วัน 138

การทำให้จิตวิญญาณของคุณอิ่มเอม

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 63:1-11
พันธสัญญาใหม่ ยอห์น 10:22-42
พันธสัญญาเดิม 1 ซามูเอล 1:1-2:26

เกริ่นนำ

แบร์นฮาร์ด แลงเกอร์ เป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่เก่งที่สุดในรุ่นนั้น โดยคว้าแชมป์ยูเอส มาสเตอร์สถึง 2 ครั้ง และครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในการจัดอันดับกอล์ฟโลกในคราวเดียว เขากล่าวว่า ‘ผมเคย... ชนะ 7 รายการใน 5 ประเทศ ผมเป็นอันดับหนึ่งของโลก และผมมีภรรยาสาวสวย แต่ยังมีบางสิ่งที่ขาดหายไป

'วิถีชีวิตเราทุกคน (โดยเฉพาะนักกีฬา) เป็นผู้นำ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงิน คุณเป็นใคร คุณรู้จักใคร สิ่งที่คุณมี และสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดจริง ๆ ผมคิดว่าคนที่มีสิ่งเหล่านี้ พวกเขาตระหนักดีว่า... ยังมีบางสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของพวกเขา และผมเชื่อว่านั่นคือพระเยซูคริสต์

ความว่างเปล่าในจิตวิญญาณที่ แบร์นฮาร์ด แลงเกอร์ อธิบายนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับมนุษยชาติทั้งหมด หญิงสาวคนหนึ่งบอกกับผมว่าเธอรู้สึกว่ามี ‘ชิ้นส่วนที่ขาดหายไปในจิตวิญญาณของเธอ' คุณไม่ได้เป็นเพียงร่างกายและจิตใจ คุณเป็นวิญญาณที่สร้างขึ้นสำหรับความสัมพันธ์กับพระเจ้า แล้วคุณจะสนองต่อจิตวิญญาณของคุณได้อย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 63:1-11

ความอบอุ่นใจที่พระเจ้าสถิตด้วย

เพลงสดุดีของดาวิด เมื่อท่านอยู่ในถิ่นทุรกันดารยูดาห์

1ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะ
แสวงหาพระองค์
 จิตใจของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์
เนื้อหนังของข้าพระองค์กระเสือกกระสนหาพระองค์
 ในดินแดนที่แห้งแล้งและอ่อนระโหย ที่ซึ่งไม่มีน้ำ
2เช่นนั้นแหละ ข้าพระองค์เคยเห็นพระองค์ในสถานนมัสการ
 เห็นฤทธานุภาพและพระสิริของพระองค์
3เพราะว่าความรักมั่นคงของพระองค์ดีกว่าชีวิต
 ริมฝีปากของข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์
4เช่นนั้นแหละ ข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระองค์ ตราบที่ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่
 ข้าพระองค์จะชูมือต่อพระนามของพระองค์
5จิตใจของข้าพระองค์จะอิ่มหนำดังได้กินอาหารชั้นเลิศ
 และปากของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วยริมฝีปากที่ชื่นบาน
6เมื่อข้าพระองค์ระลึกถึงพระองค์ขณะอยู่บนที่นอน
 และใคร่ครวญถึงพระองค์ทุกๆ ยาม
7เพราะพระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์ของข้าพระองค์
 ข้าพระองค์จะร้องเพลงด้วยความยินดีอยู่ในร่มปีกของพระองค์
8จิตใจของข้าพระองค์แนบสนิทกับพระองค์
 พระหัตถ์ขวาของพระองค์ค้ำจุนข้าพระองค์ไว้
9แต่บรรดาผู้มุ่งเอาชีวิตข้าพระองค์
 จะลงไปในที่ลึกแห่งแผ่นดินโลก
10เขาทั้งหลายจะล้มลงด้วยดาบ
 พวกเขาจะเป็นเหยื่อของสุนัขจิ้งจอก
11แต่พระราชาจะทรงยินดีในพระเจ้า
 ทุกคนที่สาบานโดยอ้างพระเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
 เพราะปากของคนพูดมุสาจะถูกปิด

อรรถาธิบาย

แสวงหาพระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน

‘อาหาร’ ฝ่ายจิตวิญญาณ จริง ๆ แล้วก็เหมือนกับอาหารฝ่ายร่างกาย แต่อาหารฝ่ายจิตวิญญาณเติมเต็มจิตวิญญาณของเราในแบบที่อาหารฝ่ายร่างกายให้ไม่ได้

ขณะที่ดาวิดอยู่ในทะเลทราย เขารู้ว่าความกระหายและความหิวทางร่างกายเป็นอย่างไร แต่ดาวิดก็รู้และมีประสบการณ์กับความกระหายทางจิตวิญญาณด้วย: 'จิตใจของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์ เนื้อหนังของข้าพระองค์กระเสือกกระสนหาพระองค์ ในดินแดนที่แห้งแล้งและอ่อนระโหย ที่ซึ่งไม่มีน้ำ’ (ข้อ 1) และเขารู้ดีว่าความหิวกระหายจิตวิญญาณของเขาเป็นอย่างไร: ‘จิตใจของข้าพระองค์จะอิ่มหนำดังได้กินอาหารชั้นเลิศ’ (ข้อ 5ก)

ความหิวกระหายทางจิตวิญญาณของเขาได้รับการสนองตอบเมื่อเขานมัสการพระเจ้า ‘ดังนั้นที่นี่ข้าพระองค์อยู่ในสถานนมัสการ ด้วยตาใจที่เปิดออก และ ดื่มด่ำในพระกำลังและพระสิริของพระองค์’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ดาวิดยกมือขึ้นเพื่อแสดงการเทิดทูน ความเคารพ และการยอมจำนน ‘เพราะว่าความรักมั่นคงของพระองค์ดีกว่าชีวิต ริมฝีปากของข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ เช่นนั้นแหละ ข้าพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระองค์ ตราบที่ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ ข้าพระองค์จะชูมือต่อพระนามของพระองค์’ (ข้อ 3-4) การยกมือขึ้นเป็นท่าทีของการอธิษฐานที่เก่าแก่ที่สุด ดังที่พระสันตะปาปาอเมริตัส เบเนดิกต์ เขียนว่า ‘เป็นท่าทางการนมัสการในรูปแบบต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง... เพื่อเปิดใจต่อพระเจ้า ยอมจำนนต่อพระองค์ทั้งสิ้น’

คุณจะทำอย่างไรเมื่อนอนไม่หลับหรือมีช่วงเวลาที่ตื่นตัวในตอนกลางคืน? ดาวิดกล่าวว่าเขานมัสการและสรรเสริญพระเจ้าว่า ‘ข้าพเจ้าระลึกถึงพระองค์เมื่ออยู่บนเตียงและนั่งตรึกตรองถึงพระองค์ในยามกลางคืน’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

ขณะที่ดาวิดทุ่มเทหัวใจในการนมัสการทั้งกลางวันและกลางคืนต่อพระเจ้า ดาวิดค้นพบความเข้มแข็งและการค้ำจุนจากพระเจ้า เขาเขียนว่า ‘เพราะพระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะร้องเพลงด้วยความยินดีอยู่ในร่มปีกของพระองค์ จิตใจของข้าพระองค์แนบสนิทกับพระองค์ พระหัตถ์ขวาของพระองค์ค้ำจุนข้าพระองค์ไว้’ (ข้อ 7–8)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์แสวงหาพระองค์ ขอบคุณพระองค์ ที่ทรงตอบสนองจิตวิญญาณของข้าพระองค์ ด้วยอาหารชั้นเลิศ และดับความกระหายฝ่ายวิญญาณ ของข้าพระองค์ ขอบพระคุณที่ความรักของพระองค์ดีกว่าชีวิต
พันธสัญญาใหม่

ยอห์น 10:22-42

พวกยิวปฏิเสธพระเยซู

 22ขณะนั้นเป็นเทศกาลฉลองพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม และเป็นฤดูหนาว 23พระเยซูทรงดำเนินอยู่ในบริเวณพระวิหารที่เฉลียงของซาโลมอน 24พวกยิวก็พากันมาห้อมล้อมพระองค์และทูลว่า “ท่านจะให้เราสงสัยไปอีกนานแค่ไหน? ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ก็จงบอกให้ชัดเจนเถิด” 25พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกพวกท่านแล้วแต่ท่านไม่เชื่อ สิ่งที่เราทำในพระนามพระบิดาของเราก็เป็นพยานให้กับเรา 26แต่พวกท่านไม่เชื่อเพราะท่านไม่ได้เป็นแกะของเรา 27แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นก็ตามเรา 28เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะทั้งหลาย แกะเหล่านั้นจะไม่มีวันพินาศและจะไม่มีใครแย่งชิงแกะนั้นไปจากมือของเราได้ 29พระบิดาของเราผู้ประทานแกะนั้นให้แก่เราทรงเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่งสำเนาโบราณบางฉบับว่า สิ่งที่พระบิดาของเราประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง และไม่มีใครสามารถชิงไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาได้ 30เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
 31พวกยิวจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาอีกจะขว้างพระองค์ให้ตาย 32พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า “เราแสดงให้ท่านเห็นการดีหลายอย่างของพระบิดา พวกท่านหยิบก้อนหินจะขว้างเราให้ตายเพราะการดีข้อไหน?” 33พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า “เราจะขว้างท่านไม่ใช่เพราะการดีใดๆ แต่เพราะการพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า” 34พระเยซูตรัสว่า “ในพระคัมภีร์ของท่านมีคำเขียนไว้ไม่ใช่หรือว่า ‘เรากล่าวว่าพวกท่านเป็นพระ?’ 35ถ้าคนที่รับพระวจนะของพระเจ้าได้ชื่อว่าเป็นพระ (และจะฝ่าฝืนพระคัมภีร์ไม่ได้) 36พวกท่านจะกล่าวหาผู้ที่พระบิดาทรงตั้งไว้เป็นพิเศษและทรงใช้เข้ามาในโลกว่า ‘ท่านกล่าวคำหมิ่นประมาทพระเจ้า’ เพราะเรากล่าวว่า ‘เราเป็นบุตรของพระเจ้า’ อย่างนั้นหรือ? 37ถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติพระราชกิจของพระบิดาของเราก็อย่าวางใจเราเลย 38แต่ถ้าเราปฏิบัติพระราชกิจนั้น แม้ว่าท่านไม่วางใจในเรา ก็จงวางใจในพระราชกิจเหล่านั้นเถิด เพื่อท่านจะได้รู้และเข้าใจว่าพระบิดาทรงอยู่ในเราและเราอยู่ในพระบิดา” 39พวกเขาพยายามจะจับพระองค์อีกครั้งหนึ่ง แต่พระองค์ทรงรอดพ้นจากมือของเขา
 40พระองค์เสด็จข้ามแม่น้ำจอร์แดนอีก และไปถึงตำบลที่ยอห์นเคยให้บัพติศมา แล้วพระองค์ทรงพักอยู่ที่นั่น 41คนจำนวนมากพากันมาหาพระองค์กล่าวว่า “ถึงยอห์นไม่ได้ทำหมายสำคัญอะไรเลย แต่ทุกสิ่งที่ยอห์นกล่าวถึงท่านผู้นี้เป็นความจริง” 42และมีคนที่นั่นหลายคนวางใจในพระองค์

อรรถาธิบาย

สื่อสารกับพระเจ้าผ่านทางพระเยซู

ทั้งคุณและผมจะสื่อสารกับพระเจ้าอย่างไร?

การสื่อสารกับพระเยซูคือการสื่อสารกับพระเจ้า พวกยิวที่พบพระเยซูเข้าใจว่าพระองค์อ้างตนเองว่าเป็นพระเจ้า (ข้อ 33) เมื่อพระองค์ตรัสว่า ‘เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน’ (ข้อ 30) และ ‘พระบิดาทรงอยู่ในเราและเราอยู่ในพระบิดา’ (ข้อ 38) หูของผู้ที่ฟังพระองค์จะไม่มีความเคลือบแคลงใจใด ๆ แต่บรรดาผู้ที่ต่อต้านพระองค์เข้าใจว่าเป็นการดูหมิ่นประมาทพระเจ้า ‘เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า’ (ข้อ 33) และพวกเขาหยิบก้อนหินเพื่อขว้างพระองค์ให้ตาย (ข้อ 31–33)

พระเยซูทรงสื่อสารกับสาวกของพระองค์และพระองค์ยังทรงสื่อสารกับเราต่อไป ทรงตรัสว่า ‘แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นก็ตามเรา’ (ข้อ 27) เราจะเห็นเครื่องหมายของคริสเตียนแท้ ดังนี้

  1. เชื่อในพระเยซู
    ข้อนี้มีความแตกต่างระหว่างผู้ที่ ‘วางใจในพระองค์’ (ข้อ 42) กับผู้ที่ ‘ไม่เชื่อ’ (ข้อ 25–26) ความเชื่อในพระเยซูหมายถึงการเชื่อในพระองค์เมื่อตรัสว่า ‘เราเป็นบุตรของพระเจ้า' (ข้อ 36) และวางใจในพระองค์

  2. รู้จักพระเยซู
    พระเยซูตรัสว่า ‘แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักแกะเหล่านั้น …’ (ข้อ 27) การเป็นคริสเตียนคือการจดจำและทำตามเสียงของพระเยซู นี่คือคำจำกัดความของคริสเตียน หาใช่ความรู้มากมายเกี่ยวกับพระเยซู แต่คือการรู้จักพระองค์จริง ๆ และสิ่งนี้ก็ตามมาด้วยคำยืนยันที่ยอดเยี่ยมว่าพระเยซูทรงรู้จักเราด้วยเช่นกัน

  3. ติดตามพระเยซู
    พระเยซูตรัสว่า ‘แกะนั้นก็ตามเรา' (ข้อ 27) สิ่งนี้ส่งผลต่อชีวิตของคุณ ดังที่พระเยซูตรัสไว้ในข้ออื่นว่า ‘พวกท่านจะรู้จักพวกเขาด้วยผลของพวกเขา’ (มัทธิว 7:16, 20) ยากอบเขียนว่า ‘ลำพังความเชื่อ ถ้าไม่มีการปฏิบัติ ก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว’ (ยากอบ 2:17) หลักฐานเบื้องต้นของความเชื่อคือความรัก ผู้ที่ติดตามพระเยซูจะทำตามแบบอย่างความรักของพระองค์

พระเยซูสัญญากับคริสเตียนแท้ทุกคนว่า ‘เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะทั้งหลาย’ (ยอห์น 10:28) นี่ไม่ใช่เพียงด้านปริมาณของชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นคุณภาพด้วย พระเยซูทรงสนองความหิวกระหายฝ่ายวิญญาณของเรา ในความสัมพันธ์กับพระเยซูเราจะพบความพึงพอใจในจิตวิญญาณลึก ๆ ที่ไม่สามารถพบได้ในที่อื่น

พระเยซูสัญญาว่าความสัมพันธ์เช่นนี้กับพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป มันได้เริ่มต้นแล้ว และเป็น ‘นิรันดร์’ (ข้อ 28) ผู้ที่ติดตามพระเยซูจะ ‘ไม่มีวันพินาศ’ (ข้อ 28) นี่คือของประทาน (‘เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะทั้งหลาย’) (ข้อ 28) เป็นสิ่งที่เราทำเพื่อให้ได้มา และ สิ่งนี้ก็หายไม่ได้ พระเยซูทรงสัญญาว่า ‘ไม่มีใครแย่งชิงแกะนั้นไปจากมือของเราได้… และไม่มีใครสามารถชิงไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาได้’ (ข้อ 28–29)

อาจมีอุปสรรค์และการทดลองมากมายระหว่างทาง แต่ในที่สุดพระหัตถ์ของพระเยซูและพระหัตถ์ของพระบิดาก็ร่วมมือกันคุ้มครองคุณ คริสเตียนอาจสูญเสียงาน เงิน ครอบครัว เสรีภาพ และแม้กระทั่งชีวิต แต่พวกเขาไม่มีวันสูญเสียชีวิตนิรันดร์

คำอธิษฐาน

ขอบพระคุณพระเจ้า ที่ข้าพระองค์สามารถฟังเสียงของพระองค์ ข้าพระองค์ได้รู้จักพระองค์ และพระองค์ประทานชีวิตนิรันดร์แก่ข้าพระองค์ ขอบพระคุณที่พระองค์สัญญาว่าข้าพระองค์จะไม่มีวันพินาศ และไม่มีใครแย่งข้าพระองค์ไปจากมือของพระองค์ได้ ขอบพระคุณในความสัมพันธ์นี้ ข้าพระองค์พบความพึงพอใจในจิตวิญญาณทั้งในขณะนี้และตลอดไป
พันธสัญญาเดิม

1 ซามูเอล 1:1-2:26

กำเนิดและการถวายซามูเอล

 1มีชายคนหนึ่งเป็นชาวรามาธาอิมโซฟิม แห่งแดนเทือกเขาเอฟราอิมชื่อเอลคานาห์บุตรเยโรฮัม ผู้เป็นบุตรเอลีฮู ผู้เป็นบุตรโทหุ ผู้เป็นบุตรศูฟ คนเผ่าเอฟราอิม 2เขามีภรรยาสองคน คนหนึ่งชื่อฮันนาห์ อีกคนหนึ่งชื่อเปนินนาห์ เปนินนาห์มีบุตรแต่ฮันนาห์ไม่มี
 3ชายผู้นี้เคยขึ้นไปจากเมืองของเขาทุกปี ไปนมัสการและถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์จอมทัพที่เมืองชิโลห์ ที่นั่นมีบุตรชายสองคนของเอลีชื่อโฮฟนีและฟีเนหัส เป็นพวกปุโรหิตของพระยาห์เวห์ 4ในวันที่เอลคานาห์ถวายสัตวบูชา ท่านให้ส่วนแบ่งแก่เปนินนาห์ภรรยาของท่าน และแก่พวกบุตรชายบุตรหญิงทุกคนของนาง 5ท่านแบ่งให้ฮันนาห์สองส่วน เพราะท่านรักนางมาก แม้ว่าพระยาห์เวห์ทรงปิดครรภ์ของนางเสีย 6เมียคู่กับนางก็ยั่วเย้านางอย่างรุนแรงทำให้นางระคายเคือง เพราะเหตุที่พระยาห์เวห์ทรงปิดครรภ์ของนาง 7เหตุการณ์ก็เป็นอยู่ดังนี้ปีแล้วปีเล่า เมื่อนางขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ครั้งไหน เมียคู่ของนางก็เคยยั่วเย้านาง ดังนั้นนางฮันนาห์จึงร้องไห้ไม่รับประทานอาหาร 8เอลคานาห์สามีของนางจึงถามนางว่า “ฮันนาห์ทำไมเธอร้องไห้? ทำไมเธอจึงไม่รับประทานอาหาร? ทำไมจิตใจของเธอจึงโศกเศร้า? สำหรับเธอ ฉันไม่ดีกว่าบุตรชายสิบคนหรือ?”
 9หลังจากที่ได้รับประทานอาหารและดื่มที่เมืองชิโลห์แล้ว ฮันนาห์ก็ลุกขึ้น เอลีปุโรหิตนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเสาประตูพระวิหารของพระยาห์เวห์ 10นางขมขื่นใจมากจึงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์และร้องไห้อย่างหนัก 11นางบนไว้ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ ถ้าพระองค์จะทอดพระเนตรความทุกข์ใจของผู้รับใช้ของพระองค์จริงๆ ทรงระลึกถึงข้าพระองค์ และไม่ทรงลืมผู้รับใช้ของพระองค์ แต่จะประทานบุตรชายแก่ผู้รับใช้ของพระองค์สักคน แล้วข้าพระองค์จะถวายเขาแด่พระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา และมีดโกนจะไม่แตะต้องศีรษะของเขาเลย”
 12อยู่มาเมื่อนางยังวิงวอนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์อยู่นั้น เอลีก็สังเกตดูปากของนาง 13ฮันนาห์นั้นนางพูดแต่ในใจ ริมฝีปากของนางขยับอยู่เท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงของนาง เพราะเหตุนี้เอลีจึงคิดว่านางเมา 14เอลีจึงพูดกับนางว่า “เธอจะเมาไปนานสักเท่าใด? จงทิ้งเหล้าองุ่นเถอะ” 15แต่ฮันนาห์ตอบว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นค่ะเจ้านายของดิฉัน ดิฉันเป็นหญิงที่ทุกข์ใจยิ่งนัก ดิฉันไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา แต่ดิฉันระบายความในใจของดิฉันออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 16ขออย่าถือว่าหญิงผู้รับใช้ของท่านเป็นหญิงเลว ที่ดิฉันพูดตลอดมานั้น ก็พูดด้วยความกระวนกระวายและความเศร้าใจมาก” 17แล้วเอลีก็ตอบว่า “จงกลับไปเป็นสุขเถิด ขอพระเจ้าแห่งอิสราเอลโปรดประทานตามคำขอที่เจ้าได้ทูลขอจากพระองค์” 18และนางก็ตอบว่า “ขอหญิงผู้รับใช้ของท่านได้รับความโปรดปรานจากท่านเถิด” แล้วหญิงนั้นก็ไปตามทางของนาง รับประทานอาหาร และใบหน้าของนางก็ไม่โศกเศร้าอีกต่อไป
 19พวกเขาลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ นมัสการพระยาห์เวห์ แล้วก็กลับไปบ้านที่รามาห์ และเอลคานาห์มีเพศสัมพันธ์กับฮันนาห์ภรรยาของเขา และพระยาห์เวห์ทรงระลึกถึงนาง 20และต่อมาเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ฮันนาห์ก็ตั้งครรภ์คลอดบุตรชายคนหนึ่ง และนางให้ชื่อเด็กนั้นว่าซามูเอล เพราะนางกล่าวว่า “ดิฉันทูลขอมาจากพระยาห์เวห์”
 21เอลคานาห์สามีและทุกคนในครอบครัวของเขาจะขึ้นไปถวายสัตวบูชาประจำปีแด่พระยาห์เวห์ และแก้บนของเขา 22แต่ฮันนาห์ไม่ได้ขึ้นไปด้วย เพราะนางบอกสามีว่า “ฉันจะไม่ไปจนกว่าเด็กคนนี้หย่านม แล้วฉันจะพาเขาขึ้นไป เพื่อเขาจะได้ปรากฏตัวเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และอยู่ที่นั่นตลอดไป” 23เอลคานาห์สามีบอกนางว่า “จงทำตามที่เธอเห็นว่าดีเถิด รออยู่จนให้เขาหย่านม ขอเพียงให้พระดำรัสของพระยาห์เวห์สำเร็จเถิด” นางนั้นก็คอยอยู่และให้บุตรกินนมของเธอ จนนางให้เขาหย่านม 24และเมื่อนางให้เขาหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปพร้อมกับวัวผู้อายุสามปีหนึ่งตัว แป้ง 10 กิโลกรัมและเหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนัง และนางก็นำเขามาที่พระนิเวศของพระยาห์เวห์ที่เมืองชิโลห์ และเด็กนั้นก็ยังเล็กอยู่ 25แล้วพวกเขาก็ฆ่าวัวผู้ตัวนั้นและนำเด็กมาหาเอลี 26นางก็กล่าวว่า “เจ้านายของดิฉันมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ท่านเจ้าข้า ดิฉันเองคือผู้หญิงที่เคยยืนอยู่ที่นี่ต่อหน้าท่าน และทูลวิงวอนต่อพระยาห์เวห์ 27ดิฉันทูลวิงวอนขอเด็กคนนี้ และพระยาห์เวห์ประทานตามคำทูลขอของดิฉันตามที่ได้ทูลวิงวอนต่อพระองค์ 28เพราะฉะนั้นดิฉันเองถวายเขาแด่พระยาห์เวห์ เขาถูกถวายแด่พระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา” และเขาก็นมัสการพระยาห์เวห์ที่นั่น

1 ซามูเอล 2

คำอธิษฐานของนางฮันนาห์

1นางฮันนาห์อธิษฐานว่า
 “จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมในพระยาห์เวห์
ในพระยาห์เวห์ กำลังของข้าพเจ้าก็เข้มแข็ง
 ปากของข้าพเจ้าหัวเราะพวกศัตรูของข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้ายินดีในความรอดของพระองค์
2“ไม่มีใครบริสุทธิ์ดังพระยาห์เวห์
 ไม่มีใครเปรียบเหมือนพระองค์
 ไม่มีใครปกป้องเหมือนพระเจ้าของพวกเรา
3อย่าพร่ำพูดเย่อหยิ่งโอหังอีกต่อไป
 อย่าให้ความจองหองออกมาจากปากของพวกเจ้า
เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงรู้
 ผู้ตรวจการกระทำทั้งหลาย
4คันธนูของนักรบก็หัก
 แต่คนอ่อนแอก็ได้รับการเสริมกำลัง
5บรรดาคนที่เคยกินอิ่มก็ต้องออกรับจ้างหากิน
 แต่บรรดาคนที่หิวก็หยุดหิว
คนที่เป็นหมันมีบุตรเจ็ดคน
 แต่นางที่มีบุตรมากก็ร่วงโรยไป
6พระยาห์เวห์ทรงประหารและทรงให้มีชีวิต
 พระองค์ทรงนำลงไปถึงแดนคนตายและทรงนำขึ้นมา
7พระยาห์เวห์ทรงทำให้ยากจนและทรงทำให้มั่งคั่ง
ทรงทำให้ต่ำลงและทรงยกขึ้น
8ทรงยกคนยากจนขึ้นจากผงคลี
 ทรงยกคนขัดสนขึ้นจากกองขี้เถ้า
ทรงทำให้พวกเขานั่งร่วมกับพวกเจ้านาย
 และได้ที่นั่งอันมีเกียรติเป็นมรดก
เพราะว่าบรรดาเสาแห่งพิภพเป็นของพระยาห์เวห์
 พระองค์ทรงวางพิภพไว้บนเสาเหล่านั้น
9“พระองค์จะทรงดูแลย่างเท้าของธรรมิกชนของพระองค์
 แต่คนอธรรมจะต้องถูกทำลายในความมืด
 เพราะว่ามนุษย์จะชนะด้วยกำลังของเขาก็หาไม่
10บรรดาผู้ต่อสู้พระยาห์เวห์จะถูกทำลาย
 พระองค์จะทรงส่งฟ้าร้องจากสวรรค์ต่อสู้เขา
พระยาห์เวห์จะทรงพิพากษาจนสุดปลายพิภพ
 พระองค์จะประทานกำลังแก่พระราชาของพระองค์
และจะทรงเสริมอำนาจของผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้”
 11แล้วเอลคานาห์ก็กลับไปบ้านของเขาที่รามาห์ และเด็กนั้นก็ปรนนิบัติพระยาห์เวห์ต่อหน้าเอลีปุโรหิต

บุตรชายชั่วร้ายของเอลี

 12บุตรทั้งสองของเอลีเป็นคนอันธพาล ไม่รู้จักพระยาห์เวห์ 13ธรรมเนียมของพวกปุโรหิตที่มีต่อประชาชนเป็นอย่างนี้ เมื่อมีประชาชนคนใดถวายเครื่องสัตวบูชา คนใช้ของปุโรหิตจะเข้ามา มือถือสามง่าม ขณะเมื่อเนื้อกำลังต้มอยู่ 14เขาจะเอาสามง่ามแทงเข้าไปในกระทะ หรือหม้อหู หรือหม้อทะนน หรือหม้อธรรมดา สามง่ามติดอะไรขึ้นมา ปุโรหิตก็เอาสิ่งนั้นไปเป็นของตน พวกเขาทำเช่นนั้นแก่คนอิสราเอลทุกคนที่มาเมืองชิโลห์ 15ยิ่งกว่านั้น ก่อนที่พวกเขาเผาไขมัน คนใช้ของปุโรหิตเข้ามากล่าวแก่ชายผู้ทำสัตวบูชาว่า “ขอเนื้อไปให้ปุโรหิตทอด ท่านไม่รับเนื้อต้มจากเจ้า ท่านต้องการเนื้อดิบ” 16และถ้าชายคนนั้นกล่าวแก่เขาว่า “พวกเขาต้องเผาไขมันก่อนจริงๆ แล้วจงเอาไปตามชอบใจเถิด” เขาจะตอบว่า “ไม่ได้ เจ้าต้องให้เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ให้ข้าก็จะใช้กำลังเอาไป”  17ดังนี้แหละ บาปของคนหนุ่มทั้งสองนั้นจึงใหญ่หลวงนักเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะว่าคนหนุ่มทั้งสองนั้นได้ดูหมิ่นเครื่องถวายบูชาแด่พระยาห์เวห์ 18แต่ซามูเอลปรนนิบัติอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เป็นเด็กคนที่คาดเอวด้วยเอโฟดผ้าป่าน 19มารดาเคยเย็บเสื้อคลุมตัวเล็กๆ นำมาให้เขาทุกปี เมื่อนางขึ้นไปพร้อมกับสามีเพื่อถวายเครื่องสัตวบูชาประจำปี 20แล้วเอลีอวยพรเอลคานาห์และภรรยาของเขากล่าวว่า “ขอพระยาห์เวห์ประทานลูกๆ แก่ท่านโดยหญิงคนนี้ แทนคนที่นางเคยทูลขอและถวายไว้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์” แล้วพวกเขาก็กลับไปยังที่อยู่ของพวกเขา
 21และพระยาห์เวห์ทรงเยี่ยมเยียนฮันนาห์ และนางก็ตั้งครรภ์คลอดบุตรเป็นชายสามหญิงสอง ส่วนกุมารซามูเอลก็เติบโตขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 22เอลีชรามากแล้ว และท่านได้ยินถึงเรื่องราวทั้งสิ้น ที่บุตรทั้งสองของท่านทำแก่คนอิสราเอล และที่พวกเขานอนกับหญิงที่ปรนนิบัติอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบด้วย 23และท่านก็พูดกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกเจ้าจึงทำสิ่งเหล่านั้น? เพราะเราได้ยินจากประชาชนทั้งปวงถึงความประพฤติชั่วร้ายมากซึ่งพวกเจ้าทำ 24อย่าเลย ลูกเอ๋ย เรื่องที่เราได้ยินประชากรของพระยาห์เวห์เล่าแพร่ทั่วไปเป็นเรื่องไม่ดีเลย 25ถ้ามนุษย์คนไหนทำบาปต่อมนุษย์ด้วยกัน พระเจ้าจะทรงวินิจฉัยให้เขา แต่ถ้ามนุษย์ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ ใครจะทูลขอเพื่อเขาได้เล่า?” แต่เขาทั้งสองไม่เชื่อฟังบิดาของพวกเขา เพราะว่าเป็นพระประสงค์ของพระยาห์เวห์ที่จะทรงประหารเขาเสีย
 26ส่วนกุมารซามูเอลก็เติบโตขึ้น และเป็นที่ชอบมากขึ้น เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์และต่อหน้ามนุษย์

อรรถาธิบาย

ระบายความในใจและจิตวิญญาณของคุณกับพระเจ้า

มีสิ่งที่คุณต้องการอย่างยิ่งจากพระเจ้าหรือไม่?

เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บางครั้งในชีวิตเราอาจะรู้สึก ‘ขมขื่นใจ’ (1:10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) อย่าปล่อยให้ความขมขื่นกัดกินจิตใจของคุณ แต่จงเทมันออกแด่พระเจ้าเช่นเดียวกับนางฮันนาห์ ‘ฮันนาห์รู้สึกเหมือนถูกบดขยี้ในจิตวิญญาณ นางจึงอธิษฐานอ้อนวอนต่อพระเจ้าและร้องไห้อย่างหนัก’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ไม่มีอะไรดีไปกว่าการรู้สึกหลุดพ้นมากไปว่าการได้ระบายความในใจของคุณต่อพระพักตร์พระเจ้านั่นคือการทูลต่อพระองค์ถึงปัญหาของคุณ แทนที่จะแบกรับปัญหาเหล่านั้นไว้กับตัว แต่ให้เราทูลขอให้พระองค์หาทางแก้ไข และจากนั้นเพื่อรับสันติสุขของพระเจ้า (ฟีลิปปี 4: 6–7)

ฮันนาห์คลายความปวดร้าวของเธอเป็นเวลานาน ก่อนที่เธอจะเห็นคำตอบสำหรับคำอธิษฐานของเธอจริง ๆ

นี่คือภาพที่สวยงามของการอธิษฐานจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ‘อยู่มาเมื่อนางยังวิงวอนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์อยู่นั้น เอลีก็สังเกตดูปากของนาง ฮันนาห์นั้นนางพูดแต่ในใจ ริมฝีปากของนางขยับอยู่เท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงของนาง’ (1 ซามูเอล 1:12–13ก) เอลีกล่าวหาว่าเธอเมา เธอตอบว่า ‘ไม่ใช่เช่นนั้นค่ะเจ้านายของดิฉัน ดิฉันเป็นหญิงที่ทุกข์ใจยิ่งนัก... แต่ดิฉันระบายความในใจของดิฉันออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ...ที่ดิฉันพูดตลอดมานั้น ก็พูดด้วยความกระวนกระวายและความเศร้าใจมาก’ (ข้อ 15–16)

เอลีบอกนางว่า ‘จงกลับไปเป็นสุขเถิด ขอพระเจ้าแห่งอิสราเอลโปรดประทานตามคำขอที่เจ้าได้ทูลขอจากพระองค์’ (ข้อ 17) และเมื่อเธอจากไป ใบหน้าของเธอก็ไม่เศร้าโศกอีกต่อไป ‘เธอกินตุ้ย ๆ ใบหน้าของเธอก็เปล่งปลั่ง’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เธอรู้ลึก ๆ ว่าพระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของเธอแล้ว และที่จริงแล้ว ‘พระยาห์เวห์ทรงระลึกถึงนาง’ (ข้อ 19) ที่จริงแล้ว พระเจ้าทรงทำมากกว่าตอบคำอธิษฐานของเธอ พระองค์ไม่เพียงแต่มอบบุตรตามที่เธอใฝ่ฝันเท่านั้น แต่เธอยังให้กำเนิดบุตรธิดาหกคน (ข้อ 2:21)

ขณะเดียวกัน ‘ส่วนกุมารซามูเอลก็เติบโตขึ้น และเป็นที่ชอบมากขึ้น เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์และต่อหน้ามนุษย์’ (ข้อ 26) พระคัมภีร์ข้อนี้เราใช้บ่อยในการอธิฐานเผื่อเด็ก ๆ

คำอธิษฐานของฮันนาห์หลังจากซามูเอลเกิดเป็นการแสดงที่ชัดเจนถึงความพึงพอใจของจิตวิญญาณที่เธอได้รับผ่านความสัมพันธ์ของเธอกับพระเจ้า เธออธิษฐานและขอบพระคุณพระเจ้าว่า ‘แต่บรรดาคนที่หิวก็หยุดหิว’ (ข้อ 5)

การเปิดเผยที่น่าอัศจรรย์ในคำอ้อนวอนของฮันนาห์คือแหล่งสูงสุดของความชื่นชมยินดีของเธอนั้นไม่ใช่ลูกของเธอ แต่คือในพระเจ้า เธอกล่าวว่า ‘จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมในพระยาห์เวห์’ (ข้อ 1) พระองค์ทรงเป็นแหล่งของความอิ่มเอมใจ

‘ข้าพระองค์มีความสุขมากมาย...พระเจ้าทรงชุบชีวิต...พระองค์ทรงจุดชีวิตที่มอดไหม้อีกครั้งด้วยความหวังใหม่ ฟื้นฟูศักดิ์ศรีและความเคารพต่อชีวิตของพวกเขา’ (ข้อ1,6,8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับคำตอบอันน่าอัศจรรย์ต่อคำอธิษฐานซึ่งพระองค์ประทานเมื่อข้าพระองค์เทจิตวิญญาณให้กับพระองค์ ขอบพระคุณที่บางครั้งพระองค์ตอบคำอธิษฐานของข้าพระองค์อย่างน่าทึ่ง แต่ไม่ว่าข้าพระองค์จะได้รับสิ่งที่ข้าพระองค์ขอโดยเฉพาะเจาะจงหรือไม่ ข้าพระองค์ก็ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงสัญญากับข้าพระองค์ว่า จะทรงมอบสันติสุข

เพิ่มเติมโดยพิพพา

1 ซามูเอล 1:1–2:26

ฉันค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับฮันนาห์และซามูเอลอยู่เสมอ ฮันนาห์เลือกที่จะยอมมอบลูกชายของเธอ ซามูเอลต้องออกไปใช้ชีวิตร่วมกับปุโรหิตชราคนหนึ่ง และลูกชายที่ชั่วร้ายสองคนของเขา ไม่ใช่สถานการณ์การเลี้ยงดูที่ดี

ฉันสงสัยว่าฮันนาห์งดให้นมซามูเอลได้กี่ปีก่อนที่เขาจะหย่านมได้ หวังว่าอย่างน้อยก็สิบปี! แม้ว่าจะไม่ใช่สถานการณ์การเลี้ยงดูที่ดีเยี่ยม อาจจะไม่ได้เตะฟุตบอลและเล่มเกมส์กับครอบครัวมากนัก แต่ซามูเอลเติบโตมากับพระเจ้า รู้จักพระเจ้า และเรียนรู้ที่จะได้ฟังเสียงของพระองค์

เป็นสิ่งที่โล่งใจที่เด็กๆ สามารถทำได้ดี แม้ว่าการเลี้ยงดูของเราจะห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบก็ตาม

ข้อพระคำประจำวัน

ยอห์น 10:27

‘แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นก็ตามเรา’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม