วัน 340

หาความสมดุลของคุณให้พบ

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 29:19-27
พันธสัญญาใหม่ 2 ยอห์น 1:1-13
พันธสัญญาเดิม ฮักกัย 1:1-2:23

เกริ่นนำ

ครูฝึกออกกำลังส่วนตัวบอกผมว่า ร่างกายของผมยืดหยุ่นน้อยมาก เขาสังเกตเห็นจากวิธีที่ผมเดิน ว่ากรณีของผมเป็นหนึ่งในกรณีตัวแข็งที่แย่ที่สุดที่เขาเคยพบมา ตอนนี้ผมพยายามยืดเหยียดกล้ามเนื้อให้มากขึ้น!

ผมคิดว่าตัวเองมีสุขภาพดีสำหรับช่วงอายุของผม เพราะผมยังคงเล่นสควอช และปั่นจักรยานไปทุกที่ แต่ถ้ามองในอีกหลาย ๆ ด้าน ผมก็ได้พบว่าสุขภาพผมนั้นไม่ดีนัก การดูแลความพร้อมในฝ่ายกายภาพเป็นความสมดุลแห่งพละกำลัง ความยืดหยุ่น การออกกำลังกายทั้งแบบแอโรบิค และแอนแอโรบิค บางคนนั้นแข็งแรงมากแต่ไม่สามารถที่จะวิ่งให้ทันรถประจำทางได้ หลายคนสามารถออกกำลังกายแบบแอโรบิคได้ดี หมายถึงพวกเขาสามารถวิ่งมาราธอนได้ แต่กลับไม่ค่อยแข็งแรง

อย่างไรก็ตาม ความพร้อมในฝ่ายจิตวิญญาณนั้นสำคัญยิ่งไปกว่าความพร้อมในฝ่ายกายภาพ ซึ่งมันรวมไปถึงจุดสมดุลของด้านต่าง ๆ ในชีวิตของคุณ

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 29:19-27

19สักแต่ใช้คำพูดเท่านั้นจะสั่งสอนคนรับใช้ไม่ได้
 เพราะแม้เขาจะเข้าใจ แต่เขาก็ไม่เชื่อฟัง
20เจ้าเห็นคนปากไวหรือ?
 ยังมีความหวังในคนโง่มากกว่าเขา
21คนที่ตามใจคนรับใช้ของตนตั้งแต่เด็กๆ
 ในที่สุดจะพบว่าเขานำความยุ่งยากมาให้
22คนขี้โมโหเร้าให้เกิดการวิวาท
 และคนเจ้าอารมณ์ก็ทำให้เกิดการทรยศมากขึ้น
23ความหยิ่งของคนนำเขาให้ต่ำลง
 แต่คนถ่อมตัวจะได้รับเกียรติ
24ผู้สมคบกับขโมยย่อมเกลียดชังชีวิตของตน
 เขาได้ยินคำสาบาน แต่ไม่เปิดเผยอะไรเลย
25การกลัวคนได้วางบ่วงไว้
 แต่คนที่วางใจในพระยาห์เวห์ก็ปลอดภัย
26คนมากมายแสวงหาความพอใจจากผู้ครอบครอง
 แต่คนจะได้รับความยุติธรรมจากพระยาห์เวห์
27คนอยุติธรรมเป็นที่สะอิดสะเอียนแก่คนชอบธรรม  และคนซื่อตรงก็เป็นที่สะอิดสะเอียนแก่คนอธรรม

อรรถาธิบาย

ความถ่อมใจและความมั่นใจ

ผมพบว่า ยากที่จะรักษาความสมดุลระหว่างความถ่อมใจ และความมั่นใจ มีหลายช่วงเวลาในชีวิตของผมเมื่อผมนั้นมีความถ่อมใจ (บางครั้งอาจจะมาจากความล้มเหลวในบางเรื่อง) และรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ และมีอีกหลายครั้งที่ผมรู้สึกมั่นใจอย่างมาก แต่ก็อาจจะขาดความถ่อมใจไป

มีหลายสิ่งที่เราจะได้ใคร่ครวญกันในบทของวันนี้ในพระธรรมสุภาษิตเกี่ยวกับการที่เราจะไม่พูดก่อนคิด (ข้อ 20) การควบคุมความโกรธและอารมณ์ร้อน (ข้อ 22) และการไว้วางใจพระเจ้าว่าพระองค์คือแหล่งแห่งความยุติธรรมสูงสุด (ข้อ 26)

ผมได้เห็นจุดสมดุลระหว่างความถ่อมใจและความมั่นใจอย่างเจาะจง ‘ความหยิ่งของคนนำให้เขาต่ำลง แต่คนถ่อมตัวจะได้รับเกียรติ’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นสิ่งที่ดูขัดแย้งกันในพระธรรมสุภาษิต (11:2, 18:12, 21:4, 22:4)

จงมีความมั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า อย่าใช้ชีวิตในความกลัวในสิ่งที่ผู้อื่นอาจจะคิดหรือทำ ‘การกลัวคนได้วางบ่วงไว้ แต่คนที่วางใจในพระยาห์เวห์ก็ปลอดภัย’ (29:25)

สิ่งสำคัญที่จะรักษาความสมดุลนี้ไว้ได้ คือ หลีกเลี่ยงความมั่นใจในตัวเองและฝึกฝนที่จะถ่อมใจด้วยความมั่นใจในพระเจ้า คุณควรต้องแน่ใจว่า ความมั่นใจของคุณนั้นมาจากความไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่จากความสามารถหรือความสำเร็จของตนเอง

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ที่จะมีความมั่นใจจากความไว้วางใจในพระองค์ เพื่อจะไม่กลัวต่อมนุษย์คนใด และที่จะเดินอย่างถ่อมใจต่อพระองค์
พันธสัญญาใหม่

2 ยอห์น 1:1-13

การทักทาย

 1จาก ข้าพเจ้าผู้ปกครอง
 เรียน ท่านสุภาพสตรีที่ทรงเลือกไว้ และลูกๆ ของท่าน ผู้ซึ่งข้าพเจ้ารักอย่างแท้จริง และไม่ใช่แต่ข้าพเจ้าเท่านั้น ทุกคนที่รู้ความจริงก็รักด้วย 2ทั้งนี้เพราะความจริงที่อยู่ในเราและจะดำรงอยู่กับเราชั่วนิรันดร์
 3พระคุณ พระเมตตา และสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดา และจากพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระบิดา จะดำรงอยู่กับเราในความจริงและในความรัก

ความจริงและความรัก

 4ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีอย่างยิ่งที่พบว่าลูกของท่านบางคนดำเนินชีวิตตามความจริง ตรงตามที่เราได้รับพระบัญชาจากพระบิดา 5ท่านสุภาพสตรีที่รัก เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าเขียนบัญญัติใหม่ถึงท่าน แต่เป็นบัญญัติที่เรามีอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มแรก นั่นก็คือให้เรารักกันและกัน 6และความรักนั้นก็คือการที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เริ่มแรก จงประพฤติตามนั้น 7เพราะว่ามีผู้ล่อลวงจำนวนมากออกมาในโลก เป็นพวกที่ไม่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์เสด็จมาเป็นมนุษย์ คนประเภทนั้นแหละเป็นผู้ล่อลวงและเป็นศัตรูของพระคริสต์ 8จงระวังตัวให้ดี เพื่อว่าพวกท่านจะไม่สูญเสียสิ่งที่ท่านทำมาแล้ว แต่จะได้รับบำเหน็จเต็มที่ 9ผู้ที่ล่วงเกินและไม่อยู่ในคำสั่งสอนของพระคริสต์ก็ไม่มีพระเจ้า ผู้ที่อยู่ในคำสั่งสอนของพระคริสต์มีทั้งพระบิดาและพระบุตร 10ถ้าใครมาหาท่านและไม่นำคำสั่งสอนนี้มาด้วย อย่ารับเขาไว้ในบ้าน และอย่าทักทายเขาเลย 11เพราะว่าผู้ที่ทักทายเขา ก็มีส่วนร่วมในการทำชั่วของเขา

คำทักทายสุดท้าย

 12ข้าพเจ้ายังมีอีกหลายเรื่องที่จะเขียนถึงพวกท่าน แต่ไม่อยากใช้กระดาษและน้ำหมึกเขียน ข้าพเจ้าหวังว่าจะมาหาท่าน และพูดคุยกับท่านเอง เพื่อความชื่นชมยินดีของเราจะได้เต็มเปี่ยม
 13ลูกๆ ของน้องสาวที่ได้ทรงเลือกไว้ ก็ฝากคำทักทายมายังท่าน

อรรถาธิบาย

ความจริง และความรัก

นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะรักษาสมดุล ความรักกลายเป็นสิ่งที่นุ่มนวลเกินไปหากปราศจากความจริงที่เข้ามาช่วยเติมความเข้มแข็ง และความจริงจะเป็นสิ่งที่แข็งกร้าวเกินไปหากปราศจากความรักที่เข้ามาเติมความอ่อนโยน มีบางครั้งในชีวิตผมที่มีความจริงจังเกี่ยวกับ ‘ความจริง’ แต่ไม่ค่อยมีความรักอยู่ด้วย และมีอีกหลายครั้งที่ผมพยายามที่จะมีความรักอย่างเต็มที่ แต่กลับพบว่าล้มเหลวที่จะสนใจ ‘ความจริง’ อย่างเพียงพอ

ในจดหมายฉบับที่สองของยอห์น (อาจจะเขียนถึงคริสตจักรโดยการใช้คำว่า ‘สุภาพสตรีที่ทรงเลือก’, ข้อ 1) เขาเตือนผู้คนเกี่ยวกับอันตรายของคำสอนผิดที่ปฏิเสธความจริงว่าพระเยซูได้เสด็จมาบนโลกใบนี้ในสภาพมนุษย์และพระองค์ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์อย่างสมบูรณ์ ยอห์นเตือนถึงจุดสมดุลอันงดงาม ‘ในความจริงและในความรัก’ (ข้อ 2) แน่นอนที่สุด เขาผสมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันแม้ในการทักทาย

เขาเขียนว่า ‘จากข้าพเจ้าผู้ปกครอง ซึ่งรักท่านอย่างแท้จริง และไม่ใช่แต่ข้าพเจ้าเท่านั้น ทุกคนที่รู้จักความจริงที่อยู่ถาวรในเราก็รักท่านด้วย’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เพราะเขารักบรรดาคนเหล่านั้น เขาปรารถนาที่จะพบกับพวกเขาและ ‘พูดคุยกันด้วยหัวใจถึงหัวใจ’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การเขียนจดหมาย อีเมล์ ข้อความ โทรศัพท์ วอตส์แอพ และแม้กระทั่งซูมหรือเฟซไทม์นั้น ไม่สามารถทดแทนการพบปะกันแบบ ‘หน้าต่อหน้า’ ได้ (ข้อ 12) รวมถึงการพูดคุยกันด้วยหัวใจถึงหัวใจ

เขาเตือนทุกคนให้ ‘รักกันและกัน’ (ข้อ 5) และที่จะ ‘ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ด้วยความรัก’ (ข้อ 6) ความรักควรเป็นเป้าหมายแห่งชีวิตของเรา จงศึกษาและพูดคุยเกี่ยวกับความรัก และประพฤติปฏิบัติด้วยความรัก

การทดสอบแห่งความรักคือการเชื่อฟังพระเยซู ‘ความรักคือการที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ ที่คุณจะดำเนินและใช้ชีวิตในความรัก’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความจริงและความรักนั้นไม่ได้ต่อต้านกันและกัน แต่สนับสนุนกันและกันได้เป็นอย่างดี ยอห์นนั้นมีความปีติยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบว่าคริสตจักรนี้ ‘ดำเนินชีวิตตามความจริง’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ความจริงนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ความจริงนั้นพบได้ในบุคคล พระเยซูตรัสว่า ‘เราเป็น..ความจริง’ (ยอห์น 14:6) จงใส่ใจที่จะฟังความจริง สอนความจริง และรักในความจริง

มีผู้ล่อลวงจำนวนมากออกมาในโลก (2 ยอห์น 1:7-8) จงยึดมั่นในความจริงและอย่าถูกล่อลวงให้หลงเจิ่นไป

การที่เรารู้จักความจริงและยึดมั่นในความจริง และอยู่ในคำสอนนี้เราจะ ‘มีทั้งพระบิดาและพระบุตร’ (ข้อ 9)

ในข้อต่อไปนี้อาจฟังดูไม่ค่อยจะเต็มไปด้วยความรักสักเท่าใดนัก ‘ถ้าใครมาหาท่านและไม่นำคำสั่งสอนนี้มาด้วย อย่ารับเขาไว้ในบ้าน และอย่าทักทายเขาเลย เพราะว่าผู้ที่ทักทายเขา ก็มีส่วนร่วมในการทำชั่วของเขา’ (ข้อ 10-11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อันที่จริงแล้ว ความเอาจริงเอาจังของยอห์นที่มีต่อความจริงงอกออกจากความรักของเขาที่มีต่อคริสตจักรนี้ เพราะเขารักคนเหล่านั้น เขาจึงไม่เต็มใจที่จะทนต่อคำสอนเท็จ ครูผู้สอนผิดจะพยายามพาท่านออกไป แต่ ‘อย่าสูญเสียสิ่งที่ท่านทำมาแล้ว ’ (ข้อ 8)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์รักษาความสมดุลระหว่างความจริงและความรัก และที่จะ ‘พูดความจริงด้วยความรัก’ เสมอ (เอเฟซัส 4:15)
พันธสัญญาเดิม

ฮักกัย 1:1-2:23

พระเจ้าทรงบัญชาให้สร้างพระวิหาร

 1ณ วันที่ 1 เดือนที่ 6 ปีที่ 2 แห่งรัชกาลพระราชาดาริอัส พระวจนะของพระยาห์เวห์มาโดยทางผู้เผยพระวจนะฮักกัย ถึงเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล ผู้ว่าราชการแคว้นยูดาห์ และถึงมหาปุโรหิตโยชูวาบุตรเยโฮซาดักว่า 2“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ประชาชนพวกนี้กล่าวว่า ‘ยังไม่ถึงเวลาที่จะสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์’ ” 3แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์จึงมาโดยผู้เผยพระวจนะฮักกัย ว่า 4“นี่เป็นเวลาที่พวกเจ้าเองอาศัยอยู่ในบ้านที่มีไม้บุ แต่พระนิเวศนี้ถูกทิ้งให้พังทลายหรือ? 5เพราะฉะนั้นบัดนี้พระยาห์เวห์จอมทัพจึงตรัสว่า จงพิจารณาความเป็นอยู่ของพวกเจ้า 6พวกเจ้าหว่านมาก แต่เก็บเกี่ยวน้อย พวกเจ้ารับประทาน แต่ไม่เคยอิ่ม พวกเจ้าดื่ม แต่ก็ไม่หยุดกระหาย พวกเจ้านุ่งห่ม แต่ก็ไม่อบอุ่น คนที่ได้ค่าจ้าง ก็ได้ค่าจ้างมาใส่ถุงที่มีรูรั่ว
 7“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า จงพิจารณาดูความเป็นอยู่ของพวกเจ้า 8พระยาห์เวห์ตรัสว่า จงขึ้นไปบนเนินเขาและนำไม้มาสร้างพระนิเวศ แล้วเราจะมีความพอใจในพระนิเวศนั้น และเราจะได้รับเกียรติ 9เจ้าทั้งหลายคาดหวังมาก แต่ดูซิกลับได้น้อย และเมื่อพวกเจ้านำผลมาที่บ้าน เราก็เป่ามันไปเสีย เพราะเหตุใด? พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ก็เพราะนิเวศของเราพังทลายอยู่ ส่วนพวกเจ้าต่างก็ยุ่งอยู่กับเรื่องบ้านของตัวเอง 10เพราะฉะนั้น ท้องฟ้าที่อยู่เหนือพวกเจ้าจึงระงับน้ำค้างไว้ และแผ่นดินก็ระงับพืชผลของมันเสีย 11และเราก็เรียกความแห้งแล้งมาสู่แผ่นดินและเนินเขาต่างๆ มาสู่ข้าว เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน มาสู่ผลผลิตต่างๆ ที่มาจากพื้นดิน มาสู่มนุษย์และสัตว์เลี้ยง และมาสู่ผลงานทั้งหมดที่ทำจากมือ”
 12แล้วเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอลและมหาปุโรหิตโยชูวาบุตรเยโฮซาดักพร้อมกับประชาชนทั้งหมดที่เหลืออยู่ได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะฮักกัย เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาทั้งหลายทรงใช้ท่านมา และประชาชนก็เกรงกลัวเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 13แล้วฮักกัย ทูตของพระยาห์เวห์จึงกล่าวถ้อยคำของพระองค์แก่ประชาชนว่า “พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราอยู่กับเจ้าทั้งหลาย” 14และพระยาห์เวห์ทรงเร้าวิญญาณจิตของเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล ผู้ว่าราชการแคว้นยูดาห์ และทรงเร้าวิญญาณจิตของมหาปุโรหิตโยชูวาบุตรเยโฮซาดัก และทรงเร้าวิญญาณจิตของประชาชนทั้งหมดที่เหลืออยู่ เขาทั้งหลายก็มาและสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าของเขาทั้งหลาย 15ณ วันที่ 24 ของเดือนนั้นคือเดือนที่ 6 ในปีที่ 2 ของรัชกาลพระราชาดาริอัส

ฮักกัย 2

ศักดิ์ศรีในอนาคตของพระวิหาร

 1ณ วันที่ 21 เดือนที่ 7 พระวจนะของพระยาห์เวห์มาโดยทางผู้เผยพระวจนะฮักกัย ว่า 2“จงกล่าวแก่เศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล ผู้ว่าราชการแคว้นยูดาห์ กับมหาปุโรหิตโยชูวาบุตรเยโฮซาดัก และกับประชาชนที่เหลืออยู่ ว่า 3ในพวกเจ้าที่เหลืออยู่มีใครบ้างที่เคยเห็นพระนิเวศนี้ประกอบด้วยศักดิ์ศรีเมื่อครั้งก่อน? และบัดนี้พวกเจ้าเห็นเป็นอย่างไร? มองดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรเลยใช่ไหม? 4พระยาห์เวห์ตรัสว่า แต่บัดนี้ เศรุบบาเบลเอ๋ย จงเข้มแข็งเถิด มหาปุโรหิตโยชูวาบุตรเยโฮซาดักเอ๋ย จงเข้มแข็งเถิด และประชาชนทั้งสิ้นของแผ่นดินเอ๋ย จงเข้มแข็งเถิด พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า จงทำงานเถิด เพราะเราอยู่กับเจ้าทั้งหลาย 5ตามคำสัญญาที่เราได้ทำไว้กับพวกเจ้าเมื่อเจ้าทั้งหลายออกจากอียิปต์ และวิญญาณของเราดำรงอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า อย่ากลัวเลย 6เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า อีกไม่นาน เราจะเขย่าท้องฟ้าและโลก ทะเลและแผ่นดินแห้งอีกครั้งหนึ่ง 7เราจะเขย่าประชาชาติทั้งหมด และทรัพย์สมบัติของประชาชาติทั้งหมดจะเข้ามา แล้วเราจะบรรจุนิเวศนี้ให้เต็มด้วยศักดิ์ศรี พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสเช่นนี้ 8เงินเป็นของเรา และทองก็เป็นของเรา พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ 9พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ศักดิ์ศรีของพระนิเวศหลังนี้จะยิ่งใหญ่กว่าหลังก่อน และในสถานที่นี้ เราจะให้สันติสุข” พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ

คำว่ากล่าวและคำสัญญา

 10ณ วันที่ 24 เดือนที่ 9 ในปีที่ 2 ของรัชกาลพระราชาดาริอัส พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงผู้เผยพระวจนะฮักกัย ว่า 11“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า จงถามบรรดาปุโรหิตในเรื่องธรรมบัญญัติเถิดว่า 12‘ถ้าคนไหนถือเนื้อบริสุทธิ์ไปโดยการห่อด้วยชายเสื้อคลุม และชายเสื้อนั้นไปแตะต้องขนมปัง หรือแกง หรือเหล้าองุ่น หรือน้ำมัน หรืออาหารใดๆ สิ่งเหล่านี้จะบริสุทธิ์ไปด้วยหรือไม่?’ ” พวกปุโรหิตตอบว่า “ไม่” 13แล้วฮักกัยจึงถามอีกว่า “ถ้าคนไหนที่เป็นมลทินเพราะไปแตะต้องศพ แล้วมาแตะต้องสิ่งเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นมลทินไปด้วยหรือไม่?” บรรดาปุโรหิตตอบว่า “เป็นมลทินด้วย” 14ฮักกัยจึงตอบว่า “พระยาห์เวห์ตรัสว่า ในสายตาของเรา ประชาชนพวกนี้ก็เป็นอย่างนั้น ชนชาตินี้ก็เป็นอย่างนั้น และผลงานทุกอย่างที่มือของพวกเขาทำก็เป็นอย่างนั้น และสิ่งที่พวกเขาถวายบูชาที่นั่น ก็เป็นมลทิน 15แต่บัดนี้ ให้พิจารณาดูตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก่อนที่ศิลาก้อนหนึ่งจะวางซ้อนบนศิลาอีกก้อนหนึ่งในพระวิหารของพระยาห์เวห์ 16พวกเจ้าเป็นอย่างไร? เมื่อใครมายังกองข้าวคิดว่าจะตวงได้ 200 กิโลกรัม แต่ก็ได้เพียง 100 กิโลกรัม เมื่อใครมายังบ่อเก็บน้ำองุ่นคิดว่าจะตักได้ 100 ลิตร แต่ก็ได้เพียง 40 ลิตร 17พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราได้โจมตีพวกเจ้าและผลงานทุกอย่างที่มือของพวกเจ้าทำด้วยการทำให้ข้าวม้านและขึ้นรา และด้วยลูกเห็บ แต่เจ้าทั้งหลายไม่มาหาเรา 18บัดนี้ จงพิจารณาดู ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คือวันที่ 24 เดือนที่ 9 คือตั้งแต่วันที่วางรากฐานพระวิหารของพระยาห์เวห์ จงพิจารณาดูเถิด 19ยังมีเมล็ดข้าวตกค้างอยู่ในยุ้งฉางหรือ? เถาองุ่น ต้นมะเดื่อ และต้นทับทิม กับต้นมะกอกยังไม่เกิดผลหรือ? ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะอวยพรเจ้า”

พระสัญญาของพระเจ้าซึ่งมีต่อเศรุบบาเบล

 20พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงฮักกัยเป็นครั้งที่สองในวันที่ 24 ของเดือนนั้นว่า 21“จงพูดกับเศรุบบาเบลผู้ว่าราชการแคว้นยูดาห์ว่า เรากำลังจะเขย่าท้องฟ้าและแผ่นดินโลก 22เรากำลังจะคว่ำบัลลังก์ของบรรดาราชอาณาจักร และทำลายพลังของบรรดาราชอาณาจักรแห่งประชาชาติทั้งหลาย และเราจะคว่ำบรรดารถรบกับผู้ขับขี่ พวกม้ากับผู้ขับขี่ของมันจะต้องล้มลง คือทุกคนจะต้องล้มลงด้วยดาบพวกพ้องของเขาเอง 23พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ในวันนั้นเราจะรับเจ้า โอ เศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราจะทำเจ้าให้เป็นเหมือนแหวนตรา เพราะเราได้เลือกสรรเจ้าแล้ว” พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ

อรรถาธิบาย

วิสัยทัศน์ และการลงมือปฏิบัติ

ครั้งหนึ่ง ที่ปรึกษาฝ่ายบริหารระดับสูงบอกผมว่า ‘ไม่มีผู้บริหารท่านใดเคยถูกไล่ออกเพราะขาดวิสัยทัศน์’ แต่หลายคนไม่สามารถที่จะนำวิสัยทัศน์มาสู่การลงมือปฏิบัติได้

นิมิตไม่เกิดขึ้น จนกว่าคุณจะลงมือทำ ในพระธรรมฮักกัยเล่มสั้นๆ นี้ เราได้เห็นจุดสมดุลอันอัศจรรย์ระหว่างนิมิต และการลงมือปฏิบัติ

มีอยู่ 5 ครั้งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์จอมทัพตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะฮักกัย ‘จงพิจารณา’ (1:5,7, 2:15 และอีกสองครั้งใน 2:18) นิมิตเริ่มต้นจากการคิด โดยจับเอาภาพในความคิดของเราออกมาสู่สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้

จงเรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง ฮักกัยได้ท้าทายประชากรของพระเจ้าเรื่องการเรียงลำดับความสำคัญ พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านอย่างสุขสบาย ในขณะที่พระนิเวศของพระเจ้าถูกทิ้งให้พังทลายลงเรื่อย ๆ (1:4) แต่คนเหล่านั้นยังพูดว่า ‘ยังไม่ถึงเวลาที่จะสร้างพระนิเวศของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 2)

ประชาชนได้ตัดสินใจที่จะรื้อสร้างพระนิเวศขึ้นใหม่ พวกเขามีความตั้งใจที่ดี แต่ทำไม่สำเร็จเพราะสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตของพวกเขา

ผู้เผยพระวจนะฮักกัยเตือนให้พวกเขาคิดอย่างรอบคอบ เรื่องวิถีชีวิตของพวกเขา (ข้อ 5) ความสนใจหลักของพวกเขาควรจะเป็นการที่ได้เห็นพระนามพระเจ้าได้รับเกียรติ (ข้อ 8) แต่พวกเขากลับทิ้งให้พระนิเวศของพระเจ้านั้น ‘ผุพัง’ (ข้อ 4,9)

ยูจีน ปีเตอร์สัน เขียนไว้ว่า ‘มีบางเวลาในชีวิตของเราที่จะใช้ในการซ่อมแซมอาคารที่เราใช้นมัสการ เพราะสิ่งนี้คือการแสดงออกของความเชื่อฟัง ทุก ๆ สิ่งที่เราลงมือทำในการซ่อมแซมนี้นั้น มีความสำคัญพอ ๆ กับการอธิษฐานในสถานที่แห่งการนมัสการ’

มีบางคนที่มีความเศร้าใจว่าพระนิเวศใหม่นั้นไม่งดงามเทียบเท่ากับของเดิม องค์พระผู้เป็นเจ้าพูดกับบรรดาคนเหล่านั้นผ่านผู้เผยพระวจนะฮักกัยว่า ‘ในพวกเจ้าที่เหลืออยู่มีใครบ้างที่เคยเห็นพระนิเวศนี้ประกอบด้วยศักดิ์ศรีเมื่อครั้งก่อน และบัดนี้พวกเจ้าเห็นเป็นอย่างไร มองดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรเลยใช่ไหม ..จงเข้มแข็งเถิด เพราะเราอยู่กับเจ้า..และวิญญาณของเราดำรงอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า ศักดิ์ศรีของพระนิเวศหลังนี้จะยิ่งใหญ่กว่าหลังก่อน และในสถานที่นี้ เราจะให้สันติสุข’ (2:3-5,9)

นี่เป็นข้อพระคัมภีร์ซึ่งพระเจ้าตรัสผ่านแซนดี้ มิลลาร์ และคนอื่น ๆ เกี่ยวกับจตุรัสออนสโลว์ของคริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์สตั้น ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1981 เมื่ออาคารคริสตจักรกำลังจะถูกปิดลง และขายให้แก่นักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ มันเป็นหัวข้อแห่งปี 2010 ของการนมัสการเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในการเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีของคริสตจักร และการเปิดใหม่อีกครั้งอย่างเป็นทางการ ภายหลังจาก 3 ปีแห่งการบูรณะซ่อมแซม

ตอนนี้ มันเป็นศูนย์กลางที่เจริญรุ่งเรืองสำหรับหลักสูตรคู่สมรส และหลักสูตรชีวิตครอบครัวอื่น ๆ อีกทั้งยังมีคนรุ่นใหม่หลายร้อยคนนมัสการพระเยซูที่นั่นในทุก ๆ วันอาทิตย์ คำอธิษฐานและความหวังสำหรับอนาคตก็คือ ‘ศักดิ์ศรีของพระนิเวศหลังนี้จะยิ่งใหญ่กว่าหลังก่อน’ (ข้อ 9)

ในพระธรรมฮักกัย เราได้เห็นวิสัยทัศน์นี้ “เจ้าทั้งหลาย จงทำงานเถิด พระเจ้ากำลังตรัสว่า ‘จงทำงานเถิด’ (ข้อ 4) ดังนั้นงานจึงเริ่มต้นขึ้น (1:14)

เมื่อคุณมองไปรอบ ๆ คริสตจักรในชนชาติของคุณ โปรดพิจารณาดูให้ดี มันไม่ถูกต้องที่เราจะอยู่อย่างสะดวกสบาย ในขณะที่พระนิเวศของพระเจ้านั้นยังคง ‘ผุพัง’ พระเจ้าปรารถนาให้ประชากรของพระองค์ในชนชาติของคุณได้มารู้จักพระองค์ และเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรของพระองค์ ลองนึกภาพดูว่า พระเจ้าจะสามารถได้รับพระเกียรติมากขึ้นเพียงใดในคริสตจักรของพระองค์ในวันนี้มากกว่าที่พระองค์ทรงได้รับมาแล้วในอดีต (2:9)

ประการแรก ‘จงเข้มแข็งเถิด’ (ข้อ 4) อย่าอ่อนแอในการที่จะจัดการปัญหาเพียงเพราะถูกจู่โจม หรือถูกวิพากษ์วิจารณ์ หรือเพราะความท้อแท้ ประการที่สอง ‘ทำงาน' (1:14, 2:4) มันคืองานที่หนักแต่นั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีบางช่วงเวลาในชีวิตที่คุณจำเป็นต้องทำงานอย่างหนักหน่วง ประการที่สาม ‘อย่ากลัวเลย’ (ข้อ 5) แม้จะมีสิ่งที่เป็นเหตุที่ทำให้คุณต้องหวาดกลัว

คุณสามารถไว้วางใจพระเจ้าได้ในเรื่องการเงิน องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘เงินเป็นของเรา และทองก็เป็นของเรา’ (ข้อ 8)

ใจความสำคัญคือ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราอยู่กับเจ้าทั้งหลาย..และวิญญาณของเราดำรงอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า’ (1:13, 2:5) คุณสามารถเอาชนะความหวาดกลัวทั้งสิ้นของคุณได้ เพราะคุณรู้ว่าพระเจ้าทรงอยู่กับคุณ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้หาสมดุลของความถ่อมใจและความมั่นใจให้พบ รวมถึงด้านความจริงและความรัก ด้านวิสัยทัศน์ และการลงมือปฏิบัติ ที่จะไว้วางใจว่าพระองค์ทรงอยู่กับเราทั้งหลาย และที่จะทำงานหนัก เพื่อได้เห็นพระนามของพระองค์ได้รับเกียรติ

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ฮักกัย 1:7,9

‘จงพิจารณาความเป็นอยู่ของพวกเจ้า …พระนิเวศของเรา… พังทลายอยู่ ส่วนพวกเจ้าต่างก็ยุ่งอยู่กับเรื่องบ้านของตัวเอง’

มีหลายอย่างที่ต้องทำในการดูแลบ้าน การแทนสิ่งที่พังด้วยของใหม่ เปลี่ยนหลอดไฟ ซักล้าง ทำความสะอาด จัดให้เป็นระเบียบ และอื่น ๆ อีกมากมาย ฉันมั่นใจว่าพระเจ้าปรารถนาให้เราดูแลบ้านของเราเป็นอย่างดี แต่พระคัมภีร์ข้อนี้ได้เตือนใจฉันว่าต้องใส่ใจกับพระนิเวศอย่างเท่าเทียมกัน มีหลายคริสตจักรที่อยู่ในภาวะย่ำแย่ในการซ่อมแซมพระนิเวศ และไม่คู่ควรกับองค์จอมกษัตริย์เหนือกษัตริย์

ข้อพระคำประจำวัน

สุภาษิต 29:25

‘การกลัวคนได้วางบ่วงไว้  แต่คนที่วางใจในพระยาห์เวห์ก็ปลอดภัย’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม