วัน 365

วิธีเริ่มต้นและจบลง

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 150:1-6
พันธสัญญาใหม่ วิวรณ์ 22:1-21
พันธสัญญาเดิม เนหะมีย์ 13:1-31

เกริ่นนำ

หญิงสาวคนหนึ่งถามผมว่า 'สวรรค์เป็นอย่างไร? ร่างกายของเราจะเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ในสวรรค์? เราจะบินได้ไหม? เราจะยังมีเพศสภาพอยู่หรือไม่? เราจะสามารถมองเห็นสวนเอเดนหรือเปล่า? เราจะยังจำเพื่อน ๆ และครอบครัวของเราได้ไหม? มิตรภาพของเราจะมีลักษณะเป็นอย่างไร? เราจะทำอะไรบ้างในสวรรค์? จะมีการเรียนพระคัมภีร์และหลักสูตรอัลฟ่าที่นั่นหรือไม่? แล้วใครจะเข้าร่วมบ้าง?'

พระคัมภีร์ไม่ได้ให้คำตอบต่อทุกคำถามทั้งหมดของเรา

ในชั้นหนังสือของผม มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า 50 เหตุการณ์สำคัญที่บ่งชี้ถึงยุคสุดท้าย (50 Remarkable events pointing to THE END) เขียนในปี 1997 โดยได้มีการทำนายไว้ว่า 'พระเยซูจะเสด็จกลับมาภายในปี ค.ศ. 2000' นี่เป็นหนึ่งในความพยายามที่จะคาดการณ์ถึงช่วงเวลาของ 'ยุคสุดท้าย' แต่กลับปรากฏว่าไม่เป็นความจริง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม โทนี่ แคมโปโล จึงกล่าวไว้อย่างชาญฉลาดว่า เขาอยากเป็น 'คณะกรรมการต้อนรับ' มากกว่าที่จะเป็น 'คณะกรรมการวางแผน'!

พวกเราไม่ได้ถูกบอกว่ายุคสุดท้ายจะมาเมื่อไหร่ แต่ถูกบอกเรื่อง อย่างไรและใคร กุญแจสำคัญ คือ ใคร พระเยซูตรัสว่า 'เราคือ...อัลฟาและโอเมกา' (วิวรณ์ 22:13) แน่นอน 'อัลฟา' และ 'โอเมกา' มีความแตกต่างกันมาก อย่างไรก็ตาม มีความคล้ายคลึงอย่างมากทั้งในจุดเริ่มต้น และจุดจบ

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 150:1-6

สรรเสริญพระเจ้าในความยิ่งใหญ่ที่สุด

1สรรเสริญพระยาห์เวห์
 จงสรรเสริญพระเจ้าในสถานนมัสการของพระองค์
 จงสรรเสริญพระองค์ในพื้นฟ้าอันอานุภาพของพระองค์
2จงสรรเสริญพระองค์ เพราะกิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์
 จงสรรเสริญพระองค์ ตามความยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์
3จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตร
 จงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณเขาคู่และพิณใหญ่
4จงสรรเสริญพระองค์ด้วยรำมะนาและการเต้นรำ
 จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสายและปี่
5จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉิ่ง
 จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบ
6จงให้ทุกสิ่งที่หายใจสรรเสริญพระยาห์เวห์

สรรเสริญพระยาห์เวห์

อรรถาธิบาย

เริ่มต้นและจบลงด้วยการนมัสการ

ท้ายที่สุด ‘ผู้รับใช้พระเจ้าจะมอบถวายงานรับใช้ นั่นก็คือ การนมัสการ พวกเขาจะจับจ้องที่พระพักตร์ของพระองค์ หน้าผากของพวกเขาจะสะท้อนภาพพระเจ้า' (วิวรณ์ 22:3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การตอบสนองของเราต่อการเห็นพระพักตร์ของพระเจ้าอย่างหน้าต่อหน้านั้นจะเป็นการนมัสการนิรันดร์

พระธรรมสดุดีจบลงด้วยคำว่า 'ฮาเลลูยา' ซึ่งแปลว่า 'สรรเสริญพระยาห์เวห์' (สดุดี 150:6ข) พระธรรมสดุดี บทที่ 150 เริ่มต้นและจบลงด้วยคำว่า 'ฮาเลลูยา' ('สรรเสริญพระยาห์เวห์', ข้อ 1,6) เราทุกคนถูกเรียกให้นมัสการ 'ให้ทุกสิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่มีลมหายใจสรรเสริญพระเจ้า!' (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  1. นมัสการในทุกที่
    การนมัสการพระเจ้าควรเต็มล้นทั้งจักรวาล 'สรรเสริญพระเจ้าในพระนิเวศอันบริสุทธิ์แห่งการนมัสการของพระองค์ สรรเสริญพระองค์ใต้ท้องฟ้า' (ข้อ 1ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  2. นมัสการพระองค์ในทุกสิ่ง
    นมัสการพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงเป็น ('ความยิ่งใหญ่ของพระองค์') และ สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ ('กิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์', ข้อ 2)

  3. นมัสการในทุกทาง
    สรรเสริญพระเจ้าด้วยทุกอย่างที่คุณมี รวมถึงดนตรีและการเต้นรำทุกประเภท (ข้อ 3-5)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ในความยิ่งใหญ่ และพระราชกิจแห่งฤทธานุภาพของพระองค์ ข้าพระองค์นมัสการพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างทั้งกัลปจักรวาล กระนั้นพระองค์ทรงรักข้าพระองค์เป็นการส่วนตัว
พันธสัญญาใหม่

วิวรณ์ 22:1-21

 1และท่านสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นแม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต ใสเหมือนอย่างแก้วผลึก ไหลมาจากพระที่นั่งของพระเจ้าและของพระเมษโปดก 2ไปที่กลางถนนของนครนั้น และริมแม่น้ำทั้งสองฝั่งมีต้นไม้แห่งชีวิต ที่ออกผลสิบสองชนิด มันออกผลทุกเดือน และใบของต้นไม้นั้นใช้สำหรับรักษาโรคของบรรดาประชาชาติ 3ทุกสิ่งที่ถูกสาปแช่งจะไม่มีอีกต่อไป พระที่นั่งของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ที่นั่น และบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะนมัสการพระองค์ 4พวกเขาจะเห็นพระพักตร์ของพระองค์ และพระนามของพระองค์จะอยู่บนหน้าผากของเขาทั้งหลาย 5กลางคืนจะไม่มีอีกต่อไป เขาไม่จำเป็นต้องมีแสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าจะทรงเป็นแสงสว่างของเขาทั้งหลาย และเขาจะครอบครองอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์

พระคริสต์จะเสด็จมา

 6และทูตสวรรค์องค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า “ถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำที่เชื่อถือได้และสัตย์จริง และองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าแห่งหัวใจของการเผยพระวจนะ ทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาสำแดงถึงสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้าแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์” 7“นี่แน่ะ เราจะมาในเร็วๆ นี้ ความสุขมีแก่คนที่ถือรักษาคำพยากรณ์ในหนังสือนี้”
 8ข้าพเจ้าคือยอห์น เป็นผู้ที่ได้ยินและได้เห็นเหตุการณ์เหล่านี้ และเมื่อข้าพเจ้าได้ยินและได้เห็นแล้ว ข้าพเจ้าก็ทรุดตัวลงนมัสการแทบเท้าทูตสวรรค์ที่สำแดงสิ่งเหล่านี้แก่ข้าพเจ้า 9แต่ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “อย่าทำแบบนี้ เราเป็นผู้ร่วมรับใช้เช่นเดียวกับท่านและพวกพี่น้องของท่าน ซึ่งเป็นพวกผู้เผยพระวจนะ และพวกที่ถือรักษาถ้อยคำในหนังสือนี้ จงนมัสการพระเจ้าเถิด”
 10และท่านบอกข้าพเจ้าว่า “อย่าผนึกตราปิดคำพยากรณ์ในหนังสือนี้ เพราะว่าใกล้จะถึงเวลานั้นแล้ว 11จงให้คนอธรรมประพฤติการอธรรมต่อไป จงให้คนโสมมประพฤติการโสมมต่อไป จงให้คนชอบธรรมทำการชอบธรรมต่อไปและจงให้คนบริสุทธิ์เป็นคนบริสุทธิ์ต่อไป”
 12“นี่แน่ะ เราจะมาในเร็วๆ นี้ และจะนำบำเหน็จของเรามาด้วย เพื่อตอบแทนตามการกระทำของแต่ละคน 13เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย เป็นปฐมและอวสาน”
 14คนทั้งหลายที่ชำระล้างเสื้อผ้าของตนก็เป็นสุข เพื่อว่าพวกเขาจะมีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิต และเข้าไปในนครนั้นโดยทางประตูได้ 15ภายนอกเป็นที่ของพวกสุนัข พวกใช้เวทมนตร์ พวกล่วงประเวณี พวกฆาตกร พวกบูชารูปเคารพ และพวกที่รักและประพฤติการหลอกลวงทุกคน
 16“เราคือเยซูผู้ใช้ทูตสวรรค์ของเราไปเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ต่อท่านเพื่อคริสตจักรทั้งหลาย เราเป็นรากเหง้าและเชื้อสายของดาวิด และเป็นดาวประจำรุ่งอันสุกใส”
 17พระวิญญาณและเจ้าสาวกล่าวว่า “เชิญเสด็จมาเถิด” และให้คนที่ได้ยินกล่าวด้วยว่า “เชิญเสด็จมาเถิด” “คนที่กระหายเชิญเข้ามา ใครที่มีใจปรารถนา จงมารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย”
 18ข้าพเจ้าเตือนทุกคนที่ได้ยินคำพยากรณ์ในหนังสือนี้ว่า ถ้าใครเพิ่มเติมสิ่งใดเข้าไปในหนังสือนี้ พระเจ้าก็จะทรงเพิ่มเติมภัยพิบัติที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้แก่คนนั้น 19และถ้าใครตัดถ้อยคำอะไรออกจากหนังสือพยากรณ์นี้ พระเจ้าก็จะทรงตัดส่วนแบ่งของเขาที่มีอยู่ในต้นไม้แห่งชีวิตและในนครบริสุทธิ์ ตามที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ไปเสีย
 20พระองค์ผู้ทรงเป็นพยานในเหตุการณ์เหล่านี้ตรัสว่า “เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน” อาเมน พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด
 21ขอพระคุณของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า จงอยู่กับทุกคนเถิด อาเมน

อรรถาธิบาย

เริ่มต้นและจบลงด้วยพระเยซู

ท้ายที่สุด ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับพระเยซู เป็นเรื่องของพระเยซูมาตลอด และจะเป็นเช่นนั้นต่อไปเสมอ เริ่มต้นตอนนี้โดยการจดจ่อที่ชีวิตของคุณ ความคิดของคุณ งานรับใช้ของคุณ การประกาศข่าวประเสริฐของคุณ และทุก ๆ สิ่งกับพระเยซู

พระคัมภีร์เริ่มต้นด้วยพระเยซู แท้จริงแล้วการทรงสร้างแห่งจักรวาล (ปฐมกาล 1-2) เกิดขึ้นผ่านทางพระเยซู 'ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า...พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมา' (ยอห์น 1:1,3)

พระคัมภีร์จบลงด้วยพระเยซูเช่นกัน 'อาเมน พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด ขอพระคุณของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า จงอยู่กับทุกคนเถิด อาเมน' (วิวรณ์ 22:20ข-21) พระองค์ทรงเป็น 'อัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย เป็นปฐมและอวสาน' (ข้อ 13)

เราเห็นภาพว่าโลกจะจบลงเช่นไร ภาษาที่ใช้เป็นคำอุปมา ไม่ใช่คำอธิบายที่แน่ชัด แต่เต็มไปด้วยภาพแห่งชีวิตและพระพร พระคัมภีร์เริ่มต้นขึ้นและจบลงด้วย 'ต้นไม้แห่งชีวิต' ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตแห่งพระพรในพระเจ้าและแผนการ 'อันดี' ของพระองค์ต่อคนของพระองค์

ในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ จะมี 'แม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต' (ข้อ 1) ซึ่งจะเป็นไปตามคำพยากรณ์ในพระธรรมเอเสเคียล 47 ซึ่งพระเยซูนั้นเกี่ยวข้องกับ 'แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิต' ซึ่งหลั่งไหลมาจากพระองค์ [พระเยซู] โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ยอห์น 7:37-39) และนำพา 'รักษาโรคของบรรดาประชาชาติ' (วิวรณ์ 22:2) สิ่งนี้จำเป็นยิ่งนักทั้งภายในประเทศต่าง ๆ และระหว่างประชาชาติ มันจะอัศจรรย์เพียงใด เมื่อ ''สหประชาชาติ' กลายเป็นจริง

'ต้นไม้แห่งชีวิต ที่ออกผลสิบสองชนิด' (ข้อ 2) ซึ่งอยู่ที่นั่นตั้งแต่แรกเริ่ม (ที่มนุษย์ถูกกันไว้เพราะบาป) ทุกคนจะใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง คำแช่งสาปแห่งสวนเอเดนจะถูกถอดถอน (ข้อ 3) คำว่า ต้นไม้ (xylos) บางครั้งถูกนำมาใช้ในพันธสัญญาใหม่ เพื่ออธิบายถึงกางเขน (ตัวอย่างเช่น กิจการของอัครทูต 5:30)

ท้ายที่สุด คุณจะได้เห็นพระพักตร์ของพระเจ้า ไม่มีใครที่เห็นพระพักตร์พระเจ้าแล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ (อพยพ 33:20) แต่ในสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ คุณจะได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่ที่หน้าผากของคุณ (วิวรณ์ 22:4) 'กลางคืนจะไม่มีอีกต่อไป เขาไม่จำเป็นต้องมีแสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าจะทรงเป็นแสงสว่างของเขาทั้งหลาย และเขาจะครอบครองอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์' (ข้อ 5ข)

มีหลายสิ่งที่เราสามารถมองไปข้างหน้าที่ฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ พระเยซูทรงสัญญาว่า 'เราจะมาในเร็ว ๆ นี้' (ข้อ 7,12,20)

ไม่แปลกใจเลยว่า 'พระวิญญาณและเจ้าสาว [คริสตจักร] กล่าวว่า “เชิญเสด็จมาเถิด!” และให้คนที่ได้ยินกล่าวด้วยว่า “เชิญเสด็จมาเถิด!” คนที่กระหายเชิญเข้ามา ใครที่มีใจปรารถนา จงมารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย' (ข้อ 17)

พระคัมภีร์เป็นคำเชิญอันยาวนานให้มาหาพระเยซู ในพระองค์ คุณจะพบกับความหมายและวัตถุประสงค์ของชีวิต ส่วนหนึ่งของวัตถุประสงค์นั้นคือ เชิญผู้อื่นให้เข้ามา เพื่อที่พวกเขาจะพบการรื้อฟื้นและการเติมเต็มด้วยเช่นกัน โดยน้ำแห่งชีวิตที่พระเยซูทรงเทให้กับทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์

พระวิญญาณบริสุทธิ์และคริสตจักรเชิญผู้คนมารับของประทานอัศจรรย์ที่พระเจ้าเตรียมไว้สำหรับพวกเขามากกว่าการที่พลาดไปจากการอัศจรรย์แห่งวิสุทธินคร (ดูร่วมกับ ข้อ 11ก, 15, 19) พวกเขาก็อธิษฐานเพื่อการเสด็จกลับมาของพระเยซูเช่นกัน 'พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด' (ข้อ 20)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่วันหนึ่งข้าพระองค์จะได้ดื่มน้ำแห่งชีวิตเพื่อให้จิตใจนี้ได้รับการเติมเต็ม ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์จะได้เห็นพระพักตร์พระองค์หน้าต่อหน้า และที่ข้าพระองค์จะได้ครอบครองร่วมกับพระองค์เป็นนิตย์ เชิญเสด็จมาเถิด พระเยซูเจ้า
พันธสัญญาเดิม

เนหะมีย์ 13:1-31

คนต่างชาติถูกแยกออกจากอิสราเอล

 1ในวันนั้น มีการอ่านหนังสือของโมเสสให้ประชาชนฟัง และได้พบที่มีเขียนไว้ว่า ไม่ควรให้คนอัมโมนหรือคนโมอับเข้าไปในที่ชุมนุมของพระเจ้าเป็นนิตย์ 2เพราะพวกเขาไม่ได้เอาอาหารและน้ำมาต้อนรับคนอิสราเอล แต่ได้จ้างบาลาอัมให้มาต่อต้านและแช่งเขา แต่พระเจ้าของเราทรงเปลี่ยนคำแช่งเป็นพร 3และต่อมาเมื่อประชาชนได้ยินธรรมบัญญัติ เขาก็แยกอิสราเอลออกเสียจากคนต่างชาติทั้งสิ้น

การปฏิรูปของเนหะมีย์

 4ก่อนหน้านี้ เอลียาชีบปุโรหิตผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลห้องในพระนิเวศของพระเจ้าของเรา ผู้ซึ่งเกี่ยวพันกับโทบีอาห์ 5ได้จัดห้องใหญ่ห้องหนึ่งให้โทบีอาห์ เป็นห้องที่แต่ก่อนใช้เก็บธัญบูชา กำยาน เครื่องใช้ต่างๆ และทศางค์ที่เป็นข้าว เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน ซึ่งเขาให้ไว้ตามบัญญัติให้แก่คนเลวี นักร้อง คนเฝ้าประตูและเครื่องถวายสำหรับปุโรหิต 6เมื่อเกิดเรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ในเยรูซาเล็ม เพราะข้าพเจ้าได้ไปเฝ้ากษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งบาบิโลนในปีที่สามสิบสองแห่งรัชกาลของพระองค์ และต่อมาข้าพเจ้าก็ทูลลากษัตริย์ 7และมายังเยรูซาเล็ม แล้วข้าพเจ้าจึงทราบความชั่วร้ายซึ่งเอลียาชีบได้ทำเพื่อโทบีอาห์ คือ จัดห้องภายในบริเวณพระนิเวศของพระเจ้าให้เขา 8ข้าพเจ้าโกรธมาก และข้าพเจ้าก็โยนเครื่องแต่งบ้านทั้งสิ้นของโทบีอาห์ออกเสียจากห้อง 9แล้วข้าพเจ้าสั่งให้เขาชำระห้อง และข้าพเจ้าก็นำเครื่องใช้ประจำพระนิเวศของพระเจ้า ทั้งธัญบูชากับกำยานกลับมาไว้ที่นั่นอีก
 10และข้าพเจ้ายังทราบอีกว่า ส่วนของคนเลวีนั้นเขาก็ไม่ได้มอบให้ เพราะฉะนั้น คนเลวีและนักร้องผู้ปฏิบัติการงาน ต่างก็หนีกลับไปยังไร่นาของตน 11ข้าพเจ้าจึงต่อว่าเจ้าหน้าที่และพูดว่า “ทำไมจึงทอดทิ้งพระนิเวศของพระเจ้าเสีย?” ข้าพเจ้าจึงรวบรวมพวกเขากลับมา และตั้งเขาไว้ตามตำแหน่งของเขาอีก 12และคนยูดาห์ทั้งปวงได้นำทศางค์ที่เป็นข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันเข้ามายังโรงพัสดุ 13ข้าพเจ้าได้แต่งตั้งคนให้ดูแลโรงพัสดุ คือเชเลมิยาห์ปุโรหิต ศาโดกธรรมาจารย์และเปดายาห์คนเลวี และผู้ช่วยของเขา คือ ฮานันบุตรศักเกอร์ผู้เป็นบุตรมัทธานิยาห์ เพราะนับว่าพวกเขาซื่อสัตย์ และหน้าที่ของเขา คือ แจกจ่ายแก่พวกพี่น้อง 14ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ และขออย่าทรงลบล้างการดีทั้งหลายของข้าพระองค์ที่ข้าพระองค์ได้ทำเพื่อพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพระองค์ และเพื่อการปรนนิบัติในที่นั้น

การเริ่มต้นการปฏิรูปวันสะบาโต

 15ครั้งนั้นในยูดาห์ ข้าพเจ้าเห็นคนย่ำเหล้าองุ่นในวันสะบาโต และนำฟ่อนข้าวบรรทุกหลังลาเข้ามา ทั้งเหล้าองุ่น ผลองุ่น มะเดื่อ และภาระทุกอย่าง ซึ่งเขานำมายังเยรูซาเล็มในวันสะบาโต ข้าพเจ้าได้ตักเตือนเขาทั้งหลายในวันที่เขาขายอาหาร 16และมีคนชาวไทระอาศัยอยู่ในเมืองได้นำปลาและสินค้าทุกอย่างเข้ามาขายในวันสะบาโตแก่ประชาชนยูดาห์ และในเยรูซาเล็ม 17แล้วข้าพเจ้าได้ต่อว่าพวกขุนนางแห่งยูดาห์ และพูดกับเขาว่า “ทำไมท่านทั้งหลายทำความชั่วร้ายเช่นนี้ ทำให้วันสะบาโตเป็นมลทิน 18บรรพบุรุษของท่านไม่ได้ทำเช่นนี้หรือ และพระเจ้าของเราไม่ได้ทรงนำเหตุร้ายนี้ทั้งสิ้นให้ตกอยู่บนเราและบนเมืองนี้หรือ? ท่านยังจะนำพระพิโรธยิ่งกว่านั้นมาเหนืออิสราเอลด้วยการทำให้วันสะบาโตเป็นมลทิน”
 19และต่อมาพอเริ่มมืดที่ประตูเมืองเยรูซาเล็มก่อนวันสะบาโต ข้าพเจ้าสั่งให้ปิดประตูเมือง และสั่งว่า ไม่ให้เปิดจนกว่าจะพ้นวันสะบาโตแล้ว และข้าพเจ้าก็ตั้งข้าราชการบางคนของข้าพเจ้าให้ดูแลประตูเมือง เพื่อไม่ให้นำภาระสิ่งใดเข้ามาในวันสะบาโต 20แล้วพวกพ่อค้าและพวกขายสินค้าทุกชนิดได้ค้างอยู่นอกเยรูซาเล็มหนสองหน 21ข้าพเจ้าได้ตักเตือนพวกเขา และพูดกับเขาว่า “ทำไม ท่านมานอนอยู่ข้างกำแพงเมือง ถ้าท่านทำอีกข้าพเจ้าจะจับท่าน” ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่มาอีกในวันสะบาโต 22และข้าพเจ้าสั่งคนเลวีให้ชำระตัวและมาเฝ้าประตูเมือง เพื่อรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงระลึกถึงข้าพระองค์ในเรื่องนี้ และขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์ตามความยิ่งใหญ่แห่งความรักมั่นคงของพระองค์

การประณามการแต่งงานกับคนต่างชาติ

 23ในสมัยนั้นข้าพเจ้าเห็นพวกยิว ผู้แต่งงานกับหญิงชาวอัชโดด อัมโมน และโมอับ 24และเด็กของเขาครึ่งหนึ่งพูดภาษาอัชโดด เขาพูดภาษายูดาห์ไม่ได้ แต่พูดภาษาของแต่ละชนชาติ 25ข้าพเจ้าได้โต้แย้งกับพวกเขา และแช่งเขา และตีเขาบางคน และดึงผมของเขาออก และข้าพเจ้าทำให้เขาปฏิญาณในพระนามของพระเจ้า ข้าพเจ้ากล่าวว่า “เจ้าทั้งหลายอย่ายกลูกสาวของเจ้าให้แก่ลูกชายของเขา หรือรับลูกสาวของเขาให้แก่ลูกชายของเจ้า หรือตัวเจ้าเอง 26ซาโลมอนกษัตริย์แห่งอิสราเอล ไม่ได้ทำบาปด้วยเรื่องหญิงอย่างนี้หรือ ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเหมือนพระองค์ และพระเจ้าของพระองค์ก็ทรงรักพระองค์ และพระเจ้าทรงกระทำให้พระองค์เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลทั้งปวง แม้กระนั้น บรรดาหญิงต่างชาติก็เป็นเหตุให้พระองค์ทรงทำบาป 27ควรหรือที่เราจะฟังเจ้าและทำความชั่วร้ายใหญ่ยิ่งนี้ทั้งสิ้น และประพฤติทรยศต่อพระเจ้าของเราด้วยการแต่งงานกับหญิงต่างชาติ?”
 28บุตรชายคนหนึ่งของโยยาดา ผู้เป็นบุตรเอลียาชีบมหาปุโรหิต เป็นบุตรเขยของสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิม เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขับไล่เขาไปเสียจากข้าพเจ้า 29ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงเขาทั้งหลาย เพราะว่าเขาทั้งหลายได้ทำให้การเป็นปุโรหิต และพันธสัญญาของพวกปุโรหิตและคนเลวีเป็นมลทิน 30ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงชำระพวกเขาจากทุกสิ่งที่เป็นของคนต่างชาติ และข้าพเจ้าได้กำหนดหน้าที่ของบรรดาปุโรหิตและคนเลวี ต่างก็ประจำงานของตน 31ข้าพเจ้าได้จัดให้หาฟืนถวายตามเวลากำหนดและสำหรับผลรุ่นแรกด้วย ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ให้เกิดผลดีเถิด

อรรถาธิบาย

เริ่มต้นและจบลงด้วยความรัก

เช่นเดียวกับพระคัมภีร์ทั้งเล่ม พระธรรมเนหะมีย์นั้นเริ่มต้นขึ้นและจบลงด้วยความรัก เนหะมีย์เริ่มต้นโดยการอธิษฐาน 'ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และน่ายำเกรง ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง....' (เนหะมีย์ 1:5)

ตอนช่วงท้ายของพระธรรมเนหะมีย์ เขาอธิษฐานว่า 'ขอพระองค์ทรงระลึกถึงข้าพระองค์ในเรื่องนี้ และขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์ตามความยิ่งใหญ่แห่งความรักมั่นคงของพระองค์' (13:22)

ในบทสุดท้ายนี้ เราอ่านถึงการเปลี่ยนแปลงตอนท้ายของเนหะมีย์ พวกเขาอ่านจาก 'หนังสือของโมเสส' (ข้อ 1) 'พระเจ้าของเรา...ทรงเปลี่ยนคำแช่งเป็นพร' ได้อย่างไร (ข้อ 2) นี่เป็นแบบแผนของพระคัมภีร์ตลอดทั้งเล่ม 'เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า' (โรม 8:28) สิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ในชีวิตตอนนี้อาจดูเหมือนเป็นคำแช่งสาป ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสุขภาพ, ความสัมพันธ์อันสั่นคลอน, เจ้านายที่เคี่ยวเข็ญ หรืออะไรก็ตาม แต่พระเจ้านั้นสามารถเปลี่ยนคำแช่งสาปให้เป็นพระพร

ในฐานะผู้นำที่ดี เนหะมีย์เลือกที่จะจัดสรรผู้ที่ 'ซื่อสัตย์' (ข้อ 13) และ 'สัตย์ซื่อ' (พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) คือ 'บรรดาผู้ที่มีชื่อเสียงดีในด้านความซื่อสัตย์และการทำงานหนัก' (พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

บางครั้งพระเจ้าทดสอบความสัตย์ซื่อของเรา คุณเคยพบบ้างไหมว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกขอร้องให้ทำบางอย่างที่คุณไม่อยากทำ หรือต้องยอมเชื่อฟังสิทธิอำนาจทั้ง ๆ ที่ตัวตนของคุณนั้นต้องการที่จะต่อต้าน?

แต่ความท้าทายเหล่านี้เป็นโอกาสที่จะได้ทำบางสิ่ง ไม่ใช่เพราะว่ามันสนุกหรือน่าตื่นเต้น แต่ด้วยความสัตย์ซื่อ ท่าทีที่ดีและความซื่อสัตย์สุจริต และพระเจ้าจะทรงให้บำเหน็จแก่ความสัตย์ซื่อนั้น (ลูกา 16:12)

เนหะมีย์ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจของผู้คนได้ พวกเขาได้ให้คำมั่นสัญญาพระเจ้าอย่างสุดใจ แต่พวกเขาทำไม่ได้ (เปรียบเทียบเนหะมีย์ 10:30 กับ 13:23; 10:31 กับ 13:16; 10:39 กับ 13:11) ปัญหาความบาปของมนุษย์นั้นยังคงมีอยู่

เนหะมีย์ตักเตือนพวกเขา (13:15,21) ตำหนิพวกเขา (ข้อ 17,25) ต้องการให้พวกเขาบริสุทธิ์ (ข้อ 22,30) แต่เปล่าประโยชน์ ความคับข้องใจของเนหะมีย์ชี้เราไปที่พระเยซู ผู้เดียวที่สามารถจัดการกับปัญหาในจิตใจของมนุษย์และความบาปของเรา

ครั้งแล้วครั้งเล่า เนหะมีย์ทูลขอให้พระเจ้าทรงระลึกถึง (ข้อ 14,22,31) ด้วยความโปรดปราน เพราะว่าเขาได้รับใช้พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ แต่ท้ายที่สุด เขาวางใจในพระกรุณา และความรักของพระเจ้า 'ขอพระองค์ทรงระลึกถึงข้าพระองค์ในเรื่องนี้ และขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์ตามความยิ่งใหญ่แห่งความรักมั่นคงของพระองค์' (ข้อ 22)

เช่นเดียวกับเรา เนหะมีย์เองต้องการที่จะเป็นผู้รับพระกรุณาและความรักของพระเจ้า ซึ่งได้เป็นที่ประจักษ์ผ่านการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเพื่อเรา ดังที่เปาโลเขียนถึงประชาชาติโรมัน 'พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา' (โรม 5:8)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่ในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ข้าพระองค์จะมีความยินดีในความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ตลอดนิจนิรันดร์ ขอบคุณที่ในขณะนี้ข้าพระองค์ได้รู้จักความรักของพระองค์ผ่านการสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู และได้มีประสบการณ์ในความรักของพระองค์ที่หลั่งไหลเข้ามาในใจของข้าพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูเจ้า ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระนามของพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์!

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สดุดี 150:1-6

ในสดุดีบทนี้กล่าวว่า 'สรรเสริญ' สิบสองครั้ง มันเป็นสิ่งที่ดีที่ปีนี้เราจะจบลงด้วยการสรรเสริญพระเจ้าในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำ

ข้อพระคำประจำวัน

เนหะมีย์ 13:2

'แต่พระเจ้าของเราทรงเปลี่ยนคำแช่งเป็นพร'

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม