วัน 220

เงิน : พระพรหรือคำแช่งสาป

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 19:13-22
พันธสัญญาใหม่ 1 โครินธ์ 4:1-21
พันธสัญญาเดิม 1 พงศาวดาร 26:20-27:34

เกริ่นนำ

ลอเรนซ์รับผิดชอบด้านการเงินของคริสตจักร เขายังเป็นมัคนายกอีกด้วย มีการฟื้นฟูครั้งใหญ่เกิดขึ้นรอบตัวเขา ว่ากันว่า ‘กรุงโรมทั้งหมดจะกลายเป็นคริสเตียน’

ดังนั้นจึงเกิดการกดขี่ข่มเหงภายใต้จักรพรรดิวาเลอเรียนในราวปี ค.ศ. 250 คริสเตียนที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินได้แจกจ่ายเงิน และสมบัติของคริสตจักร ทั้งหมดให้กับคนยากจนในเมือง

จักรพรรดิวาเลอเรียน สั่งให้บิชอป นักบวช และมัคนายกทั้งหมดถูกจับกุมและประหารชีวิต วาเลอเรียนเสนอทางออกให้ลอเรนซ์ถ้าเขาจะแสดงให้เห็นว่าสมบัติทั้งหมดของคริสตจักรอยู่ที่ไหน

ลอเรนซ์ขอเวลาสามวันเพื่อรวบรวมไว้ในที่เดียว เขาได้นำคนตาบอด คนจน คนทุพพลภาพ คนป่วย คนชรา แม่หม้าย และเด็กกำพร้ามารวมกัน เมื่อวาเลอเรียนมาถึง ลอเรนซ์ก็เปิดประตูและพูดว่า ‘นี่คือสมบัติของคริสตจักร’

จักรพรรดิวาเลเรียนโกรธมากจนตัดสินว่าให้ตัดศรีษะ สิ่งนี้ไม่น่ากลัวพอสำหรับลอเรนซ์ จักรพรรดิวาเลอเรียนสั่งให้ผู้กล้าหาญคนนี้ถูกย่างบนตะแกรง นั่นคือวิธีที่ลอเรนซ์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 258 เห็นได้ชัดว่าเขาล้อเล่นกับที่จับเขาประหารชีวิตเขาว่า ‘ท่านอาจจับข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าได้ทำเสร็จแล้ว’ ความกล้าหาญของเขาทำให้การฟื้นฟูในกรุงโรมเพิ่มขึ้น มีคนจำนวนมากที่กลายเป็นคริสเตียนรวมถึงวุฒิสมาชิกหลายคนที่เห็นการประหารชีวิตของเขา

นักบุญลอเรนซ์มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงข้อความของพระเยซู เขาเข้าใจว่าคนจนคือขุมทรัพย์ที่แท้จริงของคริสตจักร

ท่าทีต่อคนยากจนของเราควรเป็นอย่างไร? แล้วคนรวยล่ะ? ความยากจนเป็นพระพรหรือคำแช่งสาป? ความร่ำรวยเป็นพระพรหรือคำแช่งสาป? พระกิตติคุณได้สัญญาถึงความเจริญรุ่งเรืองหรือไม่?

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 19:13-22

13บุตรโง่เขลาเป็นความหายนะแก่บิดา
 และภรรยาขี้ทะเลาะก็เหมือนน้ำฝนย้อยหยดไม่หยุด
14บ้านกับทรัพย์สมบัติเป็นมรดกมาจากบิดา
 แต่ภรรยาที่ฉลาดมาจากพระยาห์เวห์
15ความเกียจคร้านทำให้หลับสนิท
 และคนขี้เกียจจะต้องหิว
16คนที่รักษาพระบัญญัติย่อมรักษาชีวิตของตน
 คนที่ดูหมิ่นทางแห่งพระบัญญัติ ก็จะตาย
17คนที่เมตตาคนยากจนก็ให้พระยาห์เวห์ทรงยืม
 และพระองค์จะทรงตอบแทนการกระทำของเขา
18จงตีสอนบุตรชายของเจ้าเมื่อยังมีความหวัง
 อย่าจงใจให้เขาพินาศไป
19คนที่โมโหฉุนเฉียวจะต้องได้รับโทษ
 เพราะถ้าเจ้าช่วยเขาแล้ว ก็ต้องช่วยเขาอีก
20จงฟังคำแนะนำและรับคำสั่งสอน
 เพื่อเจ้าจะได้ปัญญาในภายหลัง
21ในใจมนุษย์มีแผนงานมากมาย
 แต่พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะดำรงอยู่ได้
22สิ่งที่น่าปรารถนาในตัวมนุษย์คือความจงรักภักดี
 และคนยากจนยังดีกว่าคนพูดมุสา

อรรถาธิบาย

เงินไม่ใช่ทุกสิ่ง

พระธรรมสุภาษิตมีความเข้าใจที่สมดุลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความมั่งคั่งและความยากจน ทั้งสองสิ่งถูกมองว่ามันใช่ว่าดีหรือแย่ทั้งหมด เป็นสิ่งเข้าใจได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างชีวิตให้เติบโตขึ้น และคุณได้รับการหนุนใจให้ใช้สิ่งที่คุณมีอย่างฉลาด

'บ้านกับทรัพย์สมบัติเป็นมรดกมาจากบิดา แต่ภรรยาที่ฉลาดมาจากพระยาห์เวห์’ (ข้อ 14) มีบ้านหรือทรัพย์สมบัตินั้นไม่มีผิด แต่มีสิ่งที่สำคัญกว่าในชีวิต การหาคู่ครองที่เหมาะสมมีความสำคัญมากกว่าการมีเงินมากมาย

สำหรับผู้ที่ถูกล่อลวงให้ทำงานหนักเพื่อแสวงหาเงินหรือเป้าหมายอื่น ๆ สิ่งสำคัญคือต้องระลึกถึงความเป็นองค์จอมเจ้านายของพระเจ้า ‘ในใจมนุษย์มีแผนงานมากมาย แต่พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะดำรงอยู่ได้’ (ข้อ 21) การ ‘พักในวันสะบาโต’ และวันหยุดเป็นสัญญาณว่าคุณวางใจในการเป็นองค์เจ้านายของพระเจ้า

ความมั่งคั่งไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต และความยากจนก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับคุณ ‘สิ่งที่น่าปรารถนาในตัวมนุษย์คือความจงรักภักดีและคนยากจนยังดีกว่าคนพูดมุสา’ (ข้อ 22) เราต้องการความรักมากกว่าความร่ำรวย ลักษณะชีวิตที่ซื่อสัตย์สำคัญกว่าเงินมาก

อีกนัยหนึ่ง พระคริสตธรรมคัมภีร์ข้อนี้ไม่ได้ยกย่องความยากจนเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม บางครั้งความยากจนเกิดจากตัวเราเอง ‘ความเกียจคร้านทำให้หลับสนิท และคนขี้เกียจจะต้องหิว’ (ข้อ 15)

ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามทำให้คนนั้นยากจน จงเมตตาต่อคนยากจน ‘คนที่เมตตาคนยากจนก็ให้พระยาห์เวห์ทรงยืม และพระองค์จะทรงตอบแทนการกระทำของเขา’ (ข้อ 17)

นี่เป็นพระสัญญาที่วิเศษและยอดเยี่ยมทีเดียว พระเจ้าไม่ใช่ลูกหนี้ของใคร ทุกครั้งที่คุณทำอะไรดี ๆ ให้กับคนยากจน คุณกำลังให้พระเจ้ายืมและพระองค์จะชำระคืนพร้อมดอกเบี้ย บ่อยครั้งเราเห็นพระพรอันน่าทึ่งในชีวิตของผู้ที่ใช้เวลาปรนนิบัติคนยากจน คนไร้บ้าน และนักโทษ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ฝากการเงินและอนาคตของข้าพระองค์ไว้กับพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ใช้ชีวิตด้วยความเอื้ออาทรต่อทุกคน โดยเฉพาะคนยากจน
พันธสัญญาใหม่

1 โครินธ์ 4:1-21

พันธกิจของอัครทูต

 1ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนเช่นนี้คือเป็นเหมือนคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้รับมอบฉันทะให้ดูแลสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า 2ยิ่งกว่านั้น บรรดาผู้รับมอบฉันทะย่อมได้รับการคาดหวังว่าต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้ 3สำหรับข้าพเจ้า การที่พวกท่านหรือมนุษย์คนใดจะไต่สวนตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สุด ถึงแม้ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้ไต่สวนตัวเอง 4เพราะมโนธรรมไม่ได้กล่าวโทษตัวข้าพเจ้า แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าถูกนับว่าไร้ความผิด และผู้ทรงไต่สวนตัวข้าพเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า 5ฉะนั้นอย่าตัดสินสิ่งใดก่อนถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา พระองค์จะทรงเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืด และจะทรงเผยความมุ่งหมายของจิตใจทั้งหลาย เมื่อนั้นแต่ละคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า
 6พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเปรียบสิ่งเหล่านี้กับตัวเองและอปอลโล ก็เพื่อประโยชน์ของพวกท่าน เพื่อให้ท่านเรียนรู้จากเราในคำกล่าวที่ว่า “อย่าออกนอกขอบเขตของพระคัมภีร์ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ของสิ่งที่เขียนไว้” เพื่อว่าพวกท่านจะไม่หยิ่งผยองในการยกคนหนึ่งเหยียดอีกคนหนึ่ง 7เพราะว่าใครทำให้ท่านวิเศษกว่าคนอื่น? ท่านมีอะไรที่ไม่ได้รับมา? ถ้าท่านได้รับมา ทำไมจึงโอ้อวดเหมือนกับว่าท่านไม่ได้รับมา?
 8ท่านทั้งหลายคงอิ่มหนำแล้วสินะ ท่านคงมั่งมีแล้วสินะ ท่านได้ครอบครองโดยไม่มีเราร่วมด้วยแล้วสินะ ข้าพเจ้าอยากให้พวกท่านครอบครองจริงๆ เพื่อเราจะได้ครอบครองร่วมกับท่าน 9เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าพระเจ้าทรงจัดเราผู้เป็นอัครทูตไว้สุดท้าย เหมือนอย่างพวกต้องโทษประหาร คือเรากลายเป็นการแสดงที่ให้จักรวาล ทูตสวรรค์และมนุษย์ทั้งหลายมองดู 10เราเป็นคนโง่เพราะเห็นแก่พระคริสต์ และท่านทั้งหลายเป็นคนมีปัญญาในพระคริสต์ เราอ่อนแอ แต่ท่านมีกำลัง ท่านทั้งหลายมีเกียรติ แต่เราไร้เกียรติ 11จนถึงเวลานี้เราก็ยังหิว และกระหาย ขาดเครื่องนุ่งห่ม ถูกโบยตี และไม่มีบ้านอยู่ 12เราทำงานตรากตรำด้วยมือของตัวเอง เมื่อถูกด่าเราก็อวยพร เมื่อถูกข่มเหงก็ทนเอา 13เมื่อถูกกล่าวร้ายก็พยายามวิงวอน เรากลายเป็นเหมือนเศษเดนของโลก และเหมือนราคีของทุกสิ่งจนถึงบัดนี้
 14ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนข้อความเหล่านี้เพื่อให้พวกท่านละอายใจ แต่เขียนเพื่อเตือนสติท่านผู้เป็นเหมือนลูกที่รักของข้าพเจ้า 15เพราะว่าในพระคริสต์ถึงแม้ท่านทั้งหลายมีผู้ดูแลสักหมื่นคน แต่ท่านก็มีบิดาเพียงคนเดียว เพราะว่าในพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าได้ให้กำเนิดพวกท่านโดยข่าวประเสริฐ 16เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านทำตามอย่างข้าพเจ้า 17เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงใช้ทิโมธีลูกที่รักของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ในองค์พระผู้เป็นเจ้ามาหาพวกท่าน เพื่อช่วยให้ระลึกถึงหลักการดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าในพระคริสต์ ตามที่ข้าพเจ้าสอนอยู่ในคริสตจักรทุกแห่ง 18บางคนทำหยิ่งผยองราวกับว่าข้าพเจ้าจะไม่มาหาพวกท่าน 19แต่ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด ข้าพเจ้าจะมาหาท่านในไม่ช้านี้ และข้าพเจ้าจะหยั่งรู้ไม่ใช่ในถ้อยคำของคนที่หยิ่งผยองเหล่านั้น แต่จะหยั่งรู้ในฤทธิ์เดชของพวกเขา 20เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องของถ้อยคำ แต่เป็นเรื่องฤทธิ์เดช 21พวกท่านต้องการสิ่งไหน? จะให้ข้าพเจ้าถือไม้เรียวมาหาท่าน หรือจะให้ข้าพเจ้ามาด้วยความรัก และด้วยใจสุภาพอ่อนโยน?

อรรถาธิบาย

ความยากจนของอัครสาวก

ภายนอกคริสตจักร ผู้คนร่ำรวย มีเกียรติ และเข้มแข็ง แต่คริสตจักรในเมืองโครินธ์วุ่นวายมาก อาจารย์เปาโลชี้ให้เห็นว่าพวกเขาหยิ่งจองหอง และอิจฉาริษยา พวกเขายอมต่อการผิดศีลธรรมทางเพศ และพวกเขาก็ไปขึ้นศาลฟ้องกันเอง

อัครสาวกเปาโลเริ่มจัดการกับปัญหาเหล่านี้บางส่วน เขาเห็นคนรวยใช้ชีวิตที่เย่อหยิ่ง พวกเขาภูมิใจในความมั่งคั่งทางวัตถุ อาจารย์เปาโลอธิบายสั้น ๆ ว่าทำไมไม่ควรมีใครมีเหตุผลสำหรับความหยิ่งนี้ ‘ทุกสิ่งที่ท่านมีและทุกสิ่งที่ท่านเป็น เป็นของประทานจากพระเจ้าไม่ใช่หรือ? การเปรียบเทียบและการแข่งขันทั้งหมดนี้มีประโยชน์อย่างไร? ท่านมีทุกสิ่งที่ท่านต้องการแล้ว ท่านได้เข้าถึงพระเจ้ามากกว่าที่ท่านจะรับมือได้อยู่แล้ว’ (ข้อ 7ข–8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คนเหล่านั้นรวยเหมือนกษัตริย์ ‘ท่านทั้งหลายคงอิ่มหนำแล้วสินะ ท่านคงมั่งมีแล้วสินะ ท่านได้ครอบครองโดยไม่มีเราร่วมด้วยแล้วสินะ’ (ข้อ 8ก) มีร่องรอยของการเสียดสีในพระคริสตธรรมคัมภีร์ข้อนี้ พวกเขาไม่ใช่ผู้ปกครองเลย ‘ข้าพเจ้าอยากให้พวกท่านครอบครองจริง ๆ เพื่อเราจะได้ครอบครองร่วมกับท่าน’ (ข้อ 8ข)

เปาโลเปรียบเทียบความมั่งคั่งทางวัตถุกับความยากจนของตัวเอง และของอัครสาวกคนอื่น ๆ ‘ท่านอาจจะมั่นใจในตัวท่านเอง แต่เราอยู่ท่ามกลางความอ่อนแอและความไม่แน่นอน ท่านอาจเป็นคนที่คนอื่นนับถือ แต่ส่วนใหญ่พวกเราไม่ได้รับความสนใจ ส่วนใหญ่เรามีอาหารไม่พอ เราสวมเสื้อผ้าที่มีรอยปะและขาดรุ่งริ่ง เราโดนประตูกระแทกหน้า และเรารับงานแปลก ๆ ทุกที่ที่เราสามารถทำได้เพื่อหาเลี้ยงชีพ’ (ข้อ 10–12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลเป็นหนึ่งในคริสเตียนที่ทรงอิทธิพลที่สุดเท่าที่เคยมีมา พันธกิจของเปาโลอาจเป็นการ ‘ประสบความสำเร็จ’ มากที่สุดตลอดมา อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้นำไปสู่ความมั่งคั่งทางวัตถุ ค่อนข้างตรงกันข้าม เปาโลยากจนทางวัตถุ เขามีอาหารไม่เพียงพอ ไม่มีเสื้อผ้าที่ดี และเป็นคนไร้บ้าน

ความยากจนของเปาโล ไม่ได้เป็นผลมาจากความเกียจคร้าน ‘เราทำงานตรากตรำด้วยมือของตัวเอง’ (ข้อ 12ก) แต่เช่นเดียวกับคนยากจนหลาย ๆ คนในทุกวันนี้ อาจารย์เปาโลไม่ได้รับการปรนนิบัติที่ดี ไม่ได้รับความเมตตา ‘เมื่อถูกด่าเราก็อวยพร เมื่อถูกข่มเหงก็ทนเอา เมื่อถูกกล่าวร้ายก็พยายามวิงวอน เรากลายเป็นเหมือนเศษเดนของโลก และเหมือนราคีของทุกสิ่งจนถึงบัดนี้’ (ข้อ12ข–13)

เปาโลเขียนด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เพื่อทำให้พวกเขาอับอาย แต่เพื่อเตือนพวกเขา เปาโลเห็นพวกเขาเหมือนลูก ๆ ของตัวเอง ‘ข้าพเจ้ากำลังเขียนถึงพวกท่าน ลูก ๆ ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า รักและอยากให้พวกท่านเติบโตอย่างดีไม่เอาแต่ใจ มีผู้คนมากมายรอบ ๆ ตัวรอที่จะบอกท่านว่าท่านทำอะไรผิด แต่มีพ่อไม่มากนักที่เต็มใจที่จะใช้เวลาและความพยายามเพื่อช่วยให้พวกท่านเติบโตขึ้น’ (ข้อ 14–15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

หัวใจของเปาโลเป็นเหมือนพ่อที่ดี หัวใจของพ่อนั้นอ่อนโยน ใจดี หล่อเลี้ยง ฝึกฝน อุตสาหะ ไม่ยอมแพ้ในตัวผู้คน นี่ควรเป็นท่าทีของศิษยาภิบาล พ่อแม่ของมนุษย์ยังด้อยกว่าความสมบูรณ์แบบ แต่คุณได้รับความรักและการเลี้ยงดูจากพระบิดาบนสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ และคุณสามารถเป็นพ่อแม่ของผู้อื่นตามแบบอย่างพระบิดาบนสวรรค์ได้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์ได้รับสิ่งต่าง ๆ ผ่านทางพระเยซูมากกว่าที่โลกนี้สามารถให้ได้ ขอให้ข้าพระองค์เต็มใจเป็นคนโง่ “เพื่อเห็นแก่พระคริสต์” (ข้อ 10) โปรดช่วยข้าพระองค์ให้เลียนแบบตัวอย่างของเปาโล
พันธสัญญาเดิม

1 พงศาวดาร 26:20-27:34

ผู้ดูแลคลัง เจ้าหน้าที่ และผู้พิพากษา

 20จากคนเลวีนั้น อาหิยาห์ดูแลคลังพระนิเวศของพระเจ้า และคลังสิ่งของถวายอันบริสุทธิ์ 21บุตรของลาดานคือเชื้อสายของคนเกอร์โชนทางลาดาน มีบรรดาผู้นำตระกูลที่เป็นของลาดานคนเกอร์โชน คือเยฮีเอลีความหมายในภาษาฮีบรูของข้อนี้ไม่ชัดเจน 22บุตรเยฮีเอลีคือเศธาม และโยเอลน้องชายของเขา เป็นผู้ดูแลคลังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 23จากคนอัมราม คนอิสฮาร์ คนเฮโบรน และคนอุสซีเอล 24มีเชบูเอลบุตรเกอร์โชมผู้เป็นบุตรโมเสส เป็นหัวหน้าผู้ดูแลคลัง 25พี่น้องของเขาคือ จากเอลีเอเซอร์ซึ่งมีบุตรคือเรหับยาห์ ซึ่งมีบุตรคือเยชายาห์ ซึ่งมีบุตรคือโยรัม ซึ่งมีบุตรคือศิครี ซึ่งมีบุตรคือเชโลโมท 26เชโลโมทคนนี้และพี่น้องของเขาเป็นผู้ดูแลคลังของถวายอันบริสุทธิ์ทั้งสิ้น ซึ่งดาวิดพระราชา และบรรดาผู้นำตระกูล และเหล่านายพันนายร้อย และเหล่าผู้บัญชาการกองทัพมอบถวายไว้ 27สิ่งที่ยึดมาจากสงคราม เขาทั้งหลายมอบถวายเพื่อการซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 28และของถวายอันบริสุทธิ์ทั้งหมดซึ่งซามูเอลผู้ทำนาย และซาอูลบุตรคีช และอับเนอร์บุตรเนอร์และโยอาบบุตรนางเศรุยาห์ได้ถวายไว้ ของถวายอันบริสุทธิ์ทั้งสิ้นนี้อยู่ในความดูแลของเชโลโมทและพี่น้องของเขา
 29จากคนอิสฮาร์คือเคนานิยาห์ และบุตรของเขาได้รับแต่งตั้งให้มีงานภายนอกดูแลอิสราเอล ให้เป็นเจ้าหน้าที่และเป็นผู้พิพากษา 30จากคนเฮโบรนคือฮาชาบิยาห์ และพี่น้องของเขา 1,700 คน ที่เป็นคนเก่งกล้าเป็นผู้ดูแลอิสราเอลทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ในเรื่องกิจการทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์ และราชการของพระราชา 31จากคนเฮโบรนมี เยรียาห์เป็นผู้นำของคนเฮโบรน ตามพงศ์พันธุ์ตามตระกูล (ในปีที่สี่สิบของรัชกาลดาวิด เขาได้สำรวจและพบคนที่เก่งกล้าสามารถที่ยาเซอร์ในกิเลอาด) 32กษัตริย์ดาวิดทรงแต่งตั้งญาติของคนเก่งกล้านี้ จำนวน 2,700 คนเป็นผู้นำตระกูล ให้ดูแลคนรูเบน คนกาด และคนเผ่ามนัสเสห์กึ่งหนึ่ง ในเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับพระเจ้า และเรื่องเกี่ยวกับพระราชา

1 พงศาวดาร 27

การจัดกองทัพ

 1ต่อไปนี้เป็นรายชื่อคนอิสราเอลคือบรรดาหัวหน้าตระกูล บรรดานายพัน บรรดานายร้อย และบรรดาเจ้าหน้าที่ของพวกเขา ผู้ซึ่งรับใช้พระราชาในราชการทุกอย่างที่เกี่ยวกับกองเวรที่เข้ามาและออกไป แต่ละเดือนตลอดปี กองเวรหนึ่งๆ มีจำนวน 24,000 คน
 2ผู้บัญชาการกองเวรที่หนึ่งในเดือนแรกคือยาโชเบอัมบุตรศับดีเอล ในกองเวรของเขามี 24,000 คน 3เขาเป็นเชื้อสายของเปเรศ และเป็นผู้บัญชาการสูงสุดเหนือผู้บัญชาการกองทัพทั้งสิ้นในเดือนแรก 4กองเวรของเดือนที่สองมีโดดัยคนอาโหอาห์เป็นผู้บัญชาการกองเวร มิกโลทเป็นหัวหน้ากองคนหนึ่ง ในกองเวรของเขามี 24,000 คน 5ผู้บัญชาการกองทัพคนที่สามสำหรับเดือนที่สามคือ เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาปุโรหิตเป็นหัวหน้า ในกองเวรของเขามี 24,000 คน 6เบไนยาห์นี้คือนักรบกล้าหาญในสามสิบคน และอยู่เหนือสามสิบคนนั้น อัมมีซาบาดบุตรของเขาเป็นผู้ดูแลกองเวรของเขา 7เวรที่สี่ สำหรับเดือนที่สี่เป็นของอาสาเฮลน้องชายของโยอาบ และเศบาดิยาห์บุตรของเขาดูแลต่อจากเขา ในกองเวรของเขามี 24,000 คน 8ผู้บัญชาการคนที่ห้า สำหรับเดือนที่ห้าคือชัมหุทชาวอิสราห์ ในกองเวรของเขามี 24,000 คน 9คนที่หก สำหรับเดือนที่หกคืออิราบุตรอิกเขชชาวเทโคอา ในกองเวรของเขามี 24,000 คน 10คนที่เจ็ด สำหรับเดือนที่เจ็ดคือเฮเลสคนเปโลน จากพงศ์พันธุ์เอฟราอิม ในกองเวรของเขามี 24,000 คน 11คนที่แปด สำหรับเดือนที่แปดคือสิบเบคัย ชาวหุชา คนเศ-ราห์ ในกองเวรของเขามี 24,000 คน 12คนที่เก้า สำหรับเดือนที่เก้าคืออาบีเอเซอร์ ชาวอานาโธท คนเบนยามิน กองเวรของเขามี 24,000 คน 13คนที่สิบ สำหรับเดือนที่สิบคือมาหะรัย ชาวเนโทฟาห์ คนเศ-ราห์ ในกองเวรของเขามี 24,000 คน 14คนที่สิบเอ็ด สำหรับเดือนที่สิบเอ็ดคือเบไนยาห์ ชาวปิราโธน จากพงศ์พันธุ์เอฟราอิม ในกองเวรของเขามี 24,000 คน 15คนที่สิบสอง สำหรับเดือนที่สิบสองคือเฮลดัย ชาวเนโทฟาห์ คนโอทนีเอล ในกองเวรของเขามี 24,000 คน
 16ผู้นำเหนือเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลมีดังนี้คือ สำหรับรูเบนมีเอลีเอเซอร์บุตรศิครีเป็นผู้นำ สำหรับสิเมโอนมีเชฟาทิยาห์บุตรมาอาคาห์ 17สำหรับเลวีมีฮาชาบิยาห์บุตรเคมูเอล สำหรับอาโรนมีศาโดก 18สำหรับยูดาห์มีเอลีฮู พี่ชายคนหนึ่งของดาวิด สำหรับอิสสาคาร์มีอม-รีบุตรมีคาเอล 19สำหรับเศบูลุนมีอิชมัยอาห์บุตรโอบาดีห์ สำหรับนัฟทาลีมีเยรีโมทบุตรอัสรีเอล 20สำหรับคนเอฟราอิมมีโฮเชยาบุตรอาซาซิยาห์ สำหรับมนัสเสห์ครึ่งเผ่ามีโยเอลบุตรเปดายาห์ 21สำหรับมนัสเสห์ครึ่งเผ่าในกิเลอาดมีอิดโดบุตรเศคาริยาห์ สำหรับเบนยามินมียาอาซีเอลบุตรอับเนอร์ 22สำหรับดานมีอาซาเรล บุตรเยโรฮัม คนเหล่านี้เป็นผู้นำเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล
 23ดาวิดไม่ได้ทรงนับจำนวนคนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะพระยาห์เวห์ทรงสัญญาว่าจะทรงทำให้อิสราเอลมากเหมือนดาวในท้องฟ้า 24โยอาบบุตรนางเศรุยาห์เริ่มต้นนับ แต่ไม่สำเร็จ ถึงกระนั้น พระพิโรธก็มาเหนืออิสราเอลในเรื่องนี้ และจำนวนนั้นก็ไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของกษัตริย์ดาวิด
 25อัสมาเวทบุตรอาดีเอลเป็นผู้ดูแลพระคลังของกษัตริย์ และโยนาธานบุตรของอุสซียาห์เป็นผู้ดูแลคลังในชนบท ในเมืองต่างๆ ในหมู่บ้าน และในป้อม 26เอสะรีบุตรเคลูบ เป็นผู้ดูแลบรรดาผู้ที่ทำงานในทุ่งและเพาะปลูก 27ชิเมอีชาวรามาห์ดูแลสวนองุ่น และศับดีชาวเชฟามดูแลผลิตผลของสวนองุ่นสำหรับห้องเก็บเหล้าองุ่น 28บาอัลฮานัน ชาวเกเดอร์เป็นผู้ดูแลต้นมะกอก และต้นมะเดื่อที่อยู่ในเชเฟลาห์ โยอาชดูแลห้องเก็บน้ำมัน 29ชิตรัยชาวชาโรนดูแลฝูงโคซึ่งถูกเลี้ยงในชาโรน ชาฟัทบุตรอัดลัยดูแลฝูงโคในหุบเขา 30และโอบิลคนอิชมาเอลดูแลอูฐ เยดายาห์ชาวเมโรโนทดูแลลา ยาซีสชาวฮาการ์ดูแลฝูงแพะแกะ 31เหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลทรัพย์สมบัติของกษัตริย์ดาวิด
 32โยนาธานลุงของดาวิดเป็นที่ปรึกษา เป็นคนที่มีความเข้าใจและเป็นอาลักษณ์ และเยฮีเอลบุตรฮัคโมนีเป็นผู้ดูแลบรรดาโอรส 33อาหิโธเฟลเป็นที่ปรึกษาของพระราชา และหุชัยคนอารคีเป็นพระสหายของพระราชา 34เยโฮยาดาบุตรเบไนยาห์ และอาบียาธาร์เป็นผู้ทำงานต่อจากอาหิโธเฟล โยอาบเป็นผู้บัญชาการกองทัพของพระราชา

อรรถาธิบาย

ความร่ำรวยของกษัตริย์

เมื่อเปาโลเขียนว่า ‘ท่านคงมั่งมีแล้วสินะ ท่านได้ครอบครอง’ (1 โครินธ์ 4:8) บางทีเปาโลอาจนึกถึงกษัตริย์แบบกษัตริย์ดาวิดอยู่ในใจ

ดาวิดมั่งคั่งมาก พระองค์มี ‘คลัง’ พระนิเวศของพระยาห์เวห์อันยิ่งใหญ่ (1 พงศาวดาร 26:22) มี ‘คลัง’ (27:25) มี ‘สวนองุ่น’ ‘ห้องเก็บเหล้าองุ่น’ (ข้อ 27) ‘ต้นมะกอกและต้นมะเดื่อ’ (ข้อ 28) ‘ห้องเก็บน้ำมัน’ (ข้อ 28ข) ‘ฝูงโค’ (ข้อ 29) ‘อูฐและแพะแกะ’ (ข้อ 30ข) ‘ฝูงแพะแกะ’ และ ‘ทรัพย์สมบัติ’ (ข้อ 31)

การเงินไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ ‘ไม่ใช่ฝ่ายวิญญาณ’ ตัวอย่างเช่น ก่อนเกิดสถานการณ์ โควิด-19 การนมัสการพระเจ้ามักจะเกิดขึ้นในอาคารต่าง ๆ ใช้อาคารต้องใช้เงิน การดำเนินงานด้านการเงินของคริสตจักรเป็นบทบาทสำคัญ ‘คนเลวีได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านการเงินของพระวิหาร... พวกเขาดูแลการเงินของพระนิเวศของพระเจ้า’ (26:20,22 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เชบูเอลเป็น ‘หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เราจะเห็นความมั่งคั่งทางวัตถุในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งพระพรของพระเจ้า ยังคงเป็นจริงอยู่ว่าลักษณะชีวิตในทางของพระเจ้า คือ การทำงานหนัก ความน่าเชื่อถือ ความซื่อตรง และความซื่อสัตย์ เป็นคุณลักษณะที่มักจะนำไปสู่ความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุ อย่างไรก็ตาม ดังที่เราได้เห็นในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ในวันนี้ ไม่ใช่ภาพรวมทั้งหมด

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมได้พบคริสเตียนที่ร่ำรวยมากจำนวนหนึ่ง บางคนเป็นผู้เชื่อและผูกพันอุทิศตัวมากที่สุดที่ผมได้รู้จัก ความร่ำรวยของพวกเขาไม่จำเป็นต้องเป็นสัญญาณแห่งพระพรของพระเจ้า แต่ก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเช่นกัน สิ่งสำคัญคือคุณมองเงินของคุณอย่างไรและคุณทำอะไรกับเงินนั้น

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยเราให้มีความสมดุลในการสอนและการดำเนินชีวิตของเรา ขอให้เราไม่ตำหนิหรือตัดสินคนเหล่านั้นที่พระองค์ทรงอวยพรความมั่งคั่ง ขอให้เรามีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และให้ด้วยใจยินดี และเต็มใจที่จะทุกข์ยาก ต้องสวมใส่ผ้าขี้ริ้วและไร้ที่อยู่อาศัยหากจำเป็น เพื่อรับใช้พระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สุภาษิต 19:13ข

‘ภรรยาขี้ทะเลาะก็เหมือนน้ำฝนย้อยหยดไม่หยุด’

ก่อนที่จะชี้ให้เห็นความยุ่งเหยิงในครอบครัวของฉัน ฉันไม่เคยนึกถึงข้อนี้ ฉันไม่อยากโดนกล่าวหาว่าเป็นก๊อกน้ำที่ไหลไม่หยุด!

ข้อพระคำประจำวัน

สุภาษิต 19:17

‘คนที่เมตตาคนยากจนก็ให้พระยาห์เวห์ทรงยืมและพระองค์จะทรงตอบแทนการกระทำของเขา’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม