วัน 200

เพียงพระคุณ

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 17:15-24
พันธสัญญาใหม่ โรม 5:12-21
พันธสัญญาเดิม อาโมส 8:1-9:15

เกริ่นนำ

มีการพูดถึงว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดบนโลกไม่ใช่ประชาธิปไตยที่มีน้อยเกินไป หรือความยากจนมีมากเกินไป หรือยาต้านเชื้อเอดส์มีน้อยไป แต่ข้อเท็จจริงว่าประชากรโลก 2 ใน 3 ส่วนมีชีวิตอยู่นอกการปกป้องของกฎหมาย การปราศจากความยุติธรรมนั้นส่งผลกระทบเลวร้ายต่อคนมากมายในโลกที่ยากจน

ประเด็นหลักของความชอบธรรมและพระคุณได้หลั่งไหลออกมาทั่วทั้งพระคัมภีร์ เราไม่สามารถเข้าใจถึงพระคุณอย่างถ่องแท้ถ้าไม่ได้เข้าใจความยุติธรรม คำอธิบายหนึ่งของพระคุณคือ ‘ความรักที่ไม่สมควรได้รับ’ มีวลีที่ช่วยให้จำได้ซึ่งอธิบายถึงพระคุณ God’s Riches At Christ’s Expense (GRACE) ‘ความบริบูรณ์ของพระเจ้าผ่านการจ่ายราคาขององค์พระคริสต์’ ในวันนี้เราได้เห็นว่าพระเยซูคริสต์ทรงทำให้พระคุณมีพร้อมสำหรับคุณและผม

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 17:15-24

15บุคคลที่ตัดสินว่าคนอธรรมไม่มีความผิดและบุคคลที่ลงโทษคนชอบธรรม
ทั้งสองก็เป็นที่เกลียดชังต่อพระยาห์เวห์
16ทำไมคนโง่จึงมีเงินในมือเพื่อซื้อปัญญา
ในเมื่อเขาไม่มีใจปรารถนา?
17มิตรสหายย่อมรักกันทุกเวลา
และพี่น้องเกิดมาเพื่อช่วยกันยามทุกข์ยาก
18คนไม่มีสามัญสำนึกย่อมให้คำปฏิญาณ
และเป็นผู้ค้ำประกันต่อหน้าเพื่อนบ้านของตน
19ผู้รักการละเมิดก็รักการวิวาท
ผู้ทำประตูบ้านของตนให้สูงก็แสวงหาการทำลาย
20คนใจคดจะไม่เจริญรุ่งเรือง
และผู้ที่มีลิ้นตลบตะแลงย่อมตกอยู่ในความยากลำบาก
21ผู้ให้กำเนิดคนโง่ย่อมทุกข์โศก
และบิดาของคนโง่เขลาไม่มีความชื่นบาน
22ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี
แต่จิตใจชอกช้ำทำให้กระดูกแห้ง
23คนอธรรมรับสินบนเป็นการลับ
เพื่อผันแปรวิถีแห่งความยุติธรรม
24คนที่มีความเข้าใจย่อมจับจ้องดูปัญญา
แต่ตาของคนโง่อยู่ที่สุดปลายแผ่นดินโลก

อรรถาธิบาย

ความสำคัญอย่างมากของความยุติธรรม

ในหลายประเทศทั่วโลก คนที่ทำผิดกลับรอดตัว ส่วนมากคุกจะเต็มไปด้วยคนบริสุทธิ์ หลายคนไม่เคยแม้แต่ถูกพิจารณาคดีหรือถูกตัดสินว่ากระทำผิด ‘บุคคลที่ตัดสินว่าคนอธรรมไม่มีความผิดและบุคคลที่ลงโทษคนชอบธรรม ทั้งสองก็เป็นที่เกลียดชังต่อพระยาห์เวห์’ (ข้อ 15) ทั้งสองอย่างนี้เป็นรูปแบบของความอยุติธรรมที่เลวร้าย เป็นที่น่ารังเกียจสำหรับพระเจ้าและมีผลกระทบในแง่ลบต่อสังคม

ปัญหาที่ใหญ่ยิ่งนั้นเกิดจากการติดสินบน 'คนอธรรมรับสินบนเป็นการลับ เพื่อผันแปรวิถีแห่งความยุติธรรม’ (ข้อ 23) ทนายคนหนึ่งในประเทศที่กำลังพัฒนาบอกผมว่าถ้าคุณอยากให้คดีผ่านชั้นศาลเร็วขึ้น ซึ่งเร็วกว่าระยะเวลาปกติ ที่อยู่ประมาณ 10 ปี คุณจะต้อง ‘ช่วยทำให้ง่ายขึ้น’ นั่นเป็นภาษานุ่มนวลที่หมายถึงการติดสินบน

การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความยุติธรรมเป็นหน้าที่ที่จริงจัง ต้องทำงานอย่างหนักและอาจนำไปสู่การหมดไฟ พระธรรมสุภาษิตนั้นเต็มไปด้วยสติปัญญาที่สมดุล

สิ่งนี้ย้ำเตือนเราถึงความจำเป็นของการมีครอบครัวและเพื่อนฝูง: 'มิตรสหายก็รักกันผ่านสภาพอากาศทุกรูปแบบ และครอบครัวเกาะติดกันไว้ผ่านความทุกข์ยากทั้งหมด’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ขอให้เราทำทุกอย่างเพื่อจะหลีกเลี่ยงการโต้เถียงที่ไม่สำคัญ ‘ผู้รักการละเมิดก็รักการวิวาท’ (ข้อ 19) ความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นสามารถทำให้ครอบครัวหรือแม้แต่เพื่อนสนิทแตกแยก

ความร่าเริงก็เป็นเรื่องสำคัญ เช่นเดียวกับครอบครัวและเพื่อนๆ: 'อารมณ์ร่าเริงส่งผลดีต่อสุขภาพของเรา ความเศร้าหมองและคำตัดสินทำให้เหนื่อยไปถึงกระดูก’ (ข้อ 22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อย่าจริงจังกับตัวเองมากเกินไป เราจะต้องหัวเราะให้ตัวเองบ้าง เสียงหัวเราะเป็นเหมือนการออกกำลังกายภายใน ที่ช่วยบริหารหัวใจของเราและทำให้ใจนั้นแข็งแรง

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดสำแดงให้เราเห็นว่าพระองค์ประสงค์ให้เราทำอะไรในระดับบุคคล และในระดับคริสตจักร เพื่อนำความยุติธรรมมาสู่คนทั้งปวง โปรดช่วยให้เรารักษาความสมดุลในชีวิต และรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจัง และยังมีพื้นที่ว่างสำหรับครอบครัว เพื่อนฝูง และความสนุกสนาน
พันธสัญญาใหม่

โรม 5:12-21

อาดัมกับพระคริสต์

 12เพราะเหตุนี้ บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป 13ความจริงบาปได้มีอยู่ในโลกแล้วก่อนมีธรรมบัญญัติ แต่ที่ไหนไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่ถือว่ามีบาป 14อย่างไรก็ตาม ความตายก็ได้ครอบงำตลอดมา ตั้งแต่อาดัมจนถึงโมเสส แม้คนที่ไม่ได้ทำบาปอย่างเดียวกับการละเมิดของอาดัม ผู้ซึ่งเป็นแบบของผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง
 15แต่ของประทานแห่งพระคุณก็ไม่เหมือนการละเมิดนั้น เพราะว่าถ้าคนจำนวนมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆ เดียว มากยิ่งกว่านั้น พระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์ผู้เดียวนั้น คือพระเยซูคริสต์ ก็มีบริบูรณ์แก่คนจำนวนมาก 16และของประทานนั้นก็ไม่เหมือนกับผลซึ่งเกิดจากบาปของคนเดียวนั้น เพราะว่าการพิพากษาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการละเมิดเพียงครั้งเดียวนั้น ได้นำไปสู่การลงโทษ แต่ของประทานจากพระเจ้าภายหลังการละเมิดหลายครั้งนั้น นำไปสู่ความชอบธรรม 17เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนเดียวนั้น มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์
 18ฉะนั้นการลงโทษได้มาถึงทุกคนเพราะการละเมิดครั้งเดียวอย่างไร การกระทำอันชอบธรรมครั้งเดียว ก็นำความชอบธรรมและชีวิตมาถึงทุกคนอย่างนั้น 19เพราะว่าคนจำนวนมากเป็นคนบาป เพราะคนคนเดียวที่ไม่เชื่อฟังอย่างไร คนจำนวนมากก็เป็นคนชอบธรรม เพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังอย่างนั้น 20เมื่อมีธรรมบัญญัติ ก็ทำให้มีการละเมิดธรรมบัญญัติปรากฏมากขึ้น แต่ที่ไหนมีบาปปรากฏมากขึ้น ที่นั้นพระคุณก็จะไพบูลย์ยิ่งขึ้น 21เพื่อว่าบาปได้ครอบงำทำให้ถึงความตายอย่างไร พระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงชีวิตนิรันดร์ โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอย่างนั้น

อรรถาธิบาย

การจัดเตรียมพระคุณอย่างบริบูรณ์

คุณมองดูตัวเองอย่างไร? คุณเชื่ออะไรเกี่ยวกับตัวเอง? คุณคิดว่าพระเจ้ามองคุณอย่างไร? คุณจินตนาการว่าพระองค์รู้สึกอย่างไรกับคุณ?

พระคุณหมายความว่าพระเจ้าทรงมองว่าเราชอบธรรม ‘เป็นคนชอบธรรม’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ความชอบธรรมเป็นของประทานที่ได้มาโดยไม่เสียอะไรอันมาจากพระคุณของพระเจ้า ความบาปของเราไม่อาจเทียบได้กับการอภัยเชิงรุกที่เราเรียกว่าพระคุณได้ เมื่อเทียบความบาปกับพระคุณแล้ว พระคุณนั้นชนะอย่างง่ายดาย (ข้อ 20-21 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลตีแผ่ความอัศจรรย์ของพระคุณมากขึ้นอีก เขาวาดภาพให้เห็น 2 มิติ คือ มิติของอาดัม และมิติของพระคริสต์

โดยธรรมชาติ เปาโลบอกว่าเราทุกคนอยู่ในมิติของอาดัม ความบาป ความตาย และการแยกจากพระเจ้าเข้ามาในโลกผ่านทางอาดัม (ข้อ 12-14)

กระนั้นเปาโลยังบรรยายถึงมิติใหม่ที่พระเยซูเปิดออกโดยการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ สิ่งอัศจรรย์คือเมื่อคุณถูกย้ายจากมิติของอาดัมไปยังมิติของพระเยซู ไม่ใช่โดยการกระทำในหนทางของตนเพื่อให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า แต่เพียงแค่รับเอาของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้าที่มีให้คุณผ่านทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น

เปาโลเปรียบเทียบความตายที่มาโดยอาดัม กับชีวิตที่มาโดยพระเยซูคริสต์ ประเด็นหลักของเขาคือ ‘ของประทานแห่งพระคุณไม่เหมือนการละเมิด' (ข้อ 15) ที่สุดแล้วทั้งสองอย่างตรงข้ามกัน เพราะว่าของประทานแห่งชีวิตนั้นยิ่งใหญ่ว่าการละเมิดมากนัก

ความเหมือนเดียว คือ ทั้งสองมีผลต่อคนเป็นอันมาก การเลือกของคุณว่าจะเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังไม่ได้กระทบเพียงแค่คุณ แต่กระทบคนอื่น ๆ ด้วย เช่นเดียวกับผลแห่งบาปของอาดัม คนเป็นอันมากได้ตายไป แต่การเชื่อฟังของพระเยซู ทำให้คนเป็นอันมากสามารถเข้าถึงพระคุณซึ่งเป็นที่ซึ่งเรายืน และรับของประทานแห่งความชอบธรรมโดยไม่ต้องจ่ายราคา ของประทานที่ได้มาโดยไม่ต้องจ่ายราคานั้นต่างจากความบาป 'คำพิพากษาของบาปเดียวนั้นคือโทษประหาร แต่ของประทานจากพระเจ้าภายหลังการละเมิดหลายครั้งนั้นนำไปสู่ความชอบธรรม’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผลจากบาปของอาดัมทำให้ความตายครอบงำอยู่ แต่พระเยซูคริสต์เพียงผู้เดียวได้กลับกระบวนการเพื่อนำมาซึ่งการทำให้เป็นคนชอบธรรม เป็นของประทานที่ไม่ต้องจ่ายราคา ซึ่งทำให้คุณสามารถคงอยู่ในพระคุณของพระเจ้า แทนความตายที่ครอบงำนั้น พระองค์ทรง ‘ครองด้วยชีวิต’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

บาปของอาดัมหมายความว่าเราทุกคนได้ยืนอยู่บนแท่นแห่งการพิพากษา การกระทำที่ชอบธรรมของพระเยซูบนกางเขนทำให้พระเจ้าทรงถือว่าเราเป็นผู้ชอบธรรมและทรงประทานชีวิตแก่เราด้วย ความชอบธรรมของพระเยซูนำไปสู่ความชอบธรรมของคุณ ‘ไม่ใช่แค่ดึงเราออกจากปัญหาเท่านั้น แต่พระองค์จะพาเราไปสู่ชีวิต! เพียงคนเดียวที่ปฏิเสธพระเจ้าก็พาคนเป็นอันมากให้หลงผิดไป แต่เพียงคนเดียวยอมต่อพระเจ้าก็ทำให้คนเป็นอันมากชอบธรรม’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผ่านการตายบนไม้กางเขน พระเยซูทรงทำให้พระคุณของพระเจ้าและของประทานของพระองค์เป็นไปได้ (ข้อ 15) ผลของบาปคือการพิพากษาและการลงโทษ (ข้อ 16) หากเราพึ่งพาความยุติธรรมและความชอบธรรมเท่านั้น นั่นจะเป็นสิ่งที่เราได้รับ แต่เมื่อพระเยซูได้สิ้นพระชนม์แทนเรา เราจึงสามารถรับของประทานแห่งความชอบธรรม

พระเจ้าเพียงแค่และยังคงยกโทษให้คุณได้ มีเพียงพระคุณเท่านั้น พระเยซูทรงทำให้การจัดเตรียมพระคุณอันอุดมของพระเจ้าและของประทานแห่งการทำให้เป็นผู้ชอบธรรมนั้นเกิดขึ้น (ข้อ 17) คุณได้รับเอาความชอบธรรมอันนำมาซึ่งชีวิต (ข้อ 18) คุณ ‘เป็นคนชอบธรรม’ (ข้อ 19) คุณได้รับชีวิตนิรันดร์ผ่านทางพระเยซูคริสต์ องค์พระเจ้าของเรา (ข้อ 21)

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยพระคุณ (ข้อ 15, 17, 20-21) ยอมให้ความจริงเหล่านี้ลงลึกในหัวใจของคุณ มองดูและเชื่อตัวเองในแบบที่พระเจ้าทรงมองคุณคือชอบธรรมในสายพระเนตร อันเป็นเพราะสิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อคุณ เมื่อพระเจ้ามองดูคุณพระองค์ทรงพอพระทัยในตัวคุณ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์แทนข้าพระองค์ ขอบคุณที่ถึงแม้ว่าข้าพระองค์สมควรได้รับการพิพากษาและการลงโทษ พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์สามารถเป็นผู้ชอบธรรมและได้รับความชอบธรรมของพระเจ้าโดยพระคุณ ซึ่งเป็นของประทานที่ไม่ต้องจ่ายราคาใดๆ
พันธสัญญาเดิม

อาโมส 8:1-9:15

นิมิตที่สี่ เรื่องกระจาดผลไม้ฤดูร้อน

 1พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า นี่แน่ะ มีกระจาดผลไม้ฤดูร้อนกระจาดหนึ่ง 2และพระองค์ตรัสว่า “อาโมสเอ๋ย เจ้าเห็นอะไร?” และข้าพเจ้าทูลว่า “ผลไม้ฤดูร้อนกระจาดหนึ่งพระเจ้าข้า” แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า

“วันสิ้นสุดมาถึงอิสราเอลประชากรของเราแล้ว
 เราจะไม่อภัยโทษเขาอีก”
3พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า
 “ในวันนั้น เสียงเพลงในพระวิหารจะเป็นเสียงร่ำไห้
 จะมีศพมากมายทิ้งไว้ทุกแห่ง จุ๊ จุ๊ จงเงียบ 4เจ้าผู้เหยียบย่ำคนขัดสน
 เจ้าผู้ทำลายคนยากจนแห่งแผ่นดิน จงฟังถ้อยคำนี้
5เจ้ากล่าวว่า ‘เมื่อไรหนอ วันขึ้นค่ำจะหมดไป?
 เราจะได้ขายข้าวของเรา
เมื่อไรหนอ วันสะบาโตจะพ้นไป?
 เราจะได้เอาข้าวออกขาย
เราจะได้โกงตาชั่งและโกงเงิน
 และปรับแต่งเครื่องชั่งให้ฉ้อโกง
6เพื่อเราจะซื้อคนจนด้วยเงิน
 และซื้อคนขัดสนด้วยรองเท้าคู่เดียว
 และขายกากข้าว’ ”
7พระยาห์เวห์ผู้ซึ่งยาโคบเทิดทูน ทรงปฏิญาณโดยพระองค์เองว่า
 “เราจะไม่มีวันลืมการกระทำทุกอย่างของเขาแน่นอน
8แผ่นดินจะไม่หวั่นไหวเพราะเรื่องนี้หรือ?
 ทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นจะไม่ไว้ทุกข์หรือ?
 และแผ่นดินนั้นทั้งหมดก็ยกตัวขึ้นมาอย่างแม่น้ำไนล์
ถูกซัดไปซัดมาและยุบลงอีกเหมือนแม่น้ำไนล์แห่งอียิปต์ไม่ใช่หรือ?”
9พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า “ในวันนั้น
 เราจะทำให้ดวงอาทิตย์ตกในเวลาเที่ยงวัน
 ทำให้โลกมืดไปในเวลากลางวันแสกๆ
10เราจะให้งานเลี้ยงของเจ้าทั้งหลายกลับเป็นการไว้ทุกข์
 และให้เสียงเพลงทั้งสิ้นของเจ้าเป็นเพลงคร่ำครวญ
เราจะให้พวกเจ้าสวมผ้ากระสอบ
 และโกนศีรษะกันทุกคน
และเราจะทำให้เป็นเหมือนคนไว้ทุกข์ให้บุตรชายคนเดียวของเขา
 และวาระสุดท้ายก็จะให้เหมือนวันที่ขมขื่น”
11พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาก็มาถึง
 เมื่อเราจะส่งความกันดารมาที่แผ่นดิน
ไม่ใช่กันดารอาหาร หรือกระหายน้ำ
 แต่จะเป็นการกันดารพระวจนะของพระยาห์เวห์
12พวกเขาจะเดินโซเซจากทะเลนี้ไปทะเลโน้น
 และจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก
เขาจะวิ่งไปวิ่งมา เพื่อแสวงหาพระวจนะของพระยาห์เวห์
 แต่จะหาไม่พบ
13“ในวันนั้น สาวพรหมจารีที่งดงามและคนหนุ่ม
 จะสลบไสลเพราะความกระหาย
14บรรดาผู้ที่สาบานออกนามพระอาชิมาห์แห่งสะมาเรีย
 และกล่าวว่า ‘โอ ดานเอ๋ย พระของท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด’
และว่า ‘พระแห่งเบเออร์เชบามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด’
 เขาเหล่านี้จะล้มลง และจะลุกขึ้นไม่ได้อีกเลย”

อาโมส 9

ความพินาศของอิสราเอล

1ข้าพเจ้าเห็นองค์เจ้านายทรงยืนอยู่ข้างแท่นบูชา และพระองค์ตรัสว่า

 จงตีที่หัวเสาเพื่อให้ธรณีประตูหวั่นไหว
และจงหักมันเป็นชิ้นๆ ให้ตกใส่ศีรษะของประชาชนทั้งหมด
 คนที่ยังเหลืออยู่ เราจะสังหารเสียด้วยดาบ
จะไม่มีใครหนีไปได้เลย
 จะไม่รอดไปได้สักคนเดียว
2“แม้ว่าเขาจะขุดไปถึงแดนคนตาย
 มือของเราจะจับเขาขึ้นมาจากที่นั่น
แม้ว่าเขาจะปีนไปถึงฟ้าสวรรค์
 เราจะดึงเขาลงมาจากที่นั่น
3แม้ว่าเขาจะซ่อนตัวที่ยอดเขาคารเมล
 เราจะค้นหาเขาที่นั่น แล้วจับเขามา
แม้ว่าเขาจะหลบซ่อนที่ก้นทะเลให้พ้นตาเรา
 เราจะบัญชางูที่นั่นและมันจะกัดเขา
4แม้ว่าเขาจะตกเป็นเชลยต่อหน้าศัตรู
 เราจะบัญชาดาบที่นั่นและมันจะฆ่าเขาเสีย
เราจะจ้องมองเขาอยู่
 เป็นการมองร้าย ไม่ใช่มองดี”
5พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพ
 พระองค์ผู้ทรงแตะต้องแผ่นดินโลกและมันก็ละลายไป
 และทุกคนที่อาศัยในนั้นก็ไว้ทุกข์
และแผ่นดินนั้นทั้งหมดก็ยกตัวขึ้นมาอย่างแม่น้ำไนล์
 และยุบลงอีก เหมือนแม่น้ำไนล์แห่งอียิปต์
6ผู้ทรงสร้างห้องชั้นบนไว้ในสวรรค์
 และตั้งฟ้าครอบไว้ที่พื้นโลก
ผู้ทรงเรียกน้ำทะเลมา
 แล้วเทน้ำนั้นบนพื้นโลก
 พระนามของพระองค์คือ พระยาห์เวห์
7พระยาห์เวห์ตรัสว่า “โอ คนอิสราเอลเอ๋ย
 สำหรับเรา เจ้าเป็นเหมือนคนคูชไม่ใช่หรือ?
เราได้พาอิสราเอลขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ไม่ใช่หรือ?
 และพาคนฟีลิสเตียมาจากคัฟโทร์หมายถึงเกาะครีตไม่ใช่หรือ?
 และพาคนซีเรียมาจากคีร์ไม่ใช่หรือ?
8นี่แน่ะ พระเนตรของพระยาห์เวห์องค์เจ้านายจับอยู่ที่อาณาจักรอันบาปหนา
 และเราจะทำลายมันเสียจากพื้นโลก
แต่เราจะไม่ทำลายพงศ์พันธุ์ยาโคบให้สิ้นทีเดียว”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
9“เพราะว่า นี่แน่ะ เราจะบัญชา
 และเขย่าพงศ์พันธุ์อิสราเอลท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย
อย่างกับเขย่าตะแกรง
 แต่ไม่มีหินสักก้อนเดียวที่ตกลงถึงดิน
10คนบาปทั้งปวงในประชากรของเราจะตายด้วยดาบ
 คือผู้ที่กล่าวว่า ‘หายนะจะตามไม่ทัน และจะไม่พบเรา’
 การฟื้นฟูราชอาณาจักรของดาวิด
11“ในวันนั้น เราจะยกเรือนของดาวิดที่ล้มลงแล้วนั้น ตั้งขึ้นใหม่
 และซ่อมส่วนต่างๆ ที่ชำรุด
และยกที่ปรักหักพังขึ้น
 และสร้างใหม่อย่างในสมัยโบราณ
12เพื่ออิสราเอลจะได้ยึดกรรมสิทธิ์คนที่เหลืออยู่ของเอโดม
 และของประชาชาติทั้งสิ้นซึ่งเขาเรียกด้วยนามของเรา”
 พระยาห์เวห์ผู้ทรงทำการนี้ตรัสดังนี้แหละ
13พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง
 เมื่อคนที่ไถจะทันคนที่เกี่ยว
และคนที่ย่ำผลองุ่นจะทันคนที่หว่านเมล็ดองุ่น
 จะมีน้ำองุ่นหยดจากภูเขา
เนินเขาทั้งสิ้นจะมีน้ำองุ่นไหลลงมา
14เราจะให้อิสราเอลประชากรของเรากลับสู่สภาพเดิม
 เขาจะสร้างเมืองที่พังนั้นขึ้นใหม่และเข้าอาศัยอยู่
เขาจะปลูกสวนองุ่นและดื่มเหล้าองุ่นนั้น
 เขาจะทำสวนผลไม้และรับประทานผลของมัน
15เราจะปลูกเขาไว้ในแผ่นดินของเขา
 เขาจะไม่ถูกถอนออกไปจากแผ่นดินซึ่งเราได้มอบให้แก่เขาอีกเลย”
 พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนี้แหละ

อรรถาธิบาย

ความยุติธรรมและพระคุณของพระเจ้า

อีกครั้งที่อาโมสกล่าวต่อต้านความอยุติธรรม:

‘จงฟัง เจ้าผู้ปฏิบัติไม่ดีกับคนอ่อนแอ
 ผู้ทำกับคนยากจนเหมือนเขาไร้ค่า
เจ้าพูดว่า “ค่าจ้างของข้าจะมาเมื่อใด
 เพื่อข้าจะออกไปใช้เงิน?”
สุดสัปดาห์จะมาถึงเมื่อใด
 เมื่อใดข้าจะได้ออกไปสนุกสนาน?”
เจ้าผู้ให้ไปน้อยนิดและรับมามาก
 และไม่เคยทำงานอย่างสัตย์ซื่อ
เจ้าขูดรีดจากคนยากจนและใช้งานพวกเขา
 เมื่อใช้จนพอแล้ว เจ้าก็ทอดทิ้งพวกเขา’ (ข้อ 8:4-6 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

สถานภาพของคนในสมัยนั้นไม่แตกต่างจากสถานภาพของคนในสังคมของเราในปัจจุบัน ผู้คนกำลังล้มตายเพราะความหิวโหยในฝ่ายวิญญาณ เกิด ‘การกันดารพระวจนะของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 11) ผู้คนกำลังแสวงหา พวกเขาลองยาเสพติด แอลกอฮอล์ เซ็กส์ หรืออำนาจ ทั้งหมดนี้เป็นการพยายามที่จะเต็มเติมความหิวในส่วนลึกนั้น แต่พวกเขากลับไม่พบอาหารฝ่ายวิญญาณ (ข้อ 12)

จุดประสงค์ของกฎแห่งพันธสัญญาคือการปกป้องคนที่ด้อยโอกาส แต่เหมือนในปัจจุบันนี้ คนยากจนมักจะไม่ได้รับความยุติธรรม พวกเขาถูกย่ำยี พวกเขาถูกโกง พระเจ้าทรงเกลียดชังความไม่ซื่อสัตย์เพราะพระองค์ทรงรักเราและทรงรักคนยากจน ความอยุติธรรมและความไม่ซื่อสัตย์เป็นแก่นของความบาปของอิสราเอล เพราะสิ่งทั้งปวงนี้อาโมสกล่าวว่า ‘วันพิพากษากำลังจะมา!’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อิสราเอลจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย (ข้อ 9:1–10)

ถึงกระนั้น พระธรรมอาโมสไม่ได้จบลงแบบนี้ แต่จบลงด้วยพระสัญญาของการรื้อฟื้น ‘เราจะรื้อฟื้นบ้านของดาวิดที่ล้มลง ... ทุกอย่างจะเกิดในเวลาเดียวกัน และทุกหนแห่งที่เจ้ามองไปคือพระพร พรดั่งเหล้าองุ่นที่ไหลลงมาจากภูเขาและหุบเขา เราจะทำให้ทุกสิ่งกลับสู่สภาพดีอีกครั้งสำหรับอิสราเอล ประชากรของเรา:

พวกเขาจะสร้างเมืองปรักหักพังขึ้นใหม่

พวกเขาจะปลูกสวนองุ่นและดื่มไวน์คุณภาพดี

พวกเขาจะทำงานในสวนของเขาและกินผักผลไม้สด

และพวกเขาจะปลูกมันในดินแดนที่เป็นของพวกเขาเอง

พวกเขาจะไม่ถูกกำจัดไปจากดินแดนที่เรามอบให้พวกเขาอีกเลย’
(ข้อ 11-15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อนาคตในตอนท้ายของประชากรของพระเจ้านั้นเป็นมากกว่าความฝันที่เราอยากให้เป็นจริง แม้แต่ความบาป และความอยุติธรรมก็ไม่สามารถทำให้แผนการแห่งพระพรของพระเจ้าตกหล่นไป นี่เป็นพลังเดียวกับที่เราเห็นในข้อพระคัมภีร์จากพันธสัญญาเดิม พระคุณและพระเมตตาของพระเจ้านั้นมีน้ำหนักกว่าบาปของเรา ท้ายที่สุดแล้วพระเยซูทรงทำให้เป็นไปได้ที่ทั้งความยุติธรรม และการยกโทษเกิดขึ้นพร้อมกัน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรมและพระคุณ ขอบคุณที่เราได้เห็นการคลืบคลานเข้ามาของอนาคตนี้ในเวลานี้ผ่านการเทลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอให้ความยุติธรรมนั้นมีชัย ขอให้เหล้าองุ่นใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และธารพระคุณอันยิ่งใหญ่ได้ไหลลงมาจากหุบเขา

เพิ่มเติมโดยพิพพา

โรม 5:20ข

‘ที่ไหนมีบาปปรากฏมากขึ้น ที่นั้นพระคุณก็จะไพบูลย์ยิ่งขึ้น’

พระคัมภีร์ตอนนี้ในฉบับ The Message แปลไว้ว่า ‘ความบาปของเราไม่อาจเทียบได้กับการอภัยเชิงรุกที่เราเรียกว่าพระคุณได้’ ฉันคิดว่านั่นเป็นสาเหตุที่ ทำไมบ่อยครั้งในเรือนจำเราพบกับความเชื่อ ความรัก และพบชีวิตที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมากมาย เพราะที่ใดยิ่งมืด แสงของพระเจ้ายิ่งส่องสว่าง

ข้อพระคำประจำวัน

สุภาษิต 17:17ก

‘มิตรสหายย่อมรักกันทุกเวลา’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เปลี่ยนภาษา

พระคัมภีร์ในหนึ่งปีมีให้บริการในภาษาต่อไปนี้:

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม