คำอธิษฐานของคุณสร้างความแตกต่าง
เกริ่นนำ
เซนต์จอห์น คริสซอสตอม (คศ.349–407) เขียนไว้ว่า ‘คำอธิษฐาน… เป็นรากฐาน เป็นน้ำพุ เป็นแหล่งแห่งพระพรนับพัน… พลังแห่งคำอธิษฐานสามารถดับความร้อนแรงของเปลวเพลิงได้ มันระงับความโกรธของสิงห์…ดับสงคราม เป็นองค์ประกอบในการระงับโทสะ ขับไล่วิญญาณชั่ว หักโซ่ตรวนแห่งความตาย ขยายประตูสวรรค์ บรรเทาโรคร้าย…ช่วยเมืองต่างๆ จากการทำลายล้าง…และเหนี่ยวรั้งเรื่องที่ไม่คาดฝัน’
เรามีห้องอธิษฐาน 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ในคริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตันของเรา แม้ว่าจะปิดบริการชั่วคราวเนื่องจากวิกฤติโรคโคโรน่าไวรัส มันเป็นหนึ่งในไฮไลท์ประจำสัปดาห์ของผมที่จะไปที่ห้องนั้น และใช้เวลาตามลำพังกับพระเจ้า คำอธิษฐานเป็นรากฐาน และเป็นน้ำพุสำหรับทุกสิ่งที่เราทำที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตันจริงๆ ช่างเป็นเรื่องหนุนใจที่ได้รู้ว่า ทุกชั่วโมง ทั้งกลางวันและกลางคืน มีบางคนกำลังอธิษฐานอยู่ในห้องนั้น
สุภาษิต 15:1-10
1คำตอบนุ่มนวลช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป
แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ
2ลิ้นของคนมีปัญญายกย่องความรู้
แต่ปากของคนโง่เทความโง่ออกมา
3พระเนตรของพระยาห์เวห์อยู่ในทุกแห่งหน
ทรงเฝ้าดูคนชั่วและคนดี
4ลิ้นที่ปลอบโยนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต
แต่ลิ้นตลบตะแลงทำให้จิตใจแตกสลาย
5คนโง่ดูหมิ่นคำสั่งสอนของบิดาตน
แต่คนที่ใส่ใจคำตักเตือนเป็นคนสุขุม
6ในบ้านของคนชอบธรรมมีสมบัติมากมาย
แต่รายได้ของคนอธรรมนำความลำบากมา
7ปากของคนมีปัญญากระจายความรู้
แต่ใจของคนโง่ไม่เป็นเช่นนั้น
8พระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังเครื่องบูชาของคนอธรรม
แต่ทรงปีติยินดีในคำอธิษฐานของคนเที่ยงธรรม
9พระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังทางของคนอธรรม
แต่พระองค์ทรงรักผู้ติดตามความชอบธรรม
10มีการตีสอนอย่างหนักสำหรับผู้ละทิ้งทางดี
คนที่เกลียดคำตักเตือนก็จะตาย
อรรถาธิบาย
การอธิษฐานและการอวยพร
ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตให้ภาพที่ขัดแย้งของ ‘คนชั่วร้าย’ กับคนที่อธิษฐาน ‘ชีวิตของคนที่สัตย์ซื่อกับพระเจ้าจะรุ่งเรือง... พระองค์ทรงปีติยินดีในคำอธิษฐานของคนเที่ยงธรรม ชีวิตที่ทิ้งขว้างทำให้พระเจ้าทรงรังเกียจ แต่พระองค์ทรงรักผู้ที่วิ่งตรงไปยังเส้นชัย’ (ข้อ 6ก, 8ข, 9 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) หากคุณดำเนินชีวิตเช่นนี้ คุณจะนำพระพรอันยิ่งใหญ่ไปสู่ผู้อื่น
แง่มุมหนึ่งที่สำคัญของเรื่องนี้คือสิ่งที่คุณพูด ถ้อยคำของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ‘คำที่เชือดเฉือนและตัดรอน’, ‘ถ้อยคำที่อ่อนโยนเยียวยา และช่วยเหลือ’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แม้ว่าเมื่อคนอื่นโกรธเรา เราต้องจำไว้ว่า ‘การตอบสนองที่นุ่มนวลละลายความโกรธได้’ (ข้อ 1ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) จงใช้ถ้อยคำของคุณเพื่อรักษา ช่วยเหลือและหนุนใจคนอื่น ‘ลิ้นที่ปลอบโยนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต’ (ข้อ 4)
คำอธิษฐาน
กิจการอัครทูต 11:19-12:19ก
คริสตจักรที่เมืองอันทิโอก
19คนทั้งหลายที่กระจัดกระจายไปเพราะการข่มเหงเนื่องจากสเทเฟน ก็พากันไปยังเมืองฟีนิเซีย เกาะไซปรัส และเมืองอันทิโอก และกล่าวพระวจนะกับยิวพวกเดียว 20แต่มีบางคนในพวกที่กระจัดกระจายไปนั้นที่เป็นชาวเกาะไซปรัสและชาวไซรีน คนเหล่านี้เมื่อมาถึงเมืองอันทิโอกก็กล่าวประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้ากับพวกกรีกด้วย 21และพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับพวกเขา คนจำนวนมากที่เชื่อก็กลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า 22ข่าวนี้แพร่มาถึงหูของคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาจึงส่งบารนาบัสไปที่เมืองอันทิโอก 23เมื่อบารนาบัสไปถึงและได้เห็นพระคุณของพระเจ้าก็ปีติยินดี จึงเตือนคนเหล่านั้นให้ตั้งจิตใจมั่นคงในองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดใจ 24บารนาบัสนั้นเป็นคนดี เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ คนที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทวีจำนวนมากขึ้น 25บารนาบัสจึงไปหาเซาโลที่เมืองทาร์ซัส 26เมื่อพบแล้วก็พามาที่เมืองอันทิโอก ท่านทั้งสองประชุมร่วมกับคริสตจักรตลอดหนึ่งปีและสั่งสอนคนจำนวนมาก และที่เมืองอันทิโอกนี่เองที่พวกสาวกได้ชื่อว่าคริสเตียนเป็นครั้งแรก 27เวลานั้นมีพวกผู้เผยพระวจนะจากกรุงเยรูซาเล็มลงมาที่เมืองอันทิโอก 28และคนหนึ่งในพวกเขาที่ชื่ออากาบัส ลุกขึ้นกล่าวโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า จะเกิดการกันดารอาหารครั้งยิ่งใหญ่ทั่วแผ่นดินโลก เรื่องนี้เกิดขึ้นในรัชสมัยจักรพรรดิคลาวดิอัส 29พวกสาวกทุกคนจึงตกลงใจว่าจะเรี่ยไรกันตามกำลัง ฝากไปช่วยบรรเทาทุกข์พวกพี่น้องที่อยู่ในแคว้นยูเดีย 30พวกเขาก็ได้ทำอย่างนั้น และฝากไปกับบารนาบัสและเซาโลเพื่อนำไปให้พวกผู้ปกครอง
กิจการ 12
ยากอบถูกฆ่าและเปโตรถูกขังคุก
1ในเวลานั้นกษัตริย์เฮโรดเหยียดพระหัตถ์ออกทำร้ายบางคนในคริสตจักร 2ท่านฆ่ายากอบพี่ชายของยอห์นด้วยดาบ 3เมื่อท่านเห็นว่าการนั้นเป็นที่ชอบใจพวกยิว ท่านก็จับเปโตรด้วย เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ 4เมื่อจับเปโตรแล้ว จึงให้จำคุก และให้ทหารสี่หมู่ หมู่ละสี่คนคุมไว้ ตั้งใจว่าเมื่อสิ้นเทศกาลปัสกา แล้วจะพาออกมาให้ประชาชน 5เพราะฉะนั้นเปโตรจึงถูกจำจองในคุก แต่คริสตจักรอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเปโตรอย่างกระตือรือร้น
ทรงช่วยเปโตรให้พ้นจากคุก
6ในคืนนั้นก่อนถึงเวลาที่เฮโรดจะพาเปโตรออกมา เปโตรกำลังนอนหลับอยู่ระหว่างทหารสองคน มีโซ่สองเส้นล่ามไว้ และมีพวกยามเฝ้าอยู่หน้าประตูคุก 7นี่แน่ะ มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏ และมีแสงสว่างส่องเข้ามาในห้องขัง ทูตองค์นั้นกระตุ้นเปโตรที่สีข้างให้ตื่นขึ้นแล้วว่า “ลุกขึ้นเร็วๆ ” โซ่นั้นก็หลุดตกจากมือของเปโตร 8ทูตสวรรค์องค์นั้นสั่งเปโตรว่า “จงคาดเอวและสวมรองเท้า” เปโตรก็ทำตาม แล้วทูตจึงสั่งว่า “จงสวมเสื้อและตามเรามาเถิด” 9เปโตรจึงตามออกไป และไม่รู้ว่าสิ่งที่ทูตสวรรค์ทำนั้นเป็นความจริง คิดว่าเห็นนิมิต 10เมื่อออกไปพ้นทหารยามชั้นที่หนึ่งและที่สองแล้ว ก็มาถึงประตูเหล็กทางที่จะเข้าไปในเมือง ประตูบานนั้นก็เปิดออกเองให้กับท่านทั้งสอง ท่านทั้งสองจึงผ่านออกไปและเมื่อเดินถึงช่วงหนึ่งของถนน ทูตสวรรค์ก็หายวับไปจากเปโตร 11เมื่อเปโตรรู้สึกตัวแล้วจึงพูดว่า “ตอนนี้ข้าพเจ้าแน่ใจแล้วว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์ของพระองค์มาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของเฮโรด และพ้นจากการมุ่งร้ายของพวกยิว”
12เมื่อเปโตรคิดอย่างนั้นแล้ว ท่านก็ไปที่บ้านของมารีย์มารดาของยอห์นผู้มีอีกชื่อหนึ่งว่ามาระโก ที่นั่นมีหลายคนกำลังประชุมอธิษฐานกันอยู่ 13พอเปโตรเคาะที่ประตูชั้นนอก ก็มีสาวใช้คนหนึ่งชื่อโรดาออกมาดู 14เมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงของเปโตร เธอปีติยินดีอย่างยิ่ง แต่แทนที่จะเปิดประตูให้ กลับวิ่งเข้าไปบอกว่าเปโตรยืนอยู่หน้าประตู 15พวกเขาจึงพูดกับเธอว่า “เจ้าเป็นบ้า” แต่เธอยืนยันว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเขาจึงบอกว่า “คงเป็นทูตสวรรค์ประจำตัวของเปโตร” 16ส่วนเปโตรยังยืนเคาะอยู่ที่ประตู เมื่อพวกเขาเปิดประตูเห็นท่านก็อัศจรรย์ใจ 17เปโตรโบกมือให้พวกเขาเงียบ แล้วเล่าให้พวกเขาฟังว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพาท่านออกจากคุกอย่างไร แล้วท่านสั่งว่า “จงไปบอกเรื่องนี้ให้ยากอบกับพวกพี่น้องทราบ” แล้วเปโตรก็ออกไปอยู่ที่อื่น
18พอถึงรุ่งเช้า พวกทหารเกิดความโกลาหลอย่างมากในเรื่องที่เกิดขึ้นกับเปโตร 19เมื่อเฮโรดทรงหาตัวเปโตรไม่พบ จึงทรงไต่สวนพวกทหารยาม และมีรับสั่งให้ประหาร แล้วท่านก็ออกจากแคว้นยูเดียไปพักอยู่ที่เมืองซีซารียา
อรรถาธิบาย
อธิษฐานด้วยความร้อนรน
พอๆ กับลอนดอน ปารีส หรือ นิวยอร์คในปัจจุบัน เมืองอันทิโอกของกรีกเป็นหนึ่งในเมืองหลวงมหานครที่มั่งคั่งฝั่งตะวันออก เป็นที่รู้จักกันด้วยอาคารและวัฒนธรรม และมาตรฐานทางศีลธรรมที่หละหลวมและการทุจริตอย่างกว้างขวาง
เมืองนี้เปลี่ยนแปลงไป และกลายเป็นเมืองคริสเตียนที่โดดเด่น และเป็นจุดเริ่มต้นของพันธกิจคริสเตียนไปยังโลกคนต่างชาติทั้งหมด พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับพวกเขา 'คนจำนวนมากที่เชื่อก็กลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (11:21)
พระเจ้าทรงใช้บารนาบัส ผู้ที่ชื่อมีความหมายว่า ‘ลูกแห่งการหนุนน้ำใจ’ การหนุนใจไม่ใช่การเยินยอหรือสรรเสริญแบบกลวงๆ มันเหมือนกับคำพูดที่ส่องแสงเจิดจ้า มันไม่ต้องเสียเงินทองอะไร และอบอุ่นหัวใจคนอื่นๆ และบันดาลใจเขาด้วยความหวัง และความมั่นใจในความเชื่อของเขา เราต้องมีคนรอบตัวเราที่เป็นเหมือนกับบารนาบัส และเราสามารถเป็นเหมือนบารนาบัสกับคนอื่นๆ
บารนาบัส ‘จึงเตือนคนเหล่านั้นให้ตั้งจิตใจมั่นคงในองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดใจ บารนาบัสนั้นเป็นคนดี เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ คนที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทวีจำนวนมากขึ้น’ (ข้อ 23–24)
นี่ไม่ใช่การแวะเยี่ยมแบบมาเร็วไปเร็ว ‘บารนาบัสและเปาโลประชุมร่วมกับคริสตจักรตลอดหนึ่งปีและสั่งสอนคนจำนวนมาก และที่เมืองอันทิโอกนี่เองที่พวกสาวกได้ชื่อว่าคริสเตียนเป็นครั้งแรก’ (ข้อ 26)
มีการปลดปล่อยด้านการเงิน แต่ละคนได้ ‘เรี่ยไรกันตามกำลัง ฝากไปช่วยบรรเทาทุกข์พวกพี่น้อง‘ ที่ต้องการการช่วยเหลือ (ข้อ 29) นี่เป็นหลักการสำคัญของชุมชนคริสเตียน ผู้ที่สามารถทำได้ช่วยเหลือที่จะจ่ายให้กับคนที่ไม่สามารถทำได้
นี่เป็นช่วงเวลาแห่งพระพรอันยิ่งใหญ่ และการเติบโตของคริสตจักรขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงเผชิญกับกระแสการต่อต้านที่เพิ่มขึ้น
กษัตริย์ชาวยูดาห์ เฮโรด อากริปปาที่ 1 (ประมาณ ก่อน คศ.10 – คศ. 44) ทรงมีแนวทางที่โหดร้าย ท่านข่มเหงพวกคริสเตียน ท่านเป็นนักการเมืองที่ไร้ยางอายผู้อยากได้รับความนิยมเพิ่มจากประชาชน (12:1–3) ท่านฆ่ายากอบ จับเปโตรไปขัง และเฮโรดวางแผนที่จะพาออกไปประชาทัณฑ์ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เปโตรถูกทหารสี่หมู่ หมู่ละสี่คนคุมไว้ (ข้อ 4) ท่านถูกคุมตัวด้วยทหารจำนวนสองเท่า และล่ามโซ่ไว้ทั้งสองมือ (ข้อ 6) เปโตรเอง ‘หลับสนิทเหมือนทารก’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ไม่มีหมอนใดจะนุ่มสบายเท่ากับจิตสำนึกที่ถูกต้องอีกแล้ว
คริสตจักรเผชิญกับสถานการณ์ที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ การคงอยู่ของคริสตจักรในยุคแรกดูเหมือนอยู่ในเดิมพัน พวกเขาทำอะไร? คุณจะทำอะไรเมื่อสถานการณ์ดูเป็นไปไม่ได้เลย? เราเห็นคำตอบในข้อ 5 ‘แต่คริสตจักรอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเปโตรอย่างกระตือรือร้น’
อธิษฐานต่อพระเจ้า
เมื่อคุณอธิษฐาน คุณไม่ได้แค่พูดกับตัวเอง หรืออธิษฐานด้วยคำอธิษฐานที่คมคายเพื่อสร้างความประทับใจให้กับคนที่ได้ยินคุณ อธิษฐานต่อพระเจ้าหมายความว่า มีผู้ฟังกับพระเจ้า นี่หมายความถึง การเข้าไปในการทรงสถิตของพระเจ้า ทูลขอและรับเอาอธิษฐานร่วมกัน ‘คริสตจักร’ (ข้อ 5) ร่วมใจกันอธิษฐาน 'ที่นั่นมีหลายคนกำลังประชุมอธิษฐานกันอยู่’ (ข้อ 12) พันธสัญญาใหม่สอนมากมายเรื่องการอธิษฐานส่วนตัว แต่ยิ่งสอนมากขึ้นเรื่องการอธิษฐานร่วมกัน
อธิษฐานด้วยความร้อนรน มีเหตุผลสองอย่างว่าทำไมพวกเขาอาจไม่ได้อธิษฐานเลย อันดับแรก ยากอบถูกฆ่าตาย (ข้อ 2) พระเจ้าไม่ได้ทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเขาเรื่องยากอบ เราไม่รู้ว่าทำไม แต่นี่ไม่ได้หยุดพวกเขาจากการอธิษฐาน
อย่างที่สอง สถานการณ์ของเปโตรดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ ทางเลือกของพวกเขาไม่ล้มเลิกที่จะอธิษฐานหรืออธิษฐานด้วยความร้อนรน คำภาษากรีก ektenōs (ตรงนี้แปลว่า ‘กระตือรือร้น’) ถูกใช้เพื่ออธิบายถึงม้าที่วิ่งเต็มฝีเท้า แสดงถึงกล้ามเนื้อตึงของความพยายามอย่างหนักและต่อเนื่องในฐานะนักกีฬา
การใช้กริยาที่อยู่ในรูปการณ์ที่กำลังกระทำบอกถึงสิ่งที่พวกเขาอธิษฐานว่าไม่ใช่แค่เพียงครั้งเดียวจบ แต่น่าจะพิจารณาได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานพอสมควร พวกเขาบากบั่น
- อธิษฐานเผื่อคนอื่น พวกเขาอธิษฐานเผื่อเปโตร (ข้อ 5) มีประเภทของการอธิษฐานหลายอย่าง การนมัสการ การสรรเสริญ การขอบพระคุณ การอ้อนวอน และอื่นๆ แต่ตรงจุดนี้ เราอ่านถึงการอธิษฐานแบบวิงวอน พวกเขาอธิษฐานเผื่อเขา เพราะว่าพวกเขารักเขาการอธิษฐานแบบวิงวอน เป็นการกระทำแห่งความรัก
ประวัติศาสตร์เป็นของนักอธิษฐานวิงวอน คุณสามารถปรับเปลี่ยนรุ่นของคุณผ่านทางคำอธิษฐาน คุณสามารถมีอิทธิพลต่อวิถีทางประวัติศาสตร์
นี่เป็นการประชุมอธิษฐานที่ไม่ธรรมดา และผลก็ปรากฏออกมาเป็นหลักฐาน (ข้อ 6–15) ในการตอบคำอธิษฐานของพวกเขา พระเจ้าทรงกระทำการเหนือธรรมชาติ เปโตรได้รับการปลดปล่อยในคืนก่อนที่จะถูกไต่สวน คำตอบของพระเจ้าเกี่ยวข้องกับนิมิต ทูตสวรรค์ และการที่โซ่ตรวนหลุดออก (ข้อ 6–9) สิ่งที่เป็นอุปสรรคถูกขจัดออกไป ผู้คุมไม่ได้ขัดขวางการหลบหนีของนักโทษ และประตูเหล็กก็เปิดออกสู่ทางที่จะเข้าไปในเมืองต่อหน้าพวกเขา (ข้อ 10)
จากนั้นเปโตรก็ไปถึงที่ซึ่งมีการประชุมอธิษฐาน แต่การปล่อยตัวของเขานั้นไม่ธรรมดาจนกระทั่ง โรดา สตรีที่มาเปิดประตู ลืมเปิดประตูให้ท่านเข้าไป และไม่มีใครเชื่อว่านั่นเป็นท่านจริงๆ ! (ข้อ 12–15) พวกเขาบอกโรดาว่า เธอบ้าไปแล้ว (ข้อ 15) แต่อันที่จริง พระเจ้าทรงทำสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ในการตอบคำอธิษฐานอย่างกระตือรือร้นของพวกเขา
พระวจนะของพระเจ้าจำเริญขึ้นและแพร่ขยายออกไป (ข้อ 24) ดังที่จอห์น สต็อทท์เขียนไว้ว่า ‘บทนี้เปิดมาด้วยการตายของยากอบ เปโตรถูกจำคุก และชัยชนะของเฮโรด จบลงด้วยการที่เฮโรดสิ้นพระชนม์ เปโตรเป็นอิสระ และพระวจนะของพระเจ้าก็มีชัย’
คำอธิษฐาน
1 พงศ์กษัตริย์ 2:13-3:15
ซาโลมอนสถาปนาราชอาณาจักรของพระองค์
13แล้วอาโดนียาห์พระราชโอรสของพระนางฮักกีท ได้เข้าเฝ้าพระนางบัทเชบา พระราชมารดาของซาโลมอน พระนางรับสั่งว่า “เจ้ามาดีหรือ?” ท่านทูลว่า “กระหม่อมมาดี พ่ะย่ะค่ะ” 14แล้วท่านทูลว่า “กระหม่อมมีเรื่องที่จะทูลพระนาง” พระนางมีรับสั่งว่า “จงว่าไปเถิด” 15ท่านจึงทูลว่า “พระนางทรงทราบแล้วว่าราชอาณาจักรนั้นเป็นของกระหม่อม และคนอิสราเอลทั้งสิ้นก็หมายใจว่ากระหม่อมจะได้ครอบครอง อย่างไรก็ดี ราชอาณาจักรก็กลับกลายมาเป็นของน้องชายกระหม่อม เพราะพระยาห์เวห์ประทานราชอาณาจักรแก่เขา 16บัดนี้กระหม่อมทูลขอแต่ประการเดียว ขอพระนางอย่าได้ปฏิเสธเลย” พระนางรับสั่งกับท่านว่า “จงว่าไปเถิด” 17และท่านทูลว่า “ขอพระนางทูลพระราชาซาโลมอน เพราะพระราชาคงไม่ทรงปฏิเสธพระนาง คือทูลขออาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของกระหม่อม” 18พระนางบัทเชบารับสั่งว่า “ดีแล้ว เราจะทูลพระราชาแทนเจ้า”
19พระนางบัทเชบาจึงเข้าเฝ้าพระราชาซาโลมอน เพื่อทูลพระองค์แทนอาโดนียาห์ และพระราชาทรงลุกขึ้นต้อนรับพระนาง และทรงถวายคำนับพระนาง แล้วก็เสด็จประทับบนบัลลังก์ของพระองค์ รับสั่งให้นำพระเก้าอี้มาถวายพระราชมารดา พระนางก็เสด็จประทับที่เบื้องขวาของพระองค์ 20แล้วพระนางทูลว่า “แม่จะขอสิ่งเล็กน้อยสิ่งหนึ่งจากลูก อย่าปฏิเสธแม่เลย” และพระราชาทูลพระนางว่า “ขอมาเถิด ลูกจะไม่ปฏิเสธเสด็จแม่” 21พระนางทูลว่า “ขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของอาโดนียาห์พี่ชายของลูกเถิด” 22พระราชาซาโลมอนตรัสตอบพระราชมารดาของพระองค์ว่า “ทำไมเสด็จแม่จึงขออาบีชากชาวชูเนมให้อาโดนียาห์เล่า? น่าจะขอราชอาณาจักรให้เขาเสียด้วย เพราะเขาเป็นพี่ชายของลูก อีกทั้งขอให้อาบียาธาร์ปุโรหิตและขอให้โยอาบบุตรนางเศรุยาห์ด้วยฉบับกรีกว่า อีกทั้งอาบียาธาร์ปุโรหิตและโยอาบบุตรนางเศรุยาห์ก็อยู่ฝ่ายเขา” 23แล้วพระราชาซาโลมอนทรงปฏิญาณในพระนามของพระยาห์เวห์ว่า “ถ้าถ้อยคำนี้ไม่เป็นเหตุให้อาโดนียาห์เสียชีวิตแล้ว ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษเราและลงโทษให้หนักยิ่งขึ้น 24เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด คือพระองค์ผู้ทรงสถาปนาและตั้งเราไว้บนบัลลังก์ของดาวิดพระราชบิดา และทรงให้เรามีราชวงศ์ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ อาโดนียาห์จะถูกประหารในวันนี้ฉันนั้น” 25ดังนั้นพระราชาซาโลมอนจึงรับสั่งให้เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์เสีย และท่านก็ตาย
26ส่วนอาบียาธาร์ปุโรหิตนั้น พระราชารับสั่งว่า “จงไปอยู่ที่อานาโธท ไปสู่ไร่นาของเจ้าเพราะเจ้าสมควรตาย แต่ในเวลานี้เราจะไม่ประหารเจ้า เพราะว่าเจ้าหามหีบของพระยาห์เวห์องค์เจ้านายไปข้างหน้าดาวิดพระราชบิดาของเรา และเพราะเจ้าได้ร่วมทุกข์กับพระราชบิดาของเรา” 27ซาโลมอนจึงทรงขับไล่อาบียาธาร์เสียจากหน้าที่ปุโรหิตของพระยาห์เวห์ ดังนั้นทำให้สำเร็จตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งพระองค์ตรัสเกี่ยวกับเชื้อสายของเอลีที่เมืองชีโลห์
28เมื่อข่าวนี้ไปถึงโยอาบ (เพราะแม้โยอาบไม่ได้เข้าข้างอับซาโลม แต่ท่านได้เข้าข้างอาโดนียาห์) โยอาบก็หนีไปที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์และจับเชิงงอนแท่นบูชาไว้ 29เมื่อมีคนไปกราบทูลพระราชาซาโลมอนว่า “โยอาบได้หนีไปยังเต็นท์ของพระยาห์เวห์ และนี่แน่ะ เขาอยู่ข้างแท่นบูชานั้น” ซาโลมอนตรัสสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาว่า “จงไปประหารเขาเสีย” 30เบไนยาห์ก็มายังเต็นท์ของพระยาห์เวห์ พูดกับท่านว่า “พระราชามีรับสั่งว่า จงออกมาเถิด” ท่านตอบว่า “ไม่ออก ข้าจะตายที่นี่” แล้วเบไนยาห์ก็นำความไปกราบทูลพระราชาอีกว่า “โยอาบพูดอย่างนี้ และเขาตอบข้าพระบาทอย่างนี้” 31พระราชาตรัสตอบเขาว่า “จงทำตามที่เขาบอก จงประหารเขาเสียและฝังเขาไว้ ทั้งนี้จะได้เอาโทษของความผิด ซึ่งโยอาบได้ฆ่าคนที่ไม่มีความผิดนั้นไปเสียจากเรา และจากเชื้อสายพระราชบิดาของเรา 32พระยาห์เวห์ทรงนำโลหิตของเขากลับมาตกบนศีรษะของเขาเอง เพราะว่าเขาได้โจมตีและฆ่าชายสองคนที่ชอบธรรมกว่า และดีกว่าตัวเขาด้วยดาบ โดยที่ดาวิดพระราชบิดาของเราไม่ทรงทราบ คืออับเนอร์บุตรเนอร์ผู้บัญชาการกองทัพของอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์ผู้บัญชาการกองทัพของยูดาห์ 33ดังนั้นที่เขาทั้งสองต้องตายนั้น โยอาบและพงศ์พันธุ์ของเขาต้องรับผิดชอบเป็นนิตย์ แต่ส่วนดาวิดและพงศ์พันธุ์ของพระองค์และราชวงศ์ของพระองค์ และราชบัลลังก์ของพระองค์จะมีสวัสดิภาพจากพระยาห์เวห์อยู่เป็นนิตย์” 34แล้วเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาก็ขึ้นไปประหารชีวิตเขาเสีย และฝังเขาไว้ในบ้านของเขาเองซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร 35พระราชาได้ทรงแต่งตั้งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาให้บัญชาการกองทัพแทนโยอาบ และพระราชาก็ทรงแต่งตั้งศาโดกเป็นปุโรหิตแทนที่อาบียาธาร์
36แล้วพระราชาทรงใช้คนไปเรียกชิเมอีให้เข้ามาเฝ้า และตรัสกับเขาว่า “จงสร้างบ้านอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่ที่นั่น อย่าออกจากที่นั่นไปไหนเลย 37เพราะในวันที่เจ้าออกไป และข้ามลำธารขิดโรนนั้น เจ้าจงรู้แน่เถิดว่า เจ้าจะต้องตายแน่ ที่เจ้าต้องตายนั้น เจ้าเองก็รับผิดชอบ” 38และชิเมอีทูลพระราชาว่า “ที่ฝ่าพระบาทตรัสนั้นดีแล้ว ผู้รับใช้จะทำตามที่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทตรัสนั้น” ชิเมอีจึงอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน
39เมื่อล่วงไปสามปีก็เกิดเรื่องขึ้น คือทาสสองคนของชิเมอีได้หลบหนีไปหาอาคีช โอรสของมาอาคาห์กษัตริย์เมืองกัท และเมื่อพวกเขามาบอกชิเมอีว่า “ดูสิ ทาสของท่านอยู่ในเมืองกัท” 40ชิเมอีก็ลุกขึ้นผูกอานขี่ลาไปเฝ้าอาคีชที่เมืองกัท เพื่อเสาะหาทาสของตน ชิเมอีได้ไปนำทาสของตนมาจากเมืองกัท 41และเมื่อมีผู้กราบทูลซาโลมอนว่า ชิเมอีได้ไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกัท และกลับมาแล้ว 42พระราชาก็ทรงใช้คนไปเรียกชิเมอีมาเฝ้าและตรัสกับเขาว่า “เราได้ให้เจ้าสาบานในพระนามของพระยาห์เวห์ไม่ใช่หรือ? และได้ตักเตือนเจ้าแล้วว่า ‘จงรู้แน่ว่า ในวันที่เจ้าออกไป ไม่ว่าไปที่ไหน เจ้าจะต้องตายแน่’ และเจ้าก็ตอบเราว่า ‘ที่ฝ่าพระบาทตรัสนั้นก็ดีแล้ว ข้าพระบาทจะเชื่อฟัง’ 43ทำไมเจ้าจึงไม่รักษาคำสาบานที่ให้ไว้ต่อพระยาห์เวห์ และไม่รักษาคำบัญชาซึ่งเราได้กำชับเจ้านั้น?” 44พระราชาตรัสกับชิเมอีว่า “ในใจของเจ้าเองรู้เรื่องเหตุร้ายทั้งสิ้น ซึ่งเจ้าได้ทำต่อดาวิดพระราชบิดาของเรา เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์จะทรงนำเหตุร้ายมาสนองเหนือศีรษะของเจ้าเอง 45แต่พระราชาซาโลมอนจะได้รับพระพร และบัลลังก์ของดาวิดจะตั้งมั่นคงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์เป็นนิตย์” 46แล้วพระราชาทรงบัญชาเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา และเขาก็ออกไปประหารชีวิตชิเมอีเสีย
ดังนั้นราชอาณาจักรก็ตั้งมั่นคงอยู่ในพระหัตถ์ของซาโลมอน
1 พงศ์กษัตริย์ 3
ซาโลมอนทรงอธิษฐานขอสติปัญญา
1ซาโลมอนได้ทรงทำให้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ โดยทรงรับพระธิดาของฟาโรห์ และทรงนำพระนางมาไว้ในนครดาวิดหมายถึงกรุงเยรูซาเล็ม จนกระทั่งพระองค์ทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ พระนิเวศของพระยาห์เวห์ และกำแพงรอบกรุงเยรูซาเล็มเสร็จ 2อย่างไรก็ตาม ประชาชนได้ถวายสัตวบูชาที่ปูชนียสถานสูง เพราะยังไม่ได้สร้างพระนิเวศเพื่อพระนามของพระยาห์เวห์จนถึงวันนั้น
3ซาโลมอนทรงรักพระยาห์เวห์ ทรงดำเนินตามกฎเกณฑ์ของดาวิดพระราชบิดาของพระองค์ เว้นแต่พระองค์ทรงถวายสัตวบูชาและทรงเผาเครื่องหอมที่ปูชนียสถานสูง 4และพระราชาเสด็จไปที่เมืองกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องสัตวบูชาที่นั่น เพราะที่นั่นเป็นมหาปูชนียสถานสูง ซาโลมอนทรงเคยถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวจำนวนพันตัวบนแท่นบูชานั้น 5พระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่ซาโลมอนที่เมืองกิเบโอนเป็นพระสุบินคำราชาศัพท์หมายถึง ความฝันในเวลากลางคืน และพระเจ้าตรัสว่า “เจ้าอยากได้สิ่งใด เจ้าก็จงขอเถิด” 6และซาโลมอนทูลว่า “พระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่แก่ดาวิดผู้เป็นบิดาของข้าพระองค์และเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะว่าท่านดำเนินต่อพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และความชอบธรรม ด้วยจิตใจซื่อตรงต่อพระองค์ และพระองค์ทรงรักษาความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่นี้ไว้เพื่อท่าน และได้ประทานบุตรชายคนหนึ่งแก่ท่าน ให้นั่งบนบัลลังก์ของท่านในวันนี้ 7ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นกษัตริย์แทนดาวิดบิดาของข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์เป็นเพียงเด็กเล็ก ข้าพระองค์ไม่ทราบว่าจะดำเนินการปกครองอย่างไรถูก 8และผู้รับใช้ของพระองค์ก็อยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้ เป็นชนชาติใหญ่ ซึ่งไม่สามารถจะนับหรือคำนวณได้ 9ฉะนั้นขอพระองค์ประทานความคิดความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ เพื่อจะแยกแยะความแตกต่างระหว่างดีกับชั่วได้ เพราะใครจะสามารถวินิจฉัยประชากรมากมายนี้ของพระองค์ได้?”
10ที่ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ก็เป็นที่พอพระทัยองค์เจ้านาย 11พระเจ้าจึงตรัสกับซาโลมอนว่า “เพราะเจ้าได้ขอสิ่งนี้และไม่ได้ขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่งให้ตัวเอง หรือขอชีวิตศัตรูของเจ้า แต่เจ้าเองขอความเข้าใจเพื่อจะวินิจฉัยอย่างยุติธรรม 12นี่แน่ะ เราจะทำตามคำของเจ้า นี่แน่ะ เราจะให้ใจที่ประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจ ซึ่งไม่มีใครที่เป็นอยู่ก่อนเจ้าเหมือนเจ้า และจะไม่มีใครที่ขึ้นมาภายหลังเจ้าเหมือนเจ้า 13เราจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ได้ขอแก่เจ้าด้วย ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติยศ เพื่อจะไม่มีกษัตริย์องค์ใดเปรียบเทียบกับเจ้าได้ตลอดวันเวลาทั้งสิ้นของเจ้า 14และถ้าเจ้าจะดำเนินตามทางของเรา รักษากฎเกณฑ์และบัญญัติของเรา ดังดาวิดบิดาของเจ้าได้ดำเนินนั้น เราก็จะให้อายุของเจ้ายืนยาว”
15และซาโลมอนก็ตื่นบรรทม และนี่แน่ะ เป็นพระสุบิน แล้วพระองค์ก็เสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็ม และทรงยืนอยู่หน้าหีบพันธสัญญาขององค์เจ้านาย และถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องศานติบูชา และทรงจัดงานเลี้ยงแก่ข้าราชการทั้งสิ้นของพระองค์
อรรถาธิบาย
อธิษฐานเพื่อสติปัญญา
ซาโลมอนประกันการครองบัลลังก์อันยืนยาวของตน โดยการจัดการกับศัตรูทั้งหมดในช่วงต้นรัชสมัยของเขาเอง (บทที่ 2) การกระทำของบุตรแห่งดาวิดผู้นี้ช่างแตกต่างเมื่อเทียบกับพระเยซู ‘บุตรแห่งดาวิด’ ผู้ซึ่งนำชีวิตมาสู่ทุกคน และสอนเราให้รักศัตรูของเรา! พระองค์ทรงเป็นผู้เดียวที่ครองราชย์ไปชั่วนิรันดร์
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งสุดท้ายที่ซาโลมอนทำอย่างถูกต้องแน่นอน พระเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าอยากได้สิ่งใด เจ้าก็จงขอเถิด’ (3:5) การตอบสนองของท่านแสดงให้เห็นความถ่อมใจ และการตระหนักรู้ถึงความต้องการพระเจ้าของท่าน ซาโลมอนอธิษฐานว่า ‘ฉะนั้นขอพระองค์ประทานความคิดความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ เพื่อจะแยกแยะความแตกต่างระหว่างดีกับชั่วได้ เพราะใครจะสามารถวินิจฉัยประชากรมากมายนี้ของพระองค์ได้?’ (ข้อ 9)
พระเจ้าทรงพอพระทัยต่อคำตอบของซาโลมอน พระเจ้าจึงตรัสกับซาโลมอนว่า “เพราะเจ้าได้ขอสิ่งนี้และไม่ได้ขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่งให้ตัวเอง หรือความพินาศของศัตรู แต่เจ้าเองขอ ความสามารถในการนำและปกครองได้อย่างดี เราจะทำตามคำของเจ้า นี่แน่ะ เราจะให้ใจที่ประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจ ซึ่งไม่มีใครที่เป็นอยู่ก่อนเจ้าเหมือนเจ้า และจะไม่มีใครที่ขึ้นมาภายหลังเจ้าเหมือนเจ้า เราจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ได้ขอแก่เจ้าด้วย เราจะให้ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติยศ เราจะให้อายุของเจ้ายืนยาวอีกด้วย' (ข้อ 10–14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเยซูตรัสว่า ‘แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้’ (มัทธิว 6:33) ผลก็คือ โดยการอธิษฐานทูลขอสติปัญญา ซาโลมอนได้แสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าก่อน พระเจ้าตรัสกับท่านตามที่เกิดขึ้น ท่านได้รับสิ่งอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ข้อเสนอแห่งปัญญาไม่ได้ใช้กับโซโลมอนเท่านั้น ยากอบเขียนว่า ‘แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ’ (ยากอบ 1:5)
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สุภาษิต 15:3
‘พระเนตรของพระยาห์เวห์อยู่ในทุกแห่งหน ทรงเฝ้าดูคนชั่วและคนดี’
ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองดีหรือชั่ว พระเจ้าทรงเฝ้าดูคุณอยู่…นั่นทำให้สบายใจหรือไม่คะ?
ข้อพระคำประจำวัน
สุภาษิต 15: 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล
‘ถ้อยคำที่อ่อนโยนเยียวยา และช่วยเหลือ’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)