วัน 184

พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคุณ

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 16:8-17
พันธสัญญาใหม่ กิจการอัครทูต 22:22-23:11
พันธสัญญาเดิม 2 พงศ์กษัตริย์ 6:24-8:15

เกริ่นนำ

ผมเข้าฝึกหัดเพื่อเป็นทนายความและทำงานด้านกฎหมาย จากนั้น…ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1981 ผมและพิพพา รู้สึกว่าพระเจ้ากำลังเรียกเราให้ทำพันธกิจเต็มเวลาที่เชิร์ชออฟอิงแลนด์และสำหรับผม ให้เป็นผู้รับใช้ที่ได้รับการแต่งตั้ง พวกเรายังรู้สึกว่าเราควรเข้าฝึกอบรมในเดอรัม โดยเริ่มในเดือนกันยายน ค.ศ. 1982 ผมอยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายชื่อสำรองของวิทยาลัยศาสนศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเดอรัม มีคนบอกผมว่ามีคนหนึ่งกำลังจะลาออกและรับประกันได้ว่า สุดท้ายผมจะมีสิทธิ์เข้าเรียน จากข้อมูลที่ได้นี้ ผมจึงได้ประกาศแผนงานของเราออกไป รวมถึงการบอกเพื่อนร่วมงานทุกคนในที่ทำงานว่าผมกำลังจะลาออก

เพียงไม่นาน ก่อนที่ผมควรจะได้เริ่มเรียน เราก็ได้ข่าวว่าไม่มีใครลาออกจากวิทยาลัยในปีนั้น และเราจึงไม่สามารถไปเรียนได้ เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อชี้ให้พวกเขาเปลี่ยนใจ เราพยายามอย่างยิ่งที่จะหาวิทยาลัยด้านศาสนศาสตร์ที่อื่น ๆ ที่จะรับเราเข้าเรียน เราอธิษฐานและดึงดันสุดกำลังแต่กลับไม่เป็นผล ประตูถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา

ปีต่อมาจึงเป็นปีที่ยากมาก ผมได้รับงานน้อยมากจากที่ทำงานของผม เนื่องจากผู้คนรู้ว่าผมกำลังจะลาออกและดังนั้นนั่นจึงไม่มีแรงจูงใจที่จะสร้างอาชีพ นั่นถือเป็นความผิดหวังและสับสนครั้งใหญ่ในเวลานั้น

ในท้ายที่สุด ผมและพิพพาก็ไปที่อ็อกซ์ฟอร์ดเพื่อเรียนต่อในปีต่อมา และในที่สุด ผมก็เริ่มทำงานเป็นผู้ช่วยศิษยาภิบาลที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตัน ในปี ค.ศ. 1986 เมื่อมองย้อนกลับไป ถ้าเราได้เข้าเรียนที่เดอรัม นั่นหมายความว่างานที่คริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตัน จะไม่ว่างและเราจะไม่สามารถทำในสิ่งที่เราทำในทุกวันนี้ได้ ผมรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ขัดขวางแผนการของเราและนำย่างก้าวของเราอย่างมียุทธวิธี

หากคุณกำลังเผชิญกับความพ่ายแพ้หรือความผิดหวัง จงจำไว้ว่าจุดประสงค์ของพระองค์สำหรับคุณนั้น ‘ดี ชอบพระทัยและดียอดเยี่ยม’ (โรม 12:2) ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้า พระเจ้าทรงควบคุมอยู่ และพระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งให้เกิดผลดี (8:28)

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 16:8-17

8มีเล็กน้อยพร้อมกับมีความชอบธรรม
 ก็ดีกว่ามีรายได้มากพร้อมกับความอยุติธรรม
9ใจของมนุษย์กะแผนงานทางของเขา
 แต่พระยาห์เวห์ทรงนำย่างเท้าของเขา
10คำที่มีสิทธิอำนาจอยู่ที่ไพรพระโอษฐ์ของพระราชา
 พระโอษฐ์ของพระองค์ซื่อตรงในการพิพากษา
11ตราชูและตาชั่งเที่ยงตรงเป็นของพระยาห์เวห์
 ตุ้มน้ำหนักทั้งสิ้นในถุงเป็นพระราชกิจของพระองค์
12พระราชาทรงเกลียดชังการทำชั่ว
 เพราะว่าพระที่นั่งนั้นถูกสถาปนาไว้ด้วยความชอบธรรม
13พระราชาทรงโปรดปรานปากที่ชอบธรรม
 และผู้ที่พูดตรงไปตรงมานั้นพระองค์ทรงรัก
14พระพิโรธของพระราชาเป็นทูตแห่งความมรณา
 แต่คนมีปัญญาจะระงับพระพิโรธนั้น
15ชีวิตมีอยู่ในความสว่างแห่งพระพักตร์พระราชา
 และความโปรดปรานของพระองค์เป็นเหมือนเมฆฝนปลายฤดู
16ได้ปัญญาก็ดีกว่าได้ทองคำสักเท่าใด
 และได้ความรอบรู้ก็น่าปรารถนากว่าได้เงิน
17ทางหลวงของคนเที่ยงธรรมเบี่ยงเบนออกจากความชั่วร้าย
 คนที่ระแวดระวังทางของตนก็รักษาชีวิตของตนไว้

อรรถาธิบาย

พระเจ้านำย่างเท้าของคุณผ่านแผนการของมนุษย์

เป็นสิ่งถูกต้องที่จะวางแผน อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องทำด้วยความถ่อมใจ โดยตระหนักว่าแผนของเราจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อ ‘ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด’ (ยากอบ 4:13–15) ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตกล่าวว่า ‘ใจของมนุษย์กะแผนงานทางของเขา แต่พระยาห์เวห์ทรงนำย่างเท้าของเขา’ (สุภาษิต 16:9)

บางครั้งเราจัดเรียงแผนการของเราให้สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้า แต่ในบางครั้ง จากประสบการณ์ของผม พระเจ้าลบล้างแผนการของเรา เราควรจำไว้เสมอว่าเราอาจจะเข้าใจผิด และในท้ายที่สุด เราจะขอบคุณ ที่พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดย่างเท้าของเรา

พระเจ้ามักจะกระทำตามจุดประสงค์ของพระองค์ผ่านการเป็นผู้นำที่ดี ผู้นำที่ดีนั้นสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่น (ข้อ 10) พวกเขาไม่ได้ตัดสินใจโดยขึ้นอยู่กับสิ่งที่เป็นที่นิยม ‘การเป็นผู้นำที่ดีมีพื้นฐานด้านศีลธรรม’ (ข้อ 12ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาปลูกฝังสภาพแวดล้อมของความโปร่งใส ‘ผู้นำที่ดีปลูกฝังคำพูดที่จริงใจ ซื่อสัตย์ พวกเขาชื่นชอบที่ปรึกษาที่บอกความจริงแก่พวกเขา’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขา ‘เป็นพลัง มีชีวิตชีวา เป็นเหมือนฝนที่ให้ความชุ่มชื่นละแสงแดดสดใส’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ขอบคุณพระเจ้า ที่แม้ข้าพระองค์จะวางแผนการไว้ในใจ แต่ท้ายที่สุดพระองค์เป็นผู้กำหนดย่างเท้าของลูก
พันธสัญญาใหม่

กิจการอัครทูต 22:22-23:11

เปาโลกับนายพันชาวโรมัน

 22พวกเขาฟังเปาโลกล่าวมาถึงตอนนี้ ก็ร้องเสียงดังว่า “คนแบบนี้อยู่หนักแผ่นดิน มันไม่ควรมีชีวิตอยู่” 23ขณะที่เขาทั้งหลายกำลังโห่ร้อง โยนเสื้อผ้าลงแสดงถึงความโกรธแค้นต่อการหมิ่นประมาทพระเจ้า และเอาผงคลีดินซัดขึ้นไปในอากาศ 24นายพันสั่งให้พาเปาโลเข้าไปในกรมทหาร และสั่งให้ไต่สวนโดยการเฆี่ยน เพื่อจะรู้ว่าพวกเขาร้องปรักปรำท่านเพราะเหตุใด 25เมื่อพวกเขาเอาเชือกหนังมัดเปาโล ท่านจึงถามนายร้อยซึ่งยืนอยู่ที่นั่นว่า “การเฆี่ยนคนสัญชาติโรมันก่อนตัดสินโทษนั้น ถูกต้องตามกฎหมายหรือ?” 26เมื่อนายร้อยได้ยินจึงไปบอกนายพันว่า “ท่านกำลังจะทำอะไร? คนนั้นถือสัญชาติโรมัน” 27นายพันจึงไปหาเปาโลถามว่า “เจ้าถือสัญชาติโรมันหรือ? จงบอกข้าซิ” เปาโลตอบว่า “ใช่แล้ว” 28นายพันจึงกล่าวว่า “ข้าต้องเสียเงินมากมายกว่าจะได้สัญชาตินี้มา” เปาโลจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนสัญชาติโรมันโดยกำเนิด” 29พวกที่กำลังจะไต่สวนเปาโลจึงผละจากท่านไปทันที และเมื่อนายพันทราบว่า เปาโลเป็นคนสัญชาติโรมันก็ตกใจกลัว เพราะได้มัดท่านไว้

เปาโลต่อหน้าสภายิว

 30วันรุ่งขึ้นนายพันอยากรู้ว่าพวกยิวกล่าวหาเปาโลเรื่องอะไร จึงปล่อยตัวเปาโล และสั่งให้พวกหัวหน้าปุโรหิตกับบรรดาสมาชิกสภาประชุมกัน แล้วพาเปาโลลงไปให้ยืนอยู่หน้าที่ประชุม

กิจการ 23

 1เปาโลจึงเพ่งดูบรรดาสมาชิกสภาแล้วกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าประพฤติเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าด้วยมโนธรรมที่ดีตราบจนถึงทุกวันนี้” 2อานาเนียผู้เป็นมหาปุโรหิตจึงสั่งคนที่ยืนอยู่ใกล้ให้ตบปากเปาโล 3เปาโลจึงกล่าวกับท่านว่า “พระเจ้าจะทรงตบท่าน ผู้เป็นผนังที่ฉาบด้วยปูนขาว ท่านนั่งพิพากษาข้าตามธรรมบัญญัติ และยังสั่งให้เขาตบข้าซึ่งเป็นการผิดธรรมบัญญัติหรือ?” 4คนทั้งหลายที่ยืนอยู่ที่นั่นจึงกล่าวว่า “เจ้ากล้าพูดจาดูหมิ่นมหาปุโรหิตของพระเจ้าหรือ?” 5เปาโลจึงตอบว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านเป็นมหาปุโรหิต เพราะมีคำเขียนไว้ว่า ‘อย่าพูดหยาบช้าต่อผู้ปกครองพลเมือง’ ”  6เมื่อเปาโลเห็นว่าคนที่อยู่ในที่ประชุมสภานั้นส่วนหนึ่งเป็นพวกสะดูสีและอีกส่วนหนึ่งเป็นพวกฟาริสี ท่านจึงพูดเสียงดังต่อหน้าที่ประชุมว่า “นี่แน่ะ พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นพวกฟาริสี และเป็นบุตรของฟาริสี ที่ข้าพเจ้าถูกไต่สวนเพราะมีความหวังในเรื่องการเป็นขึ้นจากความตาย” 7เมื่อท่านกล่าวอย่างนั้นแล้ว พวกฟาริสีกับพวกสะดูสีก็เกิดความขัดแย้ง และที่ประชุมก็แตกเป็นสองพวก 8(เพราะพวกสะดูสีเชื่อว่าการเป็นขึ้นจากตายนั้นไม่มี และทูตสวรรค์หรือวิญญาณก็ไม่มี แต่พวกฟาริสีเชื่อว่ามีทั้งนั้น) 9แล้วก็เกิดความอึกทึกโกลาหล ธรรมาจารย์บางคนที่อยู่ฝ่ายฟาริสีลุกขึ้นเถียงว่า “เราไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิด ถ้าวิญญาณก็ดีหรือทูตสวรรค์ก็ดีพูดกับเขา พวกท่านจะว่าอย่างไร?” 10เมื่อความขัดแย้งรุนแรงขึ้น นายพันเกรงว่าเปาโลจะถูกพวกเขาฉีกเป็นชิ้นๆ ท่านจึงสั่งพวกทหารให้ลงไปนำตัวเปาโลมาจากพวกนั้นแล้วพาเข้าไปในกรมทหาร
 11ในคืนวันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมายืนอยู่ข้างเปาโลตรัสว่า “เจ้าจงมีใจกล้า เพราะว่าเจ้าเป็นพยานให้เราในกรุงเยรูซาเล็มอย่างไร เจ้าจะต้องเป็นพยานในกรุงโรมอย่างนั้น”

อรรถาธิบาย

พระเจ้าทรงนำย่างเท้าของคุณ แม้มนุษย์จะต่อต้าน

คุณรู้สึกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของคุณหรือไม่? คุณกำลังเผชิญปัญหาและการต่อต้านหรืออยู่ในสภาวะวิกฤตหรือไม่? มีแผนใด ๆ ที่ต่อต้านคุณอยู่หรือไม่?

มีแผนการบางอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ สิ่งเหล่านี้มีผลกับพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างไรบ้าง?

1. ฝูงชน ฝูงชนร้องเสียงดังว่า ‘คนแบบนี้อยู่หนักแผ่นดิน’ พวกเขาวางแผนที่จะกำจัดอาจารย์เปาโล (22:22) แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้เปาโลเผชิญความยากลำบาก แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวเพราะแผนการของพวกเขาขัดกับพระประสงค์ของพระเจ้า

2. นายพัน
‘นายพัน' ผู้มีอำนาจทางทหารคนหนึ่ง วางแผนที่จะเฆี่ยนตีเปาโล (ข้อ 24) แล้วเปาโลถูกนำตัวไปที่ห้องทรมานนักโทษ แต่แผนการนั้นก็ล้มเหลวเพราะการเฆี่ยนตีคนสัญชาติโรมันก่อนที่จะถูกตัดสินว่ามีความผิดนั้นถือว่าผิดกฎหมาย และนายพันไม่ได้ล่วงรู้ว่าเปาโลมีสัญชาติโรมัน

3. สภา
ผู้นำทางความเชื่อ คือ สภาแซนเฮดริน วางแผนที่จะสังหารอาจารย์เปาโล (23:12) เขาถูกนำตัวมาที่ประชุมสภาและยืนต่อหน้าที่ประชุม (22:30) และกล่าวถึงความบริสุทธิ์ของตน ‘อานาเนียผู้เป็นมหาปุโรหิตจึงสั่งคนที่ยืนอยู่ใกล้ให้ตบปากเปาโล’ (23:2) คำตอบของอาจารย์เปาโลคือ ‘พระเจ้าจะทรงตบท่าน ผู้เป็นผนังที่ฉาบด้วยปูนขาว!’ (ข้อ 3)

จากนั้นเปาโลก็จัดการแบ่งแยกที่ประชุม (ข้อ 7–8) ซึ่งประกอบไปด้วยพวกฟาริสี (ผู้ซึ่งเชื่อในการฟื้นคืนชีพของคนตาย) และสะดูสี (ผู้ที่ไม่เชื่อ) เปาโลตัดสินใจ ‘ใช้ประโยชน์จากความเห็นที่ต่างกันของพวกเขา’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อันที่จริงแล้วเปาโลกล่าวว่า ‘นี่แน่ะ พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นพวกฟาริสีและเป็นบุตรของฟาริสี ที่ข้าพเจ้าถูกไต่สวนเพราะมีความหวังในเรื่องการเป็นขึ้นจากความตาย’ (ข้อ 6)

4. วิกฤต
ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ เปาโลพยายามทำให้แผนของท่านสอดคล้องกับแผนการของพระเจ้า ท่านได้รับการชี้นำจากพระเจ้าท่านตัดสินใจโดยพระวิญญาณว่าจะไปกรุงเยรูซาเล็มแล้วไปยังกรุงโรม (19:21) แม้ว่าจะประสบวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม

เปาโลอาจสงสัยว่าท่านพลาดจากพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่ แต่ในท่ามกลาง “วิกฤต” นี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ยืนใกล้ ๆ เปาโลและตรัสว่า ‘เจ้าจงมีใจกล้า! เพราะว่าเจ้าเป็นพยานให้เราในกรุงเยรูซาเล็มอย่างไร เจ้าจะต้องเป็นพยานในกรุงโรมอย่างนั้น’ (23:11)

เช่นเดียวกันกับเปาโล พระเจ้าจะทรงนำย่างเท้าของคุณอย่างมียุทธวิธี การครอบครองสูงสุดของพระเจ้ามีหมายความว่าเราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลลัพธ์ขั้นสุดท้ายที่จะเกิดขึ้น พระเจ้าทรงควบคุมไว้ทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าในขณะนั้นอาจไม่ง่ายเสมอไปที่จะมองเห็นได้

จุดประสงค์ของพระเจ้า คือ คุณควรเป็นพยานเช่นเดียวกับเปาโล ในทุกที่ที่คุณไป จงเป็นพยาน เมื่อมีเวลาที่เหมาะสม จงเล่าคำพยานชีวิตของคุณ แม้ในขณะที่คุณไม่ได้พูด ชีวิตของคุณก็เป็นพยานได้ อย่ารีรอให้ทุกอย่างพร้อม อันที่จริงแล้ว ในยามยากลำบาก บางครั้งคำพยานของคุณก็มีพลังมากที่สุด

คำอธิษฐาน

องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงประทานความกล้าหาญแบบเดียวกันกับที่ทรงประทานแก่อัครสาวกเปาโลเพื่อให้ข้าพระองค์เป็นพยานถึงเรื่องพระองค์ในทุกที่ที่ข้าพระองค์ไป
พันธสัญญาเดิม

2 พงศ์กษัตริย์ 6:24-8:15

เบนฮาดัดล้อมกรุงสะมาเรีย

 24ต่อมาภายหลัง เบนฮาดัดพระราชาแห่งซีเรียทรงจัดกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ แล้วได้เสด็จขึ้นไปล้อมกรุงสะมาเรีย 25มีการกันดารอาหารอย่างหนักในสะมาเรีย ขณะเมื่อเขาล้อมอยู่จนหัวลาตัวหนึ่งเขาขายกัน เป็นเงิน 80 เชเขลหนักประมาณ 920 กรัม และแห้วครึ่งลิตรเป็นเงิน 5 เชเขลหนักประมาณ 55 กรัม 26ขณะที่พระราชาแห่งอิสราเอลทรงผ่านไปบนกำแพง มีผู้หญิงคนหนึ่งร้องทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาท ขอทรงช่วยเถิด” 27พระองค์ตรัสว่า “ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ทรงช่วยเจ้า เราจะเอาความช่วยเหลือจากที่ไหนมาให้เจ้า? จากลานนวดข้าวหรือจากบ่อย่ำองุ่นหรือ?” 28แต่พระราชาตรัสถามนางว่า “เจ้ามีเรื่องอะไร?” นางทูลตอบว่า “หญิงคนนี้บอกข้าพระบาทว่า ‘เอาลูกของเจ้ามาให้พวกเรากินวันนี้เถิด และพวกเราจะกินลูกของฉันวันพรุ่งนี้’ 29เราจึงต้มลูกของข้าพระบาทและกิน และรุ่งขึ้นข้าพระบาทก็พูดกับนางว่า ‘เอาลูกของเจ้ามา เพื่อพวกเราจะกินกัน และนางก็ซ่อนลูกของนางเสีย’ ” 30และเมื่อพระราชาทรงได้ยินถ้อยคำของหญิงนั้น พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์ (พระองค์กำลังทรงดำเนินอยู่บนกำแพง) ประชาชนก็มองและเห็นพระองค์ทรงฉลองพระองค์ผ้ากระสอบเป็นสัญลักษณ์ของการไว้ทุกข์อยู่แนบเนื้อ 31และพระองค์ตรัสว่า “ถ้าศีรษะของเอลีชาบุตรชาฟัทยังอยู่บนบ่าของเขาในวันนี้ ก็ขอพระเจ้าทรงลงโทษเราและยิ่งหนักกว่า”
 32แต่เอลีชานั่งอยู่ในบ้านของท่าน และพวกผู้ใหญ่ก็นั่งอยู่ด้วย พระราชาทรงใช้คนจากราชสำนัก แต่ก่อนที่ผู้สื่อสารจะมาถึง เอลีชาก็พูดกับพวกผู้ใหญ่ว่า “ท่านทั้งหลายเห็นหรือไม่ว่า ฆาตกรคนนี้ใช้คนมาเอาศีรษะของเรา ดูสิ เมื่อผู้สื่อสารมา จงปิดประตู และยึดประตูให้แน่น กันเขาไว้ เสียงเท้าของนายของเขาตามเขามาไม่ใช่หรือ?” 33ขณะที่ท่านยังพูดกับเขาทั้งหลายอยู่ ดูสิ พระราชาเสด็จลงมาหาท่านและตรัสว่า “เหตุร้ายนี้มาจากพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะรอคอยพระยาห์เวห์อีกทำไม?”

2 พงศ์กษัตริย์ 7

 1แต่เอลีชาทูลว่า “ขอฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า พรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ แป้งอย่างดีถังหนึ่งเขาจะขายกันหนึ่งเชเขล และข้าวบาร์เลย์สองถังหนึ่งเชเขลที่ประตูเมืองสะมาเรีย” 2แล้วนายทหารคนสนิทของพระราชาตอบคนของพระเจ้าว่า “ถ้าแม้พระยาห์เวห์ทรงสร้างหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้หรือ?” แต่เอลีชาบอกว่า “ดูสิ ท่านจะเห็นกับตาของท่านเอง แต่จะไม่ได้กิน”

พวกซีเรียหนี

 3มีคนโรคเรื้อนสี่คนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง พวกเขาพูดกันว่า “เราจะนั่งที่นี่จนตายทำไมเล่า? 4ถ้าเราพูดว่า ‘ให้เราเข้าไปในเมือง’ การกันดารอาหารก็อยู่ในเมือง และเราก็จะตายที่นั่น และถ้าเรานั่งที่นี่เราก็ตายเหมือนกัน ฉะนั้นจงมาเถิด ให้เราเข้าไปในค่ายของคนซีเรีย ถ้าเขาไว้ชีวิตของเรา เราก็จะรอดตาย ถ้าเขาฆ่าเรา ก็ได้แต่ตายเท่านั้นเอง” 5ดังนั้นพวกเขาจึงลุกขึ้นในเวลาโพล้เพล้ เพื่อจะไปยังค่ายของคนซีเรีย แต่เมื่อเขามาถึงริมค่ายของคนซีเรียแล้ว ดูสิ ไม่มีใครที่นั่นสักคน 6เพราะองค์เจ้านายหมายถึง พระเจ้าได้ทรงทำให้กองทัพของคนซีเรียได้ยินเสียงรถรบ เสียงม้า และเสียงกองทัพใหญ่ เขาจึงพูดกันว่า “ดูสิ พระราชาแห่งอิสราเอลได้จ้างบรรดาพระราชาแห่งคนฮิตไทต์ และบรรดาพระราชาแห่งอียิปต์มารบกับเราแล้ว” 7เขาจึงลุกขึ้นหนีไปในเวลาโพล้เพล้ และทิ้งเต็นท์ ม้า และลาของเขา ทิ้งค่ายไว้อย่างนั้นเอง และหนีเอาชีวิตรอด 8เมื่อคนโรคเรื้อนเหล่านี้มาถึงริมค่าย เขาก็เข้าไปในเต็นท์หนึ่ง กินและดื่ม และขนเงิน ทองคำ และเสื้อผ้าจากที่นั่นเอาไปซ่อนไว้ แล้วเขาก็กลับมาเข้าไปในอีกเต็นท์หนึ่ง ขนเอาข้าวของออกไปจากที่นั่นด้วยเอาไปซ่อนไว้
 9แล้วเขาพูดกันว่า “เราทำไม่ถูกเสียแล้ว วันนี้เป็นวันข่าวดี ถ้าเรานิ่งอยู่ และคอยจนแสงอรุณขึ้น โทษจะตกอยู่กับเรา เพราะฉะนั้น มาเถิด ให้เราไปบอกสำนักพระราชวัง” 10พวกเขาจึงมาเรียกนายประตูเมือง และบอกเรื่องราวแก่เขาทั้งหลายว่า “เราได้ไปค่ายของคนซีเรีย และดูสิ เราไม่เห็นใครและไม่ได้ยินเสียงใครที่นั่น มีแต่ม้าผูกอยู่ และลาผูกอยู่ และเต็นท์ตั้งอยู่อย่างนั้นเอง” 11แล้วบรรดานายประตูก็ตะโกนบอกไป และพวกเขาก็บอกกันไปถึงสำนักพระราชวัง 12พระราชาตื่นบรรทมตอนกลางคืน และตรัสกับข้าราชการว่า “เราจะบอกให้ว่าคนซีเรียเตรียมสู้รบกับเราอย่างไร? เขาทั้งหลายรู้ว่าเราหิว เขาจึงออกนอกค่ายไปซ่อนตัวที่กลางทุ่งคิดว่า ‘เมื่ออิสราเอลออกจากเมือง เราจะจับเขาทั้งเป็น แล้วจะเข้าไปในเมือง’ ” 13และข้าราชการคนหนึ่งทูลว่า “ขอรับสั่งให้คนเอาม้าที่เหลืออยู่ในเมืองสักห้าตัว แล้วส่งออกไปและสังเกตดู นี่แน่ะ บางทีม้าเหล่านั้นจะยังเป็นอยู่อย่างคนอิสราเอลที่เหลืออยู่ในเมือง หรือจะเป็นอย่างคนอิสราเอลที่ได้พินาศแล้วก็ช่างเถิด” 14พวกเขาจึงเอารถรบสองคันพร้อมกับม้า และพระราชาทรงส่งให้ไปติดตามกองทัพของคนซีเรีย ตรัสว่า “จงไปดู” 15เขาทั้งหลายจึงติดตามไปจนถึงแม่น้ำจอร์แดน และนี่แน่ะ ตลอดทางมีเสื้อผ้าและเครื่องใช้ซึ่งคนซีเรียทิ้ง เมื่อเขารีบหนีไป ผู้สื่อสารก็กลับมาทูลกษัตริย์  16แล้วประชาชนก็ยกออกไปปล้นค่ายของคนซีเรีย แป้งอย่างดีจึงขายกันถังละเชเขล และข้าวบาร์เลย์สองถังหนึ่งเชเขล ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ 17ส่วนพระราชาทรงแต่งตั้งนายทหารคนสนิทให้ไปเฝ้าดูแลประตูเมือง และประชาชนก็เหยียบไปบนเขาตรงประตู เขาจึงสิ้นชีวิตตามที่คนของพระเจ้าได้กล่าวไว้ เมื่อพระราชาเสด็จลงมาหาท่าน 18และเป็นไปตามที่คนของพระเจ้าทูลพระราชาว่า “ข้าวบาร์เลย์สองถังจะขายหนึ่งเชเขล และแป้งอย่างดีหนึ่งถังหนึ่งเชเขล ประมาณเวลานี้ในวันพรุ่งนี้ที่ประตูเมืองสะมาเรีย” 19และนายทหารคนสนิทก็ได้ตอบคนของพระเจ้าว่า “ถ้าแม้พระยาห์เวห์ทรงสร้างหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้หรือ?” และท่านได้ตอบว่า “ดูสิ ท่านจะเห็นกับตาของท่านเอง แต่จะไม่ได้กิน” 20และมันก็เกิดขึ้นจริงกับตัวเขา เพราะประชาชนเหยียบเขาจนตายที่ประตูเมือง

2 พงศ์กษัตริย์ 8

หญิงชาวชูเนมได้ที่ดินคืน

 1เอลีชาบอกหญิงคนที่ท่านได้ให้บุตรของนางกลับคืนชีวิตว่า “เจ้าจงลุกขึ้นและออกไปพร้อมกับครอบครัว ไปอยู่ในที่ที่เจ้าจะอยู่ได้ เพราะพระยาห์เวห์ทรงเรียกให้เกิดการกันดารอาหาร และแผ่นดินนี้จะกันดารอาหารอยู่เจ็ดปี” 2หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นทำตามถ้อยคำของคนของพระเจ้า นางกับครอบครัวไปอยู่ในแผ่นดินฟีลิสเตียเจ็ดปี 3เมื่อสิ้นเจ็ดปีแล้ว หญิงคนนั้นก็กลับมาจากแผ่นดินฟีลิสเตีย และได้ออกไปทูลอุทธรณ์ต่อพระราชาเพื่อขอบ้านและที่ดินของนางคืน 4พระราชากำลังตรัสกับเกหะซีผู้รับใช้ของคนของพระเจ้าว่า “จงบอกเราถึงสิ่งยิ่งใหญ่ทุกอย่างที่เอลีชาได้ทำ” 5เมื่อเขากำลังทูลกษัตริย์เรื่องที่เอลีชาชุบชีวิตคนตาย นี่แน่ะ ผู้หญิงคนที่ท่านได้ชุบชีวิตบุตรของนางได้มาร้องอุทธรณ์ต่อพระราชา เพื่อขอบ้านและที่ดินของนางคืน และเกหะซีทูลว่า “ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท นี่เป็นหญิงคนนั้น และนี่เป็นบุตรของนางที่เอลีชาได้ชุบชีวิต” 6พระราชาตรัสถามหญิงนั้น นางก็ทูลเรื่องถวายพระองค์ พระราชาจึงทรงตั้งข้าราชการคนหนึ่งให้นาง และรับสั่งว่า “จงจัดการคืนทุกสิ่งที่เป็นของนาง พร้อมทั้งพืชผลทั้งหมดของนานั้น ตั้งแต่วันที่นางออกจากแผ่นดินมาจนถึงเวลานี้”

เบนฮาดัดสิ้นพระชนม์

 7แล้วเอลีชามายังกรุงดามัสกัส เบนฮาดัดพระราชาแห่งซีเรียประชวร และมีคนทูลพระองค์ว่า “คนของพระเจ้ามาที่นี่” 8พระราชาตรัสกับฮาซาเอลว่า “จงนำของกำนัลไปพบคนของพระเจ้า ให้ทูลถามพระยาห์เวห์โดยท่านว่า ‘เราจะหายป่วยไหม?’ ” 9ฮาซาเอลจึงไปพบท่าน นำของกำนัลติดมือไปด้วย คือของดีทุกอย่างจากกรุงดามัสกัส บรรทุกหลังอูฐ 40 ตัว เมื่อเขามายืนอยู่ต่อหน้าท่าน เขากล่าวว่า “ลูกของท่านคือเบนฮาดัดพระราชาแห่งซีเรีย ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านกล่าวว่า ‘เราจะหายป่วยไหม?’ ” 10และเอลีชาตอบเขาว่า “จงไปทูลพระราชาว่า ‘พระองค์จะหายประชวรแน่’ แต่พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าว่า พระองค์จะสิ้นพระชนม์แน่” 11และท่านก็เพ่งดูตัวเขาจนเขาอาย และคนของพระเจ้าก็ร้องไห้ 12และฮาซาเอลถามว่า “ทำไมเจ้านายของข้าพเจ้าจึงร้องไห้?” ท่านตอบว่า “เพราะข้าพเจ้าทราบถึงเหตุร้ายที่ท่านจะทำต่อคนอิสราเอล ท่านจะเอาไฟเผาป้อมปราการของเขา และจะฆ่าคนหนุ่มด้วยดาบ และจับเด็กเล็กฟาดจนแหลก และผ่าท้องหญิงมีครรภ์เสีย” 13และฮาซาเอลตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านผู้เป็นเพียงสุนัข เป็นใครเล่าที่จะทำสิ่งใหญ่นี้?” เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าว่า ท่านจะเป็นกษัตริย์ครอบครองซีเรีย” 14เขาก็ไปจากเอลีชามายังนายของตน และนายถามเขาว่า “เอลีชาพูดอย่างไรกับเจ้าบ้าง?” และเขาทูลตอบว่า “เขาบอกว่าฝ่าพระบาทจะหายประชวรแน่” 15และในวันรุ่งขึ้น เขาก็เอาผ้าปูที่นอนจุ่มน้ำคลุมพระพักตร์พระองค์จนสิ้นพระชนม์ และฮาซาเอลก็ขึ้นครองราชย์แทน

อรรถาธิบาย

พระเจ้าทรงนำย่างเท้าของคุณผ่านตัวแทนซึ่งเป็นมนุษย์

พระเจ้าทรงกระทำสิ่งต่าง ๆ ตามพระประสงค์ของพระองค์ผ่านตัวแทนซึ่งเป็นมนุษย์

ความทุกข์ทรมานของชาวสะมาเรียนั้นหนักหนาจนแทบจะทนไม่ได้ ทั้ง ความอดอยาก ราคาอาหารที่แพงลิ่วอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดการกินเนื้อคน (6:24–31) กษัตริย์แห่งอิสราเอลได้แก้ตัวอย่างน่าสมเพชที่ไม่ยอมช่วยหญิงคนหนึ่งที่ร้องทูลพระองค์ว่า ‘ข้าแต่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาท ขอทรงช่วยเถิด’ (ข้อ 26) ท่านตอบว่า ‘ถ้าพระยาห์เวห์ไม่ทรงช่วยเจ้า เราจะเอาความช่วยเหลือจากที่ไหนมาให้เจ้า?’ (ข้อ 27) นี่เป็นการตอบสนองที่ไม่ถูกต้อง

การครอบครองสูงสุดของพระเจ้าและแผนการของพระองค์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อแก้ตัวสำหรับความเกียจคร้านของมนุษย์ พระเจ้าทำงานผ่านตัวแทนคือมนุษย์ เมื่อคุณเห็นคนที่เดือดร้อนอยู่ คุณจะถูกเรียกให้เป็นพระหัตถ์ของพระเจ้าที่ตอบสนองผู้คนเหล่านั้น นี่คือสิ่งที่เอลีชาได้ทำ พระเจ้าทรงใช้เอลีชา เขาเผยพระวจนะว่า ‘จงฟัง! พระคำของพระเจ้า! การกันดารอาหารจบลงแล้ว เวลานี้ในวันพรุ่งนี้ อาหารจะมีอย่างอุดมสมบูรณ์’ (7:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าใช้ชายสี่คนที่เป็นโรคเรื้อน ผู้ซึ่งค้นพบว่าอาหารที่อุดมสมบูรณ์นี้อยู่ที่ไหน ขณะที่พวกเขากินและดื่ม พวกเขาพูดกันว่า ‘เราทำไม่ถูกเสียแล้ว วันนี้เป็นวันข่าวดี’ (ข้อ 9) ราคาอาหารลดลงในชั่วข้ามคืน ทุกถ้อยคำที่เอลีชาพูดนั้นเป็นความจริง

โลกนี้ ผลิตอาหารที่เพียงพอสำหรับทุก ๆ คน แต่หนึ่งในแปดของประชากรบนโลกใบนี้กำลังมีชีวิตอยู่ด้วยความหิวโหย ถ้าหากเราทำแค่เพียงเลี้ยงดูตัวเอง ‘เราทำไม่ถูกเสียแล้ว’ (ข้อ 9) เราต้องทำทุก ๆ อย่างที่เราจะทำได้เพื่อทำให้ความยากจนอย่างที่สุดนี้หมดไปในยุคของเรา

ด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน มีผู้คนในประเทศสหราชอาณาจักร 1.5 ล้านคน ที่ไม่มีอาหารรับประทานอย่างน้อยหนึ่งวันเพราะพวกเขาไม่มีเงินพอ แต่ในประเทศกลับมีอาหารอยู่เหลือเฟือ! นี่คือเหตุผลที่ ทอมและซาร่า แจ็คสัน ได้เริ่มต้น #LoveYourNeighbour งานรณรงค์ระดับชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อเข้าถึงทุกคนในประเทศที่กำลังขาดแคลนอาหารในเวลานี้

นี่เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของแรงจูงใจของเราในการบอกข่าวดีเรื่องพระเยซูแก่ผู้อื่น คนโรคเรื้อนที่หิวโหยเหล่านี้ได้มาพบกับอาหารที่มากมาย พวกเขาตระหนักว่าพระเจ้าได้ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากศัตรู พวกเขาสามารถเก็บข่าวดีนี้ไว้กับตัว แต่นั่นคงเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป

ถึงกระนั้น พวกเขาก็ถูกทดลองให้ทำเช่นนั้น เรามีข่าวที่ดีมากกว่าที่พวกเขามีมากนัก นั่นคือ ข่าวดีของพระเยซูและพระกิตติคุณ ดังนั้น อย่าเก็บข่าวดีไว้คนเดียว คุณเป็นตัวแทนที่เป็นมนุษย์ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการกระทำตามแผนการของพระเจ้า

พระเจ้าไม่เพียงแต่กระทำการตามจุดประสงค์ของพระองค์ผ่านตัวแทนที่เป็นมนุษย์ ในบางครั้งพระองค์ยังทรงเปิดเผยแผนการเหล่านี้แก่ผู้เผยพระวจนะของพระองค์ด้วย เอลีชาได้เผยพระวจนะในช่วงเวลาที่เกิดการกันดารอาหารว่า ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงอาหารจะมีอย่างเพียงพอ (ข้อ 1) สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในขณะนั้น (ข้อ 2) แต่พระเจ้าได้ทรงช่วยประชากรของพระองค์ (ข้อ 6) ถ้อยคำเผยพระวจนะของเอลีชาเป็นจริงว่า ‘ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 16) พระเจ้ายังทรงเปิดเผยแก่เอลีชาถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับกษัตริย์อีกด้วย (8:8,13,15)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ลูกขอขอบพระคุณที่พระองค์มีแผนที่ดีสำหรับชีวิตของลูก และวัตถุประสงค์ของพระองค์จะสำเร็จในที่สุด โปรดช่วยเราให้เป็นพระพรแก่โลกนี้ เลี้ยงดูผู้หิวโหย และนำข่าวประเสริฐของพระเยซูมาสู่โลกที่ขาดแคลนและหิวกระหาย ทั้งอาหารฝ่ายร่างกายและจิตวิญญาณ

เพิ่มเติมโดยพิพพา

2 พงศ์กษัตริย์ 6:24–8:15

พระเจ้าทรงเลือกคนที่ถูกรังเกียจและดูหมิ่นที่สุด (คนโรคเรื้อนสี่คน) ให้ไปพบค่ายชาวอารัมที่ถูกทิ้งร้าง พวกเขาจะยินดีเพียงใดนะ ที่ร่างกายผอมโซของตัวเองได้รับประทานอาหารอร่อย ๆ ที่มีไม่จำกัดและร่างกายที่ผิดรูปของตัวเองกลับได้สวมเสื้อผ้าที่งดงามดูดีคลุมร่างกายที่เสียโฉม พวกเขาได้รับสิ่งที่ดีที่สุดก่อนใคร

ข้อพระคำประจำวัน

สุภาษิต 16:9

‘ใจของมนุษย์กะแผนงานทางของเขา แต่พระยาห์เวห์ทรงนำย่างเท้าของเขา’

reader

App

Download the Bible in One Year app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive Bible in One Year in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to Bible in One Year delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม