วัน 201

ชื่นชมยินดีกับชีวิตใหม่ของคุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 87:1-7
พันธสัญญาใหม่ โรม 6:1-14
พันธสัญญาเดิม โฮเชยา 1:1-2:23

เกริ่นนำ

บิชอปเทย์เลอร์ สมิท อดีตอนุศาสนาจารย์ของกองกำลัง เคยมีบทสนทนากับชายหนุ่มคนหนึ่งว่า:
บิชอป: ‘เมื่อเธอนึกถึงกางเขนของพระคริสต์ เธอมองเห็นอะไร?'
ชายหนุ่ม: ‘ผมมองเห็นพระคริสต์และโจร 2 คนถูกตรึงข้างๆ พระองค์’
บิชอป: ‘แล้วเห็นอะไรอีก?’
ชายหนุ่ม: ‘ผมเห็นพวกทหารพนันกัน...’
บิชอป: ‘ถ้านั่นคือทั้งหมดที่เธอมองเห็น ฉันคิดว่าเธอน่ามีปัญหากับชีวิตคริสเตียน เมื่อฉันมองไปที่กางเขน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ฉันมองเห็น บิชอป เทย์เลอร์ สมิท ฉันถูกตรึงร่วมกับพระคริสต์ด้วย’

เนื้อหาจากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่วันนี้ อัครสาวกเปาโลอธิบายอย่างละเอียดถึงความหมายของการ ‘ถูกตรึงกับพระคริสต์’ เรา ‘อยู่ในพระเยซูคริสต์’ ‘เพราะฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระบิดาทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากตายโดยพระสิริของพระองค์แล้ว เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน’ (โรม 6:4) ‘เราเดินเข้าสู่ชนชาติใหม่แห่งพระคุณ คือชีวิตใหม่ในผืนแผ่นดินใหม่’ (ข้อ 6:3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ไม่นานหลังจากที่ผมได้พบพระเยซู ผมเขียนว่า ‘ฉันได้ตายในปีค.ศ. 1974 ชีวิตเก่าของฉันถูกฝังไว้ จากนั้นเป็นต้นมาฉันเดินอยู่ในความสดใหม่ของชีวิต’ มันรู้สึกแบบนั้นเลย ชีวิตก่อนหน้านั้นช่างแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ผ่านการตายและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ คุณสามารถมีชีวิตอยู่และชื่นชมยินดีกับ ‘ชีวิตใหม่’ ในข้อพระคัมภีร์ของวันนี้ เราเห็นว่าสิ่งนี้เป็นที่คาดหวังในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและถูกทำให้สำเร็จในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่อย่างไร

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 87:1-7

ความยินดีที่ได้อยู่ในศิโยน

เพลงสดุดีของตระกูลโคราห์ บทเพลง

1นครของพระองค์อยู่บนเทือกเขาบริสุทธิ์
2พระยาห์เวห์ทรงรักบรรดาประตูของศิโยน
 ยิ่งกว่าที่อาศัยแห่งใดๆ ของยาโคบ
3โอ นครของพระเจ้าเอ๋ย
 พวกเขากล่าวสรรเสริญเธอ
4ในบรรดาผู้ที่รู้จักเรา เราเอ่ยถึงราหับ
 ดูเถิด ฟีลิสเตีย ไทระ และคูชด้วย
 เขากล่าวกันว่า “ผู้นี้เกิดที่นั่น”
5และเรื่องศิโยน เขาจะพูดว่า
 “ผู้นี้และผู้นั้นเกิดในเมืองนั้น”
 เพราะองค์ผู้สูงสุดเองจะสถาปนาเมืองนั้น
6พระยาห์เวห์ทรงบันทึก ขณะที่พระองค์ทรงลงทะเบียนชนชาติทั้งหลายว่า
 “ผู้นี้เกิดที่นั่น”
7บรรดานักร้องและนักเต้นกล่าวกันว่า
 “น้ำพุทั้งสิ้นของเราอยู่ในเธอ”

อรรถาธิบาย

เพลงบทใหม่

นี่คือบทสดุดีสรรเสริญ ซึ่งยากที่จะเข้าใจได้และถูกบรรยายว่าเป็นหนึ่งในบทที่เป็นปริศนาในพระธรรมสดุดี ซึ่งถูกเขียนด้วยภาษากวี

ผู้เขียนสดุดีสรุปโดยการคาดการณ์ถึงอนาคตว่า ‘บรรดานักร้อง และนักเต้นกล่าวกันว่า ‘น้ำพุทั้งสิ้นของเราอยู่ในเธอ’ (ข้อ 7) ภาพของน้ำที่เอ่อล้นเป็นภาพของชีวิตอันบริบูรณ์ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำมา

ถึงกระนั้น พระเยซูตรัสว่าทั้งหมดนี้ถูกทำให้สำเร็จไม่ใช่ในสถานที่ (ศิโยน) แต่ในตัวบุคคล (ยอห์น 7:37 เป็นต้นไป) ‘แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น เป็นน้ำแห่งชีวิตที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ซึ่งเราได้รับ’ (ยอห์น 7:39) ตอนนี้เราสามารถร้องเพลงบทใหม่นมัสการถวายพระเจ้า ซึ่งร้องว่า ‘น้ำพุทั้งสิ้นของเราอยู่ในเธอ’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ธารน้ำแห่งชีวิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหลเข้ามาในข้าพระองค์ และออกมาจากข้าพระองค์ในวันนี้
พันธสัญญาใหม่

โรม 6:1-14

การตายต่อบาปและการมีชีวิตในพระคริสต์

 1ถ้าอย่างนั้น เราจะว่าอย่างไร? เราจะอยู่ในบาปต่อไปเพื่อให้พระคุณเพิ่มทวีขึ้นหรือ? 2เปล่าเลย เราที่ตายต่อบาปแล้วจะมีชีวิตในบาปต่อไปได้อย่างไร? 3ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า เราผู้ที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในการตายของพระองค์? 4เพราะฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระบิดาทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากตายโดยพระสิริของพระองค์แล้ว เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน
 5เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเข้าสนิทกับพระองค์ในการเป็นขึ้นจากตายอย่างพระองค์ 6เรารู้แล้วว่า คนเก่าของเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป และเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป 7เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป 8แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย 9เรารู้อยู่ว่า พระเจ้าทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากตาย แล้วพระองค์จะไม่ตายอีก ความตายจะไม่มีอำนาจเหนือพระองค์ต่อไป 10ด้วยว่าซึ่งพระองค์ได้ทรงตายนั้นพระองค์ได้ทรงตายต่อบาปครั้งเดียวเป็นพอ แต่ซึ่งพระองค์ทรงชีวิตอยู่นั้น พระองค์ทรงชีวิตสนิทกับพระเจ้า 11ในทำนองเดียวกัน พวกท่านจงถือว่าท่านได้ตายต่อบาป และมีชีวิตสนิทกับพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์
 12เพราะฉะนั้นอย่าให้บาปครอบงำกายที่ต้องตายของท่าน ซึ่งทำให้ต้องเชื่อฟังตัณหาของกายนั้น 13อย่ายกอวัยวะของท่านให้แก่บาป ให้เป็นเครื่องใช้ในการอธรรม แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า เหมือนคนที่เป็นขึ้นมาจากตายแล้ว และจงให้อวัยวะเป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า 14บาปจะไม่ครอบงำพวกท่านต่อไป เพราะว่าท่านไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ

อรรถาธิบาย

เสรีภาพใหม่

รัสปูติน พระชาวรัสเซียที่ขาดสติแต่มีอิทธิพล สอนผู้ติดตามว่าหลังการสนทนากับเขาแล้ว ให้คนเหล่านั้นออกไป และทำบาปมากขึ้น เพื่อว่าโดยการได้รับการอภัย พวกเขาจะสัมผัสความรักของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น แต่พระคนนี้ไม่ได้ตระหนักว่าพระคุณไม่ใช่ข้ออ้างในการทำบาป แต่เป็นเหตุผลที่จะไม่ทำบาป

เปาโลพูดถึงประเด็นนี้เอง โดยตั้งคำถามว่าถ้าพระคุณพบกับความบาปทุกอย่างของเรา และขณะที่บาปทวีพระคุณมากขึ้น เราควรที่จะ ‘ทำบาปต่อไปเพื่อพระเจ้าจะทรงให้อภัยเราต่อไปไหม?’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อาจารย์เปาโลตอบว่า ‘ข้าพเจ้าหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น! ถ้าเราจากเมืองที่ความบาปครอบครองอยู่ เราจะกลับไปอยู่ในบ้านหลังเดิมได้อย่างไร พวกท่านไม่รู้หรือว่าเราเก็บข้าวของและออกมาอย่างถาวรแล้ว?’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ตอนนี้พวกเราเป็นอิสระ เราได้มีท่าทีต่อบาปที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แล้วเราผู้ซึ่งถูกเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง ซึ่งแตกต่างเสมือนความตายกับชีวิต จะมีชีวิตอยู่ในบาปได้อย่างไร? เมื่อก่อนเราเคยเป็นทาสของบาป ทำให้เราต้องเชื่อฟังคำสั่งของมัน แต่ตอนนี้เราได้เป็นไทแล้ว

ในข้อพระคัมภีร์บทนี้ เราได้เห็นกริยา 3 ช่องที่พูดถึงความรอด:

1. คุณถูกช่วยกู้จาก โทษทัณฑ์ของบาป
เปาโลเขียนด้วยกริยาที่พูดถึงอดีต ว่าตัวเก่าของเราถูกตรึงร่วมกับพระคริสต์เพื่อร่างกายที่มีบาปนั้นจะถูกขจัดไป เพื่อเราจะไม่เป็นทาสของความบาปอีกต่อไป เพราะใครก็ตามที่ตายแล้วก็เป็นไทจากบาป (ข้อ 6-7)

โดยการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูบนกางเขนเพื่อเรา อดีตนั้นถูกยกโทษ ความละอายของคุณถูกลบออกไป โทษทัณฑ์ทั้งหมดของคุณ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตถูกไถ่ถอนออกแล้ว คุณได้เป็นอิสระแล้ว

2. คุณจะถูกช่วยกู้จากการคงอยู่ของบาป 'เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเข้าสนิทกับพระองค์ในการเป็นขึ้นจากตายอย่างพระองค์’ (ข้อ 5)

ความรอดของคุณยังไม่สมบูรณ์ ยังมีกริยาที่พูดถึงอนาคตของความรอด วันหนึ่งเราจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในการฟื้นคืนพระชนม์ คุณเป็นอิสระจากการคงอยู่ของบาป และชื่นชมยินดีกับการทรงสถิตของพระเจ้าตลอดไปโดยไม่มีอะไรขวางกั้น

3. คุณกำลังถูกช่วยกู้จากอำนาจของบาป อาจารย์เปาโลเขียนว่า 'จากนี้เป็นต้นไป ให้คิดว่าบาปพูดภาษาที่ตายแล้วซึ่งไม่มีความหมายอะไรสำหรับท่าน พระเจ้าตรัสด้วยภาษาแม่ของท่าน ซึ่งท่านจะยึดถือไว้ทุกคำ ท่านได้ตายต่อบาปและมีชีวิตอยู่ในพระเจ้า นั่นคือสิ่งที่พระเยซูทรงทำ

นั่นหมายความว่าท่านจะไม่ให้เสียงกับความบาปในการดำเนินชีวิต อย่าให้เวลากับมันในตอนกลางวัน อย่าแม้แต่ทำกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตเดิม ให้ตัวเองทุ่มเทด้วยสุดใจและเต็มเวลา จำไว้ว่าท่านเป็นขึ้นจากความตายแล้ว มาสู่วิถีทางของพระเจ้า’ (ข้อ 11-14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูทรงปลดปล่อยคุณเป็นไท ไม่ใช่แค่จากความละอายจากบาป แต่จากอำนาจที่เกาะกุมของมัน คุณไม่ต้องทำบาปอีกต่อไป ‘บาปจะไม่ครอบงำพวกท่านต่อไป’ (ข้อ 14) คุณจะต้องถือว่าตัวเองตายต่อบาปและมีชีวิตอยู่ในพระเจ้า คุณต้องไม่เชื่อฟังความปรารถนาชั่วของบาป นี่คือกริยาช่องปัจจุบันของความรอด คุณกำลังเป็นอิสระจากอำนาจของบาปเมื่อคุณมอบร่างกายของคุณให้พระเยซูให้เป็นเครื่องมือของความชอบธรรม

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงปลดปล่อยข้าพระองค์เป็นอิสระเพื่อข้าพระองค์จะชื่นชมยินดีกับชีวิตใหม่ ข้าพระองค์ขอมอบถวายร่างกายในวันนี้ และทูลขอที่พระองค์จะทรงใช้ข้าพระองค์เป็นเครื่องมือของความชอบธรรม
พันธสัญญาเดิม

โฮเชยา 1:1-2:23

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งมาถึงโฮเชยา บุตรเบเออรี ในรัชกาลอุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ กษัตริย์ทั้งหลายแห่งยูดาห์ และในรัชกาลเยโรโบอัม พระราชโอรสของเยโฮอาช

ครอบครัวของโฮเชยา

 2เมื่อพระยาห์เวห์ตรัสทางโฮเชยาเป็นครั้งแรกนั้น พระยาห์เวห์ตรัสกับโฮเชยาว่า “ไปซี ไปรับหญิงเจ้าชู้มาเป็นภรรยาและเกิดลูกชู้กับนาง เพราะว่าแผ่นดินนี้เล่นชู้อย่างยิ่ง โดยการละทิ้งพระยาห์เวห์” 3ดังนั้นท่านจึงไปรับโกเมอร์บุตรสาวดิบลาอิมมาเป็นภรรยา แล้วนางก็มีครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่งแก่ท่าน 4และพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “จงเรียกชื่อบุตรนั้นว่า ยิสเรเอล เพราะว่าในไม่ช้า เราจะลงโทษพงศ์พันธุ์ของเยฮู เพราะเรื่องโลหิตไหลนองที่ยิสเรเอล และเราจะให้ราชอาณาจักรของพงศ์พันธุ์อิสราเอลสิ้นสุดลงเสียที 5ในวันนั้น เราจะหักธนูของอิสราเอลในหุบเขายิสเรเอล”
 6ต่อมานางก็ตั้งครรภ์อีก และคลอดบุตรหญิงคนหนึ่ง และพระองค์ตรัสกับท่านว่า “จงตั้งชื่อบุตรหญิงนั้นว่า โลรุหะมาห์ เพราะเราจะไม่เมตตาพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีกต่อไป เราจะไม่อภัยให้เขาอีกเลย 7แต่เราจะเมตตาพงศ์พันธุ์ยูดาห์ และเราจะช่วยกู้เขาโดยพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา เราจะไม่ช่วยกู้เขาโดยคันธนู หรือโดยดาบ หรือโดยสงคราม หรือโดยม้าศึก หรือโดยทหารม้า”
 8เมื่อนางให้โลรุหะมาห์หย่านมแล้ว นางก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง 9และพระองค์ตรัสว่า “จงเรียกชื่อบุตรนั้นว่า โลอัมมี เพราะเจ้าทั้งหลายมิใช่ประชากรของเรา และเราเองก็มิใช่พระเจ้าของเจ้าพระเจ้าของเจ้า ภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า เราเป็นแก่พวกเจ้า”

การฟื้นฟูอิสราเอล

 10แต่จำนวนประชาชนอิสราเอลจะมากมายเหมือนทรายในทะเล ซึ่งจะตวงหรือนับไม่ถ้วน และในสถานที่ซึ่งพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เจ้าไม่ใช่ประชากรของเรา” ก็จะกล่าวแก่พวกเขาว่า “เจ้าเป็นบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” 11และประชาชนยูดาห์กับประชาชนอิสราเอลจะรวมเข้าด้วยกัน และเขาทั้งหลายจะตั้งผู้หนึ่งให้เป็นประมุข และจะพากันขึ้นไปจากแผ่นดินนั้น เพราะวันแห่งยิสเรเอลจะสำคัญมาก

โฮเชยา 2

 1จงเรียกบรรดาน้องชายของเจ้าว่า “อัมมี” จงเรียกบรรดาน้องสาวของเจ้าว่า “รุหะมาห์”

อิสราเอลไม่ซื่อสัตย์ จึงถูกลงโทษ แต่ในที่สุดจะได้รับการไถ่

2จงว่ากล่าวมารดาของเจ้า จงว่ากล่าวเถิด
 เพราะนางไม่ใช่ภรรยาของเรา
 และเราไม่ใช่สามีของนาง
ให้นางทิ้งการเล่นชู้เสียจากหน้าของนาง
 และทิ้งการล่วงประเวณีเสียจากอกของนาง
3มิฉะนั้นเราจะเปลื้องผ้านางให้ล่อนจ้อน
 ทำให้นางเหมือนวันที่นางเกิดมา
 ทำให้นางเหมือนถิ่นทุรกันดาร
และทำให้นางเหมือนดินแดนที่แห้งแล้ง
 และประหารนางด้วยความกระหาย
4เราจะไม่สงสารบุตรทั้งหลายของนาง
 เพราะเขาทั้งหลายเป็นลูกจากการเล่นชู้
5เพราะมารดาของพวกเขาเล่นชู้
 นางผู้ให้กำเนิดเขาทั้งหลายได้ทำเรื่องอับอาย
เพราะนางกล่าวว่า ‘ฉันจะตามคนรักของฉันไป
ผู้ให้อาหารและน้ำ
 ขนแกะและป่าน ทั้งน้ำมันและเครื่องดื่มแก่ฉัน’
6เพราะเหตุนี้ เราจะเอาหนามสุมทางของนาง
 เราจะสร้างกำแพงกั้นนางไว้
 เพื่อมิให้นางหาวิถีของนางพบ
7นางจะไปตามบรรดาคนรักของนาง
 แต่ก็จะตามไม่ทัน
นางจะเที่ยวเสาะหาเขาทั้งหลาย
 แต่นางก็จะไม่พบเขา
แล้วนางจะว่า ‘ฉันจะไป
 หาสามีคนแรกของฉัน
 เพราะแต่ก่อนนั้นฐานะฉันยังดีกว่าเดี๋ยวนี้’
8แต่นางไม่ทราบว่า
 เราเป็นผู้ให้
 ข้าว เหล้าองุ่น และน้ำมัน
และได้ให้เงินและทองมากมายแก่นาง
 ซึ่งเขาใช้สำหรับพระบาอัล
9เพราะฉะนั้นเราจะทวงคืน
 ข้าวตามกำหนดฤดูกาล
 และเหล้าองุ่นตามฤดู
และเราจะเรียกขนแกะและป่านของเราคืน
 ซึ่งให้เพื่อใช้ปกปิดกายเปลือยเปล่าของนาง 10คราวนี้เราจะเผยความอับอายของนาง
 ต่อหน้าคนรักของนาง
 และไม่มีใครช่วยให้นางพ้นมือเราได้
11เราจะให้ความร่าเริงของนางสิ้นสุดลง
 ทั้งเทศกาลเลี้ยง เทศกาลขึ้นหนึ่งค่ำ วันสะบาโต
 และเทศกาลทั้งสิ้นของนาง
12เราจะให้เถาองุ่นและต้นมะเดื่อของนางร้างเปล่า
 ที่นางคุยว่า
 ‘นี่แหละเป็นสินจ้างของฉัน
ซึ่งคนรักให้ฉัน’
 เราจะทำให้กลายเป็นป่า
 และสัตว์ป่าจะกินเสีย
13เราจะลงโทษนาง เนื่องด้วยวันเทศกาลเลี้ยงพระบาอัล
 เมื่อนางเผาเครื่องหอมบูชาพระนั้น
 แล้วก็ประดับตัวด้วยแหวนและเครื่องเพชรพลอย
และติดตามบรรดาคนรักของนางไป
 และลืมเราเสีย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
14“เพราะเหตุนี้ ดูเถิด เราจะเกลี้ยกล่อมนาง
 พานางเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
 และปลอบใจนาง
15เราจะให้นางมีสวนองุ่นที่นั่น
 และทำให้หุบเขาอาโคร์ เป็นประตูแห่งความหวัง
แล้วนางจะตอบอย่างสมัยเมื่อนางยังสาว
 อย่างสมัยเมื่อนางออกจากแผ่นดินอียิปต์”

 16“พระยาห์เวห์ตรัสว่า ในวันนั้นเจ้าจะเรียกเราว่า ‘สามีของฉัน’ เจ้าจะไม่เรียกเราว่า ‘พระบาอัลของฉัน’ อีกต่อไป 17เพราะว่าเราจะเอาชื่อพวกพระบาอัลออกเสียจากปากของนาง นางจะไม่เรียกชื่อนี้อีกต่อไป 18ในเวลานั้น เราจะทำพันธสัญญากับสัตว์ในป่า กับนกบนฟ้าและสัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินเพื่อพวกเขา เราจะทำลายคันธนู ดาบและสงครามจากแผ่นดิน และเราจะทำให้เขานอนลงอย่างปลอดภัย 19เราจะหมั้นเจ้าไว้สำหรับเราเป็นนิตย์ เออ เราจะหมั้นเจ้าไว้ด้วยความชอบธรรม ความยุติธรรม ความรักมั่นคงและความกรุณา 20เราจะหมั้นเจ้าไว้สำหรับเราด้วยความสัตย์ซื่อ และเจ้าจะรู้จักพระยาห์เวห์”

21พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ในวันนั้น เราจะตอบ
 เราจะตอบฟ้าสวรรค์
 และฟ้าสวรรค์จะตอบแผ่นดินโลก
22และพิภพจะตอบข้าว เหล้าองุ่นและน้ำมัน
 สิ่งเหล่านี้จะตอบยิสเรเอลแปลว่า พระเจ้าทรงหว่าน
23เราจะหว่านเขาไว้ในแผ่นดินสำหรับเรา
 เราจะเมตตาโลรุหะมาห์
และเราจะพูดกับโลอัมมีว่า ‘เจ้าเป็นประชากรของเรา’
 และเขาจะกล่าวว่า ‘พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์’ ”

อรรถาธิบาย

ความรักใหม่

พระเจ้าทรงรักคุณโดยไม่มีเงื่อนไข สุดใจ และอย่างไม่เลิกรา ไม่ว่าคุณจะเคยทำอะไรมาก็ตาม คุณสามารถจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง มีชีวิตใหม่ และความรักใหม่ได้

ยูจีน ปีเตอร์สัน เขียนว่า ‘โฮเชยาเป็นผู้เผยพระวจนะแห่งความรัก’ ‘ไม่ใช่ความรักในแบบที่เราจินตนาการหรือวาดฝันไว้ เขาเป็นอุปมาของความรักของพระเจ้าที่มีต่อประชากรของพระองค์ ในขณะที่พระเจ้าทรงเปิดเผยและสำแดงออกนั้น เป็นคำอุปมาที่มีชีวิต มันเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นตาตื่นใจ ผู้เผยพระวจนะถูกสั่งให้แต่งงานกับหญิงโสเภณีธรรมดาคนหนึ่งที่มีลูกติด สิ่งที่สื่อออกมานั้นน่าเหลือเชื่อกว่า คือพระเจ้าทรงรักเราในแบบเดียวกัน พระองค์ไล่ตามเราในจุดที่ย่ำแย่ที่สุด ทรงตามเราไปจนกว่าจะได้เรามา และทำให้เหล่าชายหญิงกลายเป็นนักรักทั้งที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรักแท้เลย’

โฮเชยาได้เผยพระวจนะหลังจากสมัยของอาโมสไม่นานนัก (750-722 ก่อน ค.ศ) การสมรสของเขากับโกเมอร์เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของอิสราเอลกับพระเจ้า พระเจ้าตรัสกับโฮเชยาว่า

‘จงไปตามหาหญิงโสเภณีและแต่งงานกับนาง
ทำให้หญิงผู้นี้เป็นแม่ของลูกหลานของเจ้า
นั่นเป็นเพราะว่าชนชาตินี้
 ได้กลายเป็นซ่องโสเภณีและนอกใจเรา พระเจ้าของพวกเขา’ (ข้อ 1:2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความผิดพลาดของอิสราเอลคือการไล่ตามสิ่งของ (อาหาร เหล้า แฟชั่น เครื่องประดับ และเครื่องสำอาง) แทนที่พระเจ้า (ข้อ 2:5,8 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาพลาดที่จะเห็นว่า พระเจ้าเป็นผู้ประทานสิ่งเหล่านั้น สิ่งเดียวที่พระองค์ขอ คือ ให้เราแสวงหาพระองค์ก่อน

คำตอบของพระเจ้า คือ การทำให้เราไม่พอใจเมื่อเราไล่ตามสิ่งอื่นนอกจากพระองค์ โดยการไม่อนุญาตให้เราได้สิ่งเหล่านั้นที่ใจเราปรารถนา พระองค์ตรัสว่า:

‘เธอจะออกตามล่าหาคนรักมากมาย
 แต่จะนำกลับมาสักคนเดียวไม่ได้เลย
เธอจะมองหาจากที่สูงและที่ต่ำ
 แต่จะไม่พบสักคนเดียว’ (ข้อ 7ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าปรารถนาให้เรามีชีวิตในความสัมพันธ์สนิทกับพระองค์เหมือนอย่างสามีกับภรรยา พระองค์ตรัสว่า ‘เพราะเหตุนี้ ดูเถิด เราจะเกลี้ยกล่อมนาง พานางเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร และปลอบใจนาง’ (สถานที่ที่คนมักจะได้ยินเสียงของพระเจ้า) (ข้อ 14) ‘พระยาห์เวห์ตรัสว่า ในวันนั้นเจ้าจะเรียกเราว่า “สามีของฉัน”… เราจะหมั้นเจ้าไว้สำหรับเราเป็นนิตย์”’ (ข้อ 16, 19)

สิ่งนี้แสดงให้เห็นล่วงหน้าถึงความสัมพันธ์ของพระเยซูกับคริสตจักรของพระองค์ พระเจ้าทรงสัญญาถึงความสัมพันธ์ที่เต็มด้วยรักใหม่ระหว่างพระองค์กับคนของพระองค์ (ข้อ 19-20) พวกเขาจะรู้จักพระยาเวห์ ‘และเราจะพูดกับโลอัมมี (แปลว่า มิใช่ประชากรของเรา) ว่า “เจ้าเป็นประชากรของเรา” และเขาจะกล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์’ (ข้อ 23)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่โดยการตายและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ข้าพระองค์สามารถจะรู้จักพระองค์ ขอบคุณที่ข้าพระองค์สามารถเดินในความสัมพันธ์ที่รักใคร่กับพระองค์ในแต่ละวัน ขอบคุณที่พระองค์ทรงสำแดงความรักของพระองค์กับเราและเรียกเราว่าเป็นประชากรของพระองค์ ขอบคุณที่ข้าพระองค์สามารถพูดกับพระองค์ว่า ‘ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์’

เพิ่มเติมโดยพิพพา

โรม 6:12-13ข

‘เพราะฉะนั้นอย่าให้บาปครอบงำกายที่ต้องตายของท่าน…แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า’

เราสามารถติดพันกับสิ่งรบกวน ความกังวล ความกลัว ความปรารถนา และความล้มเหลวที่แทรกซึมเข้ามาและยึดเกาะไว้

ขอให้ใช้เวลาสักครู่มอบถวายชีวิตของเราให้กับพระเจ้าในวันนี้

ข้อพระคำประจำวัน

โรม 6:14ก

‘เพราะว่าท่านไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม