เนื้อหาที่ให้ชีวิต
เกริ่นนำ
มือของเธอเต็มไปด้วยแหวน กำไล สร้อยคอ และสมบัติอื่น ๆ กระแสลาวากำลังประทุและไหลลงมาจากภูเขาไฟวิสุเวียสในค.ศ. 79 ขณะที่เธอวิ่งหนี ผู้หญิงคนนี้ไม่พร้อมจะทิ้งเครื่องประดับอันมีค่าของเธอ เธอถูกพันธนาการด้วยสมบัติของเธอ จนตัวเธอถูกปกคลุมด้วยขี้เถ้าจากภูเขาไฟที่ตกลงมาเป็นจำนวนมากและเธอถูกฝังอยู่ในนั้น
ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างครั้งใหม่ ร่างของเธอที่กลายเป็นหินถูกพบอยู่นอกบริเวณเมืองปอมเปอีที่ถูกฝังไว้ ซึ่งเป็นท่าเรือโบราณของโรม ร่างของเธอถูกขุดพร้อมกับอัญมณีจำนวนมาก เธอเสียชีวิตขณะพยายามรักษาทรัพย์สมบัติของเธอเอาไว้
พระเยซูทรงเตือนเราว่าท้ายที่สุดแล้วเราจะต้องเลือกระหว่างเงินกับพระเจ้า (มัทธิว 6:24) พันธสัญญาใหม่ไม่มีการห้ามครอบครองทรัพย์สินส่วนตัวหรือการมีรายได้ หรือแม้แต่การชื่นชมยินดีกับสิ่งดีต่าง ๆ ในชีวิต แต่ว่าคำสั่งสอนสำหรับคนมั่งมีคือที่พวกเขาจะไม่ ‘มุ่งหวัง ในทรัพย์ที่ไม่ยั่งยืน’ (1 ทิโมธี 6:17) การสะสมทรัพย์สมบัติอย่างเห็นแก่ตัวและการหมกมุ่นกับวัตถุสิ่งของจะไม่มีวันนำมาซึ่งความพึงพอใจ สิ่งที่ดูเหมือนจะมั่นคงอาจจะนำไปสู่ความไม่มั่นคงถาวรในอนาคตก็เป็นได้
สุดท้าย ความพึงพอใจมาจากการหวังใจในพระเจ้าเท่านั้น: ‘การอยู่ในทางพระเจ้าพร้อมกับมีความพอใจก็เป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวง' (ข้อ 6) พระสัญญาในพระวจนะบอกว่าผู้ที่ ‘มุ่งหวังในพระเจ้า’ (ข้อ 17) จะพบ ‘รากฐานอันดี’ และ ‘ยึดมั่นในชีวิต คือชีวิตที่แท้จริงนั้น’ (ข้อ 19)
สดุดี 119:73-80
י (โยด)
73พระหัตถ์ของพระองค์ได้สร้างและสถาปนาข้าพระองค์
ขอประทานความเข้าใจแก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเรียนรู้พระ
บัญญัติของพระองค์
74ให้บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์เห็นข้าพระองค์และยินดี
เพราะว่าข้าพระองค์หวังในพระวจนะของพระองค์
75ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ทราบว่าการพิพากษาของพระองค์นั้นถูกต้องแล้ว
และทราบว่าด้วยความซื่อสัตย์ พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ทุกข์ยาก
76ขอความรักมั่นคงของพระองค์เป็นที่ปลอบโยนข้าพระองค์
ตามพระสัญญาของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์
77ขอพระกรุณาของพระองค์มาถึงข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่
เพราะธรรมบัญญัติของพระองค์เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์
78ขอทรงให้คนโอหังอับอาย
เพราะเขาได้กล่าวร้ายข้าพระองค์ด้วยความเท็จ
ส่วนข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะตรึกตรองข้อบังคับของพระองค์
79ขอให้บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์หันกลับมาหาข้าพระองค์
คือบรรดาผู้ที่รู้จักพระโอวาทของพระองค์นั้น
80ขอให้ใจข้าพระองค์ไร้ตำหนิในเรื่องกฎเกณฑ์ของพระองค์
เพื่อข้าพระองค์จะไม่ต้องอับอาย
อรรถาธิบาย
หวังในพระวจนะของพระเจ้าและทุ่มเทเวลาของเราให้กับพระคำ
เวลาเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของคุณ คุณสามารถทำเงินเพิ่ม แต่คุณไม่สามารถสร้างเวลาเพิ่มได้ วิธีที่คุณใช้เวลาของตัวเองเป็นหลักฐานว่าความหวังของคุณอยู่ตรงไหน ถ้าความหวังของคุณอยู่ในพระเจ้าและในพระคำของพระองค์ คุณก็จะทุ่มเวลาให้กับมัน
ผู้เขียนสดุดีวางความหวังของเขาตั้งมั่นอยู่ในพระวจนะของพระเจ้า: ‘เพราะว่าข้าพระองค์หวังในพระวจนะของพระองค์’ (ข้อ 74ข) สิ่งนี้มีความหมายอย่างไรในทางปฏิบัติ?
ใช้เวลาในการแสวงหาที่จะเข้าใจพระวจนะของพระเจ้า (ข้อ 73, 79) ภาวนาพระคำ (ข้อ 78) ปิติยินดีในพระคำ (ข้อ 77) และเรียนรู้ด้วยหัวใจ (ข้อ 73)
ขณะที่คุณผ่านช่วงเวลายากลำบาก ขอให้วางใจในพระวจนะของพระเจ้าต่อไป ‘การทดสอบของพระองค์สอนให้ข้าพระองค์รู้ว่าอะไรเป็นความจริงและอะไรถูกต้อง’ (ข้อ 75 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ขอให้วางใจในความสัตย์ซื่อของพระเจ้า ‘ความรักมั่นคง’ (ข้อ 76) และ ‘พระกรุณา’ (ข้อ 77)
การใช้เวลากับพระเจ้าเป็นวิธีที่พระองค์จะทรงระบายลมปราณแห่งปัญญาของพระองค์เข้าไปในคุณ (ข้อ 73 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ทรงปลอบโยนคุณเพื่อคุณจะสามารถมีชีวิต ‘มีชีวิตอย่างแท้จริง... มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์และบริสุทธิ์ ทั้งร่างกายและจิตใจ’ (ข้อ 77,80 ก พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และเดินไปด้วย ‘ศีรษะที่เงยขึ้นสูง’ อยู่เสมอ (ข้อ 80ข พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ถ้าคุณมีชีวิตแบบนั้น มันจะหนุนใจให้คนอื่นทำเช่นเดียวกัน ‘ให้บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์เห็นข้าพระองค์และยินดี’ (ข้อ 74ก) ซึ่งก็หนุนใจเราเมื่อได้เห็นคนอื่น ๆ หวังใจในพระวจนะของพระเจ้า
คำอธิษฐาน
1 ทิโมธี 6:3-21
3ถ้าใครสอนผิดแปลกไป และไม่ยอมเห็นด้วยกับบรรดาพระวจนะที่ถูกต้องของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และกับคำสอนที่สมกับทางพระเจ้า 4เขาก็เป็นคนยโสและไม่เข้าใจอะไรเลย เขามีความผิดปกติที่ชอบทุ่มเถียงและโต้แย้งในเรื่องถ้อยคำ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการอิจฉา การวิวาท การกล่าวร้าย การไม่ไว้วางใจ 5และการโต้เถียงท่ามกลางพวกที่มีความคิดเสื่อมทรามและสูญเสียความจริง ที่คิดว่าทางพระเจ้านั้นเป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ 6อันที่จริง การอยู่ในทางพระเจ้าพร้อมกับมีความพอใจก็เป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวง 7เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกเช่นไร เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้เช่นกัน 8ถ้ามีอาหารและเสื้อผ้า เราก็ควรพอใจในสิ่งเหล่านั้น 9ส่วนพวกที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ในการล่อลวงและติดกับดักของความอยากมากมายที่โง่เขลาและอันตราย ซึ่งฉุดคนเราให้ลงไปสู่ความพินาศและความย่อยยับ 10เพราะว่าการรักเงินทองเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมด ความโลภเงินทองนี้ที่ทำให้บางคนหลงไปจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์มากมาย
การต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อความเชื่อ
11แต่ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกหนีจากสิ่งเหล่านี้ และจงใฝ่หาความชอบธรรม ทางพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความทรหดอดทน และความสุภาพอ่อนโยน 12จงต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อความเชื่อ จงยึดชีวิตนิรันดร์ให้มั่น คือชีวิตที่พระเจ้าทรงเรียกให้ท่านไปรับ ในตอนที่ท่านกล่าวคำยอมรับอันดีต่อหน้าพยานหลายคน 13ข้าพเจ้ากำชับท่านเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ผู้ประทานชีวิตแก่ทุกสิ่ง และเฉพาะพระพักตร์พระเยซูคริสต์ ผู้ประทานคำพยานด้วยการกล่าวคำยอมรับอย่างดีต่อหน้าปอนทิอัสปีลาต 14ขอให้ท่านรักษาคำบัญชานี้โดยไม่ด่างพร้อย และไม่มีที่ติ จนกว่าพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมา 15ซึ่งพระเจ้าจะทรงให้ปรากฏขึ้นในเวลาที่เหมาะสม พระองค์ผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญและทรงฤทธานุภาพสูงสุดแต่เพียงพระองค์เดียว เป็นพระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย และเป็นองค์เจ้านายเหนือบรรดาเจ้านาย 16พระองค์เพียงผู้เดียวที่เป็นองค์อมตะ และสถิตในความสว่างที่ไม่มีใครเข้าใกล้ได้ พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ไม่เคยมีใครได้เห็นและจะเห็นไม่ได้ ขอพระเกียรติและพระอานุภาพนิรันดร์จงมีแด่พระองค์ อาเมน
17ส่วนพวกที่มั่งคั่งในชีวิตนี้ จงกำชับพวกเขาไม่ให้เย่อหยิ่ง หรือมุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่ยั่งยืน แต่ให้มุ่งหวังในพระเจ้าผู้ประทานทุกสิ่งแก่เราอย่างบริบูรณ์ เพื่อให้เราได้ชื่นชม 18จงกำชับพวกเขาให้ทำการดี ให้ทำการดีมากๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปัน 19การทำเช่นนี้เป็นการสะสมทรัพย์ที่เป็นรากฐานอันดีสำหรับตนในภายหน้า เพื่อพวกเขาจะยึดมั่นในชีวิต คือชีวิตที่แท้จริงนั้น
20ทิโมธีเอ๋ย จงเฝ้ารักษาสิ่งที่ท่านได้รับมอบหมาย จงหลีกหนีจากคำพูดที่ไร้คุณธรรมและโง่เขลา และการโต้แย้งที่สำคัญผิดว่าเป็นความรู้ 21บางคนยอมรับความรู้นี้จึงหลงไปจากความเชื่อ
ขอพระคุณดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด
อรรถาธิบาย
หวังในพระเจ้า ไม่ใช่ในความมั่งคั่ง
อัครสาวกเปาโลเริ่มบทนี้ด้วยการเตือนเกี่ยวกับผู้ที่สอนผิด ซึ่งปฏิเสธคำสอนของพระเจ้าและ ‘พระวจนะที่ถูกต้องของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 3) คนเหล่านี้สนใจการทุ่มเถียงและโต้แย้งอย่างไม่เหมาะสม (ข้อ 4)
ผู้สอนเทียมเท็จเหล่านี้ทำให้เกิด ‘การโต้เถียงท่ามกลางพวกที่มีความคิดเสื่อมทรามและสูญเสียความจริง ที่คิดว่าทางพระเจ้านั้นเป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์’ (ข้อ 5)
ถ้อยคำของเปาโลที่พูดถึงทรัพย์สมบัติในข้อนี้เกี่ยวข้องกับทุกคน โดยเฉพาะพวกเราที่อยู่ในโลกตะวันตก ซึ่งถือว่ามั่งมีเมื่อเทียบกับสถานที่อื่น ๆ ในโลก เปาโลเขียนว่า ‘ส่วนพวกที่มั่งคั่งในชีวิตนี้ จงกำชับพวกเขาไม่ให้เย่อหยิ่ง หรือมุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่ยั่งยืน แต่ให้มุ่งหวังในพระเจ้าผู้ประทานทุกสิ่งแก่เราอย่างบริบูรณ์ เพื่อให้เราได้ชื่นชม’ (ข้อ 17)
อย่าถูกทดลองให้คิดว่าตัวเองคงจะพึงพอใจกว่านี้ถ้ามีเงินมากขึ้น (ถ้าหากมีอาหารและเสื้อผ้าแล้ว, ข้อ 8) ขอให้เราพอใจกับสิ่งของที่มีอยู่ ‘การอยู่ในทางพระเจ้าพร้อมกับมีความพอใจก็เป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวง’ (ข้อ 6)
ความพอใจมีค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่คุณจะสามารถรวบรวมได้ คนที่อยากร่ำรวย ‘ก็ตกอยู่ในการล่อลวงและติดกับดักของความอยากมากมายที่โง่เขลาและอันตราย ซึ่งฉุดคนเราให้ลงไปสู่ความพินาศและความย่อยยับ’ (ข้อ 9)
เปาโลมักถูกอ้างอิงอย่างผิด ๆ จากการที่ท่านกล่าวว่า ‘เงินเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งปวง’ แท้จริงแล้วท่านพูดว่า ‘การรัก เงินทองเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมด’ (ข้อ 10ก) เงินสามารถทำสิ่งดีได้มากมาย แต่ การรัก เงินนั้นอันตรายอย่างยิ่ง ‘การกระหายเงินทองนำความทุกข์มาให้ ไม่มีอะไรนอกจากความทุกข์ บางคนสูญเสียจุดยืนในความเชื่อโดยสิ้นเชิงเมื่อเดินในทางนั้น และภายหลังมีชีวิตในความเสียใจอย่างขมชื่น’ (ข้อ 10 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ไม่ว่าคุณจะมั่งคั่ง หรือแทบจะตัวเปล่า ทั้งสองก็ยังคงอันตรายไม่ต่างกัน ตราบใดที่เรารักเงินทอง การทดลองก็กองอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรักเงินที่คุณมีอยู่แล้ว หรือเงินที่คุณปรารถนาอย่างมากที่จะมีก็ตาม
ให้เรารักและไล่ตาม ‘ชีวิตที่ชอบธรรม คือชีวิตที่น่าประหลาดใจ ความเชื่อ ความรัก ความหนักแน่น และความสุภาพอ่อนน้อม’ (ข้อ 11 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แทนที่จะรักและไล่ตามเงินทอง สิ่งนี้เร้าใจทิโมธีให้ ‘ต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อความเชื่อ’ (ข้อ 12ก) ‘การต่อสู้’ เริ่มจากหัวใจและความคิดของเราที่จดจ่อกับพระเยซู (ข้อ 13-14)
เปาโลไม่ได้สั่งให้พวกเขาทิ้งเงินทองทั้งหมดที่มี แต่บอกไม่ให้หวังในสิ่งนั้น ถ้าคุณสามารถจัดการกับทัศนคติที่มีต่อเงินทอง มันจะช่วยคุณให้จัดการกับด้านอื่น ๆ ในชีวิตของคุณได้ด้วย เปาโลบอก 5 วิธีในการจัดการกับท่าทีของคุณที่มีต่อเงินทอง (ข้อ 17-18)
1. อย่าหลงตัวเอง
หนึ่งในอันตรายที่ผูกกับทรัพย์สมบัติคือความเย่อหยิ่ง ‘จงบอกกับคนที่มั่งมีด้วยทรัพย์สมบัติของโลกให้หยุดหลงตัวเองเสียที’ (ข้อ 17 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
2. อย่าวางความมั่นคงของคุณไว้ในทรัพย์สมบัติ
‘เราเข้ามาในโลกโดยไม่มีเงินสักบาท และเราจะจากโลกไปโดยไม่มีสักบาทเดียว’ (ข้อ 17 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ความมั่งคั่งให้เพียงความมั่งคงจอมปลอม ‘เลิก...หมกมุ่นอยู่กับเงินทอง ซึ่งมีในวันนี้และหมดไปในวันพรุ่งนี้’ (ข้อ 17 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การวัดความมั่งคั่งที่แท้จริงของเรา คือเราจะยังมีค่ามากเพียงใดหากเราสูญเสียเงินทั้งหมดไป
3. ให้พระเจ้ามาก่อน
จงหวังในพระเจ้า ผู้ประทานทุกสิ่งแก่คุณอย่างบริบูรณ์ เพื่อให้คุณได้ชื่นชม (ข้อ 17) การชื่นชมกับสิ่งดีในชีวิตนั้นไม่ผิด พระเจ้าประทานสิ่งดีทั้งหมดเพื่อให้เราได้ชื่นชม แต่ขอให้รู้ว่าทั้งหมดนั้นมาจากพระองค์และเป็นของพระองค์
4. ทำสิ่งดีทุกอย่างที่คุณสามารถทำได้
เปาโลเร้าให้คนมั่งมี ‘ทำดี’ และ ‘ร่ำรวยในการช่วยเหลือผู้อื่น’ (ข้อ 18 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อย่าจดจ่อว่าคุณจะทำเงินได้มากแค่ไหน แต่จะทำความดีได้มากแค่ไหน เราสามารถร่ำรวยทางวัตถุแต่ยากจนในฝ่ายวิญญาณ เช่นเดียวกับที่เราอาจจะยากจนด้านวัตถุแต่ ‘ร่ำรวยด้วยการทำดี’ (ข้อ 18)
5. แบ่งปันทรัพย์สินของคุณ
จอห์น เวสลีย์ บอกว่า ‘เมื่อผมมีเงิน ผมกำจัดมันโดยเร็ว ด้วยเกรงว่ามันจะผ่านเข้ามาในใจของผม’ ใจกว้างขวางเป็นวิธีที่จะทำลายการเกาะกุมของเงินทองในชีวิตของเรา ‘จงให้อย่างเต็มที่โดยไม่เสียดาย’ (ข้อ 18 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ทุกสิ่งที่เป็นของคุณท้ายที่สุดมาจากพระเจ้า ดังนั้นจงเต็มใจแบ่งปันกับผู้อื่น ฟรานซิส เบคอน บอกว่า ‘เงินเป็นเหมือนปุ๋ย มันไม่ดีนอกจากว่าจะกระจายไปทั่ว’
คำอธิษฐาน
เยเรมีย์ 46:1-47:7
การพิพากษาอียิปต์
1พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะเกี่ยวกับบรรดาประชาชาติ
2เรื่องอียิปต์ เกี่ยวกับกองทัพของฟาโรห์เนโคกษัตริย์แห่งอียิปต์ ซึ่งอยู่ที่ริมแม่น้ำยูเฟรติสที่เมืองคารเคมิช และซึ่งเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ตีแตกในปีที่ 4 แห่งรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า
3“จงเตรียมดั้งและโล่
และเข้าประชิดสงคราม
4จงผูกอานม้า
และขึ้นขี่เถิด
จงสวมหมวกเข้าประจำที่
จงขัดหอก
จงสวมเสื้อเกราะไว้
5ทำไมเราเห็นพวกเขาครั่นคร้าม
และหันหลังกลับ?
นักรบของเขาถูกตีล้มลงและรีบหนีไป
พวกเขาไม่เหลียวกลับ
ความสยดสยองอยู่ทุกด้าน”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
6“คนเร็วก็หนีไปไม่ได้
นักรบก็หนีไปไม่รอด
พวกเขาสะดุดและล้มลง
ในแดนเหนือข้างแม่น้ำยูเฟรติส
7“นี่ใครกัน? โผล่ขึ้นมาดั่งแม่น้ำไนล์
เหมือนแม่น้ำซึ่งน้ำของมันซัดขึ้น
8อียิปต์โผล่ขึ้นมาดั่งแม่น้ำไนล์
เหมือนแม่น้ำของมันซัดขึ้น
เขาว่า ‘ข้าจะขึ้น ข้าจะคลุมโลก
ข้าจะทำลายเมืองต่างๆ และชาวเมืองนั้นเสีย’
9ม้าทั้งหลายเอ๋ย รุดหน้าไปเถิด
รถรบทั้งหลายเอ๋ย เดือดดาลเข้าเถิด
จงให้นักรบออกไป
คือคนคูชและคนพูตผู้ถือโล่
คนลูดิมผู้ถือและโก่งธนู
10วันนั้นเป็นวันแห่งพระยาห์เวห์จอมทัพ
เป็นวันแห่งการแก้แค้น
ที่จะแก้แค้นศัตรูของพระองค์
ดาบจะกินจนอิ่ม
และดื่มโลหิตของเขาจนเต็มคราบ
เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงเตรียมสัตวบูชา
ในแดนเหนือข้างแม่น้ำยูเฟรติส
11ธิดาพรหมจารีแห่งอียิปต์เอ๋ย
จงขึ้นไปที่กิเลอาดและไปเอายามา
เจ้าได้ใช้ยาเป็นอันมากแล้วแต่ก็ไร้ผล
สำหรับเจ้านั้นรักษาไม่หาย
12บรรดาประชาชาติได้ยินถึงความอายของเจ้า
และโลกก็เต็มด้วยเสียงคร่ำครวญของเจ้า
เพราะว่านักรบสะดุดกันเอง
พวกเขาได้ล้มลงด้วยกันทั้งคู่”
บาบิโลนจะโจมตีอียิปต์
13พระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสกับเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ เรื่องการมาของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน เพื่อจะโจมตีแผ่นดินอียิปต์ ว่า
14“จงประกาศในอียิปต์ และป่าวร้องในเมืองมิกดล
จงป่าวร้องในเมืองเมมฟิส และทาปานเหส
จงกล่าวว่า ‘เข้าประจำที่และเตรียมพร้อม
เพราะว่าดาบจะสังหารคนที่อยู่รอบตัวเจ้า
15ทำไมพระอะบิสจึงหนีเสียเล่า?
ทำไมรูปวัวผู้ของเจ้าไม่ยืนมั่นอยู่?
เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงผลักเขาล้มลง
16ฝูงชนสะดุดและต่างก็ล้มทับกัน
และพวกเขาพูดว่า
“ลุกขึ้นเถอะ ให้เรากลับไปยังชนชาติของเรา
ไปยังแผ่นดินที่เราถือกำเนิดมา
ไปจากดาบของผู้บีบบังคับ”
17พวกเขาเรียกฟาโรห์ กษัตริย์แห่งอียิปต์ว่า
“ผู้ส่งเสียงดัง ผู้ปล่อยให้โอกาสผ่านไป” ’
18“พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระนามว่า พระยาห์เวห์จอมทัพ
ตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด จะมีผู้หนึ่งมา
เหมือนภูเขาทาโบร์ท่ามกลางภูเขาทั้งหลาย
และเหมือนภูเขาคารเมลข้างทะเล
19เจ้าผู้อาศัยอยู่ในอียิปต์เอ๋ย
จงเตรียมข้าวของสำหรับตัวเจ้า เพื่อการถูกกวาดไปเป็นเชลย
เพราะว่าเมืองเมมฟิสจะกลายเป็นที่ร้างเปล่า
เป็นที่ปรักหักพังปราศจากผู้อาศัย
20“อียิปต์เป็นโคสาวตัวงาม
แต่ตัวเหลือบจากทิศเหนือมาจับเธอ
21แม้ว่าพวกทหารรับจ้างที่มาอยู่ท่ามกลางเธอ
ก็เหมือนลูกโคที่ได้ขุนไว้
พวกเขาหันกลับและหนีไปด้วยกัน
พวกเขาไม่ได้ตั้งมั่นอยู่
เพราะวันแห่งภัยพิบัติได้มาเหนือเขา
เป็นเวลาแห่งการลงโทษเขา
22“เธอทำเสียงเหมือนงูที่เลื้อยออกไป
เพราะพวกเขาเข้ามาเหมือนกองทัพ
และมาสู้กับเธอด้วยขวาน
เหมือนคนโค่นต้นไม้
23พระยาห์เวห์ตรัสว่า พวกเขาจะโค่นป่าของเธอลง
แม้ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้
เนื่องจากพวกเขามีจำนวนมากกว่าฝูงตั๊กแตน
ที่นับไม่ถ้วน
24ธิดาของอียิปต์จะต้องอับอาย
เธอจะถูกมอบไว้ในมือของชนชาติหนึ่งจากทิศเหนือ”
25พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า “นี่แน่ะ เราจะนำการลงโทษมาเหนือพระอาโมนแห่งเมืองเธเบส ฟาโรห์ อียิปต์ บรรดาพระ และกษัตริย์ทั้งปวงของเมืองนั้น คือมาเหนือฟาโรห์และคนเหล่านั้นที่วางใจในท่าน 26เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือของบรรดาผู้ที่แสวงเอาชีวิตของเขา และในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนและข้าราชการของท่าน ภายหลังอียิปต์จึงจะมีคนอาศัยอยู่อย่างสมัยก่อน” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
พระเจ้าจะช่วยกู้อิสราเอล
27“ยาโคบ ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย อย่ากลัวเลย
อิสราเอลเอ๋ย อย่าตกใจเลย
เพราะนี่แน่ะ เราจะช่วยเจ้าให้รอดจากที่ไกล
และช่วยลูกหลานของเจ้าจากแผ่นดินที่พวกเขาเป็นเชลย
ยาโคบจะกลับมาและมีความสงบและความสบาย
และไม่มีใครทำให้เขากลัว
28ยาโคบ ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย อย่ากลัวเลย
เพราะเราอยู่กับเจ้า
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
เราจะทำให้ประชาชาติทั้งสิ้นมาถึงอวสาน
คือประชาชาติที่เราได้ขับไล่เจ้าให้ไปอยู่นั้น
แต่ส่วนเจ้า เราจะไม่ทำให้ถึงอวสานเสียทีเดียว
เราจะตีสอนเจ้าตามขนาด
เราจะไม่ปล่อยเจ้าไปโดยไม่ถูกลงโทษเป็นอันขาด”
เยเรมีย์ 47
การพิพากษาฟีลิสเตีย
1พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะเกี่ยวกับฟีลิสเตีย ก่อนที่ฟาโรห์โจมตีเมืองกาซา ว่า
2“พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
‘ดูสิ น้ำทั้งหลายกำลังขึ้นมาจากทิศเหนือ
และจะกลายเป็นกระแสน้ำท่วม
มันจะท่วมแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น
ทั้งเมืองและผู้อาศัยอยู่ในเมือง
คนจะร้องให้ช่วย
และชาวแผ่นดินนั้นทุกคนจะคร่ำครวญ
3เมื่อได้ยินเสียงควบของกีบม้าตัวผู้ของเขา
และเสียงรถรบของเขากรูกันมา
และเสียงล้อรถดังสนั่น
พวกพ่อไม่ได้หันมาดูลูกๆ ของตน
มือของพวกเขาอ่อนเปลี้ย
4เพราะวันที่จะทำลาย
ฟีลิสเตียทั้งสิ้นจะมาถึง
วันที่จะตัดผู้อุปถัมภ์ทุกคนที่เหลืออยู่
ออกจากเมืองไทระและเมืองไซดอน
เพราะพระยาห์เวห์จะทรงทำลายคนฟีลิสเตีย
คือชาวชายทะเลแถบคัฟโทร์ที่เหลืออยู่นั้น
5เมืองกาซาก็ล้านเลี่ยน
และเมืองอัชเคโลนก็พินาศ
คนที่เหลืออยู่จากหุบเขาเอ๋ย
เจ้าจะทำร้ายตัวเองไปอีกนานเท่าใด?
6โอ ดาบแห่งพระยาห์เวห์
อีกนานเท่าไรท่านจึงจะหยุด?
จงสอดตัวเข้าในฝักเถิด
จงหยุดพักและอยู่นิ่งๆ เสียที
7เมื่อพระยาห์เวห์ทรงบัญชา
มันจะหยุดได้อย่างไรเล่า?
พระองค์ทรงกำหนดให้ดาบนั้น
ต่อสู้อัชเคโลนและชายทะเล”
อรรถาธิบาย
หวังในพระเจ้า ไม่ใช่ในผู้มีอำนาจ
บางคนหวังใจในความมั่งคั่ง นี่เป็นสิ่งที่คนโมอับและคนอัมโมนทำ (ข้อ 48:7; 49:4) ส่วนคนอื่น ๆ ก็หวังในผู้มีอำนาจ เหมือนที่คนอียิปต์ทำ
ผู้เผยพระวจะเยเรมีย์ตระหนักว่าองค์พระผู้เป็นพระเจ้า (พระยาห์เวห์) ไม่ใช่แค่พระเจ้าประจำชาติของอิสราเอล แต่ทรงเป็นพระเจ้าเหนือประชาชาติทั่วโลก เขาได้รับถ้อยคำจากพระเจ้าสำหรับอียิปต์และชนชาติอื่น ๆ
พระเจ้าทรงตักเตือนไม่ให้พวกเขาวางใจฟาโรห์แม้ว่าฟาโรห์จะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก คนที่วางใจในฟาโรห์กำลังไปสู่ความทุกข์ยาก (ข้อ 46:25)
ในทางกลับกัน พระเจ้าทรงสัญญากับผู้ที่รับใช้พระองค์ ‘แต่เจ้า... ผู้รับใช้ของเรา ไม่มีอะไรจะต้องกลัว... ไม่ต้องกังวลในเรื่องใด...จงหวังพึ่งในสิ่งนี้... เราอยู่เคียงข้างเจ้า... เรายังไม่จบกับเจ้า’ (ข้อ 27-28 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในพระคริสต์ พระองค์ทรงสัญญาว่าคุณจะมีสันติสุข ความปลอดภัย และความพึงพอใจ พระองค์สถิตอยู่กับคุณ คุณไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว
ท้ายที่สุดแล้ว พระเจ้าเพียงผู้เดียวเป็นความหวังของเรา สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 กล่าวว่า ‘พระคริสต์เป็นแหล่งของความหวังสำหรับโลกทั้งใบนี้... พระเยซูคริสต์เป็นความหวังของเรา’
คำอธิษฐาน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สดุดี 119:79
‘ขอให้บรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์หันกลับมาหาข้าพระองค์’
ในชีวิตมีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่หลอกล่อให้ฉันหวาดกลัว แต่ความกลัวเพียงอย่างเดียวที่ถูกต้องคือเกรงกลัวพระเจ้า
ข้อพระคำประจำวัน
1 ทิโมธี 6:17
‘...พระเจ้าผู้ประทานทุกสิ่งแก่เราอย่างบริบูรณ์ เพื่อให้เราได้ชื่นชม’
App
Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)