจากการปรึกษาหารือ แผนงานก็ล้มเหลว
 แต่เมื่อมีผู้แนะนำจำนวนมาก แผนงานนั้นก็สำเร็จ
23คนที่มีคำตอบเหมาะๆ ในปากย่อมยินดี
 คำเดียวที่ถูกกาลเทศะก็ดีจริงๆ
24วิถีแห่งชีวิตนำคนฉลาดขึ้นเบื้องบน
 เพื่อเขาจะได้หลีกหนีจากแดนคนตายเบื้องล่าง
25พระยาห์เวห์ทรงรื้อถอนบ้านของคนเย่อหยิ่ง
 แต่ทรงให้อาณาเขตของหญิงม่ายคงอยู่เหมือนเดิม
26พระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังความคิดของคนชั่ว
 แต่ถ้อยคำแช่มชื่นนั้นบริสุทธิ์
27คนที่ตะกละหากำไรก็ทำให้ครอบครัวของตนลำบาก
 แต่คนที่เกลียดสินบนจะมีชีวิตอยู่
28ใจของคนชอบธรรมรำพึงว่าจะตอบอย่างไร
 แต่ปากของคนอธรรมเทสิ่งชั่วร้ายออกมา
29พระยาห์เวห์ทรงอยู่ห่างไกลจากคนอธรรม
 แต่ทรงได้ยินคำอธิษฐานของคนชอบธรรม
30ความสว่างของตาทำให้ใจเปรมปรีดิ์
 และข่าวดีทำให้ร่างกายสดชื่น

อรรถาธิบาย

คำอธิษฐานเปลี่ยนแปลงสถานการณ์

พระเจ้า ‘ทรงอยู่ใกล้กับคำอธิษฐานโดยคนที่ชอบธรรมของพระเจ้า’ (ข้อ 29, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำอธิษฐานของคุณสามารถสร้างความแตกต่างต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ห่างไกลจากคนอธรรม แต่ทรงได้ยินคำอธิษฐานของคนชอบธรรม’ (ข้อ 29) ตามที่ผู้เขียนสุภาษิตว่าไว้ คนชอบธรรมหมายถึง การดำเนิน ‘ในทางซื่อตรง’ (ข้อ 21) การรับฟังคำแนะนำ (ข้อ 22) และรักษาความบริสุทธิ์ในความคิด (ข้อ 26) นี่หมายถึงการตอบสนองต่อผู้คนด้วย ‘คำตอบจากการอธิษฐาน’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผ่านทางพระเยซู ทุกคนที่เชื่อก็ ‘ชอบธรรม’ (โรม 3:22) ดังนั้น พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของคุณ

การอธิษฐาน และการวางแผนอย่างระมัดระวัง ไม่ได้ต่อต้านกันและกัน เช่นเดียวกับการพูดกับพระเจ้า เป็นเรื่องฉลาดที่จะรับคำแนะนำจากคนอื่น ๆ ‘ปราศจากการปรึกษาหารือ แผนงานก็ล้มเหลว แต่เมื่อมีผู้แนะนำจำนวนมาก แผนงานนั้นก็สำเร็จ’ (ข้อ 22)

คุณจะนำพระพรไปทุกที่ที่คุณไป ‘ความสว่างของตา (ของผู้ที่หัวใจของเขาชื่นบาน) ทำให้ใจเปรมปรีดิ์และข่าวดีบำรุงเลี้ยงกระดูก’ (ข้อ 30, Amplified bible โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับหลายครั้งที่พระองค์ทรงฟังและตอบคำอธิษฐาน ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์ขออธิษฐานว่า…
พันธสัญญาใหม่

กิจการอัครทูต 16:16-40

เปาโลและสิลาสในคุก

 16เมื่อเรากำลังออกไปยังที่สำหรับอธิษฐาน มีทาสสาวคนหนึ่งที่มีผีหมอดูเข้าสิงมาพบกับเรา (นางหาเงินให้กับเจ้านายทั้งหลายของนางได้เป็นจำนวนมากด้วยวิธีการทำนายทายทัก) 17นางเดินตามเปาโลกับเราไป ร้องว่า “คนเหล่านี้เป็นทาสของพระเจ้าสูงสุด มากล่าวประกาศทางรอดกับพวกท่าน” 18และนางทำแบบนี้อยู่หลายวัน แต่เปาโลรำคาญใจ หันมาสั่งผีนั้นว่า “ในพระนามของพระเยซูคริสต์ จงออกมาจากตัวเขา” ผีนั้นก็ออกทันที 19ส่วนพวกเจ้านายของนางเมื่อเห็นว่าหมดหวังจะได้เงินแล้ว พวกเขาจึงจับเปาโลและสิลาสลากมาหาพวกเจ้าพนักงานยังที่ว่าการเมือง 20เมื่อนำตัวมาถึงพวกผู้ว่าการเมืองแล้วจึงกล่าวว่า “คนเหล่านี้เป็นพวกยิว ก่อการวุ่นวายมากในเมืองของเรา 21และสั่งสอนธรรมเนียมซึ่งเราชาวโรมันไม่ควรจะรับหรือถือเลย” 22ฝูงชนก็ฮือขึ้นเล่นงานเปาโลและสิลาส พวกผู้ว่าการเมืองสั่งให้กระชากเสื้อแปลได้อีกว่า พวกผู้ว่าการเมืองได้กระชากเสื้อของท่านทั้งสองออกและเฆี่ยนด้วยไม้ 23เมื่อเฆี่ยนไปหลายทีแล้วจึงให้ขังไว้ในคุก และกำชับนายคุกให้ดูแลอย่างเข้มงวด 24เมื่อนายคุกรับคำสั่ง จึงพาเปาโลกับสิลาสไปขังยังห้องชั้นใน เอาเท้าใส่ขื่อแน่นหนา
 25แต่ในเวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะเปาโลกับสิลาสกำลังอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าและนักโทษทั้งหลายในคุกกำลังฟังอยู่ 26ทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจนรากคุกสะเทือนสะท้านและประตูคุกเปิดหมดทุกบาน เครื่องจำจองก็หลุดจากพวกเขาทุกคน 27เมื่อนายคุกตื่นขึ้นเห็นประตูคุกเปิดอยู่ คิดว่าพวกนักโทษหนีไปหมดแล้ว จึงชักดาบออกมาเพื่อฆ่าตัวตาย 28แต่เปาโลร้องเสียงดังว่า “อย่าทำร้ายตัวเองเลย เพราะเรายังอยู่ที่นี่กันทุกคน” 29นายคุกจึงสั่งให้จุดไฟมา แล้ววิ่งไปหมอบกราบตัวสั่นต่อหน้าเปาโลกับสิลาส 30แล้วพาท่านทั้งสองออกมากล่าวว่า “ข้าแต่ท่าน ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับความรอด?” 31เปาโลกับสิลาสจึงกล่าวว่า “จงวางใจในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านและครอบครัวจะได้รับความรอด” 32ท่านทั้งสองจึงกล่าวสั่งสอนพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำเนาโบราณบางฉบับว่า พระเจ้าให้นายคุกและคนทั้งปวงที่อยู่ในบ้านของเขาฟัง 33ในชั่วโมงเดียวกันของคืนนั้นเอง นายคุกพาเปาโลกับสิลาสไปล้างแผลที่ถูกเฆี่ยน และนายคุกก็รับบัพติศมาทันทีพร้อมกับทุกคนในครัวเรือนของเขา 34แล้วพาท่านทั้งสองเข้าไปในบ้านของเขาและจัดอาหารเลี้ยง ทั้งตัวเขาและครัวเรือนต่างปลื้มปีติเพราะเขาได้เชื่อถือพระเจ้าแล้ว
 35เมื่อถึงตอนเช้า พวกผู้ว่าการเมืองจึงใช้พวกเจ้าหน้าที่ไป สั่งว่า “จงปล่อยสองคนนั้นเสีย” 36นายคุกจึงบอกเปาโลว่า “พวกผู้ว่าการเมืองใช้คนมาบอกให้ปล่อยท่านทั้งสอง เพราะฉะนั้นขอเชิญท่านออกมาและไปด้วยสันติสุขเถิด” 37แต่เปาโลกล่าวว่า “พวกเขาเฆี่ยนเราที่เป็นคนสัญชาติโรมันต่อหน้าคนทั้งหลายก่อนตัดสินความ และยังขังเราไว้ในคุก แล้วตอนนี้พวกเขาจะไล่เราออกไปอย่างลับๆ หรือ? ทำอย่างนั้นไม่ได้ ให้พวกเขามาพาเราออกไปเองเถิด” 38พวกเจ้าหน้าที่จึงนำถ้อยคำนี้ไปแจ้งกับพวกผู้ว่าการเมือง เมื่อพวกผู้ว่าการเมืองได้ยินว่าท่านทั้งสองเป็นคนสัญชาติโรมันก็ตกใจ 39พวกเขาจึงมาประนีประนอมกับท่าน เมื่อพาออกไปแล้วจึงขอให้ท่านออกจากเมือง 40ท่านทั้งสองจึงออกจากคุก แล้วไปเยี่ยมนางลิเดีย เมื่อพบพี่น้องก็พูดจาหนุนใจพวกเขาแล้วลาไป

อรรถาธิบาย

คำอธิษฐานเปลี่ยนแปลงผู้คน

อะไรทำให้คริสตจักรในยุคแรกช่างทรงพลัง? แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งของคำตอบคือชีวิตแห่งการอธิษฐานอยู่ในผู้เชื่อกลุ่มแรก

  1. อธิษฐานเป็นประจำ
    ปรากฏว่า การอธิษฐานนั้นเป็นนิสัยที่ทำเป็นประจำ ‘เมื่อเรากำลังออกไปยังที่สำหรับอธิษฐาน…’ (ข้อ 16) สิ่งนี้ทำให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้แค่อธิษฐานตามลำพัง พวกเขาพบกันบ่อย ๆ เพื่ออธิษฐาน

  2. อธิษฐานในพระนามพระเยซู
    คำอธิษฐานของคริสเตียนนั้นทรงพลัง เพราะว่าเราอธิษฐาน ไม่ใช่ในชื่อของเราเอง แต่ในพระนามของพระเยซู

เปาโลนั้นถูกติดตามไปทั่วในเมืองฟีลิปปี โดยคนที่มี ‘ผีสิง’ คนที่ชัดเจนว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของมารซึ่งเป็นผลจากการที่เธอเกี่ยวข้องกับเวทย์มนตร์ (ข้อ 17) ท้ายที่สุด หลังจากผ่านไปหลายปีอาจารย์เปาโลไม่สามารถทนต่อการป่าวประกาศซ้ำ ๆ ของเธอได้อีกต่อไป เขาจึงหันมาสั่งผีนั้นว่า “ในพระนามของพระเยซูคริสต์ จงออกมาจากตัวเขา” (ข้อ 18) ผีนั้นก็ออกทันที

พระนามของพระเยซูนั้นช่างทรงพลัง ทางเดียวที่จะรับมือกับอำนาจของมารได้คือผ่านทางพระนามพระเยซู ไม่มีมารตนใดที่จะสู้กับพระเยซูได้ พระเยซูทรงปลดปล่อยเราจากอำนาจของมาร พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของทาสสาวคนนั้นไปโดยสิ้นเชิง ผีนั้น ‘ก็ออกไปทันที’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  1. อธิษฐานในทุกสถานการณ์
    ผู้หญิงที่เป็นทาสซึ่งทำเงินได้มากมายให้กับเจ้านายของเธอ เจ้านายของเธอโกรธเกรี้ยวว่าเธอได้สูญเสียพลังเหนือธรรมชาติของเธอไปแล้ว พวกเขาจึงคุมตัวอาจารย์เปาโลและสิลาส ‘ทุบตีพวกเขา’ ‘จับกุมพวกเขา’ (ข้อ 19–20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และลากพวกเขาไปที่ศาล พวกเขายุยงให้ฝูงชนต่อต้านพวกเขา

ฝูงชนก็ฮือขึ้น ‘เล่นงาน‘ (ข้อ 22) ชีวิตไม่ได้ง่ายเสมอไปเมื่อเราเริ่มต้นสร้างความแตกต่าง มุมมองของเราบางอย่างอาจไม่ได้รับความนิยม หรือแม้แต่ผิดกฎหมาย ‘การถูกเล่นงาน’ อาจไม่ได้เป็นเครื่องหมายของความล้มเหลว มันอาจเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จ

พวกผู้พิพากษาก็ศิโรราบต่อความกดดันและสั่งให้เอาพวกเขาไปเฆี่ยน เมื่อเฆี่ยนไปหลายทีแล้วก็โยนเข้าไปในคุก และกำชับนายคุกให้ดูแลอย่างเข้มงวด ซึ่ง ‘ใส่ตรวนที่ขาของพวกเขา’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นายคุกคุ้นเคยกับคนที่ถูกจำคุกด้วยความโกรธเกรี้ยว การสาปแช่ง และสบถสาบาน ซึ่งแตกต่างกับสิ่งเขาได้เห็นเปาโลกับสิลาส อธิษฐาน นมัสการ และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า (ข้อ 25) มีพลังอันยิ่งใหญ่ในการผสมผสานการอธิษฐานและการนมัสการ

แผ่นดินไหวเขย่าเรือนจำ และเปิดประตูคุกทุกบานออก นายคุกที่เข้าเวรอยู่นั้นเกือบจะฆ่าตัวตายแล้ว เมื่อเขาคิดว่า นักโทษทุกคนของเขาหนีไป และเขากลัวผลที่จะตามมา อาจารย์เปาโลมีหนทางแห่งอิสรภาพ แต่กลับเลือกที่จะอยู่และนำนายคุกมาถึงพระคริสต์

เมื่ออาจารย์เปาโลทำให้เขามั่นใจว่านักโทษทุกคนยังอยู่ นายคุกถามว่า ‘ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไรจึงจะได้รับความรอด?’ (ข้อ 30) นี่เป็นสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘โอกาสในการประกาศ’ อาจารย์เปาโลอธิบายถึงสิ่งที่นายคุกจำเป็นต้องทำ และภายหลังทั้งครอบครัวของเขา เชื่อในพระเยซูและรับบัพติศมา

ทันใดนั้น ชีวิตของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เขาแสดงความเมตตา เขาพาเปาโลกับสิลาสไปล้างแผลที่ถูกเฆี่ยน (ข้อ 33) เขาเลี้ยงอาหารพวกท่าน (ข้อ 34) เขาและทั้งครอบครัวก็ 'ปลื้มปีติ’ (ข้อ 35) เขาเต็มใจที่จะถูกรับรู้ว่าเป็นคริสเตียน พวกเขากลายเป็นสมาชิกก่อตั้งของคริสตจักรในเมืองฟีลิปปี

เหตุการณ์เหล่านี้ชัดเจนว่าเหนือธรรมชาติ ซึ่งอาจารย์เปาโลเห็นฤทธิ์เดชอันน่าทึ่งของพระเจ้าเบื้องหลังมนุษย์ซึ่งตัวแทนแห่งพระวจนะของพระองค์

ตอนนี้จบลงด้วยการที่พวกผู้พิพากษามาขอโทษอาจารย์เปาโลกับสิลาสเป็นการส่วนตัวว่า พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่าทั้งสองเป็นพลเมืองโรม ดังนั้นจึงเป็นสิ่งผิดกฎหมายที่จะปฏิบัติต่อพวกเขาในแบบที่ได้รับ ‘เมื่อพวกผู้ว่าการเมืองได้ยินว่าท่านทั้งสองเป็นคนสัญชาติโรมันก็ตกใจ....จึงมาขอขมาท่าน และมาพาท่านออกจากเรือนจำด้วยตนเอง เปาโลกับสิลาสก็ตรงไปที่บ้านของนางลิเดีย และพบพี่น้องอีกครั้ง พูดจาหนุนใจพวกเขาแล้วลาไป’ (ข้อ 38–40, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐานนั้นมีพลัง ไม่ใช่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราเท่านั้น แต่รวมทั้งสถานการณ์ เหตุการณ์ และชีวิตของคนอื่น ๆ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยเราให้เป็นเหมือนกับคริสตจักรในยุคแรก ขอทรงช่วยเราให้พบกันเป็นประจำเพื่อ อธิษฐาน ขอบพระคุณสำหรับฤทธิ์เดชในพระนามพระเยซู ข้าแต่พระเจ้า ขอให้การอธิษฐาน และการนมัสการเป็นรากฐานในทุกสิ่งที่เราทำ
พันธสัญญาเดิม

1 พงศ์กษัตริย์ 14:21-16:7

เรโหโบอัมทรงปกครองยูดาห์

 21เรโหโบอัมพระราชโอรสของซาโลมอนทรงครองราชย์ในยูดาห์ เมื่อเรโหโบอัมทรงเป็นกษัตริย์นั้น พระองค์มีพระชนมายุ 41 พรรษา และทรงครองราชย์ 17 ปีในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเมืองที่พระยาห์เวห์ทรงเลือกจากเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล เพื่อจะสถาปนาพระนามของพระองค์ไว้ที่นั่น พระราชมารดาของพระองค์มีพระนามว่า นาอามาห์คนอัมโมน 22ยูดาห์ทำชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และทำให้พระองค์ขุ่นเคืองพระทัยยิ่งกว่าที่บรรพบุรุษได้ทำทั้งสิ้น เพราะบาปที่พวกเขาได้ทำนั้น 23พวกเขาสร้างสิ่งเหล่านี้ให้ตัวเอง คือปูชนียสถานสูง เสาศักดิ์สิทธิ์ และบรรดาพระอาเช-ราห์บนเนินเขาสูงทุกเนิน และใต้ต้นไม้เขียวทุกต้น 24ยิ่งกว่านั้นมีเทวทาสชายผู้ร่วมประเวณีในพิธีศาสนาในแผ่นดินนั้นด้วย และพวกเขาได้ทำตามสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังทุกอย่างของบรรดาประชาชาติ ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล 25ในปีที่ห้าแห่งกษัตริย์เรโหโบอัม ชิชักกษัตริย์อียิปต์เสด็จขึ้นมารบกับกรุงเยรูซาเล็ม 26พระองค์ทรงเอาทรัพย์สมบัติแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และทรัพย์สมบัติแห่งพระราชวังของกษัตริย์ พระองค์ทรงเอาไปทุกอย่าง และทรงเอาโล่ทองคำทั้งหมดที่ซาโลมอนทรงสร้างไว้นั้นไปด้วย 27และกษัตริย์เรโหโบอัมทรงทำโล่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นแทน และมอบไว้ในมือของพวกทหารรักษาพระองค์ ผู้เฝ้าประตูพระราชวัง 28เมื่อพระราชาเสด็จไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ทหารรักษาพระองค์ก็ถือโล่ออกมา แล้วนำกลับไปเก็บไว้ในห้องทหารรักษาพระองค์ตามเดิม
 29ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเรโหโบอัม และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 30มีสงครามระหว่างเรโหโบอัมกับเยโรโบอัมตลอดรัชสมัย 31และเรโหโบอัมก็ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครดาวิดหมายถึงกรุงเยรูซาเล็ม พระราชมารดาของพระองค์มีพระนามว่า นาอามาห์คนอัมโมน และอาบียัมพระราชโอรสก็ขึ้นครองราชย์แทน

1 พงศ์กษัตริย์ 15

อาบียัมทรงปกครองยูดาห์

 1ในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลเยโรโบอัมบุตรเนบัท อาบียัมทรงครองยูดาห์ 2พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มสามปี พระนามของพระราชมารดาคือ มาอาคาห์ บุตรหญิงของอาบีชาโลม 3พระองค์ทรงดำเนินตามบาปทุกอย่าง ซึ่งพระราชบิดาของพระองค์ทรงทำต่อพระพักตร์พระองค์ และพระทัยของพระองค์ก็ไม่ภักดีต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ ไม่เหมือนอย่างพระทัยของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ 4อย่างไรก็ดี เพราะเห็นแก่ดาวิด พระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ได้ประทานประทีปอันหนึ่งแก่อาบียัมในกรุงเยรูซาเล็ม คือทรงตั้งพระราชโอรสแทน และทรงสถาปนากรุงเยรูซาเล็ม 5เพราะว่าดาวิดทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และไม่ได้หันไปจากสิ่งใด ซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ นอกจากเรื่องอุรียาห์คนฮิตไทต์ 6มีสงครามระหว่างเรโหโบอัมกับเยโรโบอัม ตลอดพระชนม์ชีพของอาบียัม 7พระราชกิจอื่นๆ ของอาบียัม และทุกสิ่งที่ทรงทำ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? และมีสงครามระหว่างอาบียัมและเยโรโบอัม 8อาบียัมก็ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาได้ฝังพระศพของพระองค์ไว้ในนครดาวิด และอาสาพระราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน

อาสาทรงปกครองยูดาห์

 9ในปีที่ยี่สิบแห่งรัชกาลเยโรโบอัมพระราชาแห่งอิสราเอล อาสาได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระราชาแห่งยูดาห์ 10และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 41 ปี พระอัยกีของพระองค์มีพระนามว่า มาอาคาห์ บุตรหญิงของอาบีชาโลม 11อาสาทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เหมือนอย่างดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ 12พระองค์ทรงกวาดล้างพวกเทวทาสเสียจากแผ่นดิน และรื้อถอนรูปเคารพทั้งสิ้น ซึ่งบรรพบุรุษของพระองค์ทำไว้ 13และพระองค์ทรงถอดมาอาคาห์พระอัยกีจากตำแหน่งพระราชชนนี เพราะพระนางทำรูปเคารพน่าเกลียดน่าชังเพื่อพระอาเช-ราห์ และอาสาทรงทำลายรูปเคารพของพระนาง และทรงเผาเสียที่ลำธารขิดโรน 14แต่ปูชนียสถานสูงต่างๆ ยังไม่ได้ถูกกำจัด ถึงอย่างนั้น พระทัยของอาสาก็ภักดีต่อพระยาห์เวห์ตลอดรัชสมัยของพระองค์ 15พระองค์ทรงนำของที่พระราชบิดาของพระองค์ และของที่พระองค์เองทรงอุทิศถวาย เข้าไปในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ได้แก่ เงิน ทองคำ และเครื่องใช้ต่างๆ

อาสาทรงทำไมตรีกับซีเรียเพื่อรบกับอิสราเอล

 16มีสงครามระหว่างอาสากับบาอาชาพระราชาแห่งอิสราเอล ตลอดสมัยของพระองค์ทั้งสอง 17บาอาชาพระราชาแห่งอิสราเอลได้ทรงขึ้นมาต่อสู้กับยูดาห์ และได้สร้างเมืองรามาห์ เพื่อไม่ให้ใครเข้าไปเฝ้าหรือออกมาจากอาสาพระราชาแห่งยูดาห์ 18แล้วอาสาทรงเอาเงินและทองคำทั้งหมด ซึ่งเหลืออยู่ในคลังแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในคลังแห่งพระราชวังของพระราชา มอบไว้ในมือของข้าราชการของพระองค์ และกษัตริย์อาสาทรงใช้พวกเขาไปเฝ้าเบนฮาดัดพระราชโอรสของทับริมโมน ผู้เป็นพระราชโอรสของเฮซีโอนกษัตริย์แห่งซีเรีย ผู้ประทับในเมืองดามัสกัส ทูลว่า 19“ขอให้มีสนธิสัญญาระหว่างข้าพเจ้ากับท่าน ดังที่มีอยู่ระหว่างพระราชบิดาของข้าพเจ้าและของท่าน นี่แน่ะ ข้าพเจ้าส่งบรรณาการเป็นเงินและทองคำมายังท่าน ขอท่านจงไปยกเลิกสนธิสัญญาของท่านที่มีกับบาอาชาพระราชาแห่งอิสราเอลเสีย เพื่อเขาจะถอยทัพไปจากข้าพเจ้า” 20แล้วเบนฮาดัดก็ทรงฟังกษัตริย์อาสา และส่งบรรดาผู้บัญชาการกองทัพของพระองค์ไปสู้กับเมืองต่างๆ ของอิสราเอล และเขาได้โจมตีเมืองอิโยน เมืองดาน เมืองอาเบลเบธมาอาคาห์ และดินแดนคินเนโรททั้งหมด และดินแดนนัฟทาลีทั้งหมด 21เมื่อบาอาชาทรงทราบเรื่อง พระองค์ก็ทรงหยุดสร้างเมืองรามาห์ และพระองค์ประทับที่เมืองทีรซาห์ 22แล้วกษัตริย์อาสาทรงประกาศไปทั่วยูดาห์ ไม่ยกเว้นใครเลย และเขาทั้งหลายขนหินของเมืองรามาห์ และไม้ของเมืองนั้นซึ่งบาอาชาทรงใช้สร้างอยู่นั้น กษัตริย์อาสาก็ทรงเอามาสร้างเมืองเกบาแห่งเบนยามินและเมืองมิสปาห์ 23พระราชกิจอื่นๆ ทั้งหมดของอาสา รวมทั้งพระราชอำนาจทั้งสิ้นของพระองค์ และทุกสิ่งซึ่งทรงกระทำ และเมืองต่างๆ ซึ่งพระองค์ทรงสร้าง ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? แต่เมื่อทรงพระชราแล้ว ก็เกิดพระโรคขึ้นที่พระบาท 24และอาสาก็ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครดาวิดหมายถึงกรุงเยรูซาเล็มบรรพชนของพระองค์ และเยโฮชาฟัทพระราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน

นาดับทรงปกครองอิสราเอล

 25นาดับพระราชโอรสของเยโรโบอัม ทรงครองอิสราเอลในปีที่สองแห่งรัชกาลอาสาพระราชาแห่งยูดาห์ และทรงครองอิสราเอลสองปี 26พระองค์ทรงทำชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และทรงดำเนินในทางของพระราชบิดาของพระองค์ และในบาปซึ่งทรงทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย
 27บาอาชาบุตรอาหิยาห์ เชื้อสายของยิสสาคาร์คิดกบฏต่อพระองค์ และบาอาชาประหารพระองค์เสียที่เมืองกิบเบโธน ซึ่งเป็นของฟีลิสเตีย เพราะนาดับและคนอิสราเอลทั้งสิ้นกำลังล้อมเมืองกิบเบโธนอยู่ 28ดังนั้นบาอาชาจึงฆ่าพระองค์เสียในปีที่สามแห่งรัชกาลอาสากษัตริย์แห่งยูดาห์ และขึ้นครองราชย์แทน 29พอทรงเป็นกษัตริย์ ก็ประหารราชวงศ์ของเยโรโบอัมเสียสิ้น ไม่มีใครรอดมาได้สักคนเดียวเลย พระองค์ทรงทำลายเสียสิ้นตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์ ซึ่งตรัสโดยผู้รับใช้ของพระองค์คืออาหิยาห์ชาวชีโลห์ 30เป็นเพราะบาปต่างๆ ของเยโรโบอัมที่ได้ทรงกระทำ และซึ่งพระองค์ได้ทรงทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย และเพราะพระองค์ทรงทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงพระพิโรธ
 31ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของนาดับ และทุกสิ่งซึ่งทรงกระทำ ได้บันทึกในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 32มีสงครามระหว่างอาสากับบาอาชาพระราชาแห่งอิสราเอล ตลอดสมัยของทั้งสองพระองค์

ราชวงศ์ที่สอง : บาอาชาทรงปกครองอิสราเอล

 33ในปีที่สามแห่งรัชกาลอาสาพระราชาแห่งยูดาห์ บาอาชาบุตรอาหิยาห์ทรงครองอิสราเอลทั้งหมดที่เมืองทีรซาห์เป็นเวลา 24 ปี 34พระองค์ทรงทำชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ และดำเนินในทางของเยโรโบอัม และในบาปของพระองค์ซึ่งทรงทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย

1 พงศ์กษัตริย์ 16

 1แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยฮูบุตรฮานานี กล่าวโทษบาอาชาว่า 2“ในเมื่อเราได้เชิดชูเจ้าขึ้นมาจากผงคลี และตั้งเจ้าเป็นประมุขเหนืออิสราเอลประชากรของเรา แต่เจ้าได้ดำเนินตามทางของเยโรโบอัม และได้ทำให้อิสราเอลประชากรของเราทำบาป ทำให้เราโกรธด้วยบาปของเขาทั้งหลาย 3นี่แน่ะ บาอาชา เราจะกวาดล้างเจ้าและราชวงศ์ของเจ้าให้สิ้น และทำให้ราชวงศ์ของเจ้าเหมือนกับราชวงศ์ของเยโรโบอัมบุตรเนบัท 4ผู้ใดในวงศ์บาอาชาที่ตายในเมือง สุนัขจะกิน และผู้ใดที่ตายในทุ่งนา นกในอากาศจะกิน”
 5ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของบาอาชา และสิ่งที่พระองค์ทรงทำ และพระราชอำนาจของพระองค์ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 6และบาอาชาทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้ที่เมืองทีรซาห์ และเอลาห์พระราชโอรสก็ขึ้นครองราชย์แทน 7ยิ่งกว่านั้นอีก พระวจนะของพระยาห์เวห์ได้มาโดยผู้เผยพระวจนะเยฮูบุตรฮานานี กล่าวโทษบาอาชาและเชื้อวงศ์ของพระองค์ ทั้งเรื่องความชั่วทุกอย่างซึ่งทรงทำในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ คือทำให้พระองค์กริ้วด้วยพระราชกิจแห่งพระหัตถ์ของพระราชา ที่เป็นเหมือนกับราชวงศ์ของเยโรโบอัม และเรื่องที่บาอาชาทรงทำลายราชวงศ์นั้นด้วย

อรรถาธิบาย

การอธิษฐานเปลี่ยนประวัติศาสตร์

แน่นอนว่า คำอธิษฐานไม่ได้เปลี่ยนอดีตแต่มันสามารถเปลี่ยนอนาคตซึ่งเป็นเส้นทางของเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้

ประวัติศาสตร์ของประชากรของพระเจ้าตามที่ปรากฏในพระธรรมพงศ์กษัตริย์เป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะผสมปนเปกัน เราได้อ่านอย่างต่อเนื่องถึงการที่ประชากรของพระเจ้า ‘ทำชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์’ (14:22 15:26,34 16:7) พวกเขาทำบาป (ตัวอย่างเช่น 14:22ข 15:26,30,34 16:2) พวกเขามีเทวทาส (14:24ก) พวกเขาทำตามสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังทุกอย่าง (ข้อ 24ข) มีสงครามระหว่างเรโหโบอัมกับเยโรโบอัมตลอดรัชสมัย (ข้อ 30; 15:6, 32) บรรดากษัตริย์บ่อยครั้งที่ไม่ได้ ‘ภักดี​ต่อ​พระ​ยาห์​เวห์’ (ข้อ 3)

มีข้อยกเว้นที่โดดเด่น เช่น อาสา (15:9–24) “ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เหมือนอย่างดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ พระองค์ทรงกวาดล้างพวกเทวทาสเสียจากแผ่นดิน และชำระบ้านของพระองค์…’ (ข้อ 11–12ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ท่ามกลางทั้งหมดนี้ มีความเห็นที่น่าทึ่ง ‘เพราะเห็นแก่ดาวิด พระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ได้ประทานประทีปอันหนึ่งแก่อาบียัมในกรุงเยรูซาเล็ม คือทรงตั้งพระราชโอรสแทน และทรงสถาปนากรุงเยรูซาเล็ม เพราะว่าดาวิดทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และไม่ได้หันไปจากสิ่งใด ซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ นอกจากเรื่องอุรียาห์คนฮิตไทต์’ (ข้อ 4–6)

ดาวิดยังส่งผลกระทบยาวนานหลังจากการเสียชีวิตของเขา พระเจ้ายังทรงให้เกียรติคำอธิษฐานของเขามาอีกหลายรุ่น

พระเจ้าตรัสกับดาวิดว่า ‘ราชวงศ์ของเจ้าและอาณาจักรของเจ้าจะตั้งมั่นอยู่ต่อหน้าเจ้านิรันดร และบัลลังก์ของเจ้าจะมั่นคงนิรันดร’ (2 ซามูเอล 7:16) ดาวิดได้อธิษฐานว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้า พระวจนะซึ่งพระองค์ตรัสเกี่ยวกับผู้รับใช้ของพระองค์ และเกี่ยวกับราชวงศ์ของเขา ขอพระวจนะนั้นมั่นคงอยู่เป็นนิตย์ และทรงทำดังที่พระองค์ตรัสไว้ ขอพระนามของพระองค์เป็นที่สรรเสริญตลอดนิรันดร์ว่า “พระยาห์เวห์จอมทัพทรงเป็นพระเจ้าเหนืออิสราเอล!” และราชวงศ์ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จะตั้งมั่นคงอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์’ (ข้อ 25–26)

พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของดาวิด ผลกระทบของคำอธิษฐานของดาวิดนั้นทำให้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ดาวิดดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม (‘นอกจากเรื่องอุรียาห์คนฮิตไทต์’) อย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่บอกเราว่าทุกคนที่เชื่อในพระเยซูจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าดาวิด ผ่านทางการสิ้นพระชนม์ และฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู คุณชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของผู้ชอบธรรม ดังนั้น เพราะพระเยซู คำอธิษฐานของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางประวัติศาสตร์ได้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงหันใจเมืองและประเทศของเรากลับไปหาพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานขอให้พระองค์ทรงยกบรรดาผู้นำและนักการเมืองของเรา ให้อุทิศตัวอย่างเต็มที่ต่อพระองค์ผู้ทรงขจัดความชั่วร้าย และนำเอาสันติสุขและความยุติธรรมมายังโลกของเรา

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ซาโลมอนเคยเป็นชายที่ฉลาดที่สุดในโลกแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้ทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดี เขาควรประยุกต์ใช้สุภาษิตที่พระองค์ทรงอาจเขียนไว้อย่างดี ‘จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเติบใหญ่ เขาจะไม่พรากจากทางนั้น’ (สุภาษิต 22:6)

ข้อพระคำประจำวัน

กิจการ 16:31

'จงวางใจในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านและครอบครัวจะได้รับความรอด'

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม