วัน 320

ลักษณะของชุมชนคริสเตียน 8 ประการ

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 27:23-28:6
พันธสัญญาใหม่  ฮีบรู 13:1-25
พันธสัญญาเดิม เอเสเคียล 30:1-31:18

เกริ่นนำ

เดวิด เบ็คแฮม อดีตกัปตันฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ เล่าถึงการโดนไล่ออกจากสนามฟุตบอลโลกในปี 1998 รอบชิงชนะเลิศว่า ‘มันอาจจะเป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดในชีวิตผม... เมื่อมองย้อนกลับไป ผมไม่แน่ใจว่าความคิดอะไรอยู่ในหัวของผม มันเป็นกวังวนแห่งความกลัว ความรู้สึกผิด ความโกรธ ความกังวล และความสับสน ผมรู้สึกเวียนหัว… ผมเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว กฎระบุว่าผมต้องอยู่ที่นั่นตลอดการแข่งขัน' และแล้วทีมอังกฤษก็แพ้ พวกเราตกรอบฟุตบอลโลกแล้ว

‘เมื่อนักเตะทีมชาติอังกฤษกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว ไม่มีใครพูดอะไรกับผมเลย มีแต่ความเงียบ ผมรู้สึกว่าท้องของผมเริ่มเกร็งขึ้น ผมกลืนน้ำลาย หายใจเข้า และกลืนน้ำลายอีกครั้ง ผมอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มีคนเยอะแยะ แต่ผมไม่เคยรู้สึกเหงาเท่านี้มาก่อนในชีวิตเลย ผมรู้สึกโดดเดี่ยว และหวาดกลัว... ผมติดอยู่กับความรู้สึกผิดและวิตกกังวลของตัวเอง’

พระเจ้าทรงไม่ตั้งใจให้คุณเหงาและโดดเดี่ยว พระเจ้าทรงสร้างคุณเพื่อให้มีชุมชน คือ เรียกคุณให้มีความสัมพันธ์กับพระองค์ และกับมนุษย์คนอื่น ๆ

ชุมชนคริสเตียน คือ คริสตจักร เป็นชุมชนขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ‘พระผู้เลี้ยงแกะยิ่งใหญ่’ (ฮีบรู 13:20) คริสตจักรท้องถิ่นทุกแห่งได้รับเรียกให้เป็นชุมชนของพระผู้เลี้ยงแกะยิ่งใหญ่

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 27:23-28:6

23จงรู้ความทุกข์สุขของฝูงแพะแกะของเจ้าให้ดี
 และจงเอาใจใส่ฝูงสัตว์ของเจ้า
24เพราะความมั่งคั่งไม่ยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์
 และมงกุฎก็ไม่คงทนอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์
25เมื่อเขาเก็บหญ้าแห้งไปแล้ว หญ้าใหม่ก็ปรากฏขึ้น
 และผักหญ้าต่างๆ ตามภูเขาก็ถูกเก็บรวบรวมมา
26เมื่อนั้นลูกแกะจะให้เสื้อผ้าแก่เจ้า
 และแพะก็จะเป็นค่านา
27จะมีนมแพะพอเป็นอาหารแก่เจ้า
 เป็นอาหารแก่ครอบครัวของเจ้า
 และเป็นเครื่องยังชีพแก่สาวใช้ของเจ้า

สุภาษิต 28

คนอธรรมและคนชอบธรรม

1คนอธรรมหนีเมื่อไม่มีใครไล่ตาม
 แต่คนชอบธรรมกล้าหาญอย่างสิงห์หนุ่ม
2เมื่อแผ่นดินเกิดจลาจล
 ก็มีผู้ครอบครองหลายคน
แต่โดยอาศัยคนที่มีความเข้าใจและความรู้
 แผ่นดินนั้นจะยืนยง
3คนยากจนที่ข่มเหงคนจน
 ก็เหมือนฝนที่ซัดลงมาทำลายพืชผล
4คนที่ทิ้งธรรมบัญญัติย่อมสรรเสริญคนอธรรม
 แต่คนที่รักษาธรรมบัญญัติย่อมต่อสู้พวกเขา
5คนชั่วไม่เข้าใจความยุติธรรม
 แต่คนที่แสวงหาพระยาห์เวห์จะเข้าใจถี่ถ้วน
6คนยากจนที่ดำเนินในความซื่อสัตย์ของเขา
 ก็ดีกว่าคนที่คดโกงในทางของตนแล้วมั่งคั่ง

อรรถาธิบาย

ชุมชนที่มีการอภิบาล

ในท้ายที่สุดแล้ว มีผู้คนที่คอยนับ ‘รู้จักชื่อแกะของท่านและดูแลฝูงแกะของท่านอย่างระมัดระวัง’ (สุภาษิต 27:23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระคัมภีร์มักใช้ภาพเดียวกันนี้ของผู้เลี้ยงแกะและฝูงแกะเพื่อบรรยายถึงความห่วงใยที่พระเจ้ามีต่อประชากรของพระองค์ และบทบาทของผู้นำของประชากรของพระเจ้า (เช่น สดุดี 78:70–71; 1 เปโตร 5:2–4) ที่จะต้องดูแลผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเป็นอย่างดี รู้ถึงสภาวะของเขาและใส่ใจพวกเขาอันที่จริง เราควรใกล้ชิดกับผู้คนมากดั่งคนเลี้ยงแกะที่ควร ‘ได้กลิ่นของแกะ’ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสกล่าว

ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้แสดงให้เห็นลักษณะของรูปแบบชุมชนที่เราควรสร้าง 3 ประการ:

  1. ชุมชนที่กล้าหาญ
    จงกล้าหาญในความเชื่อของคุณ 'คนชั่วร้ายมีอารมณ์ขุ่นเคืองและพร้อมที่จะวิ่งหนีแม้ว่าจะไม่มีใครตามพวกเขาแต่คนที่ซื่อสัตย์จะผ่อนคลาย และมั่นใจ คือ มีความกล้าหาญเหมือนดั่งสิงโต’ (28:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  2. ชุมชนที่มีผู้นำที่ดี
    ที่ใดมีความโกลาหล ทุกคนมีแผนที่จะแก้ไข 'แต่ต้องใช้ผู้นำที่มีความเข้าใจที่แท้จริงที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ กระจ่างชัดขึ้น’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  3. ชุมชนที่เป็นธรรม
    ‘คนชั่วร้าย... กดขี่คนยากจน... ความยุติธรรมไม่สมเหตุสมผลกับคนคิดชั่ว บรรดาผู้ที่แสวงหาพระเจ้ารู้ทั้งภายในและภายนอก’ ( ข้อ 3,5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยเราทำตามแบบอย่างของพระเยซู ผู้เลี้ยงแกะผู้ยิ่งใหญ่ ขอให้เราเป็นชุมชนที่กล้าหาญ เป็นผู้นำที่ดี แสวงหาพระองค์ และความยุติธรรมของพระองค์ และดูแลคนยากจน
พันธสัญญาใหม่

 ฮีบรู 13:1-25

การปรนนิบัติที่พอพระทัยพระเจ้า

 1จงให้ความรักฉันพี่น้องมีอยู่ต่อกันเสมอไป 2อย่าละเลยที่จะต้อนรับแขกแปลกหน้า เพราะว่าโดยการทำเช่นนั้น บางคนก็ได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว 3จงระลึกถึงคนเหล่านั้นที่ถูกคุมขังอยู่ เหมือนหนึ่งว่าพวกท่านก็ถูกขังอยู่กับพวกเขาด้วย จงระลึกถึงคนเหล่านั้นที่ถูกทำทารุณ เหมือนหนึ่งว่าร่างกายของพวกท่านก็ถูกกระทำด้วย 4จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง และให้เตียงสมรสปราศจากมลทิน เพราะคนที่ประพฤติผิดทางเพศ และคนที่ล่วงประเวณีนั้นพระเจ้าจะทรงพิพากษา 5ท่านอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่ เพราะว่าพระองค์ได้ตรัสว่า “เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย” 6เพราะฉะนั้นเราอาจกล่าวด้วยความมั่นใจว่า

“องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระผู้ช่วยของข้าพเจ้า
 ข้าพเจ้าจะไม่กลัว
ใครจะทำอะไรกับข้าพเจ้าได้เล่า?”

 7จงระลึกถึงบรรดาผู้นำของพวกท่าน ผู้กล่าวพระวจนะของพระเจ้ากับพวกท่าน จงพิจารณาดูผลบั้นปลายชีวิตของพวกเขา แล้วจงเลียนแบบความเชื่อของพวกเขา 8พระเยซูคริสต์ทรงเหมือนเดิมทั้งวานนี้ และวันนี้ และตลอดไปเป็นนิตย์ 9อย่าหลงไปตามคำสอนแปลกๆ ต่างๆ เพราะว่าเป็นการดีที่จะให้ใจเข้มแข็งโดยพระคุณ ไม่ใช่โดยกฎเกณฑ์เรื่องอาหาร ซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่คนที่ดำเนินตามเลย 10เรามีแท่นบูชาแท่นหนึ่ง และคนที่ปรนนิบัติในพลับพลานั้นไม่มีสิทธิ์รับประทานของจากแท่นนั้น 11เพราะร่างของสัตว์เหล่านั้นที่มหาปุโรหิตได้เอาเลือดเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาลบบาปนั้น เขาเอาไปเผาเสียนอกค่าย 12เพราะฉะนั้น พระเยซูจึงได้ทรงทนทุกข์ภายนอกประตูนครเช่นเดียวกัน เพื่อทรงชำระประชาชนให้บริสุทธิ์ด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง 13เพราะฉะนั้น ให้เราออกไปหาพระองค์ภายนอกค่ายนั้น โดยแบกรับคำดูหมิ่นเหยียดหยามที่พระองค์ทรงทน 14เพราะว่าเราไม่มีนครที่ถาวรอยู่ที่นี่ แต่เราแสวงหานครที่จะมาในภายหน้า 15เพราะฉะนั้น ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไปโดยทางพระองค์นั้น คือถวายผลจากปากที่ยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์ 16อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
 17จงนบนอบเชื่อฟังบรรดาผู้นำของท่านทั้งหลาย เพราะว่าพวกเขาดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกท่านอยู่อย่างคนที่ต้องถวายรายงาน จงให้พวกเขาทำงานนี้ด้วยความชื่นชมยินดี ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์แก่พวกท่านเลย
 18จงอธิษฐานเผื่อเรา เพราะเราแน่ใจว่าเรามีมโนธรรมที่ดีและปรารถนาที่จะประพฤติตัวดีงามในทุกเรื่อง 19ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านมากขึ้นให้อธิษฐานเช่นนั้น เพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้กลับไปอยู่กับท่านเร็วยิ่งขึ้น

คำอวยพรและคำอำลา

 20ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข ผู้ทรงนำพระผู้เลี้ยงแกะยิ่งใหญ่คือพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราขึ้นมาจากความตาย โดยโลหิตแห่งพันธสัญญานิรันดร์ 21ทรงให้พวกท่านเพียบพร้อมด้วยสิ่งดีทุกอย่าง เพื่อที่จะทำตามพระทัยของพระองค์โดยทรงทำงานในเรา ให้เกิดผลเป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน
 22พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนพวกท่านให้อดทนฟังคำเตือนสตินี้ เพราะข้าพเจ้าเขียนมาถึงพวกท่านแต่เพียงย่อๆ เท่านั้น 23พวกท่านพึงทราบว่าทิโมธีน้องของเราถูกปล่อยเป็นอิสระแล้ว ถ้าเขามาถึงเร็ว ข้าพเจ้ากับเขาก็จะไปพบพวกท่าน 24ข้าพเจ้าขอฝากคำทักทายมายังบรรดาผู้นำของพวกท่าน และธรรมิกชนทั้งปวง พวกพี่น้องที่มาจากอิตาลีก็ฝากคำทักทายมายังพวกท่านด้วย 25ขอพระคุณดำรงอยู่กับท่านทุกคนเถิด

อรรถาธิบาย

ชุมชนของพระเยซู

ชุมชนของพระเยซูพระผู้เลี้ยงแกะยิ่งใหญ่ (ข้อ 20) เป็นชุมชนที่ดีเลิศที่สุดในโลก คือชุมชนที่ ‘ตั้งด้วยความรัก’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ความรักเช่นนี้ไม่ใช่แค่ความรู้สึก มันสร้างความแตกต่างในทางปฏิบัติ ถ้าคุณต้องการที่จะรู้ว่าการรักกัน ‘ฉันพี่น้อง' (ข้อ 1) เป็นอย่างไรในทางปฏิบัติ ผู้เขียนฮีบรูได้เน้นย้ำคุณลักษณะห้าประการที่ควรเป็นคุณลักษณะของชุมชนคริสเตียน:

  1. ต้อนรับด้วยใจที่กว้างขวาง
    ‘เตรียมพร้อมอาหารหรือเตียงเมื่อจำเป็น ทำไมบางคนถึงต้อนรับทูตสวรรค์โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อน!’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เช่นเดียวกับอับราฮัมและซาราห์ (ปฐมกาล 18)

อาหารที่นำมาแบ่งปันนั้นถือเป็นศูนย์กลางของการต้อนรับและพันธกิจ เมื่อคุณทานอาหารร่วมกัน คุณได้ลดการถือตัวลง ให้เราต้อนรับแม้แต่คนที่ไม่รู้จักและเป็นเพื่อนที่ดีกับพวกเขา

  1. ช่วยเหลือคนที่ขัดสน
    ‘ให้ปฏิบัติต่อนักโทษราวกับว่าท่านอยู่ในคุกกับพวกเขา ดูแลเหยื่อของการทารุณกรรมราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาเกิดขึ้นกับท่านด้วย' (ฮีบรู 13:3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เมื่อคุณปรนนิบัติต่อผู้ต้องขังในเรือนจำหรือกับเหยื่อการทารุณกรรม คุณก็จะพบพระเยซู (มัทธิว 25:40)

  2. ให้การสมรสเป็นที่นับถือ
    ‘ให้เกียรติการแต่งงานและปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ของความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างภรรยาและสามี พระเจ้าทรงต่อต้านคนที่ล่วงประเวณี’ (ฮีบรู 13:4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  3. จงพอใจในสิ่งที่มี
    'อย่าหมกมุ่นอยู่กับการได้มาซึ่งสิ่งของที่มากขึ้น จงพอใจกับสิ่งที่มี เนื่องจากพระเจ้ารับรองกับเราว่า “เราจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง คือไม่เคยเดินจากเจ้าไป”’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องเงิน เพราะพระเจ้าสัญญาว่าเมื่อคุณตั้งใจจดจ่อที่พระองค์ พระองค์จะดูแลสิ่งเหล่านี้ให้คุณ พระองค์จะไม่ละคุณหรือทอดทิ้งคุณ (ข้อ 5)

  4. ทำให้พระเจ้าพอพระทัย
    ‘เพราะฉะนั้น ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไปโดยทางพระองค์นั้น คือถวายผลจากปากที่ยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์ อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า’ (ข้อ 15–16) สามสิ่งนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้านั่นคือ การอธิษฐาน (โดยเฉพาะการสรรเสริญ) การรับใช้ (การทำความดี) และการให้ (การแบ่งปันกับผู้อื่น)

ผู้เขียนยังเน้นถึงความสำคัญของการเป็นผู้นำในชุมชนคริสเตียน เราทุกคนอยู่ภายใต้พระเยซูเจ้าของเรา ‘พระผู้เลี้ยงแกะยิ่งใหญ่' (ข้อ 20) อย่างไรก็ตามก็มีผู้นำที่เป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน มีห้าสิ่งที่ผู้เขียนพูดเกี่ยวกับผู้นำ:

  1. ชื่นชมผู้นำ
    ‘ชื่นชม’ ผู้นำทุกคนของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระลึกถึงผู้ที่นำข่าวดีมาให้และผู้ที่ดูแลคุณ (ข้อ 7ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  2. เลียนแบบผู้นำ
    ‘จงพิจารณาดูบั้นปลายชีวิตของพวกเขา แล้วจงเลียนแบบความเชื่อของพวกเขา’ (ข้อ 7ข) นี่เป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับผู้ที่เป็นผู้นำของคริสเตียน คนอื่นกำลังดูและถูกเรียกให้เลียนแบบ ตัวอย่างที่ดีมีค่าเป็นสองเท่ากว่าคำแนะนำที่ดี

  3. ตอบสนองผู้นำ
    'จงตอบสนองต่อผู้อภิบาลของท่าน ฟังคำแนะนำของพวกเขา พวกเขาตื่นตัวต่อสภาพชีวิตของท่านและทำงานภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของพระเจ้า จงมีส่วนทำให้เกิดความสุขในการเป็นผู้นำของพวกเขา ไม่ใช่ด้วยความเบื่อหน่าย ทำไมท่านถึงต้องการทำให้สิ่งต่าง ๆ ยากขึ้นสำหรับพวกเขา?’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  4. อธิษฐานเผื่อผู้นำ
    ผู้เขียนเองน่าจะเป็นหนึ่งในผู้นำของพวกเขาและเขาหนุนใจให้ 'อธิษฐานเพื่อเรา เราไม่สงสัยในสิ่งที่เรากระทำหรือเพราะเหตุใด แต่มันเป็นการยากและเราต้องการคำอธิษฐานของพวกท่าน’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  5. ต้อนรับผู้นำ
    ‘ข้าพเจ้าขอฝากคำทักทายมายังบรรดาผู้นำของพวกท่าน’ (ข้อ 24) สันนิษฐานได้ว่าพวกเขาจะต้องได้การทักทายด้วยคำลงท้ายจดหมาย ‘ขอพระคุณดำรงอยู่กับท่านทุกคน’ (ข้อ 25) และคำว่า ’พระคุณ’ เป็นคำที่สรุปจดหมายและประเภทของชุมชนที่เราควรเป็น ให้เราอยู่ในชุมชนแห่งพระคุณที่ซึ่งทุกคนจะพบความรัก ความหมายและความหวัง

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นชุมชนแห่งความรัก แห่งการต้อนรับด้วยใจกว้างขวาง แห่งการช่วยเหลือ แห่งความซื่อสัตย์และมีพอใจในสิ่งที่มี ขอให้พวกข้าพระองค์ทำให้พระองค์พอพระทัยในการนมัสการ การรับใช้ และการแบ่งบัน
พันธสัญญาเดิม

เอเสเคียล 30:1-31:18

การคร่ำครวญเพื่ออียิปต์

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 2“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะ เจ้าจงกล่าวว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า

จงคร่ำครวญว่า ‘อนิจจาหนอวันนั้น’
3เพราะวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
 วันแห่งพระยาห์เวห์ใกล้เข้ามา
จะเป็นวันแห่งเมฆหมอก
 เป็นเวลาแห่งความหายนะของประชาชาติ
4ดาบเล่มหนึ่งจะมาเหนืออียิปต์
 และความทุกข์ระทมจะอยู่ในคูช
เมื่อคนถูกฆ่าล้มลงในอียิปต์
 และคนเขาขนทรัพย์สมบัติของอียิปต์ไป
 และรากฐานของอียิปต์ก็ถูกทลายลง
5“คูชและพูต ทั้งลูดและอาระเบียทั้งหมด รวมทั้งลิเบียและชาวแผ่นดินนั้นที่อยู่ในสนธิสัญญา จะล้มลงพร้อมกับพวกเขาด้วยดาบ

6พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 พวกที่สนับสนุนอียิปต์จะล้มลง
และความภูมิใจในพลังของมันจะลดลง
 ตั้งแต่มิกดลถึงสิเอเน
เขาจะล้มลงในที่นั้นด้วยดาบ
 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
7และพวกเขาจะร้างเปล่าอยู่ท่ามกลางประเทศทั้งหลายที่ร้างเปล่า
 และเมืองต่างๆ ของมันจะอยู่ท่ามกลางบรรดาเมืองที่ทิ้งร้าง
8แล้วเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์
 เมื่อเราให้ไฟเผาอียิปต์
 และผู้สนับสนุนทั้งหมดของมันก็จะแตกกระจายไป
9“และในวันนั้น พวกทูตจะออกจากเราไปโดยทางเรือ เพื่อจะทำให้คนคูชที่มั่นใจนั้นคร้ามกลัว และความทุกข์ระทมจะมาถึงเขาเหล่านั้นในวันหายนะของอียิปต์ เพราะนี่แน่ะ วันนั้นจะมาถึงแน่นอน

10พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
 เราจะทำให้ไพร่พลของอียิปต์สิ้นสุดลง
 ด้วยมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์บาบิโลน
11คือตัวเขาพร้อมกับชนชาติของเขา
 ซึ่งเป็นชนชาติที่ทารุณที่สุดในบรรดาประชาชาติ
จะถูกนำเข้ามาเพื่อทำลายแผ่นดินนั้น
 และพวกเขาจะชักดาบออกต่อสู้อียิปต์
 และทำให้แผ่นดินนั้นเต็มด้วยคนที่ถูกฆ่า
12และเราจะทำให้แม่น้ำไนล์แห้งไป
 เราจะขายแผ่นดินนั้นไว้ในมือของคนชั่ว
เราจะทำให้แผ่นดินและสารพัดที่อยู่ในนั้นร้างเปล่า
 โดยมือของคนต่างด้าว
 เรา คือยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาแล้ว
13“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
 เราจะทำลายรูปเคารพทั้งหลาย
และทำให้ปฏิมากรในเมืองเมมฟิสสิ้นสุดลง
 และจะไม่มีเจ้านายจากแผ่นดินอียิปต์อีก
 และเราจะใส่ความหวาดกลัวในแผ่นดินอียิปต์
14เราจะทำให้เมืองปัทโรสเป็นที่ร้างเปล่า  และจะให้ไฟเผาเมืองโศอัน
 และจะทำการพิพากษาเมืองเธเบส
15เราจะเทความโกรธของเราลงบนเมืองเปลูเซียม
 ซึ่งเป็นที่กำบังเข้มแข็งของอียิปต์
 และจะขจัดไพร่พลของเมืองเธเบส
16และเราจะให้ไฟเผาอียิปต์
 เมืองเปลูเซียมจะอยู่ในความระทม
เมืองเธเบสจะแตก
 และเมืองเมมฟิสจะมีปรปักษ์ในเวลากลางวัน
17ชายฉกรรจ์ของเมืองโอนและเมืองพีเบเสทจะล้มลงด้วยดาบ
 และเมืองนั้นจะตกไปเป็นเชลย
18เวลากลางวันที่เมืองทาปานเหสจะมืดทึบ
 เมื่อเราทำลายแอกของอียิปต์
และอานุภาพอันผยองของเมืองนั้นจะสิ้นสุดลง
 จะมีเมฆมาคลุมเมืองนั้นไว้
 และคนเมืองนั้นจะตกไปเป็นเชลย
19เมื่อเราทำการพิพากษาอียิปต์
 พวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

เผยพระวจนะต่อสู้ฟาโรห์

 20เมื่อวันที่ 7 เดือนที่ 1 ในปีที่ 11 พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 21“บุตรมนุษย์เอ๋ย เราได้หักแขนของฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ และนี่แน่ะ แขนนั้นไม่ได้ถูกพันไว้เพื่อการรักษา หรือหุ้มไว้ในผ้าพันแผลเพื่อให้แข็งแรงพอจะเหวี่ยงดาบได้อีก 22เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ดูสิ เราเป็นปฏิปักษ์กับฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ เราจะหักแขนของเขา ทั้งแขนที่ยังแข็งแรงและแขนที่หักแล้วนั้น เราจะทำให้ดาบหลุดจากมือของเขา 23เราจะให้คนอียิปต์กระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางประชาชาติ และกระจายพวกเขาไปตามประเทศต่างๆ 24และเราจะเสริมกำลังแขนของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และเอาดาบของเราใส่มือเขา แต่เราจะหักแขนของฟาโรห์ และฟาโรห์จะคร่ำครวญต่อหน้าเขาอย่างการคร่ำครวญของคนที่บาดเจ็บอย่างฉกรรจ์ 25เราจะเสริมกำลังแขนของกษัตริย์แห่งบาบิโลน แต่แขนของฟาโรห์จะตก แล้วเขาทั้งหลายจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เมื่อเราเอาดาบของเราใส่มือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน เขาจะยื่นมันออกต่อสู้แผ่นดินอียิปต์ 26และเราจะให้คนอียิปต์กระจัดกระจายอยู่ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย และกระจายพวกเขาไปยังประเทศต่างๆ แล้วเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

เอเสเคียล 31

ไม้สนสีดาร์ที่หยิ่งยโส

 1และอยู่มาเมื่อวันที่ 1 เดือนที่ 3 ในปีที่ 11 พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 2“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์และแก่ไพร่พลของเขาว่า

เจ้าเปรียบเหมือนใครในความเป็นใหญ่ของเจ้านั้น?
3ดูสิ อัสซีเรียเหมือนไม้สนสีดาร์ในเลบานอน
 มีกิ่งงดงามและมีใบดกร่มรื่น
ทั้งสูงอย่างยิ่ง  ยอดไม้อยู่เทียมเมฆ
4มีน้ำหล่อเลี้ยงให้เติบโต
 น้ำบาดาลทำให้มันงอกสูงขึ้น
สายน้ำทั้งหลายของบาดาล
 ไหลรอบบริเวณที่ปลูกมันไว้
ลำธารทั้งหลายของสายน้ำ
 ส่งน้ำไปยังไม้ทุกต้นในป่า
5ดังนั้นมันจึงขึ้นสูง
 มันสูงกว่าต้นไม้ทุกต้นในป่า
กิ่งไม้ก็แตกใหญ่  และก้านก็ยาว
 เพราะน้ำมากหลายทำให้งอกงาม
6นกในอากาศทั้งหมด
 ได้มาทำรังอยู่บนกิ่งของมัน
สัตว์ป่าทั้งหมดในทุ่ง
 ต่างตกลูกออกมาอยู่ใต้ก้านของมัน
ประชาชาติใหญ่โตทั้งสิ้น
 มาอาศัยอยู่ใต้ร่มของมัน
7มันก็งดงามด้วยความใหญ่ยิ่งของมัน
 และด้วยความยาวของก้านมัน
เพราะว่ารากของมัน
 หยั่งลึกลงไปยังน้ำที่อุดม
8ต้นสนสีดาร์ที่อยู่ในพระอุทยานของพระเจ้ายังสู้ไม่ได้
 ต้นสนสามใบก็ยังไม่เท่าก้านของมัน
ต้นปอตูบหูช้างจะไม่เหลืออะไรเลย
 เมื่อเทียบกับกิ่งของมัน
ไม่มีต้นไม้ใดในพระอุทยานของพระเจ้า
 ที่มีความงามเหมือนมัน
9เราได้ทำให้มันงดงาม
 ด้วยกิ่งก้านมากมายของมัน
ต้นไม้ทั้งหมดในเอเดนต่างอิจฉามัน
 คือต้นไม้ซึ่งอยู่ในพระอุทยานของพระเจ้า

 10“เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เพราะว่ามันสูงนักและชูยอดของมันอยู่เทียมเมฆ และจิตใจมันก็เย่อหยิ่งเพราะความสูงของมัน 11เราจะมอบมันไว้ในมือหัวหน้าของบรรดาประชาชาติ เขาจะทำกับมันให้สาสมกับความชั่วร้ายของมันอย่างแน่นอน เราได้ไล่มันออกไป 12คนต่างด้าว คือชนชาติทารุณที่สุดในบรรดาประชาชาติจะโค่นมันลงและทิ้งมันไว้ กิ่งของมันจะตกลงบนภูเขาทั้งหลายและในหุบเขาทุกแห่ง และก้านทั้งหลายที่หักของมันจะอยู่ตามห้วยทุกแห่งของแผ่นดิน และชนชาติทั้งหมดของพิภพจะไปจากร่มเงาของมันและละทิ้งมัน

13นกในอากาศทั้งหมด
 จะอาศัยอยู่บนกิ่งหักพังของมัน
และสัตว์ป่าทุ่งทั้งหมด
 จะอยู่บนก้านของมัน
14ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อไม่ให้ต้นไม้ที่อยู่ริมน้ำงอกสูงขึ้นมากนัก หรือชูยอดอยู่เทียมเมฆ และเพื่อไม่ให้ต้นไม้ที่ดื่มน้ำงอกขึ้นสูงอย่างนั้นได้
 เพราะว่าพวกมันทั้งหมดต้องถูกมอบให้แก่ความตาย
ลงไปยังเบื้องล่างสุดของแผ่นดิน
 พร้อมกับบรรดาบุตรของมนุษย์
 ด้วยกันกับพวกที่ลงไปยังปากแดนคนตาย

 15“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ในวันนั้นที่มันลงไปยังแดนคนตาย เราจะทำให้บาดาลคลุมตัวไว้ทุกข์ให้แก่มัน และเราจะยับยั้งแม่น้ำของมันไว้ และน้ำจำนวนมากจะหยุดยั้ง เราจะคลุมเลบานอนด้วยความโศกเพื่อมัน และต้นไม้ในทุ่งนาทั้งหมดจะเหี่ยวแห้งเพราะมัน 16เราจะทำให้ประชาชาติทั้งหลายสั่นเทาด้วยเสียงที่มันล้มลง เมื่อเราเหวี่ยงมันลงไปยังแดนคนตายพร้อมกับบรรดาผู้ลงไปยังปากแดน แล้วต้นไม้ทุกต้นในเอเดน ต้นไม้ที่คัดแล้วและต้นไม้ที่ดีเลิศของเลบานอน ทั้งต้นไม้ทุกต้นที่ดื่มน้ำต่างก็จะดีใจ ณ ที่เบื้องล่างสุดของแผ่นดิน 17ประชาชาติเหล่านี้จะลงไปยังแดนคนตายพร้อมกับมัน ไปยังบรรดาผู้ถูกฆ่าด้วยดาบ เออ คือพรรคพวกของเขาที่อยู่ใต้ร่มของเขาท่ามกลางประชาชาติ
 18“ดังนั้น ใครจะเป็นเหมือนเจ้าในเรื่องศักดิ์ศรีและความเป็นใหญ่ท่ามกลางต้นไม้ของเอเดน เจ้าจะถูกนำลงมาพร้อมกับต้นไม้ของเอเดนไปยังเบื้องล่างสุดของแผ่นดิน เจ้าจะนอนอยู่ท่ามกลางผู้ไม่ได้เข้าสุหนัต พร้อมกับพวกถูกฆ่าด้วยดาบ คือฟาโรห์และไพร่พลทั้งหมดของเขา” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ

อรรถาธิบาย

ชุมชนที่รู้จักผู้เลี้ยง

พระเจ้าทรงตั้งพระทัยให้ชุมชนของพระองค์เป็นสถานที่ของผู้ที่หลงทาง ผู้ที่แตกสลาย และผู้โดดเดี่ยวจะได้พบกับความหวัง การเยียวยา และความรัก

ต่อมาเอเสเคียลพูดถึงคนเลี้ยงแกะที่เป็นผู้ครอบครองชนทุกชาติ (เอเสเคียล 34) ในคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระเยซู กล่าวไว้ว่า ‘เราจะตั้งผู้เลี้ยงคนหนึ่งไว้เหนือเขาทั้งหลาย... เขาจะเลี้ยงดูพวกเขา และเป็นผู้เลี้ยงของพวกเขา’ (ข้อ 23)

อย่างไรก็ตาม ในข้อพระคัมภีร์วันนี้ เอเสเคียลพูดถึงชุมชนที่ไม่รู้จักพระเจ้า เขาทำนายวันพิพากษาเมื่อ ‘พวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์’ (30:8, 19, 26) ข้อพระคัมภีร์นี้เป็นคำเตือนเกี่ยวกับท่าทีที่ควรหลีกเลี่ยง พวกเขาพึ่งพาความมั่งคั่งของตัวเอง (ข้อ 4) และ ‘ความภาคภูมิใจ' (ข้อ 6) พวกเขาหยิ่งผยอง (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขามั่นใจ (ข้อ 9) และแทนที่พระเจ้าด้วยรูปเคารพ (ข้อ 13)

ไม้สนสีดาร์แห่งเลบานอน (บทที่ 31) แตกต่างกับชุมชนแบบที่พระเยซูทรงบรรยาย ต้นสีดาร์อันยิ่งใหญ่นี้ ใหญ่กว่าต้นไม้ทุกต้นในป่า โดยมีนกในอากาศทำรังอยู่ในกิ่งของมัน (ข้อ 5–6) บรรดาประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ต่างอาศัยอยู่ใต้ร่มเงาของมัน มันทั้งยิ่งใหญ่ และสวยงาม รากของมันหยั่งลึกลงไปในน้ำที่อุดมสมบูรณ์ (ข้อ 7) แต่อย่างไรก็ตาม มันถูกโค่นลงและสูญเปล่าไปในที่สุด (ข้อ 10 เป็นต้นไป)

แต่แผ่นดินของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม มันเริ่มต้น 'เหมือนเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง ตอนที่เพาะลงในดินก็เล็กกว่าเมล็ดทั้งปวง แต่เมื่อเพาะแล้วจึงงอกขึ้นจำเริญโตใหญ่กว่าผักทั้งปวง และแตกกิ่งก้านใหญ่พอให้นกในอากาศมาทำรังอาศัยอยู่ในร่ม [ของเรา] นั้นได้’ (มาระโก 4:31–32)

ให้เรามาแสวงหาการเป็นชุมชนที่เติบโตเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดและกลายเป็นสถานที่ของผู้ที่หลงทาง ผู้ที่แตกสลายและผู้โดดเดี่ยว สามารถอยู่ใต้ร่มเงาแห่งนี้ได้ นี่เป็นชุมชนที่รู้จักพระเจ้า ที่ซึ่งผู้คนมีความสำคัญมากจริง ๆ และที่ที่เราเพลิดเพลินกับการทรงนำของพระเยซูผู้เลี้ยงแกะผู้ยิ่งใหญ่ของเรา

คำอธิษฐาน

‘ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข ผู้ทรงนำพระผู้เลี้ยงแกะยิ่งใหญ่คือพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราขึ้นมาจากความตาย โดยโลหิตแห่งพันธสัญญานิรันดร์ ทรงให้พวกท่านเพียบพร้อมด้วยสิ่งดีทุกอย่าง เพื่อที่จะทำตามพระทัยของพระองค์โดยทรงทำงานในเรา ให้เกิดผลเป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบ ๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน’ (ฮีบรู 13:20–21)

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ฮีบรู 13:5

‘......จงพอใจกับสิ่งที่มี.... หรือ อย่าหมกมุ่นอยู่กับการได้มาซึ่งสิ่งของที่มากขึ้น’ (พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ฉันมักจะดูในตู้เสื้อผ้าของฉันและคิดว่าขาดบางอย่างไป หรือเห็นภาพวันหยุดในอินสตราแกรมของใครบางคน และคิดว่าวันหยุดของพวกเขาดูน่าตื่นเต้นกว่าของฉัน แต่พระคัมภีร์กล่าวว่า ‘จงพอใจกับสิ่งที่คุณมี'

ข้อพระคำประจำวัน

ฮีบรู 13:6

‘…กล่าวด้วยความมั่นใจว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยของข้าพเจ้า ข้าพระเจ้าจะไม่กลัว...”'

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม