วัน 8

ไม่มีสิ่งใดยากเกินไปสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 1:8-19
พันธสัญญาใหม่ มัทธิว 6:25-7-23
พันธสัญญาเดิม ปฐมกาล 17:1-18:33

เกริ่นนำ

คุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในชีวิตหรือไม่? มีเรื่องยากเกินแก้เกิดขึ้นในความสัมพันธ์หรือไม่? ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง? ความท้าทายที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในงานของคุณ มีนิสัยหรือการเสพติดที่คุณพบว่าเลิกไม่ได้บ้างไหม?

ไม่ว่าคุณจะเผชิญกับความท้าทายใด ๆ ในปีข้างหน้านี้ ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับพระเจ้า

อับราฮัมอายุร้อยปี นางซาราห์ภรรยาของเขาอายุเก้าสิบ พระเจ้าสัญญากับพวกเขาว่าจะประทานบุตรให้ พวกเขากล่าวว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ นี่คือบริบทของคำถามปลายปิดที่ว่า ‘มีสิ่งใดอัศจรรย์เกินที่พระยาห์เวห์จะทรงทำได้?’ (ปฐมกาล 18:14) คำตอบคือ ‘ไม่’ หากซาราห์สามารถตั้งครรภ์ได้เมื่อ ‘ชราแล้วและประจำเดือนของซาราห์ก็หมดไปแล้ว’ (ข้อ 11) แต่ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า

ในแต่ละความท้าทายสามประการที่เราเห็นในพระคำวันนี้ เราต้องระลึกไว้เสมอว่าไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับองค์พระผู้เป็นพระเจ้า

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 1:8-19

คำตักเตือนให้ระวังเพื่อนที่ไม่ดี

8ลูกเอ๋ย จงฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า
 และอย่าทิ้งคำสอนของแม่เจ้า
9เพราะสองสิ่งนั้นเป็นมงคลงามที่ศีรษะเจ้า
 เป็นสร้อยรอบคอเจ้า
10ลูกเอ๋ย ถ้าคนบาปล่อชวนเจ้า
 อย่าได้ยอมตาม
11ถ้าพวกเขาพูดว่า “มากับเราเถิด ให้เราหมอบคอยเอาเลือดคน
 ให้เราซุ่มทำร้ายคนบริสุทธิ์เล่นเถิด
12ให้เรากลืนพวกเขาทั้งเป็นอย่างแดนคนตาย
 และกลืนเขาทั้งตัว อย่างคนเหล่านั้นที่ลงหลุมมรณา
13เราจะพบของล้ำค่าทุกอย่าง
 เราจะบรรจุบ้านเราให้เต็มด้วยของที่ปล้นมาได้
14จงเข้าส่วนกับเรา
 เราทุกคนจะมีเงินถุงเดียวกัน”
15ลูกเอ๋ย อย่าเดินในทางนั้นกับพวกเขา
 จงยั้งเท้าของเจ้าจากวิถีของพวกเขา
16เพราะว่าเท้าของพวกเขาวิ่งไปหาความชั่วร้าย
 และพวกเขารีบเร่งไปฆ่าคน
17เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะขึงข่ายให้นกเห็น
18แต่คนเหล่านี้หมอบคอยเอาเลือดตนเอง
 พวกเขาซุ่มทำร้ายชีวิตตัวเอง
19ทางของทุกคนที่หากำไรด้วยความทารุณโหดร้าย ก็อย่างนี้แหละ
 มันย่อมคร่าเอาชีวิตเจ้าของนั้นเอง

อรรถาธิบาย

ต่อสู้กับการทดลอง

พระเยซูไม่เคยบอกให้เราถอนตัวจากโลกนี้ ความท้าทายคือการอยู่ ‘ในโลก’ แต่ไม่ใช่เป็น ‘ของโลก’ คุณถูกเรียกให้ต่อสู้การทดลองของโลกใบนี้

ในหนังสือสุภาษิตได้ให้คำแนะนำที่ใช้ได้จริงเกี่ยวกับวิธีการมาสู่ความสมดุล คืออย่าปล่อยผู้อื่นล่อลวงคุณให้ทำบาป ‘ถ้าคนบาปล่อชวนเจ้า อย่าได้ยอมตาม’ (ข้อ 10 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) 'ถ้าพวกเขาพูดว่า "มากับเราเถิด..."’ (ข้อ 11) จงอย่ายอม

ตอนที่ผมเป็นทนายฝึกหัด ผมสังเกตเห็นว่ามีหลายคนที่ถูกนำไปสู่อาชญากรรมโดยถูกชักชวนว่า ‘มากับพวกเราเถอะ’

อย่าตกเข้าไปสู่ความบาปเพียงเพราะเห็นว่าจริง ๆ แล้วคนอื่นก็ทำเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการหลบเลี่ยงภาษีหรือโกงค่าโดยสาร การเมาหรือสำส่อน อย่าเดินตามคนหมู่มาก ‘อย่าเดินในทางนั้นกับพวกเขา’ (ข้อ 15) บางสิ่งไม่เป็นที่ยอมรับเพียงเพราะใคร ๆ ก็ทำมัน ผมไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผมให้เป็นเหมือนมาตรฐานของโลกใบนี้ได้

ในท้ายที่สุดหากเท้าของคุณ ‘วิ่งไปหาความชั่วร้าย’ (ข้อ 16) หรือก้าวไปตาม ‘ทางของทุกคนที่หากำไรด้วยความทารุณโหดร้าย’ (ข้อ 19ก) มันจะคร่าชีวิตคุณไป ‘เมื่อเจ้าคว้าทุกสิ่งที่หามาได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ยิ่งเจ้าได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีน้อยลงเท่านั้น’ (ข้อ 19 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

สิ่งล่อตาล่อใจของโลกนี้นั้นช่างแข็งแกร่งมาก แต่กระนั้นไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานพละกำลังให้แก่ข้าพระองค์ในการต่อสู้กับการทดลองทั้งปวงของโลกและไม่ถูกล่อลวงให้ทำบาปตลอดปีนี้
พันธสัญญาใหม่

มัทธิว 6:25-7-23

ความกังวลและความกระวนกระวาย

 25“เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่าจะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารไม่ใช่หรือ? และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มไม่ใช่หรือ? 26จงดูนกทั้งหลายบนฟ้า พวกมันไม่ได้หว่าน ไม่ได้เกี่ยว ไม่ได้รวบรวมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของพวกท่าน ผู้สถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงพวกมันไว้ ท่านไม่ประเสริฐกว่าพวกมันหรือ? 27มีใครในพวกท่านที่โดยความกระวนกระวาย สามารถต่ออายุของตนให้ยืนนานขึ้นอีกนิดหนึ่งได้ 28ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม? จงพิจารณาดูว่าดอกไม้ในทุ่งนานั้นเติบโตขึ้นอย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย 29แต่เราบอกพวกท่านว่า แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อทรงบริบูรณ์ด้วยศักดิ์ศรี ก็ไม่ได้แต่งพระองค์งามเท่าดอกไม้เหล่านี้สักดอกหนึ่ง 30และถ้าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ พวกมีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ? 31เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายและกล่าวว่าจะเอาอะไรกิน? หรือจะเอาอะไรดื่ม? หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม? 32เพราะว่าบรรดาคนต่างชาติแสวงหาสิ่งทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการสิ่งทั้งปวงนี้ 33แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้
 34“เพราะฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกระวนกระวายของมันเอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว

มัทธิว 7

การพิพากษาผู้อื่น

1“อย่าพิพากษา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงพิพากษาท่านทั้งหลาย 2เพราะว่าพวกท่านจะพิพากษาผู้อื่นอย่างไร พระเจ้าจะทรงพิพากษาท่านอย่างนั้น และท่านทั้งหลายจะตวงให้ผู้อื่นด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะทรงตวงให้พวกท่านด้วยทะนานอันนั้น 3ทำไมท่านมองเห็นผงในตาพี่น้องของท่าน แต่กลับมองไม่เห็นไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน? 4ท่านจะกล่าวกับพี่น้องได้อย่างไรว่า ‘ให้ฉันเขี่ยผงออกจากตาของเธอ?’ ทั้งๆ ที่มีไม้ทั้งท่อนอยู่ในตาของท่านเอง 5คนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้
 6“อย่าให้ของบริสุทธิ์แก่สุนัข อย่าโยนไข่มุกให้แก่สุกร เกรงว่ามันจะเหยียบย่ำเสีย และจะหันกลับมากัดพวกท่านด้วย

ขอ หา เคาะ

 7“จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่พวกท่าน 8เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ และทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา  9ในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้ลูกเมื่อเขาขอขนมปัง? 10หรือให้งูเมื่อลูกขอปลา? 11เพราะฉะนั้น ถ้าพวกท่านเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่ลูกของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะประทานสิ่งดีแก่พวกที่ขอต่อพระองค์ 12จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อท่าน เพราะนี่คือธรรมบัญญัติและคำสั่งสอนของบรรดาผู้เผยพระวจนะ

ประตูคับแคบ

 13“จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่ และทางกว้างนั้นนำไปถึงความพินาศ และคนทั้งหลายที่เข้าไปทางนั้นมีมาก 14เพราะประตูที่แคบและทางที่ลำบากนั้นนำไปสู่ชีวิต และพวกที่หาพบก็มีน้อย

รู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน

 15“ท่านทั้งหลายจงระวังพวกผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ ที่มาหาท่านนุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในนั้นร้ายกาจเหมือนหมาป่า 16พวกท่านจะรู้จักพวกเขาได้ด้วยผลของพวกเขา ผลองุ่นนั้นเก็บได้จากต้นไม้มีหนามหรือ? และผลมะเดื่อนั้นเก็บได้จากพืชหนามหรือ? 17ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว 18ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ 19ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ เพราะฉะนั้น พวกท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของพวกเขา

เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย

   21“ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ 22เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนจำนวนมากร้องแก่เราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้ทำการแห่งฤทธานุภาพมากมายในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ?’ 23เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’

อรรถาธิบาย

ดำเนินชีวิตตามแบบพระเยซู

พระวจนะของพระเยซูเป็นสิ่งที่มีฤทธานุภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมา พระคำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ตัวอย่างเช่น ‘จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อท่าน’ (7:12) พระดำรัสดั่งทองคำนี้เรียบง่ายและงดงามแต่ดูเหมือนว่าแทบจะทำตามได้ยากมาก ‘หากเจ้าประสงค์ให้ผู้อื่นกระทำอย่างไรกับตน รีบคว้าโอกาสกระทำกลับต่อพวกเขา’ (ข้อ 12 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่คือการนำพระดำรัสของพระเยซูไปปฏิบัติใช้ คำแนะนำของพระองค์แจ่มแจ้งชัดเจน แต่ดูเหมือนว่ามาตรฐานจะสูงเกินไป กระนั้นไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า

  • หยุดกระวนกระวายและเริ่มใช้ชีวิต
    พระเยซูสั่งให้คุณไม่ต้องกระวนกระวายถึงชีวิตหรือสิ่งของใด ๆ (6:25,28–31) ให้เราคิดล่วงหน้า วางแผนล่วงหน้า และอย่ากังวลถึงอนาคต วางใจในการจัดเตรียมของพระบิดาบนสวรรค์ (ข้อ 26) พระองค์ทรงทราบทุกความต้องการของคุณ (ข้อ 32) ความเชื่อเป็นยาแก้ความกระวนกระวายใจ

 คุณไม่สามารถต่อชีวิตให้ยาวขึ้นเพียงชั่วโมงเดียวได้โดยมีความกระวนกระวายใจ (ข้อ 27) ดังที่ คอร์รี่ เทม บูม กล่าวเอาไว้ว่า ‘ความกระวนกระวายใจไม่ช่วยให้วันพรุ่งนี้ดีขึ้น มีแต่จะทำลายความแข็งแกร่งในวันนี้จนหมดสิ้น’

 ให้เราทำวันนี้ให้ดีที่สุด จดจ่อการดำเนินชีวิตไปทีละวัน อย่ายืมปัญหามาจากวันพรุ่งนี้เพราะ ‘แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว’ (ข้อ 34ข) ตัดสินใจในวันนี้ที่จะไม่กังวลกับสิ่งใดในวันพรุ่งนี้ วางใจให้พระเจ้าจัดเตรียมให้คุณวันต่อวัน

  • จัดลำดับความสำคัญของคุณ
    พระเยซูประสงค์ให้คุณปรับเปลี่ยนความทะเยอทะยาน และจัดลำดับความสำคัญ แสวงหาพระเจ้าในสิ่งที่พระองค์เป็นไม่ใช่เพื่อสิ่งที่พระองค์สามารถทำเพื่อคุณได้ เช่นเดียวกับเรา พระเจ้าไม่ต้องการให้สหายของพระองค์สนใจแต่สิ่งที่พวกเขาจะได้รับจากพระองค์เท่านั้น แต่พระองค์ต้องการให้คุณแสวงหา ‘การทรงสถิต’ ไม่ใช่แค่เพียง ‘การทรงสำแดง’

 รับหน้าที่ใหม่นี้ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและท้าทาย ‘แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้’ (ข้อ 33)

  • อย่าตัดสินผู้อื่น
    เราไม่ควรมีความสุขในการตัดสินผู้อื่น อย่าเพลิดเพลินไปกับการจ้องจับผิดแต่ผู้อื่นหรือคาดเดาว่าการกระทำของพวกเขาเกิดจากแรงจูงใจที่ไม่ดี หากเราตระหนักว่าแต่ละคนอาจจะผ่านทั้งความเศร้าโศกและความทุกข์ระทม เราจะไม่ด่วนตัดสินพวกเขา พระเยซูบอกให้เราจัดการชีวิตของเราเองก่อน เราต้องเปลี่ยนตัวเองก่อนที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงผู้อื่น (7:1–5) แทนที่จะหว่านคำวิพากษ์วิจารณ์และตัดสินผู้อื่น แต่จงหว่านความเมตตาความกรุณาและความรัก

  • ยึดมั่นในการอธิษฐาน
    แต่เมื่อพวกท่านอธิษฐาน อย่าพูดพล่อย ๆ ซ้ำซาก เหมือนบรรดาคนต่างชาติเพราะเขาคิดว่าพูดมากหลายคำ พระจึงจะโปรดฟัง อย่าทำเหมือนพวกเขาเลย เพราะว่าสิ่งไรซึ่งพวกท่านจำเป็น พระบิดาของท่านทรงทราบก่อนที่ท่านจะทูลขอต่อพระองค์ (ข้อ 7–8) และพระองค์สัญญาว่าจะทรงประทาน ‘ของดี’ เมื่อคุณอธิษฐาน (ข้อ 9–11)

  • มีชีวิตที่แตกต่างสุดขั้ว เข้าไปทางประตูแคบที่นำไปสู่ชีวิต (ข้อ 13–14) บนถนนสายแคบไม่มีที่ว่างสำหรับความเย่อหยิ่ง ความไม่สัตย์ซื่อ ความโกรธ ความเกลียดชังศัตรูหรือการไม่ให้อภัย

ให้ทุก ๆ วันได้สำแดงความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณต้องให้การอธิษฐาน การฝึกควบคุมตนเองและการแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้ามาก่อน นี่คือถนนแห่งความบริสุทธิ์ ความซื่อสัตย์และการให้อภัย เป็นถนนที่คุณต้อง ‘ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อท่าน’ (ข้อ 12) คุณจำเป็นต้องสำแดงผลที่ดีออกมาโดยทางอุปนิสัย วิถีชีวิต การสอน การกระทำ อิทธิพล และความสัมพันธ์ (ข้อ 15–23)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ในขณะที่ข้าพระองค์เผชิญกับความท้าทายในการดำเนินชีวิตตามแบบของพระเยซูในปีนี้ ขอบคุณพระองค์ที่โดยพระองค์ไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้ โปรดเติมพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ข้าพระองค์ในวันนี้และช่วยข้าพระองค์ให้มีชีวิตแบบที่ปรารถนาอยู่ลึกภายใน
พันธสัญญาเดิม

ปฐมกาล 17:1-18:33

ปฐมกาล 17

สัญลักษณ์แห่งพันธสัญญา

 1เมื่ออายุอับรามได้ 99 ปี พระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่อับรามและตรัสแก่ท่านว่า “เราเป็นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ จงดำเนินอยู่ต่อหน้าเราและเป็นคนดีพร้อม 2เราจะทำพันธสัญญาของเราระหว่างเรากับเจ้า เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากมายมหาศาล” 3อับรามก็ซบหน้าลงถึงดิน พระเจ้าตรัสแก่ท่านว่า 4“นี่คือพันธสัญญาของเรากับเจ้า เจ้าจะเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย 5ชื่อของเจ้าจะไม่ใช่อับรามแปลว่า บิดาผู้เป็นที่ยกย่องอีกต่อไป เจ้าจะมีชื่อใหม่คืออับราฮัมแปลว่า บิดาของมวลชน เพราะเราให้เจ้าเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย 6เราจะทำให้เจ้ามีพงศ์พันธุ์มากมายยิ่ง เราจะทำให้เจ้าเป็นชนหลายชาติ และกษัตริย์หลายองค์จะเกิดมาจากเจ้า 7เราจะสถาปนาพันธสัญญาของเราไว้ระหว่างเรากับเจ้า และเชื้อสายต่อมาของเจ้าตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้าให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์ คือเป็นพระเจ้าแก่เจ้า และแก่เชื้อสายต่อมาของเจ้า 8เราจะให้ดินแดนที่เจ้าอาศัยอยู่อย่างคนต่างด้าวนี้ คือแผ่นดินคานาอันทั้งสิ้นแก่เจ้าและแก่เชื้อสายต่อมาของเจ้า ให้เป็นกรรมสิทธิ์นิรันดร์ และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา”
 9พระเจ้าตรัสแก่อับราฮัมว่า “ส่วนเจ้าและเชื้อสายต่อมาของเจ้า ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของพวกเขา จงรักษาพันธสัญญาของเรา 10นี่เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งพวกเจ้าจะต้องรักษาระหว่างเรากับพวกเจ้า และเชื้อสายต่อมาของเจ้า คือผู้ชายทุกคนจะต้องเข้าสุหนัต 11เจ้าจงเข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเจ้า นี่จะเป็นหมายสำคัญของพันธสัญญาระหว่างเรากับพวกเจ้า 12ผู้ชายที่มีอายุแปดวันต้องเข้าสุหนัต คือชายทุกคนตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เป็นคนที่เกิดในบ้านของเจ้าก็ดี หรือที่เอาเงินซื้อมาจากคนต่างด้าว ซึ่งไม่ใช่เชื้อสายของเจ้าก็ดี 13ทั้งผู้ที่เกิดในบ้านของเจ้า และที่เอาเงินของเจ้าซื้อมาจะต้องเข้าสุหนัต ดังนี้แหละพันธสัญญาของเราจะได้อยู่ที่เนื้อของพวกเจ้า เป็นพันธสัญญานิรันดร์ 14ชายคนใดที่ไม่ได้เข้าสุหนัต คือไม่ได้เข้าสุหนัตเนื้อหนังด้วยการตัดหนังหุ้มปลายองคชาต จะต้องถูกตัดออกจากชนชาติของเขา เขาได้ละเมิดพันธสัญญาของเรา”
 15พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า “ส่วนซารายภรรยาของเจ้านั้น เจ้าอย่าเรียกชื่อนางว่า ซาราย แต่จงเรียกชื่อนางว่า ซาราห์ 16เราจะอวยพรนาง และยิ่งกว่านั้นอีก โดยนางนี่แหละ เราจะให้บุตรชายคนหนึ่งแก่เจ้า เราจะอวยพรนาง และนางจะให้กำเนิดชนหลายชาติ กษัตริย์ของชนหลายชาติจะมาจากนาง” 17อับราฮัมจึงซบหน้าลงหัวเราะและคิดในใจว่า “ชายผู้มีอายุหนึ่งร้อยปีแล้วจะมีบุตรได้หรือ? ซาราห์ผู้มีอายุเก้าสิบปีแล้วจะคลอดบุตรหรือ?” 18และอับราฮัมทูลพระเจ้าว่า “โอ ขอให้อิชมาเอลมีชีวิตอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์” 19พระเจ้าตรัสว่า “ที่แน่นั้น คือซาราห์ภรรยาของเจ้าจะคลอดบุตรชายคนหนึ่งให้เจ้า และเจ้าจงตั้งชื่อเขาว่า อิสอัค เราจะสถาปนาพันธสัญญาของเราไว้กับเขา เป็นพันธสัญญานิรันดร์แก่เชื้อสายของเขาซึ่งจะตามเขามา 20ฝ่ายอิชมาเอลนั้นเราฟังเจ้า แล้วเราจะอวยพรเขาและจะทำให้เขามีพงศ์พันธุ์มากมายยิ่ง เขาจะให้กำเนิดเจ้านายสิบสองคน และเราจะทำให้เขาเป็นชาติใหญ่ชาติหนึ่ง 21ฝ่ายพันธสัญญาของเรา เราจะตั้งไว้กับอิสอัคผู้ซึ่งซาราห์จะคลอดให้แก่เจ้าปีหน้าในฤดูนี้”
 22เมื่อพระองค์ตรัสกับท่านเสร็จแล้ว พระเจ้าก็เสด็จจากอับราฮัมขึ้นไป 23อับราฮัมจึงนำอิชมาเอลบุตรชายของท่าน และทุกคนที่เกิดในบ้านของท่าน และทุกคนที่ท่านเอาเงินซื้อมา คือผู้ชายทุกคนที่อยู่ในบ้านของอับราฮัม ให้เขาเข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเขาในวันเดียวกันนั้น ดังที่พระเจ้าตรัสไว้กับท่านทุกประการ 24อับราฮัมมีอายุ 99 ปี เมื่อท่านเข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของท่าน 25และอิชมาเอลบุตรชายของท่านอายุ 13 ปี เมื่อเขาเข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเขา 26อับราฮัมและอิชมาเอลบุตรชายของท่านเข้าสุหนัตในวันเดียวกันนั้น 27พวกผู้ชายทุกคนที่อยู่ในบ้านของท่าน คือพวกที่เกิดในบ้านและที่เอาเงินซื้อมาจากคนต่างด้าวก็เข้าสุหนัตพร้อมกับท่าน

ปฐมกาล 18

บุตรชายที่ทรงสัญญาให้กับอับราฮัมและซาราห์

 1พระยาห์เวห์ทรงปรากฏแก่อับราฮัมที่หมู่ต้นโอ๊กของมัมเร ขณะที่ท่านนั่งอยู่ที่ประตูเต็นท์เวลาแดดร้อน 2ท่านเงยหน้าขึ้นมองดู เห็นชายสามคนยืนอยู่ข้างหน้าท่าน เมื่อท่านเห็นพวกเขา ท่านก็วิ่งจากประตูเต็นท์ไปต้อนรับพวกเขา โน้มตัวลงถึงดิน 3พูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน ขออย่าผ่านผู้รับใช้ของท่านไปเสีย 4ข้าพเจ้าจะให้คนเอาน้ำมานิดหน่อยให้ท่านล้างเท้า และพักใต้ต้นไม้ 5ข้าพเจ้าจะไปเอาขนมปังหน่อยหนึ่งมาให้ ท่านจะได้พักผ่อนหย่อนใจเสียก่อน แล้วจึงค่อยเดินทางต่อไป ไหนๆ ท่านก็มายังผู้รับใช้ของพวกท่านแล้ว” พวกเขาจึงว่า “ทำตามที่เจ้ากล่าวนี้เถิด” 6อับราฮัมรีบเข้าไปในเต็นท์หานางซาราห์ กล่าวว่า “เร็วๆ หน่อย เอาแป้งอย่างดีสามถังนวดแล้วทำขนม” 7แล้วอับราฮัมวิ่งไปที่ฝูงสัตว์ เอาลูกโคตัวหนึ่ง ยังอ่อนและดี มอบให้คนใช้รีบทำเป็นอาหาร 8ท่านเอาเนย น้ำนมและลูกโคที่เขาทำไว้แล้วนั้นมาวางต่อหน้าพวกเขา และท่านยืนอยู่ข้างพวกเขาที่ใต้ต้นไม้ เมื่อพวกเขารับประทาน
 9พวกเขาถามท่านว่า “ซาราห์ภรรยาของเจ้าอยู่ที่ไหน?” ท่านตอบว่า “นางอยู่ในเต็นท์” 10ท่านหนึ่งในสามคนว่า “ในฤดูนี้ปีหน้าเราจะกลับมาหาเจ้าอีกแน่นอน ซาราห์ภรรยาของเจ้าจะมีบุตรชายคนหนึ่ง” นางซาราห์ฟังอยู่ที่ประตูเต็นท์ข้างหลังท่าน 11ฝ่ายอับราฮัมและซาราห์นั้นชราแล้ว และประจำเดือนของซาราห์ก็หมดไปแล้ว 12นางซาราห์ก็หัวเราะในใจ กล่าวว่า “ในเมื่อฉันแก่แล้ว สามีก็แก่แล้ว ฉันยังจะมีความยินดีอย่างนี้อีกหรือ?” 13พระยาห์เวห์ตรัสกับอับราฮัมว่า “ทำไมนางซาราห์หัวเราะ? และกล่าวว่า ‘ฉันแก่แล้ว จะคลอดบุตรชายจริงๆ หรือ?’ 14มีสิ่งใดอัศจรรย์เกินที่พระยาห์เวห์จะทรงทำได้ พอถึงเวลากำหนดเราจะกลับมาหาเจ้า ฤดูนี้ปีหน้า ซาราห์จะมีบุตรชายคนหนึ่ง” 15แต่นางซาราห์ปฏิเสธว่า “ข้าพระองค์ไม่ได้หัวเราะพระเจ้าข้า” เพราะนางกลัว พระองค์ตรัสว่า “อย่าเลย เจ้าหัวเราะจริงๆ”

อับราฮัมวิงวอนเพื่อเมืองโสโดม

 16แล้วบุรุษเหล่านั้นก็ลุกออกจากที่นั่น มองไปทางเมืองโสโดม และอับราฮัมก็เดินไปส่งพวกเขา 17พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะซ่อนสิ่งซึ่งเราจะทำนั้นไม่ให้อับราฮัมรู้หรือ? 18แน่ทีเดียวอับราฮัมจะเป็นประชาชาติใหญ่โตและมีกำลังมาก และประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้รับพรก็เพราะเขา 19เพราะเราเลือกเขาแล้ว เพื่อเขาจะได้กำชับลูกหลาน และครอบครัวที่สืบต่อมาของเขา ให้รักษาพระมรรคาของพระยาห์เวห์ ให้ทำความชอบธรรมและความยุติธรรม เพื่อพระยาห์เวห์จะประทานแก่อับราฮัม ตามที่พระองค์ตรัสไว้แก่เขา” 20พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เสียงร้องกล่าวโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์นั้นดังเหลือเกิน และบาปของเขาก็หนักมาก 21เราจะลงไปดูว่าพวกเขาทำผิดจริงตามคำร้องที่มาถึงเรานั้นหรือไม่ ถ้าไม่ เราก็จะรู้”
 22บุรุษเหล่านั้นจึงหันไปจากที่นั่นเดินไปยังเมืองโสโดม แต่อับราฮัมยังยืนเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 23อับราฮัมเข้ามาใกล้ ทูลว่า “พระองค์จะทรงทำลายผู้ชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรมหรือ? 24สมมุติว่ามีคนชอบธรรมห้าสิบคนอยู่ในเมืองนั้น พระองค์จะยังทรงทำลายเมืองนั้น ไม่ทรงละเว้นเพราะเห็นแก่คนชอบธรรมห้าสิบคนที่อยู่ในเมืองนั้นหรือ? 25ขอพระองค์อย่าทรงคิดทำเช่นนี้เลย อย่าทรงคิดที่จะฆ่าคนชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรม ทำกับคนชอบธรรมอย่างเดียวกับคนอธรรม ขอพระองค์อย่าทรงทำเช่นนั้นเลย พระองค์ผู้พิพากษาสากลโลกจะไม่ทรงทำสิ่งที่ยุติธรรมหรือ?” 26พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ที่โสโดมถ้าเราพบคนชอบธรรมในเมืองห้าสิบคน เราจะละเว้นเมืองนั้นทั้งเมืองเพราะเห็นแก่พวกเขา” 27อับราฮัมทูลตอบว่า “ขอทรงอภัยโทษที่ข้าพระองค์บังอาจทูลต่อองค์เจ้านาย ข้าพระองค์ผู้เป็นเพียงผงคลีและขี้เถ้า 28สมมุติว่าในห้าสิบคนนั้นขาดไปห้าคน พระองค์จะยังทรงทำลายเมืองนั้นทั้งเมืองเพราะขาดห้าคนหรือ?” และพระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่ทำลาย ถ้าเราพบคนชอบธรรมสี่สิบห้าคนที่นั่น” 29ท่านก็ทูลพระองค์อีกว่า “สมมุติว่าพระองค์ทรงพบสี่สิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำเพราะเห็นแก่สี่สิบคนนั้น” 30ท่านจึงทูลว่า “ขอองค์เจ้านายอย่าทรงพระพิโรธเลย ข้าพระองค์จะขอทูล สมมุติพระองค์ทรงพบเพียงสามสิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำ ถ้าเราพบสามสิบคนที่นั่น” 31ท่านทูลว่า “ขอทรงอภัยโทษที่ข้าพระองค์บังอาจทูลต่อองค์เจ้านาย สมมุติว่าทรงพบยี่สิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำลายเพราะเห็นแก่ยี่สิบคนนั้น” 32ท่านทูลว่า “ขอองค์เจ้านายอย่าทรงพระพิโรธเลย ข้าพระองค์ขอทูลอีกครั้งนี้ครั้งเดียว สมมุติว่า ทรงพบเพียงสิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำลายเพราะเห็นแก่สิบคนนั้น” 33เมื่อพระยาห์เวห์ตรัสกับอับราฮัมจบลงแล้ว พระองค์ก็เสด็จไป ส่วนอับราฮัมก็กลับไปที่ของเขา

อรรถาธิบาย

วางใจพระเจ้าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

พระเจ้าทรงปรากฎต่อหน้าอับราฮัมและทรงกำหนดสิ่งท้าทายที่ยิ่งใหญ่ต่อหน้าเขา ‘เราเป็นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ จงดำเนินอยู่ต่อหน้าเราและเป็นคนดีพร้อม’ (17: 1) จากนั้นพระองค์ทรงทำพันธสัญญากับอับราฮัม ‘เราจะทำพันธสัญญาของเราระหว่างเรากับเจ้า เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากมายมหาศาล’ (ข้อ 2) ไม่น่าแปลกใจที่อับราฮัม ‘ซบหน้าลง’ (ข้อ 3)

พระเจ้าทรงทำพันธสัญญากับอับราฮัม พระองค์ทรงสัญญาจะมอบแผ่นดินคานาอัน และมอบพงศ์พันธ์ุแก่เขา และให้เป็นบิดาของประชาชาติมากมาย (ข้อ 4–8) พระเจ้าทรงย้ำถึงพันธสัญญานี้ในการเปลี่ยนชื่อจากอับรามเป็นอับราฮัม เนื่องจากอับราฮัมแปลว่า ‘บิดาของประชาชาติ’ (ข้อ 5) นอกจากนี้พระเจ้ายังเปลี่ยนชื่อของนางซารายเป็นซาราห์ซึ่งนางจะเป็น ‘มารดาของประชาชาติ’ (ข้อ 16) เครื่องหมายของพันธสัญญานี้คือการเข้าสุหนัต (ข้อ 9 เป็นต้นไป)

พระเจ้าไม่ได้ตรัสกับอับราฮัมเพียงครั้งเดียวว่าเขาจะมีบุตรชาย พระองค์ทรงยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า (15:4;17:16;18:10) คุณสามารถคาดหวังให้พระเจ้าตรัสกับคุณเกี่ยวกับเรื่องสำคัญในชีวิตและยืนยันเรื่องเหล่านี้ได้หลาย ๆ ครั้ง

ความสัมพันธ์ของอับราฮัมกับพระเจ้านั้นใกล้ชิดกันมาก พระเจ้าทรงสนทนากับอับราฮัม อับราฮัมขอทูลพระองค์เกี่ยวกับอิชมาเอล และคำตอบของพระเจ้าคือ ‘ที่แน่นั้น’ (17:19) พระองค์ตรัสว่าพระองค์ไม่เพียงจะตอบคำอธิษฐานของอับราฮัมที่มีต่ออิชมาเอลเท่านั้น แต่พระองค์ยังจะทำมากกว่าที่อับราฮัมทูลร้องขอหรือจินตนาการอีกด้วย (ข้อ 19–21)

ครั้งที่สามที่พระเจ้าทรงทำพันธสัญญานี้กับอับราฮัม พระองค์ทรงส่ง ‘ชายสามคน’ (18:1–15) เมื่อเราใคร่ครวญสิ่งนี้ผ่านมุมมองของพันธสัญญาใหม่เราจะพบตรีเอกานุภาพปรากฎขึ้นที่นี่ เป็นที่ชัดเจนว่ามีผู้มาปรากฎสามคน (ข้อ 2) แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาพูดเป็นหนึ่งเดียวกัน: ‘พระยาห์เวห์ตรัส’ (ข้อ 13)

อันที่จริง นี่คือผลงานภาพวาดที่มีชื่อเสียงวาดโดย อันเดร รูเบลฟ ในปี 1410 (ดูด้านล่าง) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของฑูตสวรรค์สามองค์ที่มาเยี่ยมอับราฮัมและเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระเจ้า (พระเจ้าองค์เดียวในสามพระภาค) และการสามัคคีธรรมแห่งความรักด้วยหัวใจของการเป็นพระเจ้า

พระเจ้าทรงสัญญาว่า ‘ในฤดูนี้ปีหน้าเราจะกลับมาหาเจ้าอีกแน่นอน ซาราห์ภรรยาของเจ้าจะมีบุตรชายคนหนึ่ง’ (ข้อ 10) นางซาราห์หัวเราะในใจ ‘ในเมื่อฉันแก่แล้ว สามีของฉันก็แก่แล้ว ฉันยังจะมีความยินดีอย่างนี้อีกหรือ’ (ข้อ 12)

เป็นที่หนุนใจมากเมื่อนางซาราห์เองก็มีจุดอ่อนตามธรรมดาของมนุษย์เช่นกัน พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า ‘ทำไมนางซาราห์หัวเราะ และกล่าวว่า “ฉันแก่แล้ว จะคลอดบุตรชายจริง ๆ หรือ”’ (ข้อ 13) ‘แต่นางซาราห์ปฏิเสธว่า “ข้าพระองค์ไม่ได้หัวเราะพระเจ้าข้า” เพราะนางกลัว’ (ข้อ 15) บางครั้งเราทุกคนถูกล่อลวงให้โกหกเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากปัญหายกเว้นพระเยซู พระคัมภีร์ไม่เคยแสดงให้เราเห็นว่าคนของพระเจ้าทั่งชายและหญิงจะไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ

คำตอบของพระเจ้าคือการย้ำเตือนถึงพระสัญญาและตั้งคำถามปลายปิดที่ว่า ‘มีสิ่งใดอัศจรรย์เกินที่พระยาห์เวห์จะทรงทำได้’ (ข้อ 14ก)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ที่จะเชื่อมั่นในพระองค์ตลอดไป ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรในชีวิตแต่ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

มัทธิว 6:25

‘อย่ากระวนกระวายถึงชีวิต...’

ฉันเสียเวลาไปมากในการกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว ความเจ็บป่วย ปัญหาต่าง ๆ แม้กระทั่งสิ่งที่จะสวมใส่ ฉันพบว่ามันยากที่จะไม่กังวลอะไรเลย เพราะถ้าฉันไม่กังวลอะไรเลยก็ดูว่าฉันไม่สนใจอะไรเลยเช่นกัน

มีความสมดุลกันระหว่างความกังวลและการอธิษฐานอย่างร้อนรน ฉันคิดว่าคำตอบอยู่ที่การวางใจว่าพระเจ้าทรงสดับคำอธิษฐานของเราและเราจะปฏิบัติตาม และหวังว่าพระองค์จะไม่รังเกียจที่เราจะกลับมากังวลเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ข้อพระคำประจำวัน

มัทธิว 7:12

‘จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่พวกท่านต้องการให้พวกเขาปฏิบัติต่อท่าน’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม