วัน 297

วิธีที่พระเจ้าตรัสกับคุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 119: 89-96
พันธสัญญาใหม่ 2 ทิโมธี 3:1-17
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 50:11-51:14

เกริ่นนำ

ฟิโอดอร์เป็นชายหนุ่มหัวรุนแรง ชีวิตของเขาวนอยู่กับการกิน การดื่ม สังสรรค์ ดนตรี โรงละคร และผู้หญิง เขาใฝ่ฝันอยากจะมีชื่อเสียง เขาเข้าร่วมในการเคลื่อนไหวทางการเมือง และการปฏิรูปสังคมของรัสเซีย ในยุคการปกครองของซาร์นิโคลัสที่สอง เขาถูกจับกุม ไต่สวน และถูกตัดสินรับโทษประหาร

ในเช้าของวันที่เหน็บหนาว พวกนักโทษถูกนำตัวออกมาเพื่อจะยิงทิ้ง ทหารประจำคุกได้ยกกระบอกปืนขึ้นเตรียมจะยิง ในวินาทีสุดท้าย ธงขาวถูกชูขึ้นเพื่อเป็นการประกาศว่า ซาร์ได้ประกาศให้พวกเขารับโทษจำคุกตลอดชีวิตในไซบีเรียแทน

เมื่อเขามาถึงไซบีเรียในคืนก่อนวันคริสต์มาสในปี ค.ศ. 1849 เมื่ออายุได้ 28 ปี มีผู้หญิง 2 คนได้แอบเอาพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่มาให้เขา เมื่อช่วงที่ผู้คุมเผลอ พวกเธอแนะนำเขาให้อ่านแต่ละหน้าอย่างละเอียด และเขาก็ทำตาม

ขณะที่อยู่ในคุก ฟิโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี นักประพันธ์ชาวรัสเซียที่โด่งดัง ได้อ่านพระคัมภีร์ฉบับพันธสัญญาใหม่หน้าต่อหน้า และเรียนรู้สิ่งที่เขียนในนั้นพร้อมกับท่องจำ เขาเขียนว่า ‘ผมเชื่อว่าไม่มีใครที่งดงาม ล้ำลึก มีเมตตา และสมบูรณ์แบบเท่าพระเยซูอีกแล้ว ผมบอกกับตัวเองด้วยความรักปนความอิจฉาว่า นอกจากไม่มีใครเหมือนพระองค์แล้ว จะไม่มีใครสามารถเป็นเหมือนพระองค์ได้เลย’ เขาได้พบกับพระเยซูคริสต์ผ่านทางพระคัมภีร์

อัครทูตเปาโลพูดถึงพระคัมภีร์ทั้งเล่มว่า ‘ได้รับการดลใจจากพระเจ้า’ (2 ทิโมธี 3:16) พระคัมภีร์ไม่ได้แค่ดลใจศิลปิน กวี นักประพันธ์ และนักดนตรีเท่านั้น แต่พระคัมภีร์ได้รับการดลใจที่มาจากพระเจ้า คือพระวิญญาณของพระองค์ในนั้น พระเจ้าตรัสกับเราผ่านพระคัมภีร์

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 119: 89-96

ל (ลาเมค)
89พระยาห์เวห์ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์
 พระวจนะของพระองค์ตั้งมั่นคงในสวรรค์
90ความซื่อสัตย์ของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์
 พระองค์ทรงสถาปนาแผ่นดินโลกและมันก็ตั้งอยู่
91โดยกฎหมายของพระองค์ สิ่งเหล่านี้ตั้งมั่นอยู่จนทุกวันนี้
 เพราะทุกสิ่งเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
92ถ้าธรรมบัญญัติของพระองค์ไม่เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์
 ข้าพระองค์คงพินาศไปในความทุกข์ยากแล้ว
93ข้าพระองค์จะไม่ลืมข้อบังคับของพระองค์เลย
 เพราะโดยข้อบังคับเหล่านั้น พระองค์ทรงรักษาชีวิตข้าพระองค์ไว้
94ข้าพระองค์เป็นของพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด
 เพราะข้าพระองค์ได้แสวงหาข้อบังคับของพระองค์
95คนอธรรมซุ่มคอยทำลายข้าพระองค์
 แต่ข้าพระองค์จะพิจารณาพระโอวาทของพระองค์
96ข้าพระองค์เห็นขีดจำกัดของความสมบูรณ์แบบทั้งสิ้นแล้ว
 แต่พระบัญญัติของพระองค์ไร้ขีดจำกัด

อรรถาธิบาย

ชื่นชมยินดีในการอ่านพระคัมภีร์

วอลแตร์ นักปรัชญาและนักวิจารณ์ศาสนาคริสต์ของศตวรรษที่ 18 กล่าวว่า 'ภายในเวลา 100 ปี พระคัมภีร์จะล้าสมัย และจะไม่ถูกตีพิมพ์อีก’ 100 ปี หลังจากนั้นพระคัมภีร์ยังเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิม เมื่อคุณได้ยินใครโจมตีพระคัมภีร์ ขอให้จำไว้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งใหม่เลย

พระวจนะของพระเจ้า 'ดำรงอยู่เป็นนิตย์' (ข้อ 89) แม้ว่าจะเจอการโจมตีมานักต่อนัก แต่พระคัมภีร์ยังคงรอดพ้นมาได้เสมอ ‘สิ่งที่องค์พระผู้พระเจ้าตรัสคงอยู่ถาวรดั่งฟ้าสวรรค์ ความจริงของพระองค์ไม่เคยตกกระแส และทันสมัยพอ ๆ กับโลกในเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น พระวจนะและความจริงของพระองค์สามารถพึ่งพาได้เหมือนที่เคยเป็นมา’ (ข้อ 89-90, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระคัมภีร์คือความปีติ ผู้เขียนสดุดีอธิบายพระวจนะที่เขาได้อ่านว่า ‘ความปีติยินดีของข้าพระองค์’ (ข้อ 92)

เหมาะสมแล้วที่สดุดีบทที่ยาวที่สุดจะพูดเกี่ยวกับพระวจนะทั้งหมด

เมื่อคุณถูกโจมตี จงใคร่ครวญพระวจนะของพระองค์ ‘คนชั่วดักซุ่มเพื่อทำลายข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์สนใจเพียงแต่แผนการของพระองค์สำหรับข้าพระองค์ ข้าพระองค์เห็นข้อจำกัดของทุกอย่างที่เป็นมนุษย์ แต่ขอบฟ้าไม่อาจจำกัดพระบัญญัติของพระองค์!’ (ข้อ 95-96, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) บัญญัติของพระเจ้ามีเพื่อปกป้องคุณ ขอให้จำไว้ว่าพระคำของพระเจ้าจะปกป้องคุณจากอันตราย ‘ข้าพระองค์จะไม่ลืมข้อบังคับของพระองค์เลย เพราะโดยข้อบังคับเหล่านั้น พระองค์ทรงรักษาชีวิตข้าพระองค์ไว้’ (ข้อ 93)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ใคร่ครวญพระวจนะที่เป็นนิรันดร์ในทุก ๆ วัน และปีติยินดีในการอ่านพระคัมภีร์
พันธสัญญาใหม่

2 ทิโมธี 3:1-17

อุปนิสัยของคนในวาระสุดท้าย

 1แต่จงเข้าใจข้อนี้คือ วาระสุดท้ายนั้นจะเป็นเวลาที่น่ากลัว 2เพราะผู้คนจะเห็นแก่ตัว รักเงินทอง โอ้อวด หยิ่งยโส ชอบดูหมิ่น ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ อกตัญญู ชั่วร้าย 3ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี 4ทรยศ มุทะลุ โอหัง รักความสนุกมากกว่ารักพระเจ้า 5ยึดถือทางพระเจ้าแต่เพียงเปลือกนอก แต่ปฏิเสธฤทธิ์เดชของทางนั้น จงอย่าเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้น 6เพราะในพวกนั้นมีบางคนที่แอบไปตามบ้าน แล้วครอบงำบรรดาผู้หญิงเบาปัญญาที่หนาด้วยบาปและหลงใหลไปตามตัณหาต่างๆ 7หญิงพวกนี้ร่ำเรียนอยู่เสมอ แต่ไม่สามารถเข้าใจหลักความจริงได้เลย 8ยันเนสกับยัมเบรส์เคยต่อต้านโมเสสอย่างไร คนพวกนี้ก็ต่อต้านความจริงอย่างนั้น จิตใจของเขาเสื่อมทรามและปราศจากความเชื่อที่แท้จริง 9แต่เขาจะไปได้ไม่ไกล เพราะความโง่ของพวกเขาจะปรากฏต่อทุกคนเช่นเดียวกับความโง่ของชายสองคนนั้น

คำกำชับสุดท้ายถึงทิโมธี

 10แต่ท่านก็ได้ดำเนินตามข้าพเจ้าในด้านคำสอน พฤติกรรม เป้าหมายชีวิต ความเชื่อ ความอดทน ความรัก ความทรหดอดทน 11การถูกข่มเหง และการทนทุกข์ซึ่งเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าทั้งในเมืองอันทิโอก เมืองอิโคนียูมและเมืองลิสตรา การข่มเหงที่ข้าพเจ้าทนนั้นมากเพียงไร แต่ถึงกระนั้นก็ดี องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากทุกสิ่ง 12แท้จริงทุกคนที่ตั้งใจจะดำเนินชีวิตตามทางพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะถูกข่มเหง 13ในขณะที่คนชั่วและคนเจ้าเล่ห์จะเลวลงกว่าเก่า อีกทั้งยังล่อลวงคนอื่นและถูกคนอื่นล่อลวงด้วย 14แต่ท่านจงดำเนินต่อไปในสิ่งที่ได้เรียนรู้แล้วและเชื่ออย่างมั่นคง และท่านก็รู้ว่าท่านเรียนมาจากใคร 15และตั้งแต่เด็กมาแล้ว ท่านก็ได้เรียนรู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถให้ปัญญาแก่ท่านในเรื่องความรอดโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 16พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม 17เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง

อรรถาธิบาย

แสวงหาพระเยซูขณะที่คุณอ่านพระคัมภีร์

พระคัมภีร์นั้นเกี่ยวกับพระเยซูทั้งหมด ‘ไม่มีสิ่งใดเหมือนพระวจนะของพระองค์ที่บันทึกไว้ เพื่อนำท่านสู่หนทางแห่งความรอดผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์' (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลกำลังเขียนถึงสังคมที่แตกต่างจากสังคมของเรา โดยบรรยายว่า:

'จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในภายหน้า เมื่อสุดปลายมาถึงผู้คนจะยึดติดกับตัวเอง หิวกระหายเงิน ส่งเสริมตัวเอง ทะนงตัว หยาบคาย ดูถูกบิดามารดา หยาบกระด้าง ต่อสู้อย่างโหดเหี้ยม ไม่อ่อนข้อ ใส่ร้ายป้ายสี ป่าเถื่อน เยาะเย้ยถากถาง ทรยศ ไร้ความปราณี คุยโม้โอ้อวด ล่วงประเวณี และต่อต้านพระเจ้า’ (ข้อ 1-4, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล)

เปาโลบรรยายถึงพวกเขาว่า ‘ยึดถือทางพระเจ้าแต่เพียงเปลือกนอก แต่ปฏิเสธฤทธิ์เดชของทางนั้น’ (ข้อ 5) สิ่งนี้บรรยายถึงทางโลกและนามนิยมประเภทหนึ่ง ซึ่งมีรูปแบบเหมือนวิถีทางของพระเจ้าด้วย (ถ้าถามคนที่เชื่อแบบนี้เขาจะบอกว่าตนเป็นคริสเตียน) แต่กลับปฏิเสธฤทธิ์เดช แล้วยังมีบางคนพยายามอย่างหนักเพื่อจะต่อต้านความจริง (ข้อ 8)

คุณถูกเรียกให้แตกต่างออกไป ความกดดันของโลกนั้นรุนแรง เปาโลเขียนว่า ‘แต่ท่านจง...’ (ข้อ 14) โดยชี้ไปที่คำสอน วิถีชีวิต เป้าประสงค์ ความเชื่อ ความอดทน ความรัก ความอดกลั้น การข่มเหง และการทนทุกข์ (ข้อ 10-11) และเตือนว่า ‘ใครก็ตามที่อยากมีชีวิตทั้งหมดเพื่อพระคริสต์จะพบกับความทุกข์อย่างมหันต์ ไม่มีทางหลีกหนีได้’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อย่าแปลกใจเมื่อมีการต่อต้าน ให้เรายืนหยัดดุจหินบน ‘พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์' (ข้อ 15)

หนังสือบางเล่มให้ข้อมูลหรือแม้แต่ปฏิรูป ส่วนพระคัมภีร์นั้นเปลี่ยนแปลงชีวิต ชายคนหนึ่งบ่นกับศิษยาภิบาลของเขาว่า เขาไม่อ่านพระคัมภีร์เพราะมันแทรกแซงการทำงานของเขา เมื่อถูกถามว่างานที่ทำคืออะไร เขาตอบว่า ‘ผมเป็นโจรล้วงกระเป๋า!’ พระคัมภีร์ไม่ได้มีเพียงเพื่อเพิ่มสติปัญญาของคุณ แต่ถูกให้มาเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ

จุดมุ่งหมายของพระคัมภีร์คือชี้ให้คุณเห็นพระคริสต์ พระคัมภีร์ยังช่วย ‘ให้ปัญญาแก่ท่านในเรื่องความรอดโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 15) พระเยซูตรัสว่า ‘พระคัมภีร์นั้นเอง...เป็นพยานให้กับเรา’ (ยอห์น 5:39) มาร์ติน ลูเธอร์ นักปฏิรูปที่ยิ่งใหญ่กล่าวว่า ‘พระคัมภีร์คือเปลที่พระเยซูประทับ...ทุกถ้อยคำร้องถึงพระเยซูคริสต์’

ผมพบพระเยซูครั้งแรกผ่านการอ่านพระคัมภีร์เหมือนคนอื่น ๆ อย่างกับว่าพระองค์โผล่ขึ้นมาจากหน้ากระดาษของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่

ทว่าไม่ใช่แค่ความเชื่อแรกที่มาผ่านทางพระคัมภีร์เท่านั้น แต่มันคือความเชื่อที่ต่อเนื่องของคุณและการเติบโต เพราะ ‘ทุกส่วนของพระคัมภีร์เป็นลมปราณของพระเจ้าและมีประโยชน์ในทางใดทางหนึ่ง สำแดงให้เห็นความจริง เผยการกบฏของเรา แก้ไขความผิดพลาดของเรา และฝึกฝนเราให้มีชีวิตในทางของพระเจ้า โดยพระวจนะเราถูกรวมเข้าด้วยกันและถูกปรับแต่งสำหรับงานที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เรา’ (2 ทิโมธี 3:16-17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) หนังสือ The Catechism of the Catholic Church (การถาม-ตอบของคริสตจักรคาทอลิก) เขียนว่า ‘พระคัมภีร์ถูกเขียนภายใต้การดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ [โดย] พระเจ้าทรงเป็นผู้ประพันธ์’

พระคัมภีร์คือสิทธิอำนาจของเราในทุก ๆ เรื่องด้านความเชื่อและการใช้ชีวิต คุณจะค้นพบว่าพระเจ้าตรัสอะไร (และสิ่งที่คุณควรจะเชื่อ) เกี่ยวกับการทนทุกข์ เกี่ยวกับพระเยซู ไม้กางเขน และเรื่องอื่น ๆ ในพระคัมภีร์คุณจะค้นพบว่าสิ่งใดผิดในสายพระเนตรของพระเจ้าและวิธีที่คุณจะมีชีวิตอย่างชอบธรรม การกินพระวจนะเป็นวิธีที่จะ ‘มีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง’ (ข้อ 17)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่พระองค์ทรงเสริมกำลังข้าพระองค์ทุก ๆ วัน เมื่อข้าพระองค์ศึกษาถ้อยคำของพระองค์ คิดใคร่ครวญ ภาวนา และฟังเสียงของพระวิญญาณ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ใกล้ชิดพระเยซูมากขึ้น และถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ใช้เวลาในการทรงสถิต
พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 50:11-51:14

11“บรรดาผู้ปล้นมรดกของเราเอ๋ย แม้ว่าเจ้าจะเปรมปรีดิ์ แม้ว่าเจ้าจะลิงโลด
 แม้เจ้าจะระเริงอย่างโคสาวที่กำลังนวดข้าว
 และร้องอย่างม้าตัวผู้
12มารดาของเจ้าจะอับอายอย่างยิ่ง
 และนางที่คลอดเจ้าจะถูกหลู่เกียรติ
นี่แน่ะ นางจะอยู่ท้ายสุดของบรรดาประชาชาติ
 เป็นถิ่นทุรกันดาร ที่แห้งแล้ง และทะเลทราย
13เมืองนั้นจะไม่มีคนเข้าอาศัย เพราะพระพิโรธของพระยาห์เวห์
 แต่จะเป็นที่ร้างเปล่าอย่างที่สุด
ซึ่งคนที่ผ่านเมืองบาบิโลนไปจะตกตะลึง
 และเยาะเย้ยเพราะรอยแผลทั้งสิ้นของเมืองนั้น
14จงจัดแนวรบเข้ามาโอบล้อมบาบิโลน
 พวกเจ้าที่โก่งคันธนู
จงยิงเธอ อย่าเสียดายลูกธนู
 เพราะเธอได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์
15จงเปล่งเสียงโห่ร้องสู้เธอจากรอบข้าง เธอยอมแพ้แล้ว
 เครื่องป้องกันของเธอล้มลงแล้ว
กำแพงของเธอถูกพังลงแล้ว
 เพราะนี่เป็นการแก้แค้นของพระยาห์เวห์
จงแก้แค้นเธอ
 ทำกับเธออย่างที่เธอได้ทำลงไป
16จงตัดผู้หว่านเสียจากบาบิโลน
 และตัดผู้ที่ถือเคียวในฤดูเกี่ยว
เพราะดาบของผู้บีบบังคับ
 ทุกคนจึงหันเข้าหาชนชาติของตน
 และทุกคนจะหนีไปยังแผ่นดินของตน
 17“อิสราเอลเป็นเหมือนแกะที่ถูกสิงโตไล่ล่าไป ครั้งแรกกษัตริย์อัสซีเรียกินเขา ในที่สุดนี้เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้แทะกระดูกของเขา 18เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะนำการลงโทษมาเหนือกษัตริย์แห่งบาบิโลนและแผ่นดินของท่าน ดังที่เราได้ลงโทษกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย 19เราจะให้อิสราเอลกลับสู่ลานหญ้าของเขา และเขาจะกินอยู่บนภูเขาคารเมลและในบาชาน และเขาจะอิ่มใจบนเนินเขาเอฟราอิมและในกิเลอาด 20พระยาห์เวห์ตรัสว่า ในวันเหล่านั้นและในเวลานั้น จะหาความผิดบาปในอิสราเอลไม่พบเลย จะหาบาปในยูดาห์ก็จะไม่พบเลย เพราะเราจะให้อภัยแก่คนเหล่านั้นผู้ที่เราให้เหลืออยู่”

21พระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงขึ้นไปสู้แผ่นดินเมราธาอิม
 และต่อสู้ชาวเมืองเปโขด
จงฆ่าเขาและทำลายเสียให้หมดสิ้น
 และจงทำทุกอย่างตามที่เราได้บัญชาเจ้าไว้
22เสียงสงครามอยู่ในแผ่นดิน
 และการทำลายอย่างใหญ่หลวงก็อยู่ในนั้น
23ค้อนแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
 ถูกตัดลงและถูกหักไปได้อย่างไร
บาบิโลนกลายเป็นความหวาดหวั่น
 ท่ามกลางบรรดาประชาชาติได้อย่างไรกัน
24บาบิโลนเอ๋ย เราวางบ่วงดักเจ้าและเจ้าก็ติดบ่วงนั้น
 และเจ้าไม่รู้เรื่อง
เขามาพบเจ้าและจับเจ้า
 เพราะเจ้าได้ขืนสู้กับพระยาห์เวห์
25พระยาห์เวห์ได้ทรงเปิดคลังอาวุธของพระองค์
 และทรงนำอาวุธแห่งพระพิโรธของพระองค์ออกมา
 เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพมีพระราชกิจที่จะทำในแผ่นดินเคลเดีย
26จงมาต่อสู้กับเธอจากสุดปลายแผ่นดินโลก
 จงเปิดบรรดายุ้งฉางของเธอ
จงกองเธอไว้เหมือนอย่างกองข้าวและทำลายเสียให้หมดสิ้น
 อย่าให้เธอเหลืออยู่เลย
27จงฆ่าวัวผู้ของเธอให้หมด
 ให้พวกมันลงไปถูกฆ่า
วิบัติแก่พวกมันเพราะวันเวลาของมันมาถึงแล้ว
 คือเวลาแห่งการลงโทษมัน
 28“ฟังซิ พวกเขาได้หนีและรอดพ้นจากแผ่นดินบาบิโลน ไปประกาศการแก้แค้นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราในศิโยน คือการแก้แค้นแทนพระวิหารของพระองค์
 29“จงเรียกบรรดานักธนูมาต่อสู้กับบาบิโลน คือบรรดาคนที่โก่งธนู จงตั้งค่ายไว้รอบเธอ อย่าให้ใครหนีรอดพ้นไปได้ จงตอบแทนเธอตามการกระทำของเธอ จงทำต่อเธออย่างที่เธอได้ทำลงไป เพราะเธอยโสต่อพระยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล 30เพราะฉะนั้น คนหนุ่มๆ ของเธอจะล้มลงที่ลานของเธอ และทหารของเธอทั้งหมดจะถูกทำลายในวันนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
31“พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสดังนี้ว่า
 คนยโสเอ๋ย นี่แน่ะ เราต่อสู้กับเจ้า
เพราะว่าวันเวลาของเจ้ามาถึงแล้ว
 คือเวลาที่เราจะลงโทษเจ้า
32คนยโสจะสะดุดและล้มลง
 จะไม่มีใครพยุงเขาขึ้นได้
และเราจะก่อไฟในบรรดาเมืองของมัน
 และไฟจะกินบรรดาที่อยู่รอบมันเสียสิ้น
 33“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ประชาชนอิสราเอลถูกบีบบังคับ และประชาชนยูดาห์ก็เช่นกัน ผู้ที่จับเขาทั้งหลายไปเป็นเชลยได้ยึดเขาไว้มั่น พวกเขาปฏิเสธไม่ยอมปล่อยเขาไป 34พระผู้ไถ่ของเขาทั้งหลายนั้นเข้มแข็ง พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ พระองค์จะทรงแก้คดีของเขาแน่นอน เพื่อพระองค์จะประทานความสงบแก่แผ่นดินโลก แต่ประทานความไม่สงบแก่ชาวเมืองบาบิโลน”
35พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ให้ดาบต่อสู้คนเคลเดีย
 และต่อสู้ชาวเมืองบาบิโลน
 และต่อสู้เจ้านายและนักปราชญ์ของเขา
36ให้ดาบต่อสู้ผู้ทำนาย
 เพื่อเขาจะกลายเป็นคนโง่ไป
 ให้ดาบต่อสู้บรรดานักรบของเขาเพื่อพวกเขาจะครั่นคร้าม
37ให้ดาบต่อสู้ม้าทั้งหลายของเขาและรถรบของเขา
 และต่อสู้กองทหารคนต่างด้าวท่ามกลางเขา
เพื่อพวกเขาจะกลายเป็นผู้หญิงไป
 ให้ดาบต่อสู้ทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นของเขา
 เพื่อว่าทรัพย์สมบัตินั้นจะถูกปล้นเสีย
38ให้ความแห้งแล้งอยู่เหนือน้ำทั้งหลายของเขา
 เพื่อน้ำนั้นจะได้แห้งไป
เพราะเป็นแผ่นดินแห่งรูปเคารพ
 และพวกเขาก็บ้ารูปนั้น
 39“เพราะฉะนั้น สัตว์ป่าทั้งหลายและบรรดาหมาจิ้งจอกจะอาศัยในบาบิโลน และนกกระจอกเทศจะอาศัยอยู่ที่นั่น เมืองนั้นจะไม่มีประชาชนอยู่อีกต่อไปเป็นนิตย์ คือไม่มีชาวเมืองอาศัยอยู่ตลอดชั่วชาติพันธุ์ 40พระยาห์เวห์ตรัสว่า ดังที่พระเจ้าได้ทรงคว่ำเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์และบรรดาเมืองใกล้เคียง ก็จะไม่มีคนพำนักอยู่ที่นั่นและไม่มีมนุษย์คนใดอาศัยอยู่ในเมืองนั้น
41“ดูสิ ชนชาติหนึ่งมาจากทิศเหนือ
 ประชาชาติเข้มแข็งชาติหนึ่งและกษัตริย์หลายองค์
 จะถูกเร้าให้มาจากที่ไกลที่สุดของแผ่นดินโลก
42พวกเขาจับคันธนูและหอก
 เขาดุร้ายและไม่มีความเมตตา
เสียงของเขาก็เหมือนเสียงทะเลคะนอง
 พวกเขาขี่ม้า
 จัดแถวดั่งคนเข้าสงครามต่อสู้เจ้านะ ประชากรแห่งบาบิโลนเอ๋ย
43“กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงได้ยินข่าวเรื่องนั้น
 และพระหัตถ์ของพระองค์ก็อ่อนลง
ความแสนระทมจับพระทัยพระองค์
 ทรงเจ็บปวดอย่างผู้หญิงกำลังคลอดบุตร
 44“นี่แน่ะ เราจะทำให้พวกเขาหนีไปจากเธออย่างฉับพลัน เหมือนอย่างสิงห์ขึ้นมาจากดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดนกระโจนใส่ทุ่งหญ้าที่เขียวสด และเราจะแต่งตั้งผู้ที่เราเลือกสรรไว้เหนือเธอ ใครเป็นอย่างเราเล่า? ใครจะฟ้องเราเล่า? ผู้เลี้ยงแกะคนไหนจะทนยืนอยู่ต่อหน้าเราได้? 45เพราะฉะนั้น จงฟังแผนการซึ่งพระยาห์เวห์ทรงกระทำไว้ต่อสู้บาบิโลน และบรรดาพระประสงค์ซึ่งพระองค์ทรงดำริขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินเคลเดีย แน่ละ แม้ตัวเล็กๆ ที่อยู่ในฝูงก็ต้องถูกลากเอาไป แน่ละ คอกของเขาจะหวาดหวั่นเพราะเคราะห์กรรมของตน 46แผ่นดินโลกจะสั่นสะเทือนเพราะเสียงของการที่บาบิโลนถูกจับเป็นเชลย และจะได้ยินเสียงคร่ำครวญท่ามกลางบรรดาประชาชาติ”

เยเรมีย์ 51

1พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 “นี่แน่ะ เราจะปลุกวิญญาณของผู้ทำลาย
มาต่อสู้กับบาบิโลน
 ต่อสู้กับชาวเคลเดีย
2“เราจะส่งคนต่างด้าวไปยังบาบิโลน
 และพวกเขาจะฝัดร่อนมัน
และเขาจะทำให้แผ่นดินของมันว่างเปล่า
 เมื่อพวกเขามาล้อมมันไว้ทุกด้าน
 ในวันแห่งความยากลำบาก
3อย่าให้นักธนูโก่งคันธนูได้
 อย่าให้เขาสวมเสื้อเกราะลุกขึ้นได้ อย่าไว้ชีวิตคนหนุ่มๆ ของมันเลย
 จงทำลายกองทัพของมันทั้งหมด
4เขาทั้งหลายจะถูกฆ่าล้มลงในแผ่นดินเคลเดีย
 และบาดเจ็บอยู่ที่ถนนในเมืองนั้น
5เพราะว่าอิสราเอลและยูดาห์ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง
 โดยพระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าของเขา
แต่แผ่นดินเคลเดียนั้นเต็มด้วยความผิด
 ต่อองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
6“จงหนีจากบาบิโลน
 ให้ทุกคนเอาชีวิตของตนรอดเถิด
เจ้าอย่าถูกทำลายไปด้วยเพราะความผิดบาปของมัน
 เพราะนี่เป็นเวลาแก้แค้นของพระยาห์เวห์
 เป็นการซึ่งพระองค์ทรงตอบสนอง
7บาบิโลนเคยเป็นถ้วยทองคำในพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์
 ทำให้แผ่นดินโลกทั้งสิ้นมึนเมาไป
บรรดาประชาชาติได้ดื่มเหล้าองุ่นของมัน
 เพราะฉะนั้น ประชาชาติต่างๆ จึงบ้าไป
8บาบิโลนได้ล้มลงและแตกไปอย่างฉับพลัน
 จงคร่ำครวญเพื่อมันเถิด
จงเอายามาให้มันบรรเทาปวด
 บางทีอาจจะรักษามันให้หายได้”
9“พวกเราได้รักษาบาบิโลน แต่มันไม่หาย
 ทิ้งมันไปเสียเถิดและให้เราไป
ต่างคนต่างไปยังประเทศของตน
 เพราะว่าการพิพากษามันได้ขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์
 และได้ถูกยกขึ้นเทียมเมฆ
10พระยาห์เวห์ทรงนำความยุติธรรมออกมาให้เรา
 มาเถิด ให้เราประกาศพระราชกิจ
 ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราในศิโยน
11จงฝนลูกธนู
 จงหยิบโล่ขึ้นมา
พระยาห์เวห์ทรงเร้าใจบรรดากษัตริย์ของมีเดีย เพราะว่าพระประสงค์ของพระองค์เกี่ยวกับบาบิโลน ก็คือการทำลายมันเสีย เพราะนั่นแหละเป็นการแก้แค้นของพระยาห์เวห์ คือการแก้แค้นแทนพระวิหารของพระองค์”
12จงชูธงขึ้นประชิดกำแพงของบาบิโลน
 จงหนุนคนเฝ้าให้เข้มแข็ง
จงตั้งคนยามขึ้น จงเตรียมกองซุ่มไว้
 เพราะพระยาห์เวห์ทรงวางแผนงานและทรงกระทำ
 ตามที่พระองค์ตรัสเกี่ยวกับชาวเมืองบาบิโลน
13เจ้าผู้อาศัยตามน้ำมากหลาย
 ผู้มีสมบัติมากมายเอ๋ย
อวสานของเจ้ามาถึงแล้ว
 เส้นชีวิตของเจ้าถูกตัดขาดเสียแล้ว
14พระยาห์เวห์จอมทัพทรงปฏิญาณโดยพระองค์เองว่า
 “แน่นอนเราจะให้เจ้ามีคนเต็มเมือง เหมือนฝูงตั๊กแตน
 และเขาทั้งหลายจะเปล่งเสียงโห่ร้องมีชัยเหนือเจ้า”

อรรถาธิบาย

ฟังพระวจนะของพระเจ้าและนำมาปฏิบัติ

เราทุกคนมอบความไว้วางใจและความปลอดภัยในที่อื่น การทดลอง คือการวางใจ และให้ความมั่นคงกับเงินทอง การศึกษา การงาน สุขภาพ ครอบครัว หรือเพื่อนฝูง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ผิด แต่ท้ายที่สุดแล้วมีที่เดียวที่มั่นคงปลอดภัยที่ ๆ คุณจะไว้วางใจ คือในพระเจ้า

ตลอดบทส่งท้ายเหล่านี้ในพระธรรมเยเรมีย์ เราได้เห็นว่าชนชาติทั้งหมดวางความปลอดภัยของตนและความไว้ใจในสิ่งที่ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ วันนี้เราเห็นว่าบาบิโลนวางใจในแม่น้ำและทรัพย์สมบัติของตน ‘เจ้าผู้อาศัยตามน้ำมากหลาย ผู้มีสมบัติมากมายเอ๋ย’ (ข้อ 51:13) เยเรมีย์ได้รื้อถอนความหวังจอมปลอมเหล่านี้ทีละอัน

ครั้งแล้วครั้งเล่า เยเรมีย์เรียกให้ผู้อ่านของเขาฟังถ้อยคำเหล่านี้และพระสัญญาของพระเจ้าแทนสิ่งต่าง ๆ ของโลก มี 2 ประโยคที่พูดย้ำอย่างต่อเนื่องคือ ‘พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า’ (ข้อ 50:18,33; 51:1) และ ‘พระยาห์เวห์ตรัสว่า’ (ข้อ 50:21,30,40)

เราได้รับการหนุนใจให้ฟังถ้อยคำของพระองค์ เพื่อ‘ทำสิ่งที่เราบอกให้เจ้าทำ’ (ข้อ 50:21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และ ‘ประกาศข่าวดี’ (ข้อ 51:10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณสามารถสร้างชีวิตบนพระสัญญาในพระวจนะ คุณจะต้องฟังพระคำของพระเจ้าและนำมาปฏิบัติ (ดู มัทธิว 7:24-27)

พระเจ้าทรงสัญญา 2 สิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนที่ฟังถ้อยคำของพระองค์ วางใจในพระองค์ และปฏิบัติตามถ้อยคำเหล่านั้น

อย่างแรก พระองค์ทรงสัญญาถึงความอิ่มใจ ความต้องการฝ่ายวิญญาณของคุณสามารถอิ่มใจได้ด้วยความสัมพันธ์กับพระเจ้าเท่านั้น (เยเรมีย์ 50:19) ซึ่งพระเยซูเสด็จมาเพื่อทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

อย่างที่สอง พระองค์สัญญาว่าจะมีการอภัยบาปของคุณ และขจัดความรู้สึกผิดของคุณออกไป ‘พวกเขาจะมองขึ้นสูงและมองลงต่ำหาความบาปของอิสราเอล แต่ก็ไม่พบ ค้นทุกหนแห่งหาร่องรอยความบาปของยูดาห์ แต่ก็ไม่พบ ประชากรเหล่านี้ที่เราช่วยกู้ไว้จะเริ่มต้นใหม่อย่างสะอาดหมดจด’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญากับอิสราเอลและยูดาห์ถูกทำให้สำเร็จโดยพระเยซูบนไม้กางเขน ไม่ว่าจะเสาะหาอย่างละเอียดแค่ไหน ก็ไม่มีใครสามารถพบความบาปหรือมลทินใด ๆ ในคุณอีก เพราะสิ่งที่พระเจ้าได้กระทำแล้ว

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ฟังพระวจนะของพระองค์ทุก ๆ วัน นำมาปฏิบัติ และพบกับความพึงพอใจในการทรงสถิตและในความรักของพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

2 ทิโมธี 3:15

‘...และตั้งแต่เด็กมาแล้ว ท่านก็ได้เรียนรู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถให้ปัญญาแก่ท่าน...’

มันสำคัญมากที่คุณจะเริ่มอ่าน และเรียนรู้พระวจนะตั้งแต่อายุน้อย น้อยที่สุดเท่าที่เป็นได้ ไม่มีคำว่าเร็วเกินไปที่จะเริ่มต้น ถึงแม้ตอนแรกอาจจะเป็นเหมือนที่หลานชายของเราท ำคือ เขากินกระดาษเข้าไป!

ข้อพระคำประจำวัน

2 ทิโมธี 3:16-17 (จากพระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล)

‘ทุกส่วนของพระคัมภีร์เป็นลมปราณของพระเจ้า...โดยพระวจนะ เราถูกรวมเข้าด้วยกันและถูกปรับแต่งสำหรับงานที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เรา’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม